การมองเห็นถูกบิดเบือนจากสายฝนเธอไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากสายตาที่พร่ามัวนี้ แต่ความโกรธของเจเรมี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เธอสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเขากระชากคอเสื้อของเธอแน่น มันทำให้เธอหายใจแทบไม่ออกสายตาคมกริบสังเกตุเห็นใบหน้าแดงของเธอที่หายใจไม่ออก ในที่สุดเขาก็ปล่อยมือราวกับว่าเขากำลังปลดปล่อยความโกรธ จากนั้น เขาก็ผลักเธอออกไปมาเดลีนอ้าปากค้างเมื่อร่างกายของเธอเปียกโชกท่ามกลางสายฝนเธอหยิบโทรศัพท์ที่เปียกน้ำขึ้นมาข้อความบนหน้าจอบ่งบอกหายนะบางอย่างมีข้อความจากผู้ส่งที่ไม่รู้จักด้านบนของรายการ ‘เด็กคนนี้ไม่ยอมฟังฉัน ฉันเลยทุบตีเขาไปตอนนี้ เขาไม่ส่งเสียงร้องให้รู้สึกรำคาญ เมื่อไหร่ที่เธอจะทำให้พวกวิทแมนจ่ายเงินเพื่อรับเด็กคนนี้กลับคืนสักที? 'เมื่อเธออ่านข้อความนี้ สมองขอมาเดลีนก็แทบระเบิด จากนั้นจิตใจของเธอเข้าสู่ห้วงแห่งความว่างเปล่าเเทบจะไม่ต้องเดานี่เป็นข้อความเกี่ยวกับการลักพาตัว แต่ทำไมข้อความนี้ถึงส่งถึงเธอ?“มาเดลีน เธอกลายเป็นอะไรไปแล้ว นี่เธอยังไปไกลถึงขั้นทำงานร่วมกับนักเลงเพื่อลักพาตัวลูกชายของผมอีก หากลูกชายของผมบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว ผมจะเฉือนเนื้อของคุณออก
ชายปริศนาบอกตำแหน่งของเขากับเธอก่อนที่จะวางสายมาเดลีนรีบโทรหาเจเรมี่ทันที แต่เธอนึกขึ้นได้ว่าเขาอาจจะบล็อกเบอร์มือถือของเธอไปแล้วจากนั้น เธอเลื่อนดูรายชื่อผู้ติดต่อที่ว่างเปล่าของเธอ หมายเลขเดียวที่เธอโทรได้ตอนนี้คือเบอร์ของ ท่านปู่วิทแมนอย่างไรก็ตาม เธอคิดไตร่ตรองเรื่องนี้สักพัก มาเดลีนก็ล้มเลิกความคิดนั้นเวลาไม่รอช้า และมาเดลีนเองไม่มีทางเลือกอื่น เธอเรียกรถแท็กซี่และบอกที่อยู่คนขับคนขับเป็นผู้ชายที่ดูเป็นมิตร เมื่อเห็นว่ามาเดลีนหน้าซีดดูเจ็บปวดสาหัส เขาแนะนำเธอให้ไปโรงพยาบาลเขาอยากส่งเธอไปโรงพยาบาลด้วยความเมตตา หลังจากมาเดลีนขอบคุณและปฏิเสธเขา พวกเขาก็เดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางการเดินทางผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา ในที่สุดเธอก็มาถึงสถานที่ที่ชายคนนั้นให้เธอเป็นสถานที่แห่งหนึ่งในชนบทที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและแหล่งน้ำ ต้นไม้ที่มีใบเหลืองมีอยู่ทั่วไปสายลมยามค่ำคืนพัดผ่านเธอ ความหนาวเหน็บเข้าสู่ร่างกายของเธอมาเดลีนตัวสั่น และอาการปวดของเนื้องอกในท้องของเธอยังคงปวดอยู่ยังไงก็ตาม เธอมีเวลาไม่มากแล้ว เมื่อเธอคิดถึงความปลอดภัยของแจ็คสัน เธอก็ยังคงกัดฟันและก้าวไปข้างหน
