“อย่านะ! เจเรมี่…”ใบหน้าของเมเดลีนเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดจากความหวาดกลัว เธอรู้สึกถึงความน่ากลัวจากการกระทำของเจเรมี่เธอไม่เคยเห็นเขาในด้านที่เย็นชาและรุนแรงขนาดนี้มาก่อน เธอกังวลว่าเด็กในท้องของเธอจะแท้งเพราะเขาเจเรมี่เองไม่มีแม้แต่โอกาสให้เธอได้วิ่งหนี เขากักขังเธอไว้ภายใต้วงแขนที่แข็งแรงนั่นเธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าเจเรมี่จะเกลียดเธอมากขนาดนี้หลังจากที่เวลาผ่านไปสักพัก เมเดลีนก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมากไปทั่วร่างกายของเธอ เพราะสิ่งนี้เธอจึงตกอยู่ในห้วงนิทราลึกและเข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน เธอเห็นตัวเองย้อนกลับไปยังวันหนึ่งในฤดูร้อนที่สวยงามเมื่อ 12 ปีก่อนพระอาทิตย์สาดแสงตกกระทบลงบนชายหาดที่มีต้นการบูรอยู่เด็กหญิงเมเดลีนกำลังเพลิดเพลินกับการเก็บเปลือกหอยริมชายหาด สายตาของเธอจับจ้องไปยังเด็กชายผู้เงียบขรึม ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนโขดหินที่ไกลออกไป เขาดูเหมือนไม่มีความสุขเลยนั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับเจเรมี่ ตอนนั้นเขาเป็นเพียงแค่เด็กชายอายุ 12 ปี ความสมบูรณ์แบบเป็นสิ่งที่เขามีมาตั้งแต่กำเนิด ทั้งใบหน้าหรือรูปร่างที่สูงเพรียว แต่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดีเด็กหญิงเดินเข้าไปห
เมเรดิธเริ่มตะโกนใส่เธอ ขณะเดียวกันความหึงหวงที่เธอมีทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามนั้นบูดเบี้ยวอย่างน่ากลัว เมเดลีนยิ้มอย่างไม่เเยแส “ในฐานะภรรยาของเจเรมี่ ฉันยินดีอย่างยิ่งที่จะกำจัดปัญหาของเขาให้หายไป”“เมเดลีน นังคนชั้นต่ำ!”“สิ่งนั้นไม่สามารถเปรียบเทียบกับเธอได้เลยเมอร์ เธอคิดจะวางยาเขาเพื่อที่จะได้แต่งงาน ทำไม? เขาปฏิเสธที่จะแตะต้องตัวเธอในตอนที่เขามีสติครบถ้วนงั้นเหรอ? ”สีหน้าของเมเรดิธดูกระอักกระอ่วนราวกับว่าถูกเมเดลีนจับได้ ถึงอย่างไรเธอยังคงนิ่งเฉยและแสดงออกด้วยความภาคภูมิใจ“แน่นอนเจเรมี่ชอบที่จะสัมผัสตัวฉัน เขาชอบที่จะออเซาะฉันมาก! เขาคอยอยู่เคียงข้างฉันทุกคืน มันเทียบอะไรกับเธอไม่ได้เลย เธอทำได้เพียงแค่อยู่บ้านในขณะที่สามีของเธออยู่นอกบ้าน ”คำพูดของเมเรดิธเจือปนไปด้วยหนามแหลมคม เธอหยิบเอกสารบางอย่างออกมาวางไว้ตรงหน้าเมเดลีน“นี่คือใบหย่าที่เจเรมี่ขอให้ฉันเอามาให้เธอเซ็น รีบเขียนลงไปสิ เจเรมี่ไม่อยากเห็นคนที่ป่าเถื่อนสารเลวอย่างเธออีกแล้ว”เมเดลีนเคยผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมา ทำให้เธอเรียนรู้ที่จะสวมหน้ากากให้ดูมั่นใจและสบายใจ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกหนาวสั่นเมื่อเห็นเอ
