เจนรู้สึกอึดอัดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อยืนอยู่ตรงข้ามณอน เวลาผ่านไปไม่นาน ประตูถูกเคาะโดยใครบางคนที่อยู่ด้านนอกฌอน ตอบกลับการกระทำนั้นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึกความเย็นของผู้พูดถูกถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงนั้น “เข้ามา” เจนเฝ้ามองไปยังผู้มาเยือนคนใหม่ที่กำลังเดินเข้ามาด้วยความตกใจผู้หญิงคนนั้นคือ อโลร่า สมิธ บุคคลที่เป็นคนสัมภาษณ์งานเธอเมื่อสามเดือนก่อน “สวัสดี อโลร่า” เจนรู้สึกเหมือนเธอกำลังรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกสายตาของเธอกำลังมองไปที่ฌอนที่นั่งอยู่บนโซฟาโดนเด่นเพียงหนึ่งเดียวในห้องอย่างวาดระแวงก่อนที่เธอจะเบนสายตาไปยังจุดที่อโลร่ายืนอยู่ ผู้หญิงที่เธอไม่คาดคิดว่าจะมาเจอเธอที่อีกครั้งที่นี่ หัวใจของเจนเต้นแรงราวกับถูกกระตุ้นด้วยสารเสพติดชนิดร้ายแรง เธอไม่สามารถเดาได้เลยว่าผู้ชายเลือดเย็นคนนี้กำลังวางแผนอะไรอยู่ “ดิฉันรู้สึกดีมากที่ได้พบคุณวันนี้คุณสจ๊วต” อโลร่า สวมชุดสูทสีขาวที่ถูกตัดเย็บให้ลงตัวกับเรือนร่างเครื่องประดับ และชุดที่เธอสวมใส่ไม่มีอะไรเป็นสิ่งบดบังเสน่ห์บนเรือนร่างนี้ อโลร่า รู้ดีว่าการที่เธอมายืนอยู่ตรงนี้นั้นต้องมีอะไร และเธอเป็นประโยชน์ต่อเขา “หากมีอะไรที่ดิฉันพอจะช่
ยิ่งเจนคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่เธออยากจะสะบัดมันทิ้งพร้อมกับหัวที่กำลังสั่นคลอนนี่ “ไม่นะคะคุณสจ๊วต ฉันไม่อยากไปแผนกพีอาร์” เธออ้อนวอนเขาด้วยความตื่นตระหนกเช่นทุกครั้ง “ฉันรู้ว่าได้ทำผิดพลาดไปได้โปรดอภัยให้ฉันเถอะนะ ฉันได้ชดใช้กรรมในคุกมาแล้วตลอดสามปี ฉันได้รับกรรมนั้นแล้ว ขอบัตรธนาคารฉันคืน ฉันจะหายไปจากที่นี่ทันที ฉันจะไปให้ไกลแสนไกลและฉันสาบานว่าคุณจะไม่มีวันเจอฉันอีก”สิ่งเดียวที่เจนทำได้คือการอ้อนวอนที่ไร้ประโยชน์ หล่อนไม่ทันสังเกตเห็นถึงความประหลาดในสายตาของ อโลร่าหลังจากได้ยินเรื่องที่เธอเคยเธออยู่ในคุก อโลร่าเองเพิ่งย้ายมาที่เมืองนี้เมื่อสองปีก่อน และเธอไม่ได้โตที่นี่ ดังนั้นเธอจึงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจนใครก็ตามที่ทำงานกับฌอนมานานจะรู้ดีว่าทั้งหมดเกี่ยวข้องกับชื่อ เจน ดันน์ นั้นคือความอัปยศดวงตายาวของฌอนถูกหรี่ลงอย่างน่ากลัว…นี่เธอพยายามหลบหนีอย่างงั้นเหรอ?หล่อนไม่ต้องการเจอเขาอีกงั้นเหรอ?“ฮะ ~” เสียงที่ดูเหมือนไม่สบอารมณ์ดังขึ้นเล็กน้อยก่อนที่เขาจะดึงโทรศัพท์ออกพูดคุยกับใครบางคนที่อยู่ภายใต้เขา ไม่นานนักมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น และผู้ชายคนหนึ่งถือบางอย่างเดินเข้ามาเพื่อ