หลังจากที่แทนเนอร์พูดแบบนั้น เสื้อของมาเดลีนถูกฉีกออกมาเดลีนเจ็บปวดมากจนเธอไม่มีแรงที่จะดิ้นรน เมื่อเธอคิดว่าเธอคงหมดหวังแล้วแทนเนอร์กำลังจะช่วงชิงร่างกายเธอไป ทันใดนั้นประตูถูกเตะเปิดออกพร้อมกับเสียงดังประตูเอียงไปด้านหนึ่งก่อนจะตกลงบนพื้นมาเดลีนหันหน้าไปทางต้นเสียงก่อนจะเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาที่ดูน่ากลัวของเจเรมี่ เขาดูเหมือนกับซาตาน เมื่อสายตาที่เจเรมี่จ้องมองมาที่เธอมันเต็มไปด้วยความน่ากลัวและความทรยศ เธอก็สั่นสะท้านเจเรมี่ก้าวไปข้างหน้าและดึงแทนเนอร์ ซึ่งกำลังกดทับมาเดลีน ออกไป"กล้าดียังไงมาลักพาตัวลูกชายของผม? เบื่อกับการมีชีวิตแบบนี้แล้วใช่ไหม?”เขาชกแทนเนอร์อย่างแรงที่ด้านข้างของใบหน้า ทำให้แทนเนอร์โอดครวญด้วยความเจ็บปวด ฟันซี่หนึ่งของเขาหลุดออกและเลือดเริ่มไหลออกมาจากปากของเขา เจเรมี่เตะแทนเนอร์ไปที่มุมกำแพง และในจังหวะนั้น แทนเนอร์ไม่สามารถลุกขึ้นจากความเจ็บปวดได้มาเดลีนล้มลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง เธอพยายามปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าด้วยเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งเจเรมี่มองเธอด้วยความรังเกียจ "มาเดลีน เธอมันต่ำช้ายิ่งกว่าแต่ก่อน”เขามองเธอเขม็งก่อนจะเดินไปเข้าห้องใดห้
'งั้นหรอ?’‘คุณทำสัญญาแค่กับเมเรดิธในชีวิตนี้แค่นั้นงั้นเหรอ?’‘แล้วสิ่งที่คุณพูดมันออกมาในตอนนั้นมันเป็นแค่คำพูดที่ไร้ความหมายเหรอ? และฉันคงเป็นเพียงแค่ภาพบนอากาศที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิตที่ไม่ควรค่าแก่การจดจำสินะ’ฮ่าๆ มาเดลีนหลับตาที่เหนื่อยล้าลง เธอไม่สามารถบอกได้ว่ามันเป็นน้ำตาหรือหยดน้ำฝนที่ไหลล้นไปทั่วดวงตาของเธอก่อนที่เธอจะมีกำลังที่จะลุกขึ้นยืน แทนเนอร์และเธอถูกนำตัวเข้าไปในรถตำรวจตลอด 48 ชั่วโมงที่ถูกคุมขัง มาเดลีนไม่สามารถรอดพ้นจากการถูกทำร้ายร่างกายในสถาณการณ์คล้ายคลึงกับครั้งก่อนได้อีกเลยเหตุการณ์นี้ ทำให้เธอรู้สึกมึนงงกับเรื่องนี้ทั้งหมด เธอมึนงงจนไม่รู้สึกเจ็บเมื่อริ่มมีอาการอาเจียนเป็นเลือดมีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ไหลออกมาจากดวงตาของเธออย่างไม่สามารถควบคุมได้ น้ำตาทำให้หัวใจของเธอพร่ามัวและทำให้หัวใจของเธอจมลงไปในน้ำอย่างไร้ทางรอดมาเดลีนคลานไปบนพื้นก่อนจะค่อยๆจับลูกกรงเพื่อพยุงตัวเองขึ้น แต่เเล้วใครบางคนเตะและต่อยเข้าที่หลังของเธอทุกรูปแบบเมื่อเธอมองไปที่แสงแดดข้างนอก เธอก็ยิ้มอย่างคร่ำครวญในขณะที่เธออาศัยอยู่ในโลกที่เธอสร้างขึ้นด้วยต้วยน้ำมือตัวเองมานานห
