เมื่อจ้องมองไปที่นัยน์ตาสุกใสดุจดอกท้อที่เปล่งประกายแวววับอย่างมีความหวัง แต่ก็เจือความกังวลเล็กน้อย เมเดลีนก็ตอบอย่างใจเย็นว่า “มาเดิมพันกันว่าชะตากรรมของเราจะจบลงที่นี่ หรือว่ามันตั้งใจอยากให้พวกเราไปต่อ”'อยากให้พวกเราไปต่อ'คำพูดทั้งหกจุดประกายความสุขที่ไม่เหมือนใครในดวงตาของเจเรมี่เธอให้โอกาสเขา!“เราจะเดิมพันยังไงล่ะ ลินนี่?” เขามั่นใจขณะถามอย่างใจร้อนอย่างไรก็ตาม เขามั่นใจว่าพวกเขาถูกกำหนดมาแล้วเขารู้สึกเบิกบานเมื่อได้ยินเมเดลีนพูด “เราจะกลับเอง ต่างคนต่างแยกย้ายกันไป ถ้าเราจัดการพบกันที่ทางเข้าโรงแรมภายในเวลาไม่ถึงห้านาที ฉันจะถือว่าเรายังถูกลิขิตให้อยู่ด้วยกัน”"โอเคได้" เจเรมี่รีบตกลงขณะออกจากร้านขนมหวาน เขาจ้องมองเธออย่างไม่เต็มใจนัก “ขอกอดคุณอีกครั้งได้ไหม ลินนี่?”“อะไรกัน? กลัวว่าจะไม่ได้เจอกันอีกงั้นเหรอ?” เมเดลีนล้อเลียน“แน่นอนว่าไม่” เจเรมี่ปฏิเสธ เหตุผลเดียวที่เขารู้สึกอยากกอดเธอ เพราะการสนทนาของเธอกับเอวาเขาใช้เวลาทุกช่วงเวลาในตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อรักคนคนนี้ที่มีความสำคัญต่อเขาที่สุดบนโลกใบนี้“ถ้าอย่างนั้นเราจะไปตามทางของตัวเอง แล้วโชคชะตาจะนำทา
“เชิญครับ คุณควินน์” บอดี้การ์ดเปิดประตู ดูเหมือนว่าถึงเธอจะไม่เต็มใจอย่างไร พวกเขาก็จะไม่ยอมปล่อยเธอไปขณะที่เธอถูกบังคับให้ขึ้นรถ เมเดลีนก็พบว่าเจเรมี่รออยู่ที่ประตูโรงแรมด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นและดอกยิปโซเขามาถึงหลังจากเธอสามนาทีพวกเขาจะได้พบกันถ้าเธอไม่ถูกบังคับให้เข้าไปในรถเฟลิซิตี้จ้องมองเจเรมี่เช่นกัน “ช่างน่าเสียดาย ดูเหมือนว่าพวกคุณคงจะไม่ได้กลับมาคบกันแล้วล่ะ”เมเดลีนรู้สึกเย็นยะเยือกเฟลิซิตี้รู้เกี่ยวกับการเดิมพันที่เธอทำกับเจเรมี่เมื่อสักครู่นี้เฟลิซิตี้ยิ้มให้กับท่าทางตกใจของเมเดลีน “ดูเหมือนเธอจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเฟลิเป้เลย เอวลีน”"เธอหมายถึงอะไร?"“ฮึ” เฟลิซิตี้เย้ยหยัน สายตาของเธอแข็งกร้าว “เดี๋ยวก็รู้เอง”จากนั้นรถก็ขับออกไปเมื่อมองไปที่เจเรมี่ซึ่งยืนอยู่ข้างประตูโรงแรม เมเดลีนก็รู้สึกใจหายเธอต้องการจะลดกระจกหน้าต่างลงเพื่อเรียกเขา แต่หน้าต่างถูกล็อค เธอต้องการโทรหาเขา แต่บอดี้การ์ดกลับเอาโทรศัพท์ของเธอไปแล้วเธอมองไปทางที่เจเรมี่ยืน ขณะที่ระยะห่างระหว่างพวกเขาเพิ่มขึ้นจนเขาหายไปจากสายตาของเธอเจเรมี่รออย่างอดทนเป็นเวลาหลายนาทีด้วยดอกยิปโซในมือของเข
ดวงตาของเมเดลีนเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก “เธอหมายความว่าอย่างไร เฟลิซิตี้ วอล์คเกอร์?”"โอ้? เธอกลัวเหรอ? กลัวว่าเขาจะตายงั้นเหรอ?” น้ำเสียงของเฟลิซิตี้มีแต่ความรังเกียจ “เธอไม่ได้สวดอ้อนวอนให้ชายคนนี้ทนทุกข์ทั้งกลางวันและกลางคืนหรอกเหรอ? ถ้าอย่างนั้นเธอก็ควรจะมีความสุขแล้วล่ะ เพราะจากนี้เขาจะต้องตกนรกทุกนาที”ตอนนี้เมเดลีนมั่นใจว่าพวกเขากำลังจับตาดูเธอและเจเรมี่ทุกย่างก้าวเฟลิเป้เป็นคนเดียวที่สามารถทำสิ่งนี้ได้เขามีอำนาจมากในเมืองเอฟ มากกว่าที่เธอเข้าใจ“ฉันเกลียดเจเรมี่มากแค่ไหน มันก็เป็นเรื่องระหว่างฉันกับเขา มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอที่จะตัดสินใจและทำทุกอย่างแทนฉัน” น้ำเสียงของเมเดลีนเย็นชา แล้วเธอก็พูดพร้อมด้วยสายตาของเธอที่แหลมคม “ฉันไม่ได้โง่พอที่จะลืมความจริงที่ว่าเฟลิเป้กำลังใช้ความเกลียดชังของฉันต่อเจเรมี่เพื่อกำจัดเขา”“ฉันไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร” เฟลิซิตี้พูดอย่างไร้เดียงสาก่อนที่ดวงตาของเธอจะเย็นชา เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้ทันว่า “ทั้งหมดที่ฉันรู้ คือ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในโลกใบนี้ คุณไม่มีทางรู้ว่าการจากลาครั้งสุดท้ายจะมาถึงเมื่อไหร่”หัวใจของเมเดลีนเ
"หลีกไป!" น้ำเสียงของเมเดลีนเย็นชาและแหลมคม เฟลิซิตี้ตะลึงกับรัศมีความโกรธของเมเดลีนไปสองวินาที และเมื่อถึงเวลาที่เธอดึงสติกลับเข้าสู่ความเป็นจริง เธอก็รีบไปรั้งเมเดลีนไว้“หยุดตรงนั้น เอวลีน...”เมเดลีนดึงแขนของเธอกลับพลางขัดขืนเฟลิซิตี้ เธอจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “ฉันเตือนเธอแล้วว่า อย่ามาขวางทางฉัน”“...”ด้วยความตะลึงงันในรัศมีความโกรธของเมเดลีน และพร้อมกับที่อีกมือหนึ่งเหวี่ยงมือของเธอออกไป เฟลิซิตี้ ก็เดินโซเซก่อนจะล้มลงกับพื้นเมเดลีนไม่สนใจเฟลิซิตี้และวิ่งไปที่ประตู เมื่อเปิดประตูเข้าไปเธอพบว่ามีรถสีดำรุ่นลิมิเต็ดจอดอยู่ด้านหน้าเฟลิเป้ลงจากรถ สีหน้าของเขาอ่อนโยนและนุ่มนวล ทว่าดวงตาของเขาไม่สัมผัสถึงความนุ่มนวลที่เคยเป็นอีกต่อไป“คุณไม่จำเป็นต้องไปที่เกิดเหตุ มันสายเกินไปแล้ว” เขาเดินไปหาเมเดลีน “เจเรมี่ตายไปแล้ว”หัวใจของเมเดลีนรู้สึกเหมือนถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และดวงตาของเธอก็แดงก่ำขณะที่เธอเยาะเย้ยเบา ๆ “คุณดีใจ ใช่ไหม? เฟลิเป้ วิทแมน เขาเป็นหลานชายของคุณนะ!”“เขาอาจจะเป็นหลานชายของผม แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้” เฟ
