ฌอนไม่ได้ไปทำธุระคนเดียว เขาพาเอลิออร์ไปด้วยเอลิออร์เป็นชายหนุ่มในตระกูลไวท์ เพื่อการฝึกฝนทางการแพทย์ของเขา เขาได้ต่อสู้กับพ่อของเขาเป็นอย่างมาก โดยปกติเอลิออร์ดูเหมือนคนว่านอนสอนง่าย แต่เมื่อเขาจะดื้อพ่อของเขาก็จะปวดหัวมาก ๆ ด้วยเช่นกันพ่อของเขาไม่สามารถเอาชนะเอลิออร์ได้ เขาจึงประนีประนอม ด้วยการบอกเขาว่าเมื่อตระกูลไวทืต้องการเอลิออร์ช่วยในด้านธุรกิจ เขาจำเป็นต้องอุทิศตัวให้กับครอบครัวโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆนี่จึงเป็นเวลาที่เอลิออร์จะต้องอุทิศตัวเองเพื่อครอบครัวของเขา สจ๊วตและไวท์มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน และทำงานร่วมกันอยู่หลาย ๆ ครั้ง การเดินทางไปสหราชอาณาจักรครั้งนี้ มันมีความสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าไม่เช่นนั้นคนสำคัญ ๆ ของ บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม และ บริษัท ไวท์ วิสาหกิจ นั่นคือ ฌอนและเอลิออร์ ก็คงจะไม่เดินทางไปด้วยตัวเอง“เรียกร้องเยอะชะมัด” หลังจากการพบปะกับอีกฝ่ายเอลิออร์ที่สวมเสื้อโค้ทสไตล์อังกฤษ และฌอนที่สวมสูทสีน้ำเงินเข้มที่ถูกสั่งทำพิเศษเดินออกจากประตู ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มคุยกันหลังจากการพบปะในครั้งนั้นเสร็จสิ้นฌอนยกข้อมือขึ้นเพื่อดูเวลา "ไปกันเถอะ เราควรรีบหาอะไรกินก่อน”
ทำไมฌอนถึงไม่ได้สังเกตเห็นบางสิ่งที่แม้แต่อโลร่ายังสังเกตเห็นได้กัน?นี่ไม่ใช่อะไรมากไปกว่าการหลอกตัวเอง เมื่อการหลอกลวงถูกทำลายเท่านั้นเขาจึงจะสามารถหลุดออกจากภวังค์ของเขาได้“ถ้าคุณพลาด คุณก็พลาดแล้วฌอน” เอลิออร์แทบจะไม่ได้พูดคุยอย่างจริงจังกับฌอนเกี่ยวกับเจน “ได้เวลาปล่อยแล้ว”ในเวลาต่อมาลมหายใจเปลี่ยนเป็นหนักขึ้น เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์เสียและดิ้นรน“คุณรู้อะไรไหม เอลิออร์?”เอลิออร์มองดูขณะที่ชายตรงหน้ายกแก้วกาแฟขึ้นด้วยแขนที่สั่นเทาแล้วจิบ ไม่แน่ใจว่าเขาจะลิ้มรสรสชาติของกาแฟได้ไหม เห็นเขาเป็นแบบนั้นก็ทำให้เอลิออร์อารมณ์เสียอย่างมาก ในขณะที่เขารอคำพูดปลอบใจมา ชายตรงหน้าก็วางแก้วกาแฟลง“เธอกินยาคุมทุกครั้งที่เรามีอะไรกัน เธออ้างว่าเป็นวิตามินเม็ด” ฌอนหัวเราะอย่างน่าสังเวช “ เธอไม่รู้เลยว่ายาที่อยู่ในขวดนั้นถูกเปลี่ยนเป็นวิตามินจริง ๆในเวลาต่อมา”“ฉันเปลี่ยนยาคุมกำเนิดในขวดและบอกให้ใครบางคนปลอมมันขึ้นมาใหม่ ในเวลาไม่นาน ฉันก็ทำแผง "เม็ดวิตามิน" ที่มีรูปร่างและรสชาติที่เกือบจะเหมือนกัน“ฉันรู้มานานแล้วว่าในขวดไม่มียาคุมกำเนิดที่เธอต้องการอีกต่อไป ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังรู้สึกเจ็