บรรยากาศภายในรถดิ่งลงสู่ความเงียบอย่างกะทันหัน มาเดลีนหัวเราะออกมาอย่างขมขื่นด้วยความเหนื่อยล้า"เจเรมี่ แม้ว่าคุณจะไม่เชื่อทุกการกระทำของฉัน แล้วคุณปู่คุณล่ะ? ท่านเป็นคนฉลาดและมีประสบการณ์มากมายในการชีวิต ถ้าตัวฉันเองเป็นคนที่ร้ายกาจขนาดนั้น แล้วทำไมเขาถึงยอมให้ฉันแต่งงานกับคุณ? ทำไมเขาถึงดูแลฉันและหันหลังให้เมเรดิธอย่างเย็นชาด้วย?”เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเจเรมี่จะไตร่ตรองเรื่องนี้อีกครั้ง แต่ในขณะที่เธอหยุดพูด เขาก็หัวเราะออกมาอย่างดัง"เธอน่าจะรู้ดีว่าทำไมเธอถึงต้องแต่งงานกับฉันแล้วทำไมเมเรดิธถึงถูกคุณปู่หันหลังให้ด้วยความเมินเฉย”เขาพยายามจงใจบอกว่ามาเดลีนคือคนที่แอบยุยงให้เกิดความไม่ลงรอยกันระหว่างคุณปู่ของเขาและเมเรดิธเช่นนั้น เขาไม่เคยคิดว่าผู้หญิงอย่างเมเรดิธเต็มใจที่เป็นภรรยาน้อยสิ่งนั้นแหละมันคือปัญหา"มาเดลีน หยุดเล่นละครสักที ผมจะพาเธอไปพบคุณปู่ตอนนี้ ผมจะทำให้เขาเห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ”มาเดลีนยิ้มอย่างขมขื่น เธอไม่ต้องการอธิบายตัวเองอีกต่อไปการยืนหยัดในตัวตนของเธอกลายเป็นเรื่องโกหกที่บาปหนาเกินกว่าจะไถ่ถอนมาเดลีนถูกลากตัวกลับไปที่คฤหาสน์วิทแมนโดยเจเรมี่ และเ
เมเรดิธหยุดการแสดงที่น่าสมเพชของตัวเองเพื่อจ้องมองไปยังชายชราด้วยสีหน้าฮึดฮัดในใจใบหน้าของผู้นำตระกูลดูเคร่งขรึมและท่าทางของเขาดูโอ่อ่าอย่างน่าเกรงขาม "เธอเป็นผู้หญิงที่เข้าไปแทรกแซงงานแต่งงานของคนอื่นอีกทั้งเธอยังให้กำเนิดลูกนอกสมรสที่น่าขายหน้าด้วยความกล้าหาญอย่างมาก ไม่เพียงแค่นั้นแต่นี่เธอยังไม่อับอายในสิ่งที่เธอได้ทำลงไป แต่ในทางกลับกัน เธอดูภูมิใจในตัวเองอีกด้วย ในตระกูลของวิทแมนไม่มีหลานสะใภ้ที่ไม่ให้เกียรติและรักแต่ตัวเอง”"... " ริมฝีปากมุมบนของเมเรดิธเริ่มกระตุกขณะที่หน้ากากอันอ่อนโยนของเธอกำลังจะแตกอาจเป็นเพราะเธอคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะเป็นผู้ได้รับบทตัวละครแบบนั้นในหัวใจของชายชราคนนี้ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมชายชราคนนี้ถึงไม่ชอบเธอมาเดลีนสังเกตุเห็นเมเรดิธกำลังกำหมัดแน่น เมเรดิธิรู้ดีว่ามันยากที่จะทำการแสดงของเธอต่อไป และยังไง เธอยังไม่สามารถที่จะลดหน้ากากที่อ่อนน้อมและอ่อนโยนของเธอได้"คุณพ่อ จะพูดอย่างนั้นไม่ได้ มาเดลีนเป็นคนที่เข้าไปยุ่งในความรักของทั้งคู่ก่อน เธอคือเมียน้อย! ถ้าเธอไม่มาแทรกระหว่างพวกเขาและวางแผนทำลายทั้งคู่ซะก่อน เจเรมี่และเมอร์คงจะแต่งงา
เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายไม่มีใครในห้องคาดคิดว่าผู้นำตระกูลจะถามคำถามแบบนี้นับประสาอะไรกับ มาเดลีนแน่นอนว่าเธอกำลังช็อคมากอัตราการเต้นของหัวใจที่คงที่กลับเต้นเเรงขึ้นจากเลือดที่สูบฉีด มาเดลีนเธอไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนั้นอย่างไรชายชราผู้ผ่านประสบการณ์ทางโลกมามากมายเห็นใบหน้าแดงเป็นลูกตำลึงของเด็กสาวตรงหน้า มันทำให้เขาเข้าใจในทันทีรอยยิ้มอ่อนโยนจากชายชราอารมณ์ดีปรากฏขึ้นหลังจากที่เขาเงยหน้าขึ้นมองเจเรมี่ ก่อนจะปรายสายตาเคร่งขึมมองไปที่เมเรดิธและแม่ของเจเรมี่ที่มีสีหน้าคล้ายคนโดนขัดใจ“ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ทำลายใบสมรสการแต่งงานนี้ตราบเท่าที่ผมอยู่ที่นี่!” ผู้นำตระกูลสูงสุดประกาศกร้าวอย่างจริงจังมาเดลีนสังเกตเห็นใบหน้าของเมเรดิธมีความมืดมิดราวกับก้อนถ่านหินมันดูน่ากลัวมาก เธอคิดว่าหล่อนต้องกำลังสาปแช่งผู้อาวุโสคนนี้เป็นแน่ด้วยคำสาบส่งทั้งหมดที่มีอยู่ในหัวของหล่อน"คุณมอนต์โกเมอรี”ผู้อาวุโสวิทแมนเอ่ยปากกับเมเรดิธด้วยการเรียกฐานะของเธอในขณะที่เธอเป็นทาญาติของตระกูลมอนต์โกเมอรีเมเรดิธฝืนยิ้มบนใบหน้าของเธอ “ค่ะ นานท่านวิทแมน”"ผมเชื่อว่าหลานสะใภ้ของผมไม่ได้ลักพาตัวลูกชายของเธ
เนื่องจากความการตอบสนองช้าของร่างกาย มาเดลีนการหยุดรถกระทันหัน ทำให้เธอไม่ทันได้ตั้งตัวส่งผลให้ร่างกายของเธอพุ่งไปข้างหน้า อาการปวดอย่างรุนแรงกำเริบขึ้นทางท้องเธอทันที มาเดลีนขดร่างกายตัวเองเพื่อพยายามบรรเทาความเจ็บปวด แต่ก่อนที่เธอจะหายเจ็บ เจเรมี่กระชากเธอเข้าไปหาเขาใบหน้าของเขายังคงหล่อเหลาแม้จะมีความโกรธที่ท่วมท้น แต่ความเกรี้ยวกราดพวกนั้นไม่สามารถลดความงดงามของใบหน้านั้นได้เลยความโกรธของเขาปะทุขึ้นเมือเธออยู่ตรงหน้าเขาเจเรมี่มองมาเดลีนด้วยรังสีอำมหิต “นั้นเธอยอมรับแล้วใช่ไหมว่าเธอเป็นคนวางยาผมและพยายามขึ้นเตียงกับผมตอนนั้นใช่หรือไม่?”มาเดลีนมองไปที่ใบหน้าที่เธอเฝ้ารักมาหลายปีแล้วยิ้ม“ถ้าคิดว่าฉันทำอย่างนั้น ฉันยอมรับว่าทำก็ได้ คุณชายวิทแมน” เธอไม่ต้องการอธิบายอะไรอีกต่อไปในตอนนี้มันไม่จำเป็นอีกแล้วอย่างไรก็ตาม เจเรมี่หยุดคาดคั้นเธอและมองไปที่ใบหน้าที่ยิ้มแย้มที่อยู่ตรงหน้าเขา รอยยิ้มที่คล้ายคลึงกันปรากฏขึ้นในหัวของเขาอย่างสับสน ก่อนมือที่จับคอเสื้อของมาเดลีนจะคลายออก ต่อจากนั้น ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีต่อมา ความรู้สึกรังเกียจอันเเรงกล้าถูกส่งออกมาจาสายตาของเขา“ไร้ค่า”
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