ภามกัดฟันกรอด ข่มกลั้นความเสียวสยิวซ่านเมื่อถูกกลีบกายนุ่มอุ่นระอุร้อนดูดกลืนบีบรัดถี่ยิบตามจังหวะหัวใจที่มันเต้นแรงรัวเร็ว เหงื่อเม็ดเล็กถึงกับผุดขึ้นตามข้างขมับ กล้ามเนื้อหน้าท้องไหวกระเพื่อมตามแรงอัดที่สูดเข้าจนเต็มปอด‘ไทนี่...เธอเป็นแม่มดหรือไงกัน ถึงได้ทำให้ฉันเหมือนกับตกนรกและขึ้นสวรรค์ไปพร้อม ๆ กันนะแม่ตัวดี’เพราะเส้นทางสวาทอันคับแน่นของหญิงสาวบีบตัวตอดรัดเสียเหลือเกิน จนภามทนไม่ไหวและเขาก็ไม่คิดที่จะทนด้วย กายใหญ่เริ่มขยับเคลื่อนถาโถมไปในกลีบดอกไม้บอบบางอย่างเชื่องช้า เพราะความคับแน่น ผนังอ่อนนุ่มบีบตัวตอดรัดเสียดสีจนภามคำรามดังลั่นด้วยความเสียวซ่านที่มันลอยวิ้ง ๆ อยู่ในสมอง เพลิงไฟวิ่งไหลพล่านไปตามกระแสเลือด สะโพกสอบสะบัดไหวโยกถาโถมดำดิ่งแทรกลึกตอบสนองอารมณ์ดิบเถื่อนที่มีอยู่ในกายอย่างหนักหน่วงไม่มียั้งออมแรง“อ๊ะ...พี่ภาม...” ศีรษะทุยสะบัดส่ายจนเส้นผมกระจายไปทั่ว หน้าท้องแบนราบเรียบไหวกระเพื่อมเหมือนกับเกลียวคลื่นยามที่สาดซัดเข้าหาฝั่ง แม้ทุกการขยับที่ดุดันรุนแรงแต่ก็มีความอ่อนโอยในคราวเดียวกัน จะนำพาเอาความเจ็บปวดแทรกซึมมาบ้าง แต่ความเสียวซ่านระคนสุขสมมีมากกว่านันทิยาจึง
“คะ...ค่ะพี่ภาม...ไทนี่...ไทนี่ยอมแล้ว” นันทิยาตอบรับเสียงเบาหวิว ตอบสนองอารมณ์ดิบเถื่อนของภามอย่างไม่มีแง่งอน“ยอมอะไรล่ะ บอกให้ชัด ๆ สิไทนี่” ใบหน้าคมคร้ามซบซุกขบกัดต้นคอระหง สองมือใหญ่ขยำนวดปทุมถันอวบอิ่มบีบขยี้เม็ดทับทิมแข็งนูนเป็นไต “เธอจะยอมทำทุกอย่างที่ฉันบอกใช่ไหมไทนี่...จะไม่หนีฉันไปไหนจนกว่าฉันจะไม่ต้องการ และยอมเป็นนางบำเรอทำให้เตียงฉันร้อนทุกเวลาใช่ไหม” ภามถามพร้อมเสียงคำรามในลำคออย่างยินดี จนผิวกายเต้นยิบ ๆ ในหัวใจมันโป่งพองเหมือนกับลูกโป่งที่ลอยไม่ติดพื้น“คะ...ค่ะ ไทนี่ยอมทุกอย่าง ยอมเป็นนางบำเรอหรือจะโสเภณีตามที่พี่ภามต้องการ ได้โปรด...ช่วยไทนี่ด้วย รัก...รักไทนี่นะคะพี่ภาม”คำพูดยอมแพ้หวาน ๆ ของนันทิยา ภามฟังแล้วมันหวานนุ่มและระรื่นหูเป็นที่สุด รีบเร่งทำตามคำขอของอีกฝ่าย ส่งนันทิยาไปพานพบเก็บดวงดาวบนฟ้าในฉันพลัน เสียงร้องหวานแผ่วพลิ้วของคนที่สะบัดส่ายด้วยความสุขสมลอยเข้ามาในหู ให้เพลิงพิศวาสที่ภามมอบให้อีกฝ่ายรุนแรงขึ้นอีกเป็นเท่าทวีคูณ“พี่ภาม...” นันทิยาหวีดร้องหลาย ๆ ครั้งติดต่อกัน ในสมองขาวโพลน ในเรือนกายเหมือนกับมีลูกไฟกองเล็กที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะระเ
รสรินกวาดสายตามองหาชานนท์ไปทั่วห้องอาหาร ก่อนใบหน้าสวยหวานจะตึงและงองุ้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งคุยหน้าตาระรื่นและสนิทสนมกับแม่สาวแสนสวยคนหนึ่ง‘พี่นนท์นะพี่นนท์ แย่ชะมัด อยากโดนดีหรือไงคะคุณพี่ขา...’สองมือเล็กกำหมัดแน่นจนปลายเล็บมนทิ่มแทงไปในฝ่ามือ ฟันขาวสะอาดขบกัดริมฝีปากจนห้อเลือด ประกายในดวงตาขุ่นเขียว โกรธจนใบหน้าแดงก่ำระคนเจ็บกับสิ่งที่ชานนท์กระทำ‘กล้าที่จะเล่นกับความรู้สึกน้องรสใช่ไหมคะพี่นนท์ขา เดี๋ยวจะรู้สึก’รสรินไล่นางฟ้าที่อยู่น้อยนิดในกายออกไป และสวมมาดนางมารร้ายสไตล์อ่อนหวานแต่กัดเจ็บ ใบหน้าที่บูดบึ้งเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มแจ่มใส่ ก้าวเดินอย่างมั่นใจไปที่ชานนท์ แต่ยังไม่ทันจะถึงดีร่างก็ต้องเซถลาไปชนกับเก้าอี้อีกตัว“ว้าย!” รสรินร้องอุทานด้วยความตกใจ ก่อนจะตามมาด้วย... “โอ๊ย!” ใบหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความเจ็บชานนท์หันตามเสียงร้อง “น้องรส!!!” ชายหนุ่มเอ่ยร้องเรียกคู่หมั้นที่เป็นภรรยาทางพฤตินัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว“คุณชาลีรอสักครู่นะครับ ผมขอไปดูคู่หมั้นก่อน” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่มกับเอเจนซี่ที่สนใจจะส่งแขกมาพักกับทางโรงแรม จนถึงกับบินตรงมาเพื่อเจรจากับเขาและภาม แต่แม้จะเดินเร
ภามตื่นนอนด้วยความหงุดหงิดจากเสียงโทรศัพท์มือถือที่กระหน่ำดังซ้ำ ๆ หลาย ๆ รอบให้เขาต้องตัดสินใจขยับตัวเอง ยื่นมือลงไปควานหามาแนบหูโดยไม่มองด้วยซ้ำว่าเป็นสายจากใคร“ภามคะ”เสียงหวานแว่วที่ดังมาเข้าหู ทำให้คนที่ยังสะลึมสะลือลืมตาตื่นทันควัน และรีบหันไปมองคนที่นอนอิงแอบแนบซบซุกอกกว้าง แล้วค่อยผ่อนลมหายใจออกจากปอดอย่างแผ่วเบา เพราะนันทิยาไม่มีที่ว่าจะตื่นขึ้นมา คิ้วหนาเข้มเส้นขนเรียงตัวกันอย่างสวยขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นคนในวงหน้าคนนอนแนบชิดแดงก่ำ เนื้อตัวก็มีไอร้อนพวยพุ่งออกมา และเพียงแค่ทาบมือไปอังหน้าผาก ลำคอและบางส่วนของร่างกายก็สัมผัสได้ถึงความร้อน แต่เสียงเล็ก ๆ ที่ดังออกจากกลีบปากอวบอิ่มแดงเห่อบวมแดงกลับบอกว่าหนาวและวาดแขนเล็กเรียวโอบร่างเขาไปแนบชิด ทาบวงหน้ากับอกกว้างอย่างหวงแหน‘ฉิบหายแล้ว นี่เขาเล่นเสียจนนันทิยาไข้ขึ้นเลยหรือไงกัน’“คุณอยู่ไหนคะภาม...ไหนนัดกับดาจะพาไปเที่ยวไงคะที่รัก” ชลดาเอ่ยถามเสียงหวานนุ่ม ในใจเริ่มที่จะหงุดหงิดด้วยเพราะติดต่อภามไม่ได้มาสองสามวันแล้ว กลัวว่าเขาจะไปหลงติดกับดักยัยคู่หมั้นที่ปากบอกว่าไม่สนใจ แต่สายตาบางครั้งมันไม่ได้บอกกับเธอเช่นนั้น เพราะมันดูจะ
“หืม...จะเอาอย่างนั้นหรือไทนี่ ให้ฉันกินเธอเป็นอาหารเช้า...คงจะไม่ใช่แล้ว นี่น่าจะเป็นเที่ยงเกือบจะบ่ายแล้วละ กินก่อนได้ไหมล่ะ แล้วฉันจะให้พัก” มือใหญ่จับรั้งลำขาเสลาให้โอบรอบเอวสอบ ค่อย ๆ ดันกลีบกายนุ่มนิ่มที่บอบช้ำไปพานพบแก่นกายร้อนผ่าวที่ขยายตัวชูชันพร้อมจะรับศึก“ไม่ดีหรอกค่ะ ถ้าพี่ภามจะมีอะไรกับไทนี่ตอนนี้ก็ได้แค่ครั้งเดียว เพราะไทนี่ไม่ไหวแล้วจริง ๆ เจ็บไปหมดทั้งตัว พี่ภามดูสิคะตัวก็แดงเพราะพี่ภามนั่นแหละใจร้าย จับแต่ละทีเหมือนกับจะทุ่มแรงลงมาทั้งหมด ทำเอาไทนี่เจ็บไปหมดเลย” หญิงสาวเอื้อนเอ่ยเสียงหวานนุ่มระคนตัดพ้อต่อว่า“แต่ถ้าพี่ภามให้ไทนี่ได้โทรหาก้อย...