เป็นเวลาสามตั้งแต่วันที่เจนถูกย้ายไปยังแผนกพีอาร์ เธอไม่สามารถทำเงินได้เลยแม้แต่สตางค์เดียวเธอเหลือบมองดูที่นาฬิกาขณะนี้เป็นเวลา23:07 นี่เป็นเวลาที่ธุรกิจที่นี่ทำเงินได้มากมายมหาศาลจากลูกค้า นั่นหมายถึงนี่เป็นโอกาสทองที่จะทำเงินของแผนกพีอาร์ห้องแผนกพีอาร์ แทบจะว่างเปล่า มีผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เหลือค้างเพื่อนร่วมงานของเธอทุกคนในแผนกแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของพวกหล่อน ถ้าจะให้พูดตามตรงสมาชิกทุกคนที่นี่มีรายได้ที่ค่อยข้างสูงเนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เป็นไฮโซ นักการเมือง หรือผู้มีอิทธิพลทางสังคมมาใช้บริการ พวกเขามักจะเจียดเศษเงินนั่นแบ่งปันให้กับหญิงสาวเหล่านี้เจนอยู่ที่นี่ได้เพียงสามวันเท่านั้น เธอได้ยินมาว่า เจนนี่ ผู้หญิงที่กำลังตามจับ ท่านโซรอสที่บันใดก่อนหน้านี้ได้คุยโอ้อวดเมื่อวันก่อนว่านักธุรกิจหนุ่มใจกว้างคนนี้ปรนเปรอเธอแค่ไหนจากการที่เธอได้ทิปห้าหมื่นจากเขาภายในคืนเดียวสิบคูณห้าหมื่นจะได้ห้าแสน ถ้าร้อยเท่าของห้าหมื่นจะเป็นห้าล้าน....วิธีนี้เธอจะสามารถสนองความต้องการของผู้ชายคนนั้นได้ และในที่สุดเธอจะได้รับอิสระที่เป็นของเธอเสียทีช่างมันเถอะเจนส่ายหัวให้กับความคิดนั้น...
“ฉัน..” เจน เปิดปากปฏิเสธตามสัญชาตญาณในความมืด เรียวปากของฌอนดูโค้งมน… เขารู้ดีว่า...คุณหนูดันน์ ผู้หยิ่งผยองจะไม่ยอมทิ้งศักดิ์ศรีของหล่อน และไม่ยอมรับการดูถูกเหยียดหยามนี้“ ฉันสามารถเก็บเงินทั้งหมดนี้ได้ ถ้าฉันหยิบมันขึ้นมาทันภายในหนึ่งนาที? คุณพูดแบบนั้นใช่ไหม แล้วคุณจะเพิ่มให้ฉันอีกห้าหมื่นด้วย ใช่ไหม ? ”เจนไม่สามารถพูดต่อในสิ่งที่แรกที่เธอปราถนาได้ “ฉัน” ก่อนที่ดวงตาหล่อนจะปิดสนิทดั่งคุกอันมืดมิด มีเพียงเพื่อนสาวเพียงคนเดียวที่แสดงความเมตตาแก่เธอ ภาพฝันที่เธอเห็นขณะที่เพื่อนสาวคนนั้นกำลังจะสิ้นใจ ...เธอบังคับให้ตัวเองเปลี่ยนความคิดนั้น ความภาคภูมิใจงั้นหรอ? เธอมีสิ่งนั้นตอนนี้งั้นหรือ?เธอก็ต้องเปลี่ยนความคิดอย่างแรง! ในความรู้สึกภาคภูมิของเธอ เธอมีอะไรเหลือให้ภูมิใจ อย่างนั้นหรือ ??!! ในเวลานี้ เจน ดันน์ ไม่มีอะไรเลย.. ไม่มีครอบครัว ไม่มีญาติ ไม่มีเพื่อน ไม่มีแม้แต่อดีต ...สิ่งที่ยังคงเหลือ คือ ร่างกายของเธอเอง มันจะมีประโยชน์อะไร…ในความภูมิใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของหล่อน !!เด็กชายจอมอวดดีหัวเราะเบา ๆ "แน่นอน ฉันรักษาสัญญา” ในดวงตาของเขามีนัยย์แอบแฝงขณะทอดมองมายังหญิงน่าสมเพช
