มาเดลีนสายตาที่พร่ามัวเห็นเพียงรองเท้าหนังสีดำราคาแพงคู่หนึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ ด้วยขาที่ยาว เธอเงยหน้าขึ้น และในสภาพสะลึมสะลือ เธอมองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏในสายตาก่อนที่เธอจะหมดสติไปมาเดลีนรู้สึกตัวอีกที เธอพบว่าเธอกำลังอยู่ที่โรงพยาบาล โดยมีเอวานั่งอยู่ข้างๆเตียงเธอเอวาเห็นมาเดลีนลืมตาขึ้นแต่กระนั้นเธอยังไม่หายกังวลใจ “แมดดี้ เธอไม่รู้สภาพร่างกายตัวเองเหรอ? ทำไมถึงออกไปกลางสายฝนและทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพเช่นนี้?”มาเดลีนมองเห็นเอวาน้ำตาไหลจากความเป็นห่วง ดวงตาของเธอเป็นสีแดงและมุมริมฝีปากของเธอสั่นเล็กน้อย“ดูสิตอนนี้ฉันตื่นขึ้นมาแล้วไง ไม่ใช่เหรอ?” มาเดลีนยิ้มสู้ สถานการณ์ตรงหน้า เธอรู้สึกตัวลึกๆ ว่าร่างกายของเธออาจแย่ลงมากกว่าที่เเธอคิด อีกทั้งเธอไม่ต้องการที่จะใช้สมองกับเรื่องนี้อีกต่อไปก่อนหน้านี้เธอจำได้แม่นว่าเธอใช้ชีวิตโดยสาบานทุกอย่างกับเจเรมี่ อาจเพราะชีวิตของเธอกำลังจะจบลงในไม่ช้า ดังนั้นคำสัญญาว่าจะตายจากความตายที่น่าสยดสยองจึงกลายเป็นเรื่องตลกและน่าขบขันที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้“ใครเป็นคนพาฉันมาที่นี่?”มาเดลีนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน
สถาณการณ์ในตอนนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วมาก มาเดลีนคิดว่าหล่อนไม่มีทางหลบกาแฟแก้วนั้นได้ทันทีแน่ ๆ แต่แล้วใครบางคนรูปร่างสูงเพียวปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ กาแฟที่ถูกสาดใส่มาเดลีนกลายเป็นถูกสาดลงบนสูทและเสื้อเชิ้ตที่รีดอย่างเนียบของชายคนนั้นทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนมาเดลีนและเมเรดิธตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งคู่“คุณผู้หญิงครับ ผมสามารถฟ้องคุณในข้อหาทำร้ายร่างกายได้เพียงแค่คุณสาดกาแฟร้อนใส่คนอื่น” ชายคนนั้นกล่าว เสียงของเขาทุ้มและกลมกล่อม ราวกับไวน์แดงที่รื่นหู ท่าทางของเขาดูไม่เหมือนใครอย่างเห็นได้ชัดเมเรดิธมองหน้าชายคนนั้นก่อนจะพูดอย่างหยิ่งผยองหลังจากที่เธอได้สติกลับคืนมา “เหอะ! นี่กำลังพยายามทำให้ฉันตกใจหรือเปล่า? แล้วถ้าฉันจะทำร้ายเธอล่ะ? ฉันจะทำร้ายนังสารเลวคนนี้ ทำไมคุณถึงเข้ามาขัดขวางอย่างกะทันหันแบบนี้ห้ะ? "“คุณครอว์ฟอร์ดเป็นพนักงานอย่างเป็นทางการของผม ในฐานะหัวหน้า ผมมีความรับผิดชอบในการดูแลและปกป้องพนักงานของผม”เมื่อมาเดลีนได้ฟังแล้ว เธอตกใจมากกับสิ่งนี้เธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วสายตาของเธอสบเข้ากับดวงตาที่ไร้ก้นบึ้งของชายคนนั้น เธอผงะเมื่อรู้สึกว่าเขาดูคุ้นเคย