ช่างเวอร์วังอลังการเสียจริง เมเดลีนเองมองไม่เห็นสิ่งผิดพลาดใด ๆ ในการแสดงนั่นเลยแต่เธอไม่คิดว่าเมเรดิธจะท้องเหมือนกันแต่ถึงอย่างนั้นเด็กที่อยู่ในท้องของเมเรดิธ ใช่ลูกของเจเรมี่จริง ๆ เหรอ?เพราะเท่าที่จำได้ เมเรดิธเองเคยนอนกับคนพเนจรข้างถนนจากความผิดพลาดครั้งนั้น มันเป็นเรื่องบังเอิญในวันที่เธอเข้าห้องผิดเมื่อสามเดือนก่อน ถ้าเธอท้องจริง ๆ เรื่องพ่อของเด็กต้องมีการพูดคุยอีกทีแต่อย่างไรตาม เมเดลีนเองก็ไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่ว่าเจเรมี่มักจะใช้เวลาทั้งคืนกับผู้หญิงคนนี้เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ความเจ็บปวดในใจของเธอก็เริ่มลุกลามอีกครั้งแต่ความเจ็บปวดนั้นไม่สามารถเทียบได้กับสิ่งที่เธอรู้สึก เมื่อเห็นเจเรมี่จับเมเรดิธอย่างอ่อนโยนด้วยความรักและเอาใจใส่เมเรดิธยกมือขึ้นปิดหน้าและร้องไห้อย่างน่าสงสาร“เจเรมี่ อย่าต่อว่าแมดดี้เลย มันเป็นความผิดของฉันทั้งหมด ฉันไม่ควรตกหลุมรักคุณ ในทางกลับกัน ฉันหวังว่าคุณจะสามารถพูดคุยกับแมดดี้เรื่องนี้เพื่อเธอจะได้ไม่ทำร้ายลูกของเรา…”เมื่อเมเรดิธพูดถึงเด็ก เมเดลีนจะเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเจเรมี่อย่างชัดเจนเจเรมี่เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อจ้
เมเดลีนเองรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากราวกับว่าหัวใจของเธอถูกเฉือนออกเป็นพัน ๆ ครั้งด้วยคมมีดเล่มหนึ่ง “เจเรมี่ สิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง!”“สำหรับฉันแล้วไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความรู้สึกของเมเรดิธ เธอกำลังพ่นขยะอะไรออกมา?”การตอบกลับมาของเขาเจ็บปวดเกินต้านทาน มันตรงดิ่งเข้ามาปักหัวใจของเมเดลีนราวกับดาบที่แหลมคมก็ไม่ปานดังนั้นสำหรับเขาแล้ว ความจริงไม่ใช่สิ่งที่สำคัญเลย สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขารักเมเรดิธ และความจริงนั้นทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงเธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอจมดิ่งเหมือนกับก้อนหิน ราวกับว่าเธอสูญสิ้นแล้วกับความหวังทั้งหมด และทำได้เพียงสนองความปรารถนาของผู้ชายคนนี้เท่านั้นเมเดลีนยิ้มออกมาอย่างเสียใจ “ตกลง ฉันจะขอโทษ”เธอทนแบกรับความเจ็บปวดที่มีในร่างกาย และก้มหัวขอโทษเมเรดิธเมเรดิธแอบยิ้มเยาะ รอยยิ้มแห่งชัยชนะนั้นทำให้เธอพอใจกับมันมากเธอไม่เคยมีความคิดนั้นมาก่อนว่าเจเรมี่จะเพิกเฉยต่อความจริงเพียงเพราะเมเรดิธ เหตุผลเดียวที่มีคือเขารักเธอ เขารักเธอมากหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เมเดลีนเองไม่เคยเห็นเจเรมี่อีกเลยเธอต้องการหางานเพื่อสร้างกำลังใจให้ตัวเอง เธอไม่ต้องการรับรู้ถึงควา
