ในตอนที่เธอมีแจ็คสัน สุขภาพของเธอย่ำแย่กว่าตอนนี้มาก ตอนนั้นเธอถูกจำคุกโดยมิชอบ ทั้งเกือบที่จะต้องสูญเสียลูกไปและเกือบที่จะต้องตายอยู่ในคุกด้วยซ้ำแต่เพราะแดเนียลส่งยามาให้และยาพวกนี้ช่วยให้เธอคลอดแจ็คสันออกมาได้อย่างปลอดภัยแถมยังช่วยเธอต่อสู้กับวินาทีแห่งความเป็นความตายในช่วงหนึ่งอีกด้วยแต่เธอก็ยังสงสัยว่าเจเรมี่คิดถึงอดัมได้อย่างไรกันแน่ในตอนนี้เอง เคธี่ก็กลับมาเธอยื่นยาที่ได้มาจากอดัมให้ในขวดใสเล็ก ๆ มียาอยู่สองสามเม็ดตอนที่เมเดลีนเห็น เธอก็จำได้ในทันที “ยาพวกนี้…”“ผมรู้ว่าคุณไม่เห็นด้วยกับเรื่องการทำแท้งก็เลยติดต่ออดัมไว้ก่อนแล้ว”คำตอบของเจเรมี่ช่วยคลายความสงสัยของเมเดลีนแต่เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี “แล้วคุณรู้ได้ยังไงว่าก่อนหน้านี้ที่ฉันรอดตายมาได้ก็เพราะยาของอดัม?”เจเรมี่ยิ้ม ในดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกโทษตัวเอง “ถึงแม้ผมจะช้ากับทุกเรื่อง แต่ผมก็พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะรู้ทุกอย่างของคุณหลังจากนั้นนะ ลินนี่”ในที่สุดเมเดลีนก็เข้าใจ แต่สิ่งที่ทำให้เธอประทับใจมากที่สุดคือการที่เจเรมี่รู้ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะตัดสินใจยังไงเขารู้จักเธอดีมาก“เคธี่ ขอบคุณ
เมื่อเธอเดินเข้าไปเพื่อมองสิ่งนั้นใกล้ ๆ ประตูห้องทำงานก็ได้เปิดขึ้นเฟลิเป้เดินเข้ามาเมื่อเขาเห็นเคธี่มาทันเวลา เขาก็เหยียดยิ้มมุมปากด้วยความพอใจเธอหยุดชะงักเพราะรอยยิ้มบาง ๆ และรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนโยนของเขา แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเธอหวนนึกถึงลูกสองคนที่จากไป เธอก็รู้สึกเหน็บหนาวในหัวใจอีกครั้ง“ผมขอเดาว่า ตอนนี้คุณคงยอมทำทุกอย่างเพื่อเจเรมี่” เฟลิเป้พูดอย่างลึกซึ้ง พร้อมกับเดินไปอยู่ตรงหน้าเคธี่เคธี่หันหน้าหนีด้วยความรังเกียจและพูดว่า “เจเรมี่เป็นคู่หมั้นของฉัน ดังนั้น ฉันจึงเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อเขา”รอยยิ้มของเฟลิเป้เลือนหายไป เขาไม่อยากได้ยินเคธี่บอกว่า เธอเป็นห่วงผู้ชายคนอื่น“เพราะว่าคุณใส่ใจเขามาก ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้ ก็ช่วยทำให้ผมอารมณ์ดีสิ ถ้าไม่อย่างนั้น อย่าแม้แต่หวังว่าเขาจะออกจากเมืองเอฟไปได้อย่างปลอดภัย”คำขู่ที่เคธี่ได้ยินเปรียบเสมือนคำพูดของปีศาจ เป็นอีกครั้งที่เขาได้บดขยี้หัวใจเธอเคธี่ไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็ไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ กาย แต่เธอกลับได้ยินเสียงฝักบัวดังออกมาจากห้องน้ำเมื่อเธอพลิกตัว เธอก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นของเฟลิเป้ที่ยังค