อะไรนะ?มาเดลีนแทบไม่เชื่อหูตัวเองเจเรมี่เรียกเธอว่าภรรยาของเขานั่นเป็นเรื่องเพ้อฝันมากพออยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจที่สุดคือวิธีที่เจเรมี่พูดกับเจ้านายของเธอลุง?เธอไม่รู้จักชื่อของชายที่ช่วยเธอมาทั้งสองครั้ง เธอรู้เพียงว่าพนักงานจะเรียกเขาว่าคุณวิทแมนในขณะนั้น มาเดลีนไม่มีความคิดอะไรเลยในตอนนั้น หลังจากนั้น มีคนจำนวนมากที่มีนามสกุลเดียวกันในโลกนี้ ดังนั้น เธอไม่คิดว่าว่าเขาจะเป็นลุงของเจเรมี่เฟลิเป้ วิทแมน เดินลงจากรถอย่างช้าๆ ก่อนจะทอดสายตามองไปที่มาเดลีนด้วยความงุนงง “งั้น เธอเป็นภรรยาของเจเรมี่หรือเปล่า?”มาเดลีนเปิดปากของเธอหลังจากจมอยู่ในความงุนงงเช่นกัน “สำหรับตอนนี้”เจเรมี่ก้มหน้าลงเมื่อได้ยินคำตอบของมาเดลีน“สำหรับตอนนี้งั้นหรอ?” คำตอบของเธอทำให้เฟลิเป้รู้สึกสนใจ เขามองไปที่เจเรมี่ด้วยรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้า “ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมจะไม่ห้ามถ้าจะพาภรรยากลับบ้าน”เฟลิเป้เข้าไปในรถของเขาอีกครั้งก่อนจะมองไปที่มาเดลีน “อย่าลืมมาทำงานพรุ่งนี้ ผมเชื่อในความสามารถของเธอ เธอจะสามารถประสบความสำเร็จได้มากมายในหน้าที่งานของเธอ”“ขอบคุณค่ะ คุณวิทแมน ฉันจะทำให้ดีที่สุด”
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วหลายชั่วโมง และมาเดลีนช่วยเอวาที่เมามากเข้าไปในรถแท็กซี่เมื่อเธอหมุนตัวกลับไปเธอก็ต้องประหลาดใจที่เห็นเจเรมี่ยืนอยู่ที่ประตูด้านหน้าเขายืนพิงรถอย่างนิ่งเฉย มือข้างหนึ่งของเขาอยู่ในกระเป๋ากางเกงในขณะที่อีกมือข้างถือบุหรี่ ปลายบุหรี่ถูกจุดขึ้นก่อนจะค่อยๆหรี่ลงในคืนนี้ เขาดูโดดเดียวอย่างสง่างามหัวใจของมาเดลีนเต้นรัว เธอไม่รู้ว่าเธอรู้สึกประหม่าหรือเปล่าที่ต้องพบเจอเขา เธอต้องการอยู่ห่างจากเจเรมี่ช่วงนี้ แต่ผู้ชายคนนั้นได้เห็นเธอแล้วสายตาที่เย็นชาของเขาจับจ้องมาที่เธอ “เข้าไป”เขามักจะสั่งเธอเสมอ ไม่เคยให้โอกาสเธอได้เลือกเลยสักครั้งมาเดลีนหลีกเลี่ยงการจ้องมองจากเขาอย่างใจเย็น “ฉันเกรงว่าจะไม่ได้ต้องขอโทษด้วยคุณวิทแมน เราควรคุยกันพรุ่งนี้ ตอนนี้มันดึกแล้ว”เจเรมี่ขมวดคิ้ว เขายืนอยู่ตรงหน้ามาเดลีนด้วยความหงุดหงิด “ผมขอให้เธอเข้าไป”“นั่นใครน่ะ? ทำไมเสียงดังจัง?” มีบางอย่างขวางทางกลับบ้าน เอวาจึงเงยหน้าขึ้นขณะที่อยู่ในอาการมึนเมา เธอมองไปที่เจเรมี่สักพักแล้วจู่ๆเธอก็หัวเราะออกมา “ฉันล่ะสงสัยว่ามันคือใคร ที่แท้ก็แค่ ไอ้คนน่ารังเกียจนี่เอง”หลังจากเธอพูดแบ