เมเดลีนตกตะลึงคิดว่าเธอเองกำลังหลอนเธอรีบเช็ดน้ำตาของเธอและมองไปที่ทางเข้าโรงแรมอีกครั้งด้วยดวงตาเบิกกว้าง แต่ไม่มีใบหน้าที่คุ้นเคยในผู้คนตรงหน้าเธอภาพที่เธอเห็นให้ความรู้สึกเหมือนจริงมาก ดังนั้นเมเดลีนจึงข้ามทางม้าลายทันทีและวิ่งไปยังจุดที่ เจเรมี่ได้ปรากฏตัวเมื่อสักครู่นี้ เธอมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบอะไรเมื่อถูกลมหนาวพัดมารอบ ๆ ตัวเธอ เมเดลีนก็รู้สึกว่าหัวใจของเธอกลับเย็นลงอีกครั้งท่ามกลางผู้คนมากมาย เธอกลับรู้สึกโดดเดี่ยว'ทั้งหมดที่ฉันเคยปรารถนาในช่วงหลายปีที่ฉันต้องทนทุกข์ทรมานและเจ็บปวด คือ การที่เราได้รักกันอย่างเรียบง่าย เจเรมี่ มันเป็นความปรารถนาเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ทำไมมันทำไม่ได้ล่ะ?'เราไม่ได้คู่กันอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ?'เมเดลีนกลับมาที่เกลนเดลอย่างงุนงง เธอกลับไปยังวิลล่าตอนแต่งงานของพวกเขา เมเดลีนยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอก้าวเข้าไปข้างในในที่สุดใบหน้าของคาเลนมืดลงเมื่อเธอจ้องไปที่เมเดลีนเธอเกลียดชังเมเดลีนด้วยกระดูกทุกชิ้นในร่างกายของเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอได้เรียนรู้จากเฟลิซิตี้และอีวอนว่าเมเดลีนมีส่วนร่วมในการลักพาตัวเธอ นั่นทำให้คาเลนไม่ชอบพอเธอ
'ฉันยังคงรักคุณแม้ว่าฉันจะแก้แค้นแล้วก็ตาม'เมเดลีนไม่รู้ว่าเธอหลับไปตอนไหน แต่ท้องฟ้ามืดไปแล้วเมื่อเธอตื่นเธอออกจากวิลล่าและเดินทางไปยังคฤหาสน์มอนต์โกเมอรีเอโลอิสและฌอนดีใจมากที่เธอกลับมาแต่ว่าพวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเมื่อเห็นสีหน้าที่ย่ำแย่ของเมเดลีน “ลูกคงยังเจ็บปวดและทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นกับลิเลียนอีกหรือเอวลีน?”เมเดลีนรู้สึกว่าหัวใจของเธอถูกบีบแน่น “เจเรมี่ตายแล้วค่ะ”“อะ อะไรนะ? เจเรมี่ตายแล้วเหรอ?” เอโลอิสและฌอนไม่เชื่อหูของพวกเขา“เขาบินกลับมาเมื่อสองสามวันก่อน แต่เที่ยวบินของเขาประสบอุบัติเหตุ”“เครื่องบินตกเหรอ? เป็นไปได้อย่างไร? ไม่มีข่าวคราวอะไรทำนองนี้เลยนะ” เอโลอิสและฌอนสับสนเมเดลีนชะงัก “ไม่มีเหรอคะ?”"ไม่เลย เราไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอุบัติเหตุใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสายการบินใด ๆ เหมือนกัน” ฌอนยืนยัน “แน่ใจนะว่าเธอได้ยินไม่ผิด เอวลีน?”เมเดลีนรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ ขณะที่เธอดึงโทรศัพท์ออกมาเพื่อตรวจสอบข่าวที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่พบข่าวเที่ยวบินที่มาจากเมืองเอฟไปยังเกลนเดลที่ประสบอุบัติเหตุเลยหัวใจของเมเดลีนเต้นแรงเมื่อนึกย้