ณ สนามบินเครื่องบินลงจอด ชายหนุ่มหล่อเหลาที่ไม่ธรรมดาทั้งสองคนยืนตรง และสูง พวกเขาไม่ใช่คนดัง แต่ก็สามารถดึงดูดความสนใจได้มากมายไม่ว่าพวกเขาจะไปที่ใดก็ตาม“ฉันบอกคุณแล้วฌอน เราควรจะใช้ช่องทางพิเศษ”เอลิออร์รู้สึกทำอะไรไม่ถูก พวกเขาเพิ่งกำจัดสายลับขององค์กรในอังกฤษ ทั้ง สจ๊วต อินดัสตรี้ และ ไวท์ เอ็นเตอร์ไพรส์สำเร็จตามเป้าหมายก่อนที่เขาจะได้ผ่อนคลาย สจ๊วตวายร้ายคนนี้ก็รีบจองตั๋วเครื่องบินกลับเขาหมดแรง จากนั้นเขาก็เหลือบไปมองอีกฝ่าย…ผู้ชายคนนั้นเต็มไปด้วยพลังการเปรียบเทียบอย่างน่าเกลียด“เฮ้ ช้าลงหน่อย”เอลิออร์เหนื่อยมาก อย่างไรก็ตาม การอบรมจากครอบครัวที่ดีเยี่ยมและการศึกษาที่ยาวนานและอุปนิสัยในระยะยาวช่วยให้เขารักษาท่าทางที่สง่างามและมีบุคลิกที่แข็งกร้าวในที่สาธารณะแม้ว่าเขาจะเหนื่อยจนถึงกระดูกก็ตามเมื่อเขาเปรียบเทียบตัวเองกับฌอนตรงหน้าเขา เขาก็ยังห่างไกลจากคำว่าพอเอลิออร์ไม่สามารถเข้าใจได้ พวกเขาทั้งสองเป็นมนุษย์ ทั้งคู่มีจมูก ตา และปาก พวกมันไม่มีอะไรพิเศษหรือขาดแคลน นอกจากนี้ในช่วงสิบชั่วโมงที่ผ่านมาพวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ร่วมกัน พวกเขาทานอาหารมื้อเดียวกันเกือบทั้งหมดแ
บางครั้ง คนที่เงียบ ๆ ก็น่ากลัวกว่าเวลาที่เธอหรือเขาส่งเสียงดัง“ปล่อยฉันนะ…อา!” ประโยคที่ไม่สมบูรณ์ของเธอจมอยู่ในลำคออย่างสมบูรณ์ ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาเขาโยนเธอลงบนเตียงเหมือนกับว่าเขาบ้าเลือด ดูเหมือนว่าการกอดเธอแน่นเป็นวิธีเดียวที่เขาจะรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของผู้หญิงคนนี้และจากอุณหภูมิของเธอเท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกได้ว่าเธอยังอยู่ข้าง ๆ เขา เพียงวิธีนี้เท่านั้นทำให้เขาแน่ใจว่าเธอไม่ได้ทิ้งเขาไปเธอปฏิเสธที่จะมองหน้าเขา เธอเลือกที่จะจ้องมองไปที่เพดานและฝันกลางวันมากกว่ามองเขาด้านบนของเธอ ชายหนุ่มปลุกเร้า เขายันแขน และลุกขึ้นจากเธอ เห็นได้ชัดว่าน้ำหนักบนร่างกายของเธอถูกยกขึ้น เขาลุกจากเตียง ผู้ชายที่เน้นย้ำเรื่องความเหมาะสมมาโดยตลอดไม่สนใจแม้แต่รองเท้าของเขา เขาเหยียบพื้นด้วยเท้าเปล่าแล้วเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งเปิดลิ้นชักแล้วหยิบขวดยาออกมาเขาก้าวยาว ๆและรีบไปที่ข้างเตียงเหยียดแขนออก “คุณจะไม่กินยางั้นหรือ?”“คุณ…” เธอตื่นตระหนกเขาหัวเราะเยาะทันที “วิตามินเม็ดใช่ไหม” ริมฝีปากบางของเขาโค้งขึ้นช้า ๆ ไม่มีร่องรอยของความอบอุ่นของมนุษย์แม้แต่นิดเดียวในตัวเขา ด้วยมือที่ว่างอีกข้า
มีสามสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง!ข้อหนึ่งความจริงในตอนนั้นข้อสองพวกเขาต้องการลูกข้อที่สามในคฤหาสน์ที่ปลอดภัยและได้รับการปกป้องนี้ มีใครอีกบ้างที่อาจมีแรงจูงใจในการเตรียม "เม็ดวิตามิน" ให้เธอทั้งขวด?