มาเดลีนเห็นได้ชัดถึงประโยคสุดท้ายที่หลุดออกมาของเอวา มันจะต้องเป็นเหตุให้เจเรมี่ขุ่นเคืองอย่างมากเป็นแน่ทันใดนั้นเจเรมี่โยนบุหรี่ทิ้งก่อนจะขยี้ดับมันด้วยเท้าในพริบตา จากนั้น เขาช่างดูเหมือนซาตานที่มาจากยมโลกฝ่ามืออันแข็งแกร่งคว้าตัวมาเดลีนเข้ามาไว้ในอ้อมแขนเอวา ที่สูญเสียการการประคองของมาเดลีน ล้มลงกับพื้นอย่างแรง“เอวา!”มาเดลีนตะโกนเรียกเพื่อนด้วยความกังวลขณะที่เธอพยายามวิ่งเข้าไปประคองเอวาขึ้นมา เจเรมี่เองไม่ปล่อยให้เธอได้ทำแบบนั้นเขาบังคับให้เธอเข้าไปในรถผู้ชายคนนี้เต็มไปด้วยความต่อต้าน “มาเดลีน นี่คือสิ่งที่คุณทำงั้นหรอ? คุณโกหกเพื่อนที่ดีของตัวเองว่าผมเป็นคนทำร้ายคุณแถมยังสร้างภาพว่าตัวคุณเองถูกเป็นเหยื่อนั้นเหรอ? เธอมันช่างหน้าเหลือเชื่อ”เจเรมี่มองตรงไปที่มาเดลีน ด้วยความโกรธราวกับว่าเขาพยายามแทงเธอให้เจ็บด้วยสายตาของเขา“สัญญาบ้าบอระหว่างเรางั้นเหรอ? ผมให้สัญญาอะไรกับคุณกัน? หยุดฝันเพ้อเจ้อสักทีได้ไหม?”เป็นอีกครั้งที่เขาลบคำสัญญาและข้อตกลงที่เคยทำไว้กับเธอในตอนนั้นทิ้งไปมาเดลีนไม่มีความคิดที่จะหวังให้เจเรมี่จดจำคำสาบานที่สวยงามเหล่านั้นอีกต่อไปความทรงจำเหล่านั้
น้ำเสียงที่แสนเยือกเย็นของเขา ทำให้มาเดลีนหยุดการกระทำของเธอ เพื่อตอบกลับว่า “ซักผ้า”เจเรมี่เดินเข้ามามองสำรวจไปที่เสื้อเชิ้ตสีดำในมือของเธอ ทันใดนั้นเหมือนมีพายุถูกก่อเกิดขึ้นภายใต้ดวงตาของเขา "นี่เธอกำลังซักเสื้อผ้าของคนอื่นที่บ้านงั้นเหรอ?"เขาดูโกรธมากก่อนจะเตะถังซักผ้าพวกนั้นกระจายต่อหน้ามาเดลีนน้ำกระเซ็นโดนตัวของมาเดลีน ทำให้เธอเปียกโชกทันทีมาเดลีนยืนขึ้นด้วยความกลัว เสื้อบางสีขาวของเธอเกาะติดแนบกับร่างกายขณะที่ส่วนโค้งของรูปร่างที่สวยงามถูกประกฏในดวงตาของเจเรมี่ดูเหมือนว่าน้ำแข็งและไฟกำลังปะทะกันในดวงตาของเขา สัญชาตญานป่าเถื่อยถูกกระตุ้นให้เดือดพล่านในร่างกายของเขาเจเรมี่เอื้อมมือไปดึงมาเดลีนเข้ามาในอ้อมแขน จากนั้น เขาบีบคางเธอ บังคับให้มองไปที่เขา“ดูเหมือนว่าเวลาสามปีในคุกที่ผ่านมาเธอ ไม่เพียงแต่ไม่เรียนรู้วิธีปฏิบัติตัว แต่เธอยังได้เรียนรู้วิธียั่วยุผมด้วยงั้นหรือ ฮืม?”ลมหายใจของเขาถูกผ่อนปรนมาบนใบหน้าของเธอมาเดลีนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “นี่คุณวิทแมน ฉันยังไม่อยากตาย ดังนั้นฉันจะไม่ท้าทายความตายโดยการยั่วยุคุณหลอก ไม่หนำซ้ำฉันยังไม่อยากซักเสื้อผ้าให้ผู้ชายค