อีกฝั่งจากทางด้านนอกของห้อง อโลร่าหมุนตัวเดินกลับไปที่มุม ๆ หนึ่ง ในขณะที่เธอเงยหน้าของเธอขึ้น สายตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสายตาอันคมกริบ เธอค่อย ๆ ออกเดินอย่างช้า ๆ จนกระทั่งเธอออกมาจากห้อง ๆ นั้นได้อย่างสมบูรณ์ “เธอทำอะไรอยู่นะ ลูน่า?” น้ำเสียงเย็นเยือกดังขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาลูน่าที่ยืนอยู่นอกห้องสะดุ้งโหยงและพลิกตัวกลับมา ทันทีที่เห็นว่าผู้ที่อยู่ด้านหลังของเธอคือใคร ใบหน้าแสนน่ารักของเธอก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่ดูแปลกไป “มะ...ไม่มีอะไรค่ะ ฉันไม่ได้มองอะไรทั้งนั้นค่ะ...”ลูน่าเป็นพนักงานต้อนรับที่คอยดูแลห้องหมายเลข 606 แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เหล่าคุณชายทั้งหลายก็ไม่ได้เอ่ยขอบริการอะไรจากเธอ ส่วนอโลร่าก็ได้ส่งพนักงานทำความสะอาดคนใหม่เข้ามาแทนแน่นอนว่าลูน่ารู้สึกแย่กับการที่เธอถูกไล่ออกมาจากห้อง ในตอนที่ไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้น เธอจึงเลือกที่จะเปิดประตูออกเล็กน้อยอย่างลับ ๆ แอบส่องเข้าไปผ่านรอยแยกนั่น ในขณะที่เธอกำลังเย้ยหยันในความไร้ประโยชน์ของเจน สิ่งที่เธอเห็นก็ทำให้ดวงตาของเธอเบิกกว้าง อโลร่า หัวเราะเสียงเย็นให้กับตัวของเธอเอง เธอเลือกที่จะถามว่า “เธอกำลังทำอะไรอยู่” ไม่ใช่ “เธอกำลัง
อโลร่าจะบอกณอนได้ยังไงว่าเขาทำผิดในเมื่อเขาเป็นเจ้านาย สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงแค่เฝ้ามองเจน และรู้สึกสงสารหล่อนเท่านั้นผู้หญิงคนนี้ทำอะไรหนอเจ้านายเธอถึงได้ใจไม้ไส้ระกำกับหล่อนขนาดนี้สายตาของอโลร่าเต็มไปด้วยความสับสน ขณะที่เฝ้ามองเจนค่อยๆขโยกเขยกเดินเกาะผนัง ผ่านเธอไปบัตรธนาคารที่อยู่ในมือของอโลร่ารู้สึกร้อนฉ่าขึ้นมาทันที เมื่ออโลร่าหันหลังกลับ เธอรีบตรงดิ่งไปยังห้องทำงาน เพื่อรีบเอาเงิน และบัตรนั่นใส่ไว้ในตู้เซฟ เมื่อนั้นความรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่มือของเธอจึงหมดลงอโลร่าย้อนกลับมาที่ห้อง606 หล่อนเปิดประตูเข้าไปได้นิดเดียวก็เกือบจะชนเข้ากับฌอน“คุณสจ๊วต” อโลร่าค้อมศีรษะทักทาย ฌอนตอบกลับเบาๆว่า “อืม” ก่อนจะเดินอ้อมผ่านอโลร่าออกจากห้องนั้นไปเมื่ออโลร่าเข้ามาในห้อง พวกเหล่าคุณชายยังคงคุยกันถึงเจน “ยัยผู้หญิงคนเมื่อกี้นี่ไม่ไหวจะดูจริงๆ นี่ผมก็ไปมาหลายที่ เห็นมาหลายแบบนะพวกหน้าเงินเนี่ย แต่ไม่เคยเจอใครไร้ยางอายหน้าเงินขนาดนี้เลย แบบ สุดอ่ะ”“นั่นสิ จำตอนที่ยัยนั่นคลานสี่ขาได้มั้ย น่าเตะชะมัด หน้าด้านมากอ่ะ นี่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเศษเงินจริงๆนะ เหนือระดับจริงๆ”อโลร่าอยากจะเถียง
วันถัดมาเจนที่เพิ่งมาถึงจอีสต์ เอ็มเพอเรอร์ เธอเริ่มสังเกตเห็นบางอย่างที่แปลกไป ผู้คนที่อยู่รอบตัวเธอรวมตัวกันเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย และกระซิบขณะที่พวกเขาชี้มาที่เธอเจนไม่ใส่ใจกับสิ่งรอบข้าง บางทีอาจเป็นเพราะเธอถูกสั่งย้ายจากคนทำความสะอาดไปแผนกพีอาร์ นั่นเป็นเรื่องปกติที่เธอจะดึงดูดความสนใจจากพวกเขาถึงอย่างไรเมื่อเธอเข้ามายังห้องรับรองของแผนกพีอาร์ เธอพบคำตอบของความผิดปกติในวันนี้และเธอช่างไร้เดียงสาจริง ๆ “ ฮ่าฮ่าฮ่า มีหมาอยู่ที่นี่แล้ว” การเยาะเย้ยอย่างไม่ทันตั้งตัวได้เปลี่ยนใบหน้าเป็นสีขาว เธอจำผู้หญิงที่ชี้มาที่เธอได้ เป็นใครไปไม่ได้นอกจากพนักงานต้อนรับของห้อง 606 ลูน่า “ อย่าเสียงดังไป ลูน่า ตาของพวกเราไม่ได้บอด พวกเรามองเห็นหมากำลังเดินเข้ามา”ลูน่าหัวเราะอย่างเบิกบาน “ โอ้ แต่เธอไม่ได้เห็นมันกับตา! ผู้หญิงคนนี้สวมชุดตัวตลกพร้อมการแต่งหน้าที่อุบาทว์ขั้นสุด คุณชายลินช์ นั้นขอให้เธอคลานเข่าสี่ขาตอนหล่อนรับเงิน และเธอก็ทำตามอย่างว่าง่าย เขาสั่งให้เธอกระดิกหางและเธอก็ทำ ฉันสาบาน! ฉันกรู้สึกไม่ดีที่ได้เห็นมันเหมือนกัน!” ตูม! มันเหมือนราวกับว่าเลือดทั้งหมดของเธอกำลังหมุ
โจเนสสัน ไม่เหลือจิตใจที่เคยมีเหตุผลของเขาอีกต่อไป ในเวลานี้เขาทำตามคำขอของเจนนี่อย่างว่าง่าย โดยไม่คำนึงถึงเจน “ได้เสมอ ไม่ว่าเธอต้องการอะไร” มือของเขาลูบไปตามต้นขาของเจนนี่ขณะพูด“เธอน่ะ! อย่าเที่ยวพูดว่าฉันไม่ใจกว้าง” โจเนสสันดึงเงินสดออกมาจำนวนหนึ่งจากกระเป๋าเอกสารของเขา จากการประมาณด้วยสายตาน่าจะมีห้าหมื่น “หนึ่งพันสำหรับทุกเพลงที่ร้อง ถ้าร้องเพลงได้สิบเพลงก็จะได้หนึ่งหมื่นถ้าสามารถร้องเพลงได้ถึงห้าสิบเพลงเธอสามารถเก็บเงินทั้งหมดตรงนี้ไปได้” ห้าสิบเพลงคงใช้เวลาอย่างน้อยสามชั่วโมง ~~~“อ๊ะ นายท่านโจเนสสันทำไมคุณถึงให้เธอมากขนาดนี้ ~~~?”“อย่าห่วงเลยที่รัก ฉันจะให้มากกว่านี้ในภายหลัง” เขามอบสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นรอยยิ้มที่มีทรงเสน่ห์ที่สุดของเขาให้เจนนี่“อ๊ะ ~ คุณใจร้ายมากค่ะ ท่านโจเนสสัน” เจนเดินส่ายเอวเลื่อนตัวลงจากตักของโจเนสสันขยับย้ายสะโพกขณะเดินไปที่เคาน์เตอร์คาราโอเกะเพื่อเลือกเพลง “ อย่าบอกว่าฉันไม่ได้ช่วยเธอนะเจน ฉันเลือกเพลงให้เธอทั้งหมดห้าสิบเพลง” เมื่อเธอพูดอย่างนั้นเธอก็เคาะหน้าจอด้วยความบรรยากาศแห่งความคุ้นเคย จากเพลงที่หนึ่งไปสอง… สาม… เมื่อเธอทำเสร็จเธอก็ก
ฉันชื่อ ลูก้า สจ๊วต มันเป็นชื่อแปลก ๆ ใช่ไหม? แบบว่ามันเหมือนกับคำว่า ‘ดูสิ! สตูว์’คุณปู่ของฉันตั้งชื่อให้ฉัน ประสบการณ์หลายปีของฉันตอนเป็นเด็กบอกฉันว่าปู่ของฉันไม่ใช่ผู้ชายที่ดีไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่นเลย แค่ดูชื่อที่เขาตั้งให้ฉันสิ เขามีชื่อที่ดีอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เขากลับตั้งชื่อแปลก ๆ นี้ให้กับฉันอย่างไรก็ตามทุกครั้งที่ฉันทักท้วงเรื่องนี้กับเขา เขามักจะบอกว่านั่นเป็นความผิดของพ่อฉัน ถ้าพ่อเป็นเด็กผู้หญิงนั่นจะเป็นชื่อของเขาแทนดูสิ คุณปู่เป็นคนที่ตั้งชื่อที่น่ากลัวนี้ให้ฉัน แต่เขายังคงโยนความผิดทั้งหมดให้พ่อของฉันอ้อ ลืมแนะนำตัวอย่างเป็นทางการไปเลยปู่ของฉันชื่อ ฌอน สจ๊วตเขาค่อนข้างเป็นคนที่น่าทึ่งในวัยเยาว์ย่าของฉันชื่อ เจน ดันน์บางครั้งฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทั้งสองคนลงเอยด้วยกันได้อย่างไร พวกเขาเป็นคนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะปู่กับย่าของฉันได้หย่าร้างกันก่อนที่พ่อของฉันจะเกิดเสียอีกหลังจากการหย่าร้างครั้งนั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้แต่งงานกันใหม่นะพวกเขาน่าจะแยกทางกันไปอย่างสันติ แต่คุณปู่ก็ไร้ยางอายอย่างที่สุด เขาจึงคอยรบกวนคุณย่าของฉันตลอดเวลาเลยเท่าที่ฉันจำไ
ที่โรงพยาบาล ประตูวอร์ดถูกเปิดออกเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีเสียง ครั้งนี้ดอสไม่ได้แจ้งการมาถึงของแขกล่วงหน้าเมื่อเอลิออร์มาถึงอย่างรีบร้อน เขาก็เห็นผู้หญิงคนนั้นก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร อโลร่าก็ดึงเขากลับออกไปที่ทางเดิน ประตูเปิดแล้วปิดลงอีกครั้งคนบนเตียงนอนตะแคง และกำลังหลับอยู่ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังฝันถึงอะไร แต่ใบหน้าที่ขมวดคิ้วลึกแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มีความฝันที่น่าพอใจนักมือของเขาวางอยู่บนผ้าห่ม แหวนแต่งงานของเขายังคงอยู่บนนิ้วของเขาหญิงสาวเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้า ๆ ในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าเตียงของเขาดวงตาของเธอสดใส และชัดเจน เธอจ้องมองแหวนบนนิ้วมือของเขาไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่เธอจ้องไปที่แหวนเป็นเวลานานนาน จนเธอรู้สึกงุนงงหลังจากนั้นไม่นานดวงตาของชายคนนั้นก็เบิกโพลง สิ่งแรกที่เขาเห็นคือคนในความฝันเขายิ้มหน้าซีดให้เธอ “โอ้ ฉันฝันไปอีกแล้วสินะ”ราวกับว่าเขากำลังคุยกับเพื่อนที่เขาไม่ได้เจอมานาน เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน และดีใจจนแทบจะเห็นได้ชัดผ่านการแสดงออกทางร่างกายของเขา "ดีแค่ไหน. คุณยังเต็มใจจะมาเยี่ยมฉันในความฝัน”หญิงสาวยืนอยู่ที่เตียงของเ
"เจน เอ๋อไห่ไม่ใช่สวรรค์หรือความสงบตามที่เธอพูดหรอก มันเป็นเพียงแค่การหลบหนีของเธอ" อโลร่ากล่าวอย่างเคร่งขรึมเธอไม่ควรพูดทั้งหมดนี้ แต่เธอเห็นบางสิ่งที่เจ้าตัวมองไม่เห็นบางทีภาพอาจจะดูชัดเจนขึ้นจากคนภายนอกที่เฝ้าดู หรือบางทีอาจจะไม่ถึงกระนั้นเธอก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเจนกำลังลังเลเมื่อสามปีก่อนเธอเคยช่วยเจนหนี เพราะเธอต้องการให้เจนมีชีวิตที่สงบสุขอย่างแท้จริงนับตั้งแต่นั้นสามปีหลาย ๆ อย่างก็เปลี่ยนไป เธอก็เติบโตขึ้นด้วยเป็นเพราะความเป็นผู้ใหญ่ที่เพิ่งค้นพบทำให้เธอไม่เคยหยุดคิดถึงเรื่องนี้เช่นกันเธอคิดถูกหรือเปล่าที่ช่วยเจนหนีเมื่อสามปีก่อน มันอาจจะเป็นความผิดพลาดหรือเปล่านะ?