“ความรักและความหลงใหลของฉันที่มีต่อคุณมันหายไปตั้งแต่ลูกสองคนของฉันจากไปแล้ว” เคธี่พรูลมหายใจ“ฉันเสียใจที่ตกหลุกรักผู้ชายอย่างคุณตั้งแต่แรกเห็น”เฟลิเป้เย้ยหยัน “เธอก็เสียใจจนพอแล้วนี่ เคธี่ อย่าแม้แต่จะคิดหนีไปจากเงื้อมมือของฉัน ตราบใดที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เธอต้องเป็นของฉันตลอดไป”ดวงตาที่แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของเขาโอบล้อมเธอไว้และกลืนกินสายตาต่อต้านของเคธี่ไปจนหมดสิ้น…ไม่กี่วันถัดมา บาดแผลของเจเรมี่ก็ค่อย ๆ ฟื้นตัว แต่หนทางยังอีกยาวไกลกว่าเขาจะหายดีในสองสามวันนี้ เมเดลีนจะเข้ามาหาเขา ทานข้าวกับเขา และคอยป้อนยาให้เขาเจเรมี่บอกกับเธอว่าสองสามวันมานี้เฟลิเป้ไม่ได้มาสร้างปัญหาใด ๆ ให้กับเขา และบอดี้การ์ดเหล่านั้นก็หยุดออกันอยู่ที่ประตูเช่นกันเมเดลีนรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ เธอรู้ว่าเฟลิเป้จะไม่ยอมปล่อยเจเรมี่ไปง่าย ๆ แน่ ดังนั้น เธอจึงคิดว่ามันจะต้องมีบางอย่างอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เคธี่รับฟังอย่างเดียวและไม่ได้พูดอะไรไม่กี่วันมานี้ เคธี่จะปรากฏตัวต่อหน้าเฟลิเป้ตามความปรารถนาของเขาและอยู่พักค้างคืนกับเขา จากนั้นเธอก็มาที่โรงพยาบาลราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมเดลีนมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “ใช่ เขาเป็นลูกของฉันกับเจเรมี่”ใบหน้าของเฟลิเป้สลดลงในทันที เขาอยากจะรู้เรื่องนี้เพิ่ม เมื่อเมเดลีนพูดในสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ “เฟลิเป้ ลูกที่อยู่ในท้องของฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณ คุณอาจจะคิดว่าคืนนั้นมีอะไรเกิดขึ้น แต่ที่จริงแล้วเรื่องราวในคืนนั้นเป็นแค่จินตนาการของคุณเอง เพราะชุดอโรมาเธอราพีที่ฉันตั้งใจทำให้เป็นพิเศษสำหรับคุณ“คุณก็แค่ฝันไป ซึ่งมันเป็นความฝันที่คุณต้องการให้เกิดขึ้นเท่านั้น”เฟลิเป้เชื่อในความสามารถด้านการปรุงน้ำหอมของเมเดลีน แต่ทว่ากลิ่นของความจริงนี้มันฉุนมากเกินไปสำหรับเขาเขาเชื่อมาโดยตลอดว่าเมเดลีนอุ้มท้องลูกของเขาอยู่ คิดว่าในที่สุดเขาก็ได้เป็นเจ้าของเธอ เขาไม่คาดคิดเลยว่าคืนที่พวกเขาอยู่ด้วยกันนั้นกลับไม่มีอะไรมากไปกว่าความฝันเขารู้สึกสมเพชตัวเองยิ่งนัก แต่เมื่อคิดถึงเรื่องความฝันในคืนนั้น ในฝันนั้นผู้หญิงที่เกี่ยวกระหวัดรัดรึงกับเขาก็คือเคธี่“เฟลิเป้ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ถูกคุณข่มขู่อีก หากคุณกล้าสั่งให้ใครมาทำร้ายเจเรมี่ ฉันจะส่งวิดีโอให้ตำรวจเอง ฉันจะทำลายทุกสิ่งที่คุณสร้างและทำลายชื่อเสียงของคุณซะ