เจเรมี่จ้องมองมาเดลีนอย่างเขม่นพร้อมกับขมวดคิ้วเข้าหากัน ไฟที่เคยโหมกระหน่ำในดวงตาของเขาดูเหมือนจะหายไปมนทันทีเขาย่อตัวลงเพื่อเข้าใกล้เธอมากขึ้น จากนั้น เขาก็ปัดปอยผมที่หลุดออกจากหน้าผากของเธอไปด้านหลัง น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเมื่อเขาพูดว่า “เธอบอกว่าเธอท้องลูกของผมก่อนที่เธอจะถูกขังคุก เธอสูญเสียลูกไปได้อย่างไร?”คงจะดีไม่น้อยหากเขาไม่เอ่ยถามเธอ คำถามของเขา กำลังเปิดบาดแผลที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาในหัวใจของมาเดลีนให้เปิดกว้างออก เลือดไหลออกมาอย่างล้นเหลือเธอมองไปที่เจเรมี่ที่ตั้งถามคำถามนี้กับเธอในทันทีด้วยความสนุก “ก็อย่างที่คุณพูดนั่นแหละ คุณวิทแมน เธอตายแล้ว ทำไมต้องถาม? เธอจะฟื้นกลับมามีชีวิตอีกเหรอไง?”"มาเดลีน ตอบผมที”เจเรมี่มองไปที่มาเดลีนที่มีรอยยิ้มปลอมบนใบหน้าของเธอ หัวใจของเธอถูกบีบแน่นด้วยคีมที่มองไม่เห็น"คุณท่านวิทแมน คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในการโรยเกลือลงบนบาดแผลสดของคนอื่น “มาเดลีนยิ้มอย่างประชดประชัน ดวงตาสีแดงของเธอชุ่มไปด้วยน้ำตา เธอไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเจเรมี่ได้อีกต่อไป "เจเรมี่ มันเป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ฉันสามารถผ่านพ้นช่วงที่คุณตะคอ
มาเดลีนยิ้มออกมา เธอกำลังจะเดินออกไป เธอเห็นเจเรมี่มองมาที่เธอ “มาทานอาหารเช้ากันก่อน”อะไร?มาเดลีนหยุดเดินด้วยความไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยินเขาเคยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่และเมื่อไหร่กันที่เธอกินข้าวกับเขาด้วยกันสองต่อสอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันดูเหมือนเป็นอาหารเช้าที่จริงใจไร้การเสแสร้งใดๆ“คุณผู้หญิงคะ อาหารเช้าพร้อมแล้วค่ะ” แม่บ้านฮิวจ์ยิ้มให้มาเดลีนอย่างเมตตาหลังจากลังเลสักพัก มาเดลีนหมุนตัวกลับไปเธอมองไปที่โต๊ะอาหาร มีชามซีเรียลและขนมปังปิ้งหนึ่งจานพร้อมกับขนมปังโฮมเมด มาเดลีน ชอบอาหารเช้าง่ายๆทั่วไปแบบนี้“นั่งนี่สิ” เจเรมี่ดึงเก้าอี้ข้างๆเขาออกเธอเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “ไม่ มันใกล้เกินไปแล้ว ฉันเกรงว่าจะทำให้คุณสกปรกค่ะ คุณวิทแมน”จากนั้น เธอก็นั่งลงตรงข้ามเจเรมี่ใบหน้าของเจเรมี่มืดลงทันทีราวกับว่าพายุกำลังจะมาเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเธออดไม่ได้ที่รู้สึกประหม่า เธอก้มหน้าลงเพื่อกินซีเรียลของเธอต่อและไม่พูดอะไรเจเรมี่มองใบหน้าประหม่านั้นก่อนจะเอ่ยเย้ยหยัน “เธอดูไม่เต็มใจอยู่กับสามีมากเลยนะตอนนี้ อดใจที่จะเจอผู้ชายคนนั้นไม่ไหวหรือไง ฮะ?”ผ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