เหมือนมีอะไรมาจุกแน่นอยู่ที่คอของเมเดลีน ขณะที่เธอจ้องไปที่ร่างผอมเพรียวและละเอียดอ่อนนั่น “เจเรมี่?”เมเดลีนจ้องไปที่คนคนนั้นด้วยความตกใจ ความรู้สึกหนักอึ้งในอกของเธอสลายไปมีความประหลาดใจปรากฏอยู่ในดวงตาของเจเรมี่เช่นกันเมื่อเขามองมาที่เธอ“คุณไม่เป็นไรจริง ๆ สินะ เจเรมี่!” เมเดลีนวิ่งเข้าหาเขา พลางมือของเธอเอื้อมไปจับเขาก่อนที่เธอจะรู้ตัวเมื่อรู้สึกถึงความอบอุ่นจากมือของเขา เมเดลีนก็ผ่อนคลายลงในขณะนั้นเมเดลีนรู้ว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการที่เจเรมี่ยังมีชีวิตอยู่เจเรมี่จ้องมาที่เมเดลีนซึ่งกำมือของเขาไว้แน่นอย่างตื่นเต้น เธอดูสวยงามขณะยิ้มทั้งที่มีน้ำตาคลอเบ้า“คุณดูคล้ายกับคนที่ผมชอบมากเลยครับ” เขาพูด โทนเสียงของเขาก็มีเสน่ห์และเย้ายวนเหมือนที่เธอจำได้เมเดลีนคิดว่าเจเรมี่กำลังเล่นตลกกับเธอเมื่อเขาค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออกจากมือของเธอ เขาถามอย่างแผ่วเบา “คุณรู้จักผมเหรอ?”“...”เมเดลีนสับสนกับคำถามของเจเรมี่ เขาเจตนาทำแบบนี้เหรอ? แต่ว่าเขาไม่มีเหตุผลที่จะทำเรื่องตลกแบบนั้น“คุณกำลังพูดอะไรเจเรมี่? คุณไม่รู้จักฉันเหรอ ลินนี่ไง”“ลินนี่?”เจเรมี่พูดซ้ำตามที่เธอพูดในขณะที
เฟลิซิตี้ไม่มีเวลาตอบกลับ เมื่อเสียงที่น่าดึงดูดของเจเรมี่ได้เล็ดลอดออกมาจากข้างใน “ใครเหรอ?”สีหน้าของเฟลิซิตี้เปลี่ยนเป็นเหนื่อยหน่ายและหงุดหงิดทันที “ทำไมเธอถึงมาที่นี่อีก คุณมอนต์โกเมอรี? ฉันเคยบอกคุณหลายครั้งก่อนหน้านี้แล้ว ว่าฉันเป็นคนที่เจเรมี่รัก เป็นเพราะเราดูคล้ายกัน มันเลยทำให้เจเรมี่ชอบเธอแทนที่จะเป็นฉัน ตอนนี้เจเรมี่กับฉันกลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว เพราะอย่างนั้นได้โปรดหยุดรบกวนเราได้ไหม?”ณ จุดนั้นเมเดลีนมั่นใจว่าเฟลิซิตี้กำลังแสดงอยู่ เธอต้องการฉีกหน้ากากของผู้หญิงคนนั้นออก แต่ทันใดนั้นเองเธอก็เหลือบไปเห็นเจเรมี่เจเรมี่จ้องมาที่เมเดลีนอย่างสงบด้วยดวงตาดอกท้อที่ล้ำลึกและกำลังคิดวิเคราะห์ของเขา ก่อนจะละสายตาไปมองเฟลิซิตี้ขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “เก็บของของคุณเร็วเข้า อีกสามชั่วโมงจะถึงเวลาของเที่ยวบินกลับไปเกลนเดลของเราแล้ว”"ได้ค่ะ" เฟลิซิตี้พยักหน้า รอยยิ้มยั่วยวนใจของเธอชัดขึ้นไปอีกเมเดลีนแทบไม่เชื่อสายตาของเธอขณะมองดูเจเรมี่ที่ดูไม่สนใจเธอเลย ทั้งเขายังปิดประตูใส่ใบหน้าที่ประหลาดใจของเธอโดยไม่ได้เธอมองด้วยซ้ำเขาไม่เพียงแต่จำเธอไม่ได้เท่านั้น แต่เขายังเย็นชาและด
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