คำตอบนั้นชัดเจน"ออกไป" ฌอนยืนอยู่ตรงหน้าชายชราที่มีฐานะดี เมื่อเทียบกับผู้สูงอายุคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกันชายชราคนนี้มีความพิเศษมากกว่าตั้งแต่การแต่งกายไปจนถึงคำพูดและการกระทำของเขาเขาเรียนรู้ทีละคนโดยไม่ได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่เขาเห็นและได้ยินจากนายท่านของเขาในครอบครัวใหญ่นี้อย่างต่อเนื่องชายชราย่นคิ้ว “นายท่าน สจ๊วตไม่เพียง แต่เป็นนายจ้างของซัมเมอร์เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สนับสนุนครอบครัวของเรามาหลายชั่วอายุคนด้วย ผมเดาว่าคุณสามารถพูดได้ว่าสจ๊วตเป็นผู้มีพระคุณของซัมเมอร์”“ในฐานะผู้รับใช้ของคุณ ผมไม่กล้าขัดคำสั่งของคุณ นายท่าน”“แต่ก่อนที่ฉันจะจากไป นายท่าน อย่างน้อยคุณไม่ควรที่บอกให้คนรับใช้เก่าคนนี้รู้ว่าทำไมคุณถึงต้องการให้ผมย้ายออกจากคฤหาสน์งั้นหรือ?”ถ้าเขาไม่ได้พูดถึงมัน ฌอนอาจจะไม่รู้สึกรำคาญขนาดนี้ อย่างไรก็ตามคุณซัมเมอร์จะไม่ยอมทำตามหากไม่ได้รับคำตอบจากเขาริมฝีปากบางของเขาโ
นายท่านอาวุโสสจ๊วตหมดสติจากอาการเลือดออกในสมอง ฌอนสงสัยเมื่อได้ยินครั้งแรกหรือไม่?ตามธรรมชาติ สักครู่หนึ่ง เขาสงสัยในความถูกต้องของข่าวอย่างไรก็ตามเมื่อนึกถึงประวัติทางการแพทย์ของนายท่านอาวุโสสจ๊วตอาการเลือดออกในสมองของเขาเป็นข้อเท็จจริงที่ดี“ไปเร็วกว่านี้หน่อย”ชายที่นั่งอยู่ด้านหลังเริ่มกระตุ้นเหงื่อซึมออกมาจากหน้าผากของดอส เขามีสมาธิในการขับขี่อย่างเต็มที่เสียงเบรกรถดังขึ้น“เราถึงแล้วครับ บอส”คำพูดของดอสเพิ่งออกจากริมฝีปากของเขาเมื่อชายที่นั่งเบาะหลังกำลังลงจากรถแล้วฌอนเหลือบมองข้อความที่พ่อบ้านเก่าของนายท่านอาวุโสสจ๊วตส่งมา ด้วยลมใต้เท้า เขาจึงหันไปทางอื่นและรีบไปที่ห้องฉุกเฉิน“ในที่สุดคุณก็มาถึงแล้วนายน้อย” คนจำนวนมากรออยู่ข้างนอกห้องฉุกเฉินฌอนสแกนไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็วและสายตาของเขาก็จ้องมองไปที่พ่อบ้านชราที่ทำงานอยู่ที่คฤหาสน์เก่าของสจ๊วต “คุณปู่สภาพเป็นยังไงบ้าง?”เช่นเดียวกับซัมเมอร์ พ่อบ้านชราคนนี้ทำงานให้กับสจ๊วตมาหลายชั่วอายุคนแล้ว เหตุผลที่เขาได้รับเลือกให้เป็นพ่อบ้านของคฤหาสน์เก่าสจ๊วตในขณะที่ซัมเมอร์ได้รับมอบหมายให้ฌอนยังไม่อาจรู้ได้“พวกเขายังคงพยาย
เสียงกรอบแกรบไม่ดังเลย ชายชราไม่ใส่ใจกับมันและบังเอิญโดนเข้ากับเครื่องประดับคริสตัลบนโต๊ะ หัวใจของเขาแทบจะกระโจนออกมาในขณะที่เขาหยิบมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง หลังจากที่เห็นว่ามันไม่เป็นไรทำให้เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกจากนั้นเขาก็มองไปที่ประตูอย่างรู้สึกผิดก่อนจะค่อย ๆถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเขามั่นใจว่าจะไม่มีใครมาในเวลานี้ การเคลื่อนไหวของชายชราไม่ได้เร่งรีบหรือลุกลี้ลุกลนเลย กลับกัน เขากลับลบร่องรอยของการปรากฏตัวของเขาในห้องนี้อย่างเป็นระเบียบซองเอกสารบนโต๊ะดูเหมือนกับที่อยู่ในมือของเขาซองจดหมายประเภทนี้หาซื้อได้ง่ายมากและไม่มีคุณสมบัติพิเศษใด ๆ เลย มันเป็นชนิดที่ดูธรรมดาที่สุดอย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นชายชราก็ยังคงเปิดโฟลเดอร์ในมืออย่างไม่สบายใจและดึงเอกสารที่อยู่ข้างในออกมา จากนั้นเขาก็ดึงเอกสารออกจากซองบนโต๊ะและสลับสำเนาทั้งสอง“คุณกำลังทำอะไรในห้องทำงานของบอส?”