หากเสียงนาฬิกาปลุกไม่ดังในเช้าวันรุ่งขึ้น เมเดลีนคงไม่สามารถตื่นได้ด้วยตัวเองใบหน้าของเธอร้อนผ่าว เมื่อนึกถึงทุกการกระทำ และคำพูดในสภาพเมาหัวราน้ำกับเขาเธอไปที่สำนักงานในเวลาต่อมาด้วยอาการเหม่อลอย เธอไม่สามารถลบภาพของเจเรมี่ในหัวได้เป็นเวลาร่วม 12 ปี คงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะยอมสละความรักที่ลึกซึ้งนี้ไปในเวลาเพียงวันเดียวเธอสัมผัสท้องแบนราบของเธออย่างเหม่อลอย ถ้าเป็นไปได้เธอต้องการให้เด็กมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ“ดิ้ง!”เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น ทำให้เธอกลับมาสู่ความเป็นจริงเธอเหลือบไปมองมัน และเห็นว่ามันเป็นข้อความมาจากเจเรมี่!หัวใจของเมเดลีนเริ่มเต้นเร็วอย่างผิดจังหวะ มือของเธอเริ่มสั่นเมื่อเธอเปิดข้อความสิ่งแรกที่เมเดลีนเห็นคือภาพถ่าย มันเป็นภาพถ่ายของเมเดลีนและเมเรดิธ มันถูกถ่ายขึ้นเมื่อตอนที่เธอเป็นถูกรับเป็นลูกบุญธรรมของตระกูลครอว์ฟอร์ดในภาพนั้นเมเรดิธสวมชุดราคาแพง แสงสาดส่องกระทบลงมาบนใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสของเธอ และเธอช่างดูเหมือนกับเจ้าหญิงที่ไม่มีใครแตะต้องได้ เธอดูสง่างามและสมบูรณ์แบบมาก ในทางกลับกัน เมเดลีนเองสวมชุดสีขาวอมเทาเธอดูต่ำต้อยราวกับ
เมเดลีนกลับมายังที่คฤหาสน์ที่เงียบเหงาว่างเปล่า เธอคิดถึงเรื่องหย่า บวกกับคำตอบที่เจเรมี่ทำให้หัวใจเธอทวีคูณความปวดร้าวเหมือนถูกแทงด้วยมีดความคิดที่ว่าเจเรมี่จะเกลียดเธอมากขนาดนี้นั้นไม่เคยมีอยู่ในสมองเธอเลย เขาใจร้ายมากที่บอกให้เธอทำแท้งได้อย่างง่ายดายเมเดลีนรู้สึกกลัว ถ้าเจเรมี่ต้องการทำมันจริง ๆ เธอควรทำอย่างไร?ในเวลาเดียวกันมีเสียงดังมาจากประตูหน้าบ้าน เจเรมี่กลับมาแล้ว เขายังคงยืนตัวตรงและดูสง่างามเช่นทุกครั้งความประหลาดใจเกิดขึ้นในใจ เมเดลีนรู้สึกกังวลมากขึ้นเธอกลัวมากว่าเจเรมี่จะบังคับให้เธอทำแท้ง เธอค่อนข้างประหลาดใจที่เจเรมี่ไม่ได้เอ่ยถึงการหย่าร้าง หรือการทำแท้งใด ๆ ในทางกลับกันเขาย้ำให้เธอกลับไปที่คฤหาสห์วิทแมนพร้อมกับเขา ในวันที่จะถึงนี้ในฐานะภรรยาของเขา ซึ่งเป็นวันเกิดครบรอบ 50 ปีแม่ของเขาความประหลาดใจเกิดขึ้นในใจเธออีกครั้ง นี่หมายความว่าเขาพยายามจะยอมรับเธอหรือเปล่า?อย่างไรก็ตามความหวังที่เพ้อเจ้อนั่น ถูกเขาบดขยี้ลงทันที ดวงตาของชายคนนั้นเย็นชาเช่นเดียวกับคำพูดต่อมาเช่นกัน “เมเดลีนอย่าแม้แต่คิดว่าใจของฉันจะเปลี่ยนไป คงไม่มีวันที่ฉันตกหลุมรักผู้หญิงที่ไร้ยา