พาไปซื้อเสื้อผ้าที่พี่ภามนั่นแหละทำขาดหมดเลย ได้กินอาหารอร่อย ๆ กินยาและนอนหลับพักผ่อนก่อน ไทนี่คิดว่าคืนนี้พี่ภามคงจะได้กินไทนี่จนหมดทั้งตัวเลยล่ะค่ะ”ภามหน้าตึงเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถึงรวิกานต์ เพราะคิดถึงผู้ชายที่อยู่กับรวิกานต์ แม้ฝ่ายนั้นจะบอกว่าไม่สนใจนันทิยาแต่เขาก็ไม่ไว้วางใจอยู่ดี ของอย่างนี้เชื่อใจใครได้ที่ไหน นันทิยาสวยและเร่าร้อนขนาดนี้ ใครบ้างที่จะไม่สนใจน่ะ“แหม...ไม่ต้องหึง...เอ่อ...ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่ ไม่ต้องหวงหรอกค่ะ ไท
“ไม่ปล่อยไม่ได้หรือ ปล่อยให้มันดังอย่างนั้นแหละ ใครก็ไม่รู้โทรมาขัดจังหวะคนจะจู๋จี๋กัน” รัฐภาสตอบกลับอย่างเสียอารมณ์ ยอมที่จะให้รวิกานต์ลุกไปหยิบโทรศัพท์ได้ และเมื่ออีกฝ่ายคว้าเจ้าเครื่องสื่อสารขนาดจิ๋วได้ แขนใหญ่สอดกระหวัดกระชับร่างโปร่งลงมานอนแนบชิดบนกายใหญ่“คุยได้แต่ห้ามไปไหน”รวิกานต์ถึงกับตวัดค้อนส่งให้วงโต ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนา อย่างเธอน่ะไม่มีใครเขาคิดจะจีบหรอก มีแต่เขานั่นแหละที่ตาถั่วหลงมามีอะไรด้วย “สวัสดีค่ะ ก้อยค่ะ”“ก้อย!! ฉันเองนะไทนี่ แกเป็นยังไงบ้าง” เพียงแค่ปุ่มตอบรับเปิดนันทิยาก็เอ่ยถามเพื่อนรักด้วยความร้อนรนและเป็นห่วงเป็นใย ขยับเรือนกายให้อยู่ในอ้อมแขนของภาม พร้อมจับมือใหญ่มาโอบรัดรอบลำตัวอีกครั้ง สอดแทรกปลายนิ้วเล็กไประหว่างปลายนิ้วใหญ่ แหงนใบหน้าขึ้นส่งยิ้มให้“ก้อยรับค่ะ” ไม่เพียงกระซิบบอกให้ภามคลายกังวล นันทิยายังจะให้อีกฝ่ายได้ยินด้วยว่าเธอคุยอะไร“ฉันเอ่อ...” รวิกานต์มองร่างหนาใหญ่ที่ทาบทับอยู่บนเรือนกายสร้างความวาบหวิวปั่นป่วนด้วยมือใหญ่และปากหนาที่ลากไล้เคลื่อนไหวไปทั่วเรือนกาย ในหัวใจดวงน้อยเต้นตึกตัก ๆ รัวเร็วเหมือนกับกลองเพล“ฉะ...ฉันไม่เป็นไร แล้วแกล่ะ
“อยากให้ค่ะพี่ภามขา แต่ว่าร่างกายไทนี่ไม่พร้อมนี่คะ แล้วอีกอย่างเวลาสิคะ มันเร่งมาแล้วว่าเราจะต้องกลับบ้าน เอาเป็นคืนนี้นะคะ” นันทิยาตอบกลับพร้อมรอยยิ้มหวานนุ่ม ประกายในดวงตาพราวระยับสดใส แต่ถ้าภามจะมองให้ลึกลงไปจะเห็นได้ว่ามันซ่อนความลับเอาไว้“เฮ้อ...ไม่อยากเลยนะ แต่ก็เอาเถอะยอมแพ้ เพราะเห็นว่าเธอป่วยนะไทนี่ ถ้าไม่ป่วยนะ” ภามตอบกลับด้วยเสียงบ่นไม่สบอารมณ์ยอมลุกจากเตียงนอนเดินตามนันทิยาที่อยู่ในชุดปกปิดอย่างมิดชิดจากการเลือกของเขาเอง ชายหนุ่มอดที่จะยิ้มไม่ได้ตอนที่หญิงสาวเห็นเสื้อผ้าที่เขาเลือกมาให้ก็นะ...