คำถามดังขึ้นข้างหลังชายชรา หัวใจของชายชราที่กำลังเปลี่ยนเอกสารเต้นรัว!ทันใดนั้นเขาก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นรู้สึกหวาดหวั่นเล็กน้อยที่จะหันกลับไปและมอง เขาหันศีรษะทีละนิดทีละนิดแทน ... มันคืออูโน
“แล้วนายท่านล่ะครับ?” คุณโอ้คส์รู้ขีดจำกัดของตัวเอง คนที่เขาให้คำมั่นว่าจงรักภักดีเป็นนายของบ้านหลังนี้เจนหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาจากกระเป๋าเงิน ในขณะที่โทรออกเธอยิ้มให้ คุณโอ้คส์และพึมพำว่า “เดี๋ยวฉันขอก่อน”เชื่อมต่อการโทรแล้ว เธอคุยโทรศัพท์ โดยแสดงความตั้งใจที่จะเดินทางกลับไปที่บ้านของ Dดันน์ จากนั้นเธอก็แนะนำว่า “ถ้าคุณกังวลมาก ก็แค่ขอให้อโลร่ามากับฉันก็ได้”มิสเตอร์โอ้คส์ยืนอยู่ข้าง ๆด้วยความเคารพตลอดการโทร แต่ก็คอยสังเกตการเคลื่อนไหวของเจนหลังจากวางสายเจนก็เหยียดฝ่ามือออกเผยให้เห็นโทรศัพท์ คอลัมน์ล่าสุดของประวัติการโทรบนหน้าจอโทรศัพท์แสดงชื่อของฌอน "คุณโอ้คส์นายท่านตกลง แต่เขาต้องการให้อโลร่ามากับฉัน ฉันจะโทรหาอโลร่าเดี๋ยวนี้”เมื่อเธอพูดอย่างนั้นเธอก็เปล่งเสียงออกมาว่า “โอ้ ไม่” ก่อนจะพูดต่อ “เมื่อเช้านี้ฉันทำเสื้อผ้าเปื้อนโดยไม่รู้ตัวเลย ฉันต้องเปลี่ยน” จากนั้นเธอก็หันกลับมาและเดินขึ้นไปชั้นบนในขณะที่เธอเดิน เธอกำลังมุ่งความสนใจกับคุณโอ้คส์จากมุมหางตาของเธอเธอไม่สามารถเข้าใจได้ว่าพ่อบ้านคนใหม่คนนี้ทำสิ่งต่าง ๆได้อย่างไรและไม่แน่ใจว่าเธอจะหลอกเขาได้หรือไม่ ตามปกต
ฉันชื่อ ลูก้า สจ๊วต มันเป็นชื่อแปลก ๆ ใช่ไหม? แบบว่ามันเหมือนกับคำว่า ‘ดูสิ! สตูว์’คุณปู่ของฉันตั้งชื่อให้ฉัน ประสบการณ์หลายปีของฉันตอนเป็นเด็กบอกฉันว่าปู่ของฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ดีไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่นเลย แค่ดูชื่อที่เขาตั้งให้ฉันสิ เขามีชื่อที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขากลับตั้งชื่อแปลก ๆ นี้ให้กับฉันอย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ฉันทักท้วงเรื่องนี้กับเขา เขามักจะบอกว่านั่นเป็นความผิดของพ่อฉัน ถ้าพ่อเป็นเด็กผู้หญิงนั่นจะเป็นชื่อของเขาแทนดูสิ คุณปู่เป็นคนที่ตั้งชื่อที่น่ากลัวนี้ให้ฉัน แต่เขายังคงโยนความผิดทั้งหมดให้พ่อของฉันอ้อ ลืมแนะนำตัวอย่างเป็นทางการไปเลยปู่ของฉันชื่อ ฌอน สจ๊วตเขาค่อนข้างเป็นคนที่น่าทึ่งในวัยเยาว์ย่าของฉันชื่อ เจน ดันน์บางครั้งฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองคนลงเอยด้วยกันได้อย่างไร พวกเขาเป็นคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะปู่กับย่าของฉันได้หย่าร้างกันก่อนที่พ่อของฉันจะเกิดเสียอีกหลังจากการหย่าร้างครั้งนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้แต่งงานกันใหม่นะพวกเขาน่าจะแยกทางกันไปอย่างสันติ แต่คุณปู่ก็ไร้ยางอายอย่างที่สุด เขาจึงคอยรบกวนคุณย่าของฉันตลอดเวลาเลยเท่าที่ฉันจำไ
ที่โรงพยาบาล ประตูวอร์ดถูกเปิดออกเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีเสียง ครั้งนี้ดอสไม่ได้แจ้งการมาถึงของแขกล่วงหน้าเมื่อเอลิออร์มาถึงอย่างรีบร้อน เขาก็เห็นผู้หญิงคนนั้นก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร อโลร่าก็ดึงเขากลับออกไปที่ทางเดิน ประตูเปิดแล้วปิดลงอีกครั้งคนบนเตียงนอนตะแคง และกำลังหลับอยู่ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังฝันถึงอะไร แต่ใบหน้าที่ขมวดคิ้วลึกแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีความฝันที่น่าพอใจนักมือของเขาวางอยู่บนผ้าห่ม แหวนแต่งงานของเขายังคงอยู่บนนิ้วของเขาหญิงสาวเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าเตียงของเขาดวงตาของเธอสดใส และชัดเจน เธอจ้องมองแหวนบนนิ้วมือของเขาไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เธอจ้องไปที่แหวนเป็นเวลานานนาน จนเธอรู้สึกงุนงงหลังจากนั้นไม่นานดวงตาของชายคนนั้นก็เบิกโพลง สิ่งแรกที่เขาเห็นคือคนในความฝันเขายิ้มหน้าซีดให้เธอ “โอ้ ฉันฝันไปอีกแล้วสินะ”ราวกับว่าเขากำลังคุยกับเพื่อนที่เขาไม่ได้เจอมานาน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และดีใจจนแทบจะเห็นได้ชัดผ่านการแสดงออกทางร่างกายของเขา "ดีแค่ไหน. คุณยังเต็มใจจะมาเยี่ยมฉันในความฝัน”หญิงสาวยืนอยู่ที่เตียงของเ
"เจน เอ๋อไห่ไม่ใช่สวรรค์หรือความสงบตามที่เธอพูดหรอก มันเป็นเพียงแค่การหลบหนีของเธอ" อโลร่ากล่าวอย่างเคร่งขรึมเธอไม่ควรพูดทั้งหมดนี้ แต่เธอเห็นบางสิ่งที่เจ้าตัวมองไม่เห็นบางทีภาพอาจจะดูชัดเจนขึ้นจากคนภายนอกที่เฝ้าดู หรือบางทีอาจจะไม่ถึงกระนั้นเธอก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเจนกำลังลังเลเมื่อสามปีก่อนเธอเคยช่วยเจนหนี เพราะเธอต้องการให้เจนมีชีวิตที่สงบสุขอย่างแท้จริงนับตั้งแต่นั้นสามปีหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป เธอก็เติบโตขึ้นด้วยเป็นเพราะความเป็นผู้ใหญ่ที่เพิ่งค้นพบทำให้เธอไม่เคยหยุดคิดถึงเรื่องนี้เช่นกันเธอคิดถูกหรือเปล่าที่ช่วยเจนหนีเมื่อสามปีก่อน มันอาจจะเป็นความผิดพลาดหรือเปล่านะ?เธอเริ่มคิดว่าเธอคิดผิดในตอนนั้นผู้หญิงคนนี้ถูกผีเข้าเต็ม ๆ ไม่มีทางที่เธอจะหยุด และมองไปรอบ ๆ เพื่อดูผู้คน และข้อเท็จจริงตลอดสามปีที่ผ่านมาอโลร่าได้เห็นว่าฌอนไม่เคยหยุดตามหาเธอเลย ทุกคนบอกให้เขาหยุด โดยบอกว่ามันไม่มีจุดหมายปลายทางเลย บางทีเจนอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเธอยังไม่ตายไป เหตุใดการค้นหาอย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาถึงสามปีจึงไม่เกิดผลอะไรเลย?อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นปฏิเสธที่