เฟลิเป้เข้าใจทันทีหลังจากที่เขาได้ยินแบบนั้น‘เอวลีน นี่คือเหตุผลที่คุณเข้าข้างฟาเบียนสินะ’‘คุณเป็นผู้หญิงที่สวยและฉลาดจริง ๆ’‘ยังไงก็ตาม ถ้าคุณคิดว่าคุณสามารถกลับไปอยู่กับครอบครัวของคุณได้ง่าย ๆ แบบนี้ แสดงว่าคุณยังไร้เดียงสาเกินไป’‘บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่คุณควรจะรู้แล้วว่าจริง ๆ ฉันเป็นคนแบบไหนสักที’...ที่โรงพยาบาลเคธี่มองดูเวลาแล้วไปยังคฤหาสน์ตามเวลาที่เฟลิเป้กำหนดไว้ถึงอย่างนั้นเมื่อเธอหันหลัง เธอก็พบว่าเฟลิเป้กำลังพุ่งเข้ามาหาเธอใบหน้าของเขาปล่อยสีหน้าน่ากลัวออกมาและตามตัวของเขาก็แผ่ไอเย็น เห็นได้ชัดว่าเขาอารมณ์ไม่ดีเคธี่รู้สึกได้ว่าเฟลิเป้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาให้เจเรมี่ ดังนั้นเธอจึงขวางประตู“คุณมาทำอะไรที่นี่? คุณบอกว่าตราบใดที่ฉันปรากฏตัวในคฤหาสน์ตรงเวลาทุกคืน คุณจะไม่มาสร้างปัญหาให้กับเจเรมี่” เคธี่เตือนเขาด้วยเสียงเล็ก ๆ ของเธอ เพราะกลัวว่าเจเรมี่จะได้ยินเฟลิเป้เย้ยหยันอย่างไม่แยแส “คุณคิดว่าตัวเองสูงส่งมาจากไหน เคธี่ คุณคิดว่าคุณสามารถปกป้องเจเรมี่ได้เหรอ?” เขากล่าวพร้อมกับผลักเคธี่ออกไป โดยไม่สนว่าเธอจะรู้สึกยังไง“เฟลิเป้!” เคธี่คว้าตัวเขาไว้ ความ
เจเรมี่แทบไม่เชื่อสิ่งที่ตาเห็น เขาจึงฉวยโทรศัพท์เฟลิเป้มาดูหลังจากดูดี ๆ แล้ว เขาสังเกตว่าวิดีโอนั้นไม่ได้ถูกตัดต่อ วันที่บนวิดีโอยังปรากฏอยู่อย่างชัดเจน“ไงล่ะ? ประหลาดใจไหม?” เฟลิเป้สังเกตสีหน้าของเจเรมี่ที่เปลี่ยนไปด้วยความพึงพอใจ “แกคิดว่ามันคุ้มพอที่จะสละชีวิตให้ไหมล่ะ?”เจเรมี่เมินเฉยต่อเฟลิเป้ เพราะตอนนี้ดวงตาของเขากำลังจับจ้องไปที่ร่างเล็ก ๆ แสนน่ารักน่าชังในวิดีโอเจเรมี่เอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าน่ารักคล้ายตุ๊กตาในวิดีโอ ขณะที่น้ำตาเอ่อล้นดวงตา“ลิเลียน”“มีความสุขไหมล่ะ เมื่อรู้ว่าลูกสาวแกยังมีชีวิตอยู่และสบายดี?”น้ำเสียงเฟลิเป้ฟังดูเสียดสี และดวงตาของเขาดูแข็งกร้าว“ย้อนไปตอนนั้น ฉันจัดฉากการตายของเอวลีน และพาหล่อนมาที่เมืองเอฟเพื่อทำให้หล่อนหายไปจากชีวิตแก ตอนนี้ ฉันก็มีอำนาจพอที่จะ ‘ฆ่า’ ลิเลียนได้อีกครั้งเหมือนกัน”เจเรมี่กำโทรศัพท์และเลิกคิ้วขึ้น “เฟลิเป้ นายไปไกลถึงขั้นทำร้ายเด็กแล้วนะ!”“เพราะแกคือพ่อของเธอไงล่ะ” เฟลิเป้โยนความผิดให้เจเรมี่ “ถ้าไม่ใช่เพราะลิเลียนเรียกฉันว่าพ่อมาสามปี ฉันคงไม่ปล่อยเธอไปง่าย ๆ แน่”“เฟลิเป้”“เฮอะ” เฟลิเป้เย้ยหยัน “ทั้งโกรธท