ชุดชั้นในน่ะไม่ค่อยมีอะไรแตกต่างแค่เลือกที่นันทิยาใส่ได้ แต่ชุดนอกที่จะใส่น่ะสิ...มันดันไปเหมือนของรวิกานต์เสียเหลือเกินนี่นา คอมีปก แขนยาว ตัวเสื้อไม่เน้นเอว กางเกงก็ดีหน่อยเพราะมันเป็นกางเกงยีน“ขอบคุณนะคะพี่ภาม” สองแขนเล็กสอดเข้ากอดแขนใหญ่ กดจมูกโด่งได้รูปบนแก้มสากระคาย เตรียมตัวรับศึกหนักที่จะเกิดขึ้นเมื่อกลับถึงบ้าน“พี่ภามปล่อยไทนี่ดีกว่าไหมคะ” นันทิยาบอกเสียงแผ่ว พร้อมกับน้ำตาที่มันเอ่อล้นคลอเบ้า ริมฝีปากขบกัดจนห้อเลือด เมื่อเห็นว่าเบื้องหน้าเป็นผู้หญิงที่ภามประกาศอย่างโจ่งแจ
“แต่ไทนี่ว่าพี่ภามคุยกับคุณดาดีกว่านะคะ” นันทิยารีบพูดแทรกเสียงกรีดร้องบาดแก้วหูที่ดังมาจากชลดา“ถึงไทนี่จะเป็นคู่หมั้นของพี่ แต่ว่าพี่ภามกับคุณดาเอ่อ...” ใบหน้าสวยก้มลงมองพื้นพร้อมปล่อยน้ำตาให้ไหลตามร่องแก้มอย่างสะกดกลั้นความน้อยอกน้อยใจเสียใจจนพูดไม่ออก“พี่ภาม!! พี่ทำอย่างนี้ได้ยังไงกัน เห็นไหมพี่ไทนี่ร้องไห้อีกแล้ว”รสริสตวาดแว้ดใส่พี่ชาย รีบสาวเท้าเดินไปดึงร่างนันทิยามาใกล้ ๆ สองแขนเล็กโอบรอบลำตัวกลมกลึง ลูบฝ่ามือบนแผ่นหลังเนียนนุ่ม“โอ๋...ไม่ร้องนะคะพี่ไทนี่ อย่าไปสนใจผู้ชายไม่ดีอย่างพี่ภามเลยค่ะ อยู่คนเดียวก็สบายดีจะตาย จะไปไหนก็ไปไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลัง น้องรสก็เหมือนกันค่ะ คิดว่าจะลองอยู่คนเดียว ไม่สนใจมันแล้วผู้ชายห่วย ๆ เอะอะก็เอาแต่อารมณ์เอาแต่ความคิดของตัวเองเป็นใหญ่” ท้าย ๆ ประโยครสรินปรายสายตามองชานนท์อย่างให้รู้ว่าที่เธอพูดนะคนสำคัญคือเขา“แกไม่ต้องยุ่งเลยหนูรส ไปดูแลคนของแกโน่นไป” ภามชักสีหน้าใส่น้องสาวและยื่นมือไปดึงนันทิยากลับมาใกล้ ๆ ทว่าหญิงสาวกลับเลือกที่จะเบี่ยงหนีและเดินไปหยุดอยู่ใกล้กับน้องชายแทน ในขณะที่ชลดาก็เดินมาสอดมือกับแขนใหญ่‘โว้ย ทำไมอะไร ๆ มันยุ่ง
“ไม่เลยไทนี่ พี่ไม่ได้ปากหวาน แต่พี่รู้ตัวว่าทำผิด ทำร้ายไทนี่ให้ต้องอับอายและเจ็บปวด” สองมือใหญ่จับมือเล็กมาทาบบนอกกว้าง“พี่ขอโทษนะไทนี่ น้องจะยกโทษให้พี่ได้ไหม ให้โอกาสกับคนที่รู้ตัวช้าและกลับตัวกลับใจคนนี้ได้พูดได้แสดงออกถึงความรักที่มีแก่ไทนี่...ไทนี่จะยอมให้โอกาสพี่...ให้โอกาสผู้ชายนิสัยไม่ดีคนนี้ได้ดูแลและรักไทนี่ตลอดไปได้ไหม”ถึงจะได้ยินชัด ๆ จนเต็มสองหูแต่นันทิยาก็ยังไม่เชื่อ ถึงแม้ว่าคำว่ารักที่หนักแน่นที่หลุดออกมาจากปากหนา ให้หัวใจไม่รักดีของเธอก็ละลายกลายเป็นน้ำแล้วก็ตาม เพราะภามคือคนเบื่อง่ายหน่ายเร็ว แรกรักแรกต้องการคำหวานมีให้เสมอ แต่ยามเมื่อรักคลายน้ำต้มผักที่ว่าหวานก็ยังกลายเป็นขม“ไทนี่จะเชื่อได้หรือคะว่าพี่ภามจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องร้องไห้ อับอายและเจ็บช้ำอีก”“ถึงพี่จะให้คำมั่น แต่อดีตที่ผ่านมามันคือความทรงจำอันเลวร้ายที่พี่มอบให้ไทนี่...มันคงจะมีอย่างเดียวที่ทำให้ไทนี่มั่นใจ นั่นคือจากนี้ไปพี่ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักและความจริงใจที่พี่มอบให้สุดที่รักของพี่คนนี้” สองมือใหญ่ทาบบนใบหน้านวลเนียนนุ่ม“ขอแค่ไทนี่ให้โอกาสพี่เท่านั้นพอ...พี่สัญญาจะไม่ทำให้ไทนี่ต้องน