เธอเริ่มคิดว่าเธอคิดผิดในตอนนั้นผู้หญิงคนนี้ถูกผีเข้าเต็ม ๆ ไม่มีทางที่เธอจะหยุด และมองไปรอบ ๆ เพื่อดูผู้คน และข้อเท็จจริงตลอดสามปีที่ผ่านมาอโลร่าได้เห็นว่าฌอนไม่เคยหยุดตามหาเธอเลย ทุกคนบอกให้เขาหยุด โดยบอกว่ามันไม่มีจุดหมายปลายทางเลย บางทีเจนอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าเธอยังไม่ตายไป เหตุใดการค้นหาอย่างไม่หยุดยั้งเป็นเวลาถึงสามปีจึงไม่เกิดผลอะไรเลย?อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นปฏิเสธที่
"ที่นายมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อที่แค่จะคุยเรื่องของคุณปู่กับฉันหรือเปล่า?" ชายบนเตียงหัวเราะเบา ๆ ความไม่เชื่อเผยขึ้นในแววตาของเขาอย่างชัดเจน “ไมเคิล ลูเธอร์ ชายชราคนนั้นเขาไม่ห่วงว่าฉันจะเป็นหรือฉันจะตายหรอก เขายังมีหลานชายอีกคนที่จะสืบทอดบัลลังก์ของเขา”ไมเคิลหัวเราะอย่างแดกดัน“นายคิดว่าฉันจะกลับไปเป็นสจ๊วตจริง ๆ งั้นหรอ? สถานที่สกปรกแบบนั้น”“นายไม่ได้ต้องการ บริษัทสจ๊วตอุตสาหกรรม หรอกหรอ?” ฌอนกล่าวอย่างเย็นชา “ในกรณีนั้น ฉันกลัวว่านายจะต้องผิดหวัง”“สจ๊วตอุตสาหกรรมงั้นหรอ เฮอะ” ไมเคิลกวาดสายตามองไปยังฌอน ก่อนที่จะมองออกไปนอกหน้าต่าง“นั่นเป็นแหล่งเงินแหล่งทองชั้นดีเลย ดังนั้นฉันคิดว่าฉันต้องการมัน นายจะให้ฉันได้ไหมหล่ะ?”“ถ้าฉันไม่ให้ นายจะไม่บังคับเหรอ?”“ถ้านายเป็นคนถือมัน แน่นอน” ไมเคิลไม่พยายามปิดบังความทะเยอทะยานของเขา “แต่ถ้านายตายไป ฉันจะไม่เอามันมาจากเธอหรอก”ฌอนหรี่ตา “นายแน่ใจถึงความภักดีต่อความรู้สึกของนายที่มีต่อเธอไหม ฉันควรจะขอให้นายดูแลเธอก่อนที่ฉันจะตายหรือไม่?”“เฮ้อ ตัดเรื่องตลกออกไปก่อน นายกำลังจะตาย พวกนายทั้งสองไม่ได้หย่าร้างกันแล้วหรอ?“นั่นมันหมายค
ไมเคิล ลูเธอร์ เข้าสู่คฤหาสน์เก่าแก่ของสจ๊วต"คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่างไม่ใช่เหรอ?"โดยไม่มีคำเตือนหรือบริบทใด ๆ เขาก็ตะโกนใส่ชายชราสจ๊วตที่กำลังจิบชาอย่างใจเย็นอยู่“คุณมาจากทางไหนกลับไปทางนั้นเลย…ถ้าจะมาเพื่อแสดงกิริยาความไม่เคารพต่อปู่ของคุณอย่างนี้?” ชายชราสจ๊วตวางถ้วยน้ำชาลง ใบหน้าอันแก่ชราของเขาค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างยากลำบาก“คุณเป็นคนวางแผนเรื่องพ่อบ้านซัมเมอร์เองไม่ใช่หรอ?“ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีทางกล้าทำหรอก จริงไหม?”"หมายความว่ายังไงหรอ? ฉันเป็นคนทำให้พ่อบ้านซัมเมอร์ทำอะไรอย่างนั้นเหรอ?""คุณเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุของเจน นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากที่จะรู้ความจริง เป็นคุรจริง ๆ ใช่ไหม?!" ไมเคิลยืนยันความคิดของตัวเองช่วงเวลาที่ชายชราสจ๊วตได้ยินชื่อของเจน การแสดงออกของเขาก็เคร่งขรึมลงในทันที “นี่หลานจะท้าปู่ของตัวเอง และแสดงกิริยาเช่นนี้ เพียงเพื่อเธอคนนั้นหรอ?”“นั่นคงหมายความว่า…คุณยอมรับมัน”ไมเคิลกำหมัดแน่น ทั้งตัวของเขานั้นสั่นสะท้านด้วยความโกรธ "เธอไปทำอะไรให้คุณปู่ขุ่นเคืองหรือ?""ทุก ๆ อย่าง ทุกอย่างที่เธอทำ มันทำให้ฉันขุ่นเคือง""เธอเป็นแค่เด