"ที่นายมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อที่แค่จะคุยเรื่องของคุณปู่กับฉันหรือเปล่า?" ชายบนเตียงหัวเราะเบา ๆ ความไม่เชื่อเผยขึ้นในแววตาของเขาอย่างชัดเจน “ไมเคิล ลูเธอร์ ชายชราคนนั้นเขาไม่ห่วงว่าฉันจะเป็นหรือฉันจะตายหรอก เขายังมีหลานชายอีกคนที่จะสืบทอดบัลลังก์ของเขา”ไมเคิลหัวเราะอย่างแดกดัน“นายคิดว่าฉันจะกลับไปเป็นสจ๊วตจริง ๆ งั้นหรอ? สถานที่สกปรกแบบนั้น”“นายไม่ได้ต้องการ บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม หรอกหรอ?” ฌอนกล่าวอย่างเย็นชา “ในกรณีนั้น ฉันกลัวว่านายจะต้องผิดหวัง”“สจ๊วตอุตสาหกรรมงั้นหรอ เฮอะ” ไมเคิลกวาดสายตามองไปยังฌอน ก่อนที่จะมองออกไปนอกหน้าต่าง“นั่นเป็นแหล่งเงินแหล่งทองชั้นดีเลย ดังนั้นฉันคิดว่าฉันต้องการมัน นายจะให้ฉันได้ไหมหล่ะ?”“ถ้าฉันไม่ให้ นายจะไม่บังคับเหรอ?”“ถ้านายเป็นคนถือมัน แน่นอน” ไมเคิลไม่พยายามปิดบังความทะเยอทะยานของเขา “แต่ถ้านายตายไป ฉันจะไม่เอามันมาจากเธอหรอก”ฌอนหรี่ตา “นายแน่ใจถึงความภักดีต่อความรู้สึกของนายที่มีต่อเธอไหม ฉันควรจะขอให้นายดูแลเธอก่อนที่ฉันจะตายหรือไม่?”“เฮ้อ ตัดเรื่องตลกออกไปก่อน นายกำลังจะตาย พวกนายทั้งสองไม่ได้หย่าร้างกันแล้วหรอ?“นั่นมันหมายค
ไมเคิล ลูเธอร์ เข้าสู่คฤหาสน์เก่าแก่ของสจ๊วต"คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างไม่ใช่เหรอ?"โดยไม่มีคำเตือนหรือบริบทใด ๆ เขาก็ตะโกนใส่ชายชราสจ๊วตที่กำลังจิบชาอย่างใจเย็นอยู่“คุณมาจากทางไหนกลับไปทางนั้นเลย…ถ้าจะมาเพื่อแสดงกิริยาความไม่เคารพต่อปู่ของคุณอย่างนี้?” ชายชราสจ๊วตวางถ้วยน้ำชาลง ใบหน้าอันแก่ชราของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างยากลำบาก“คุณเป็นคนวางแผนเรื่องพ่อบ้านซัมเมอร์เองไม่ใช่หรอ?“ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางกล้าทำหรอก จริงไหม?”"หมายความว่ายังไงหรอ? ฉันเป็นคนทำให้พ่อบ้านซัมเมอร์ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?""คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของเจน นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากที่จะรู้ความจริง เป็นคุรจริง ๆ ใช่ไหม?!" ไมเคิลยืนยันความคิดของตัวเองช่วงเวลาที่ชายชราสจ๊วตได้ยินชื่อของเจน การแสดงออกของเขาก็เคร่งขรึมลงในทันที “นี่หลานจะท้าปู่ของตัวเอง และแสดงกิริยาเช่นนี้ เพียงเพื่อเธอคนนั้นหรอ?”“นั่นคงหมายความว่า…คุณยอมรับมัน”ไมเคิลกำหมัดแน่น ทั้งตัวของเขานั้นสั่นสะท้านด้วยความโกรธ "เธอไปทำอะไรให้คุณปู่ขุ่นเคืองหรือ?""ทุก ๆ อย่าง ทุกอย่างที่เธอทำ มันทำให้ฉันขุ่นเคือง""เธอเป็นแค่เด