ริมฝีปากหนาทาบทับบนกลีบปากอวบอิ่มที่เผยอแย้มจะต่อว่าและผลักไสเขาให้ออกห่าง ขบกัดกลีบปากบนสลับล่าง สอดแทรกปลายลิ้นเลาะเล็มซอกซอนหาความหวานจากโพรงปากนุ่มโดยที่นันทิยาเองก็ไม่ขัดขืน และยังจะให้ความร่วมมือส่งปลายลิ้นเล็กๆ มาเลาะเลี้ยวเกี่ยวกระหวัดกับลิ้นสากระคายเสียอีก เป็นนานกว่าที่เขาจะหักห้ามใจถอนจุมพิตออกอย่างเสียดาย‘โอ๊ย! ไทนี่จ๋า อย่าตอบสนองพี่แบบนี้สิยาหยี เดี๋ยวพี่ทนไม่ไหวปล้ำไทนี่ก่อนจะได้คุยกันนะคนดี’ภามถึงกับร้อนฉ่าไปทั่วทั้งกายเมื่อนันทิยาตอบสนองกลับอย่างไม่มีแง่งอน สัดส่วนความเป็นชายเริ่มขยายตัวนูนเด่นดันตัวผ้าขนหนูออกมาแนบชิดลำขากลมกลึง“คุยกันดี ๆ ไม่คิดหนีและไม่ทำร้ายร่างกายพี่ด้วย พี่จะปล่อย ตกลงไหม” ภามกัดฟันข่มกลั้นความต้องการไว้อย่างสุดความสามารถ ลมหายใจหอบแรงจนกล้ามเนื้อไหวกระเพื่อมนันทิยาขบกัดริมฝีปาก จ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นแล้วเห็นถึงความรักและจริงใจรักหรือ...เธอเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า อย่างภามนี่นะรักเธอ เป็นไปไม่ได้ เธอคงจะตาฝาดไปเท่านั้น สิ่งที่เห็นเป็นเพียงแค่สายตาที่เอื้อเอ็นดูระหว่างคนที่เคยเติบโตมาด้วยกันเท่านั้นเอง วงหน้าสวยหมองเศร้าลงทันตา รีบตอบคำ
“มองอะไรไม่เคยเห็นคนหรือไง” เมื่ออีกฝ่ายยังเงียบก็อดที่จะตวาดแว้ดไปด้วยความหงุดหงิดระคนวาบหวิวในทรวง แต่เมื่อนึกได้ว่ามาด้วยเรื่องใดก็สูดลมหายใจเขาเต็มปอด ข่มความโมโหเอาไว้ภายในทั้งที่อารมณ์นั้นเดือดปุด ๆ และวาบหวิวจากสายตาคมกริบเอ่ยถามออกไปเสียงแข็ง ห้วนและกระด้าง“พี่ภามทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง จะแกล้งกันไปถึงไหน” หญิงสาวข่มกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจที่สุดท้ายแล้วภามก็ยังไม่ได้ปรับปรุงตัวเองยังทำร้ายหัวใจเธอซ้ำอีก“หือ...ทำอย่างนี้ได้ยังไง?” ภามแสร้งทวงคนถามอย่างไม่เข้าใจ คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง เดินไปนั่งบนเตียงนอนใหญ่ที่เขาเพิ่งจะเปลี่ยนสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมา พร้อมข้าวของอีกหลายชิ้นในห้องเพื่อให้เกียรตินันทิยาที่จะไม่ต้องมานอนทับบนเตียงที่เขาเคยพาผู้หญิงคนอื่นมานอน“พี่ภามอย่ามาเล่นลิ้นนะ ไทนี่ซีเรียดนะ” นันทิยาตวาดแว้ดชักสีหน้าบึ้งตึงใส่คนที่ยังอารมณ์ดีที่กวนโมโหจนเธอแทบจะปรี๊ดแตกแล้ว ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้ากรุ่นระอุด้วยไอโกรธที่มันพลุ่งพล่านอยู่ในเรือนกาย ร่ำ ๆ อยากจะเข้าไปทำร้ายคนหน้าเป็น‘ไม่รู้จะยิ้มอะไรหนักหนา ปากน่ะหุบเสียบ้างก็ได้คนบ้านี่’“ไม่ได้เล่นลิ้น
“รักตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีก้อยก็เป็นเจ้าของหัวใจฉันจนหมดทั้งดวง เลยต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อทุกอย่างทุกทางจนก้อยหลงติดกับไปไหนไม่รอดไง”ปากหนาทาบจากพวงแก้มนุ่มสีพีชสุกไล่ไปถึงริมฝีปากอวบอิ่ม กดลงไปแผ่วเบา นุ่มนวลและอ่อนโยน ตอนที่แผนการนี้ผุดขึ้นมาในสมองเขากลัวแทบตายว่ารวิกานต์จะดื้อดึงดื้อรั้นไม่ยอมง่าย ๆ แต่กาลกลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง แม้จะงอนและโกรธอยู่บ้าง แต่รวิกานต์กลับเข้าใจอะไรได้ง่ายอย่างที่คิด คงจะเป็นเพราะเธอรักเขา...แต่คำนี้นอกจากการกระทำแล้วมันก็ต้องได้ยินจากปากด้วย ถึงจะมั่นใจได้ว่าไม่ได้คิดไปเอง“ว่าไง ยังไม่ตอบให้ชื่นใจเลยนะ รักผมไหม...แล้วเราจะแต่งงานกันใช่ไหมก้อย” ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้บนผิวกายเนียนนุ่ม ครอบครองฟอนเฟ้นหน้าอกหน้าใจสาวที่มันอวบอิ่มใหญ่เต็มไม้เต็มมือ ริมฝีปากจุมพิตเลาะเล็มขบกัดกลีบปากเนียนนุ่มจนรวิกานต์ถึงกับตัวสั่น ยกสองมือดันกายใหญ่ให้ออกห่างอย่างยากเย็น“คุยกันก่อนสิคะเจ้านาย เล่นรุกถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ก้อยทำอะไรไม่ถูกนะคะ” หัวใจรวิกานต์เต้นตึกตัก ๆ รัวเร็วยิ่งกว่ามีใครยิงปืนกลเสียอีก ใบหน้าแดงปลั่งก้มงุดไม่กล้ามองสบสายตามคมกริบที่จ้องทะลุไปถ
ปากและใจบอกว่าไม่...อย่าไปยอมให้รัฐภาสเห็นเธอเป็นเพียงแค่ของเล่นใกล้มือที่จะหยิบมาเชยชมเมื่อไหร่ก็ได้ แต่กายกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพียงแค่ถูกเขากอดจูบเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้นมันก็พร้อมที่จะหลอมละลายกลายเป็นไอ สองมือที่วางทาบอยู่บนลำตัวเริ่มที่จะเคลื่อนไหวไปตามกล้ามเนื้อล่ำสันไปจนโอบรอบบ่ากว้าง เผลอตัวตอบรับจุมพิตหวานแผดร้อนที่แทบจะสูบเอาลมหายใจออกจากปอดจนหมดสิ้นรัฐภาสถอนจุมพิตเคลื่อนไปตามพวงแก้มอิ่มนุ่ม สันจมูกโด่งและสุดท้ายประทับบนดวงตากลมโตที่มันบวมช้ำเพราะการร้องไห้อย่างหนัก“ขอโทษนะก้อยที่ฉันมาช้า อย่าโกรธฉันนะคนดี” ปลายนิ้วยาวร้อนไล้ไปบนกลีบปากอวบอิ่มแดงระเรื่อที่ขบกัดหนี“ปล่อยก้อยได้แล้วเจ้านาย...คุณรัฐภาส” รีบเปลี่ยนเพราะตอนนี้เธอไม่ใช่พนักงานในบริษัทเขาแล้ว และไม่คิดที่จะไปลาออกให้มันถูกต้องด้วย จะทำอะไรก็ทำไม่แคร์“แล้วก็รีบออกไปจากบ้านก้อยด้วย ก้อยไม่ได้เป็นอะไรกับคุณอีกแล้ว” สองมือเล็กผลักดันกายใหญ่ให้ออกห่างและรัฐภาสก็ยอมให้ แต่...กายใหญ่ขยับลุกขึ้นพร้อมกับเกี่ยวเอากายโปร่งกลมกลึงขึ้นไปนั่งบนตักกว้าง จับรั้งไม่ให้เบือนหน้าหนี พร้อมสอดแขนใหญ่กระชับเอวเล็กคอด“หู...หายไปแค่