สามวันต่อมา บุคคลนั้นไม่ได้กลับเข้าบ้านอีกเลยเทรส และคัวโตรยืนอยู่ที่ประตูอย่างเงียบขรึมราวกับว่าพวกเขาทั้งสองคือรูปปั้นของเทพผู้พิทักษ์ที่อยู่อาศัยของเธอจากก่อนหน้านี้ได้ถูกไฟไหม้เสียหายไปบางส่วน เธอจึงกลับมาอยู่ที่คฤหาสน์สจ๊วตก่อน ลึกเข้าไปภายในคฤหาสน์ เธอไม่ได้ยินเสียงนกหรือกลิ่นดอกไม้ใด ๆ เลย พ่อบ้านก็เป็นมืออาชีพมาก ๆ เขาจัดเตรียมทุกอย่างเพรียบพร้อมไว้สำหรับเธอนอกเหนือจากเทรสและคัวโตรแล้ว เธอก็ไม่ค่อยได้พบใครเลย เธอไม่ได้พูดคุยกับใครเลยไม่แม้แต่เทรส และคัวโดรก็ไม่ได้คุยกับเธอสำหรับพ่อบ้านประจำตระกูล เขามักจะทำตัวสุภาพกับเธอทุกครั้งที่พบกันตอนนี้หูของเธอมันไร้ประโยชน์จริง ๆ แล้วปากของเธอก็คงเป็นเพียงแค่เครื่องประดับบนใบหน้าเพียงเท่านั้นคนรับใช้บางคนที่นี่ก็ดูคุ้นเคย ในขณะที่บางคนก็คงจะมาใหม่เพราะเธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มันไม่สำคัญหรอกไม่ว่าใครในบ้านนี้เมื่อพวกเขาพบเห็นเธอ พวกเขาก็จะโค้งตัวด้วยความเคารพก่อนจะเดินจากไปทำงานของตัวเองต่อเธอนั่งมองดูคนสวนกำลังทำสวนผ่านกระจกหน้าต่างแม้ว่าในฤดูนี้ใบไม้ และดอกไม้ต่าง ๆ ในสวนจะร่วงโรยไปจนหมดแทบไม่มีสีสันในสวนหลงเหลืออยู่เล
วันผ่าตัดปลูกถ่ายไขกระดูกของเจสันเขาเปลี่ยนเป็นชุดผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงดันน์อยู่ดูแลข้าง ๆ เขา"อย่าประหม่าไปเลย เจสัน ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี" คุณหญิงดันน์ปลอบใจ ถึงกระนั้นลูกชายของเธอก็ยังคงเอาแต่เงียบขณะที่เธอจ้องไปที่หน้าของลูกชายของเธอ เธอก็เอาแต่ด่าเจนในใจ"ถ้าไม่ใช่เพราะคนที่มีจิตใจดีคนนี้ที่บริจาคให้กับลูก นังเจน เด็กคนนั้นก็เกือบจะฆ่าลูกแล้ว"เจสันจ้องมองอย่างไม่พอใจ"คุณแม่ พอได้แล้ว!""หือ? ลูกเป็นอะไรไป?“แม่กำลังรู้สึกเสียใจกับลูกนะ จะมาตะโกนใส่แม่ทำไม?”“คุณแม่ อย่าพูดถึงเจนแบบนั้นนะ”“ทำไมจะทำไม่ได้? เธอไม่สนใจสมาชิกในครอบครัวของเธอเองเสียด้วยซ้ำ”คุณหญิงดันน์เกลียดลูกสาวคนนี้สุดหัวใจแม้ว่าจะได้รับการชี้แจงว่าเธอเข้าใจผิดว่าเจนไม่ใช่ลูกสาวของตัวเอง แต่คุณหญิงดันน์ก็ยังคงมีอคติกับลูกสาวคนนี้ของเธออยู่ดีหลังจากนั้นเธอก็เอาแต่เลี้ยงดูลูกชาย และคอยอยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่เขายังเด็ก มันจึงทำให้ลูกชายของเธอสนิทกับเธอส่วนนังเด็กคนนั้น ... เด็กเลว ๆ คนนั้น เธอกลับมาที่เมืองเอสนี้ในตอนนั้น ก็เพื่อที่จะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของ ดันน์ กรุ๊ป ไปดันน์ กรุ
วันเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ชายคนนั้นมักจะทำอาหารทุกมื้อของเธอด้วยตัวของเขาเอง เมื่อเขาออกไปทำงานเขาจะพาผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ข้าง ๆ ตัวเขาตลอด ทำให้เธออยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา พวกเขาจึงดูเหมือนคู่รักที่แสนหวาน และรักกันมากมีความอิจฉาริษยาในสายตาของคนทั่ว ๆ ไป เมื่อพวกเขาเห็นเจนอยู่กับฌอนเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน ทุกคนในแวดวงต่างรู้ว่าทั้งสองมักจะตัวติดกันอยู่ตลอดเวลามีใครบางคนถอนหายใจออกมา ‘เจน ดันน์ จากตระกูลดันน์ ได้ครอบครองหัวใจชายคนนี้ในที่สุด หลังจากที่เธอไล่ตามฌอนในตอนนั้นเธอดูเป็นคนที่กล้าแสดงออกมาก 'คนทั่วไปต่างก็คิดว่า ในที่สุดเจนก็ได้รับในสิ่งที่เธอต้องการแล้วในวันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่ง“ฉันอยากเจอเขา”"ใคร?""... พี่ชายของฉัน"มีความสั่นไหวในดวงตาของชายคนนั้น ถึงกระนั้นเขาก็ยังรักษาภาพพจน์ของตัวเอง"คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเจสัน"เขาพูดด้วยท่าทางสบาย ๆเจนบีบหมัดของเธอแน่น และหลังจากนั้นไม่นาน…"สภาพของเขาคงดูไม่ดีนัก ฉันจึงอยากจะเห็นด้วยตาของตัวเอง""นี่ผมปฏิบัติต่อคุณไม่ดีพอหรือ?" ชายคนนั้นเชื่ออย่างสนิทใจว่าเธอกำลังพยายามที่จะหนีจากเขาไปอีกครั้ง “เจสัน
ในที่สุดเจนก็ตื่นฟื้นขึ้นมา เมื่อเธอตื่นขึ้นมาห้องก็มืดสลัว เธอลุกขึ้น และเดินไปที่ห้องนั่งเล่น เธอไม่ได้ตกใจกับชายที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาภายใต้แสงไฟอันอบอุ่นในห้องนั่งเล่นนั้นในห้องนั่งเล่นระดับเสียงของทีวีนั้นมันถูกตั้งไว้ในระดับที่ต่ำที่สุด ราวกับว่าเขากังวลว่าเขาจะรบกวนเธอจากการพักผ่อน ถ้าหากเขาเปิดเสียงดังกว่านี้เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังมาจากทางเดิน ชายคนนั้นรีบหันไปมองทันทีพวกเขาทั้งสองสบตากันอารมณ์ของพวกเขาทั้งสองดูเหมือนว่ามันจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มันดูราวกับว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันมานานมากแล้ว และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าใจซึ่งกันและกันโดยที่ไม่ต้องพูดอะไร พวกทั้งสองไม่ได้ทำลายความสงบสุขที่แปลกประหลาดนี้ทุกอย่างมันดูราวกับว่า ... พวกเขาสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติชายคนนั้นลุกขึ้นยืนและเดินไปที่เคาน์เตอร์บาร์ เขาอุ่นโจ๊ก และวางไว้บนเคาน์เตอร์บาร์หญิงสาวเดินเข้าไปเงียบ ๆ จากนั้นเธอก็นั่งทานอาหารดูเหมือนกับว่าที่นี่มันไม่เคยมี ความรัก – ความเกลียด พัวพันระหว่างทั้งสอง ไม่มีความทรงจำที่เจ็บปวดร่วมกันเกิดขึ้นทุกคนอาจจะคิดว่าบรรยากาศช่างเต็มไปด้วยค