สามวันต่อมา บุคคลนั้นไม่ได้กลับเข้าบ้านอีกเลยเทรส และคัวโตรยืนอยู่ที่ประตูอย่างเงียบขรึมราวกับว่าพวกเขาทั้งสองคือรูปปั้นของเทพผู้พิทักษ์ที่อยู่อาศัยของเธอจากก่อนหน้านี้ได้ถูกไฟไหม้เสียหายไปบางส่วน เธอจึงกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์สจ๊วตก่อน ลึกเข้าไปภายในคฤหาสน์ เธอไม่ได้ยินเสียงนกหรือกลิ่นดอกไม้ใด ๆ เลย พ่อบ้านก็เป็นมืออาชีพมาก ๆ เขาจัดเตรียมทุกอย่างเพรียบพร้อมไว้สำหรับเธอนอกเหนือจากเทรสและคัวโตรแล้ว เธอก็ไม่ค่อยได้พบใครเลย เธอไม่ได้พูดคุยกับใครเลยไม่แม้แต่เทรส และคัวโดรก็ไม่ได้คุยกับเธอสำหรับพ่อบ้านประจำตระกูล เขามักจะทำตัวสุภาพกับเธอทุกครั้งที่พบกันตอนนี้หูของเธอมันไร้ประโยชน์จริง ๆ แล้วปากของเธอก็คงเป็นเพียงแค่เครื่องประดับบนใบหน้าเพียงเท่านั้นคนรับใช้บางคนที่นี่ก็ดูคุ้นเคย ในขณะที่บางคนก็คงจะมาใหม่เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มันไม่สำคัญหรอกไม่ว่าใครในบ้านนี้เมื่อพวกเขาพบเห็นเธอ พวกเขาก็จะโค้งตัวด้วยความเคารพก่อนจะเดินจากไปทำงานของตัวเองต่อเธอนั่งมองดูคนสวนกำลังทำสวนผ่านกระจกหน้าต่างแม้ว่าในฤดูนี้ใบไม้ และดอกไม้ต่าง ๆ ในสวนจะร่วงโรยไปจนหมดแทบไม่มีสีสันในสวนหลงเหลืออยู่เล
วันผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกของเจสันเขาเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงดันน์อยู่ดูแลข้าง ๆ เขา"อย่าประหม่าไปเลย เจสัน ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี" คุณหญิงดันน์ปลอบใจ ถึงกระนั้นลูกชายของเธอก็ยังคงเอาแต่เงียบขณะที่เธอจ้องไปที่หน้าของลูกชายของเธอ เธอก็เอาแต่ด่าเจนในใจ"ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่มีจิตใจดีคนนี้ที่บริจาคให้กับลูก นังเจน เด็กคนนั้นก็เกือบจะฆ่าลูกแล้ว"เจสันจ้องมองอย่างไม่พอใจ"คุณแม่ พอได้แล้ว!""หือ? ลูกเป็นอะไรไป?“แม่กำลังรู้สึกเสียใจกับลูกนะ จะมาตะโกนใส่แม่ทำไม?”“คุณแม่ อย่าพูดถึงเจนแบบนั้นนะ”“ทำไมจะทำไม่ได้? เธอไม่สนใจสมาชิกในครอบครัวของเธอเองเสียด้วยซ้ำ”คุณหญิงดันน์เกลียดลูกสาวคนนี้สุดหัวใจแม้ว่าจะได้รับการชี้แจงว่าเธอเข้าใจผิดว่าเจนไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง แต่คุณหญิงดันน์ก็ยังคงมีอคติกับลูกสาวคนนี้ของเธออยู่ดีหลังจากนั้นเธอก็เอาแต่เลี้ยงดูลูกชาย และคอยอยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก มันจึงทำให้ลูกชายของเธอสนิทกับเธอส่วนนังเด็กคนนั้น ... เด็กเลว ๆ คนนั้น เธอกลับมาที่เมืองเอสนี้ในตอนนั้น ก็เพื่อที่จะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของ ดันน์ กรุ๊ป ไปดันน์ กรุ
วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ชายคนนั้นมักจะทำอาหารทุกมื้อของเธอด้วยตัวของเขาเอง เมื่อเขาออกไปทำงานเขาจะพาผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ข้าง ๆ ตัวเขาตลอด ทำให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา พวกเขาจึงดูเหมือนคู่รักที่แสนหวาน และรักกันมากมีความอิจฉาริษยาในสายตาของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อพวกเขาเห็นเจนอยู่กับฌอนเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ทุกคนในแวดวงต่างรู้ว่าทั้งสองมักจะตัวติดกันอยู่ตลอดเวลามีใครบางคนถอนหายใจออกมา ‘เจน ดันน์ จากตระกูลดันน์ ได้ครอบครองหัวใจชายคนนี้ในที่สุด หลังจากที่เธอไล่ตามฌอนในตอนนั้นเธอดูเป็นคนที่กล้าแสดงออกมาก 'คนทั่วไปต่างก็คิดว่า ในที่สุดเจนก็ได้รับในสิ่งที่เธอต้องการแล้วในวันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่ง“ฉันอยากเจอเขา”"ใคร?""... พี่ชายของฉัน"มีความสั่นไหวในดวงตาของชายคนนั้น ถึงกระนั้นเขาก็ยังรักษาภาพพจน์ของตัวเอง"คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเจสัน"เขาพูดด้วยท่าทางสบาย ๆเจนบีบหมัดของเธอแน่น และหลังจากนั้นไม่นาน…"สภาพของเขาคงดูไม่ดีนัก ฉันจึงอยากจะเห็นด้วยตาของตัวเอง""นี่ผมปฏิบัติต่อคุณไม่ดีพอหรือ?" ชายคนนั้นเชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอกำลังพยายามที่จะหนีจากเขาไปอีกครั้ง “เจสัน
ในที่สุดเจนก็ตื่นฟื้นขึ้นมา เมื่อเธอตื่นขึ้นมาห้องก็มืดสลัว เธอลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เธอไม่ได้ตกใจกับชายที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาภายใต้แสงไฟอันอบอุ่นในห้องนั่งเล่นนั้นในห้องนั่งเล่นระดับเสียงของทีวีนั้นมันถูกตั้งไว้ในระดับที่ต่ำที่สุด ราวกับว่าเขากังวลว่าเขาจะรบกวนเธอจากการพักผ่อน ถ้าหากเขาเปิดเสียงดังกว่านี้เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากทางเดิน ชายคนนั้นรีบหันไปมองทันทีพวกเขาทั้งสองสบตากันอารมณ์ของพวกเขาทั้งสองดูเหมือนว่ามันจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มันดูราวกับว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันมานานมากแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจซึ่งกันและกันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร พวกทั้งสองไม่ได้ทำลายความสงบสุขที่แปลกประหลาดนี้ทุกอย่างมันดูราวกับว่า ... พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติชายคนนั้นลุกขึ้นยืนและเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ เขาอุ่นโจ๊ก และวางไว้บนเคาน์เตอร์บาร์หญิงสาวเดินเข้าไปเงียบ ๆ จากนั้นเธอก็นั่งทานอาหารดูเหมือนกับว่าที่นี่มันไม่เคยมี ความรัก – ความเกลียด พัวพันระหว่างทั้งสอง ไม่มีความทรงจำที่เจ็บปวดร่วมกันเกิดขึ้นทุกคนอาจจะคิดว่าบรรยากาศช่างเต็มไปด้วยค