เปลือกตาบางปรือขึ้นอย่างเชื่องช้า แพขนตายาวงอนกะพริบถี่ ๆ ก่อนจะลืมตาที่แดงก่ำ รอบ ๆ ขอบตาบวมช้ำขึ้นมาสู้กับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอน พร้อมกับอาการปวดหัวริ้ว ๆ ของผู้เป็นเจ้าของห้อง มือเล็กยกขึ้นจับลำคอแห้งผากเหมือนกับมีกระดาษมาถูไถอยู่เลยไปถึงพวงแก้มนิ่มที่เย็นจัด ไล่ไปจนถึงดวงตากลมโตที่ถึงตอนนี้ก็ยังมีคราบน้ำตาหลงเหลือติดอยู่กายกลมกลึงพลิกตัวหนีแสงแดดที่ส่องมาจนตาถึงกับพร่าเลือนไปชั่วขณะหนึ่ง ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกจากจมูกที่ตอนนี้มีสิ่งไม่พึงประสงค์อุดอยู่ เสียงท้องร้องประท้วงให้เธอรีบไปหาอะไรใส่ลงไปเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่แบบนี้ ฟันขาวสะอาดขบกัดกลีบปากแตกแห้งเพราะขาดการบำรุง พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งบนเตียงก็ยังลำบากยากเย็น เพราะร่างกายหมดไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจากการไม่เอาใจใส่ตัวเอง แม้อาหารก็ไม่คิดจะหามาใส่ท้องเธอร้องไห้มากี่วันแล้ว...ร้องและรอว่าเขาคนนั้นจะมาหา บอกเล่าว่าสิ่งที่เธอเห็นในวันนั้นไม่เป็นความจริง เขายังเป็นคนโสดไม่มีพันธะใดๆ กับใคร แต่รอแล้วรอเล่า จากหนึ่งวันเป็นหนึ่งคืนและล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้ก็ครบหนึ่งอาทิตย์พอดี แต่ก็ไม่มีวี่แววรัฐภาสจะมา...
“เป็นอะไรไปน่ะนนท์ ไปขอน้องรสแต่งงานมาหน้าตาก็ควรจะยิ้มแย้มเหมือนกับคนที่กำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าวสิ แต่ไหงกลับมาหน้าตาเหมือนกับตูดหมึกแบบนี้ล่ะ หรือว่าน้องรสไม่ยอมตกลงหือ” นันทิยาเอ่ยแซวน้องชายที่เมื่อตอนไปเธอเห็นหน้าตาระรื่นบานเกือบจะเท่ากระด้ง แต่พอกลับไหงหน้าตาเหมือนกับคนอมบอระเพ็ดมาก็ไม่รู้“เพราะพี่ไทนี่นั่นแหละ”“อ้าว...นนท์ไปขอน้องรสแต่งงานแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพี่ล่ะ” คนเป็นพี่ถามอย่างไม่เข้าใจ“ตัวเองไม่มีฝีมือเองมากกว่ามั้ง สาวเขาเลยไม่มั่นใจที่จะฝากชีวิตน่ะ”ชานนท์ชักสีหน้าใส่พี่สาวที่ยังคงยิ้มระรื่นไม่รู้สึกรู้สา “ก็พี่ภามน่ะสิ”“พี่ภามทำไม”“พี่ภามบอกว่าไม่มีธรรมเนียมบ้านไหนที่น้องจะแต่งงานก่อนพี่”นันทิยาพยักหน้าหงึกอย่างเข้า เธอก็เคยได้ยินมาบ้างเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็คงไม่มีใครได้แต่งงานกันแล้วละ“พี่ภามยังจะส่งน้องรสไปดูงานต่างประเทศอีกสามปีด้วย” ชานนท์บอกด้วยหน้าตาอ่อนระโหยโรยแรง กายใหญ่ทรุดตัวลงนั่งไม่ไกลจากที่พี่สาว แหงนหน้าขึ้นมองเพดานห้อง“เอ๊ะ...พี่ภามเป็นบ้าอะไร มันเรื่องของนนท์กับน้องรสไม่ใช่หรือไง จะบ้าไปใหญ่แล้ว” นันทิยาก่นว่าด้วยความหงุดหงิดระคนโกรธ