เมเดลีนถึงกับชะงัก จิตใจของเธอว่างเปล่าไปหมด“แมดดี้ แมดดี้”ผ่านไปไม่นานเมเดลีนได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเธอเธอได้สติกลับมาอีกครั้ง และเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย เอวา ลองค์ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอเอวามองไปยังหน้าที่ไม่มีเลือดฝาดของเพื่อนสาว เธอรู้สึกโกรธและเป็นห่วงมาก “เมเดลีน เธอเป็นเพื่อนที่แย่มาก ทำไมเธอไม่ยอมบอกเรื่องใหญ่แบบนี้กับฉัน?”เมเดลีนยังคงรู้สึกงงงวย “เอวา ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่?”“เธอสิ เป็นคนที่จะต้องบอกฉัน เธอเป็นคนโทรหาฉันเมื่อคืนนี้ แต่ก่อนที่เธอจะพูดจบเธอก็หมดสติไป” เอวาเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเมเดลีนเบา ๆ ขณะที่เธอพูด “เมเดลีน นี่เธอสูญเสียความทรงจำหรือเปล่า?”แน่นอนเมเดลีนไม่ได้สูญเสียความทรงจำของเธอใด ๆ ทั้งสิ้น เธอจำได้ดีว่าเจเรมี่บีบคอเธอก่อนจะทิ้งเธอไปในคืนนั้น ท้องของเธอกระแทกที่มุมเตียง มันเจ็บปวดมากจนไม่สามารถลุกขึ้นได้ ถึงกระนั้นเขาก็เดินจากไปโดยไม่สนใจใยดีเธอสักนิด เขาพูดทิ้งท้ายด้วยถ้อยคำที่ไร้ซึ้งหัวใจก่อนที่เขาจะจากไปในคืนนั้นหัวใจที่ถูกกรีดออก และความเจ็บทะลุออกมาจากกระดูกเธอเอวาหันหน้ากลับมานั่งลงบนเตียง สีหน้าของเธอดูจริงจังกว่าที่เคย “หมอน
คำครหาเสียงหลงของผู้หญิงคนนี้กำลังดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนมากให้หันมาสนใจ เมเดลีนพยายามรักษาไว้ซึ้งความสุภาพ “มาดามคะ คุณเองที่เป็นคนหันมาชนฉันเมื่อสักครู่นี้ นอกจากนี้ ฉันไม่ใช่แม่บ้านของตระกูลวิทแมน”ผู้หญิงคนนั้นดูอึ้งไปสักพักก่อนจะกวาดสายตาดูชุดที่เมเดลีนสวมใส่ รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏบนใบหน้าที่สง่างามของเธอ “ใช่ เธอก็ดูไม่เหมือนสาวใช้ แต่ดูเหมือนคนขอทานจากข้างถนนมากกว่า”ไม่นานเสียงหัวเราะต่อกระซิกดังมาจากทางด้านหนึ่ง เมเดลีนเองไม่ต้องการโต้เถียงอีกต่อไป ขณะที่เธอกำลังเดินหลีกออกมา เธอก็เห็นเมเรดิธเดินสวนมาในเวลาเดียวกันการแต่งตัวที่เข้ากันกับทรงผมที่เกล้าขึ้น บวกกับการแต่งหน้าที่สวยงามทำให้เธอดูดีกว่าทุกครั้ง เมื่อเธอเห็นเมเดลีน เธอแสดงสีหน้าอาการตกใจ “โอ้ นี่เธอเองเหรอ แมดดี้”เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินสิ่งที่เมเรดิธพูด เธอมองไปที่เมเดลีนอย่างดูถูก "คุณนายวิทแมน คุณรู้จักขอทานโง่ ๆ คนนี้ด้วยเหรอ?”เมเดลีนนิ่งไปอย่างตกตะลึง อะไรกันผู้หญิงคนนี้คิดว่าเมเรดิธเป็นภรรยาของเจเรมี่ เห็นได้ชัดว่าเมเรดิธไม่ได้แก้ต่างในเรื่องนั้น ตรงกันข้ามเธอกับยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น"มาดามแลงฟอ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