สิ่งนี้เข้าใจได้ลิเลียนเป็นลูกสาวของเขา แล้วเขาจะยอมให้คนอื่นทำร้ายลูกสาวของเขาได้ยังไงกัน?ถึงอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าพ่อทุกคนจะรักลูก ๆ ของพวกเขาเคธี่เยาะเย้ยด้วยการเสียดสี เมื่อเธอนึกถึงเด็กสองคนที่ถูกเฟลิเป้ฆ่า เธอก็รู้สึกเจ็บปวดในใจเฟลิเป้เดินออกจากห้องไป เมื่อเขาเห็นเคธี่กำลังเหม่อลอย ดวงตาของเขาก็ผุดแววชั่วร้าย“ไปกับฉัน” เขาสั่ง แต่เขาเห็นเพียงเคธี่มองเขาด้วยความขุ่นเคืองในสายตาของเธอ "อะไร? เธอกลัวว่าเจเรมี่จะไม่กลับมาเหรอ? เธอคงรู้ว่า สเตเจี่ยน จอห์นสันเป็นใครสินะ และแน่นอนว่าฉันต้องการให้เขาไม่กลับมาอีก”“คุณมันเป็นปีศาจ” ดวงตาของเคธี่เต็มไปด้วยการดูถูกเฟลิเป้ดึงเธอเข้าหาเขา หน้าตาหล่อเหลาของเขาดูเย็นชา “พวกวิทแมนเป็นหนี้ฉันนี่”“แม้ว่าผู้เฒ่าวิทแมนจะเป็นฝ่ายผิด แต่คุณไม่ควรมาลงที่เจเรมี่ คุณเอาแต่คิดว่าคนอื่นทำผิดต่อคุณ แต่ตอนนี้ฉันเห็นทุกอย่างชัดเจนแล้ว คุณแค่อิจฉาเจเรมี่ และคุณก็อิจฉาที่เขาเก่งกว่าคุณทุกอย่าง!”"หุบปาก!"เฟลิเป้หยุดเธอ พยายามระงับไฟโทสะที่โหมกระหน่ำในอกของเขา จากนั้นเขาก็ลากเธอพากลับไปที่คฤหาสน์เนื่องจากเธอท้อง เมเดลีนจึงทำได้เพียงรอข่าวของฟาเบ
เมื่อมองไปยังใบหน้าที่วิตกกังวลและกระวนกระวายตรงหน้า ฟาเบียนก็รู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติไป"โอ้ ไม่นะ!"สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเมื่อเขาหันหลังกลับเพื่อไล่ตามเมเดลีนที่รับลิเลียนไปเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอได้ยินเพียงฟาเบียนพูดว่า 'โอ้ ไม่นะ' ออกมาดัง ๆเธอรู้ว่าต้องมีปัญหาเกิดขึ้นกับลิเลียน ดังนั้นเธอจึงรีบวิ่งตามเขาไปอย่างไรก็ตาม หลังจากไม่กี่ก้าว เธอก็รู้สึกไม่สบายที่ท้องส่วนล่างของเธอเมื่อคิดถึงสภาพของเธอ เธอจึงไม่กล้าวิ่งต่อไปอีก“ฟาเบียน ลูกสาวฉันอยู่ที่ไหน?” เธอตะโกนใส่แผ่นหลังของฟาเบียนขณะที่เขากำลังรีบวิ่งไปอย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าฟาเบียนจะไม่ได้ยินเธอ เมเดลีนมองไปในทิศทางที่ฟาเบียนวิ่งไป และภายใต้แสงที่สาดเข้ามา เธอเห็นใบหน้าที่สับสนของลิเลียนในขณะนี้ ผู้หญิงซึ่งกำลังอุ้มลิเลียนไว้ก็เรียกแท็กซี่อย่างรวดเร็วข้างถนน ก่อนจะเข้าไปข้างในกับลิเลียน“ลิเลียน!”“ฉิบหาย!” ฟาเบียนสบถ เขาต้องการโบกรถเพื่อไล่ตามต่อไป แต่ไม่มีรถคันไหนหยุดเพื่อเขาเลยในขณะนี้ เมเดลีนได้ตามเขามาทันแล้ว “ฟาเบียน เกิดอะไรขึ้น? ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร?"ฟาเบียนขมวดคิ้วและมองไปที่ใบหน้าขอ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