“ครับ ต่อไปนี้พี่นนท์จะไม่หึงดะแบบนั้นอีกแล้ว พี่นนท์จะเชื่อใจน้องรส หากมีอะไรที่ทำให้เราไม่เข้าใจกันจริง ๆ พี่นนท์จะรอเวลาให้อารมณ์ที่มันร้อนลดลงแล้วเราค่อยมาคุยปรับความเข้าใจกัน” ใช่...อะไร ๆ มันก็ต้องดีถ้าคุยกันโดยไม่ใช้อารมณ์โกรธ หึงหวงและประชดประชัน“สัญญานะคะ ว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก” นิ้วก้อยเล็กยื่นออกไปและชานนท์ก็ยื่นนิ้วก้อยของเขาออกมาเกี่ยวด้วย“ครับ...สัญญาว่าจะเชื่อใจน้องรส” ปลายนิ้วยาวใหญ่จับตรึงปลายคางมน โน้มใบหน้ามาจุมพิตกลีบปากอวบอิ่มนุ่มหวานอย่างแสนจะคิดถึง เพียงแค่สามวันเท่านั้นที่ห่างหายจากกายสาวหอมกรุ่นนุ่มนิ่มรัดรึงกายแกร่งก็ทำให้เขาถึงกับโหยหิวเหมือนกับคนที่อดอยากมานานแรมเดือน อย่างนี้จะต้องรีบทำให้รสรินกลับมาอยู่เคียงข้างกายให้เร็วที่สุดและไม่มีวันที่จะจากไกลกันอีกแล้ว“พี่นนท์รักน้องรสครับ...ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างก็คลี่คลายไปในทางที่ดีแล้ว น้องรสก็ตกลงแต่งงานกับพี่ได้แล้วใช่ไหมครับ”“ค่ะ” รสรินตอบกลับอย่างเอียงอาย ในหัวใจพองโตเหมือนกับลูกโป่งที่มันถูกบรรจุแก๊สจนเต็ม รอยยิ้มแต่งแต้มทั้งวงหน้าและดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับสุกสกาวเหมือนกับดาวบนท้องฟ้า เปี่ยมล้นไปด้วยคว
“น้องรสครับ เมื่อไหร่น้องรสจะหายโกรธพี่นนท์ล่ะครับ” ชานนท์เดินมาจับมือเล็กเรียว แต่ถูกอีกฝ่ายปัดออกและเมินหน้าหนีเสียอีก ทำเอาเขาถึงกับหน้าเสียไปได้ไม่น้อย ไม่รู้ว่าทำไมคราวนี้รสรินถึงได้โกรธนานนัก สามวันแล้วที่ไม่ยอมพูดคุยกับเขาเอาแต่หนีหน้าท่าเดียว“น้องรสไม่ได้โกรธ” ใบหน้าสวยเชิดขึ้นสูง สองมือสอดไขว้ระหว่างอก ไม่ได้โกรธแต่อึดอัดและไม่ชอบที่ชานนท์แสดงพฤติกรรมอย่างนั้น ทำอย่างกับว่าเธอน่ะใจง่ายนักนิ เห็นผู้ชายเป็นไม่ได้ต้องกระโดดเข้าใส่ อย่างนี้มันไม่เชื่อใจกันนี่นาแล้วจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง“ถ้าไม่โกรธแสดงว่างอน...แล้วเมื่อไหร่น้องรสจะหายงอนพี่นนท์ล่ะครับ รู้ไหมว่าน้องรสเป็นอย่างนี้พี่นนท์กินไม่ได้นอนไม่หลับเลยนะครับ”“ไม่รู้ไม่ชี้” รสรินยังคงเบือนหน้าหนี เพราะรู้ใจตัวเองดีว่าถ้าหากเจอบทออดอ้อนและวงหน้าเศร้า ๆ ของชานนท์อีกเพียงไม่ถึงห้านาที ใจที่พยายามจะให้เข้มแข็งไม่ยอมรับคำง้อง่ายๆ ก็จะพานอ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งถูกลนไฟ“น้องรสครับ ดีกันนะครับคนดี๊คนดี” สองแขนใหญ่โอบรัดรอบกายโปร่งบาง วางมือใหญ่ทาบทับบนมือเล็กเรียว วางคางแนบกับบ่ากว้าง“จะให้พี่นนท์ทำอะไรก็ได้ ขอเพียงแค่น้องรสยกโทษให้พี