ทันทีที่เธอได้ยินเสียงเรียกทำให้เธอค่อย ๆ หันหน้ากลับมาช้า ๆ และเห็นว่าทั้งคู่กำลังส่งยิ้มให้กับเธออยู่ถึงแม้ว่า พวกเขาจะยิ้มออกมาแต่ก็ยังไม่สามารถซ่อนอารมณ์และความไม่สบายใจภายในสายตาพวกนั้นได้ในเมื่อเรื่องมันมาถึงจุดนี้แล้ว ดังนั้นมาเดลีนจึงหยุดที่จะพูดอ้อมค้อมและถามพวกเขาตรง ๆ ไป“ถ้าให้เดาฉันคิดว่าพวกคุณคงจะรู้เรื่องนี้แล้ว ใช่ไหม?” มาเดลีนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเเรียบ ๆทั้งฌอนและเอโลอิสยืนนิ่งกับคำพูด พวกเขามองเธอด้วยความตกใจเล็กน้อยหลังจากได้ยินที่เธอถามเช่นนั้นหลังจากที่ทั้งคู่เงียบไปเพียงครู่หนึ่งเอโลอิสได้เอ่ยขึ้นอยากตะกุกตะกัก “ วีล่า เธอ—”“วีล่า” มาเดลีนเรียกชื่อของตัวเองซ้ำอีกครั้ง เธอเอ่ยขัดจังหวะเอโลอิสด้วยรอยยิ้ม “ในตอนนี้คุณควรที่จะเรียกฉันว่า เอวลีน มอนต์โกเมอรี ไม่ใช่หรือไง?”“...”“...”และเป็นอีกครั้งที่ทั้งคู่แทบขาดอากาศหายใจเมื่อได้ยินอย่างนั้นพวกเขาทั้งคู่มีแววตาที่ว่างเปล่าและกำลังจับจ้องอยู่ตรงใบหน้าที่กำลังยิ้มสดใสและน่ารักอยู่ข้างหน้าของพวกเขา ในขณะนั้น แทบจะไม่มีเสียงใดเอ่ยออกมามีเพียงแค่น้ำตาที่ไหลออกมาจากตาของพวกเขาอย่างช้า ๆ “เอวลีน!”เอโลอิ
เมื่อเอโลอิสและฌอนได้ยินทั้งคำพูดและท่าทีที่แสดงออกมาของลูกสาว พวกเขามองเธอด้วยความสับสนและความกังวลใจที่ได้ก่อเกิดขึ้นขณะนี้เธอทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว เอโลอิสเรียกชื่อเธอด้วยหัวใจที่กำลังจะแตกสลาย “เอวลีน…”มาเดลีนฉีกยิ้มเล็กน้อย เธอกระพริบตาทั้งสองข้างแล้วมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเดินไปที่โซฟาสไตล์ยุโรปและเอามือลูบโซฟาที่ถูกขัดมันเป็นอย่างดี“ครั้งนั้น คุณจำได้ไหมว่าพวกคุณทั้งสองได้เชิญฉันมาทานอาหารเย็นเพื่อที่จะทำการเจรจาเกี่ยวกับเรื่องของเมเรดิธ และทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนเพื่อที่จะดูแลต้อนรับและสร้างความประทับใจให้กับศัตรูแบบฉัน พวกคุณทั้งสองคงรู้สึกอึดอัดมาก ใช่ไหมที่สถานการณ์เป็นแบบนี้?”เอโลอิสและฌอนต่างพากันรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้อีกครั้ง ในขณะนี้ มาเดลีนยิ้มออกมาด้วยท่าทีที่สงบและพูดว่า “คุณนายมอนต์โกเมอรีจำได้ไหมว่าคุณเคยถามฉันว่าฉันได้พบกับพ่อแม่ตัวเองหรือยังหลังจากที่เวลาผ่านไปนานแล้วหลายปี”เธอในขณะนี้กำลังจ้องด้วยสายตาของผู้เป็นแม่ที่กำลังมองเธอด้วยสายตาแห่งการขอโทษ เธอพูดต่อ “ถ้าอย่างั้นคุณนายมอนต์โกเมอรี จำคำตอบของฉันในวันนั้นได้ไหม?”“เอวลีน…”“ฉันบอกกั
คำพูดที่สุดแสนสะเทือนใจของมาเดลีนทำให้เอโลอิสร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่งหนักกว่าเดิม และในขณะนี้ ฌอนอดกลั้นน้ำตาของเขาไม่ให้ไหลออกมาพวกเขายังจำได้ดีในตอนนั้นที่พวกเขาพบมาเดลีนในห้องผู้ต้องหาหลังจากที่บริทนีย์ของตัวเองถูกฆ่าใบหน้าของมาเดลีนในตอนนั้นทั้งขาวและซีดมาก ภาพนั้นยังคงปรากฏอยู่ในหัวของพวกเขาเช่นเดียวกันกับการกระทำที่โหดร้ายที่ทั้งคู่ได้ทำต่อเธอพวกเขาทั้งสาปแช่งและตบมาเดลีนทั้งหมดก็เพื่อเมเรดิธ ฌอนถึงกับตบมาเดลีนที่อ่อนแอจนร่วงทรุดลงกับพื้นหัวใจของเขาเจ็บปวดเมื่อนึกย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้นพวกเขาทนต่อความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในหัวใจจากความสำนึกผิดที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้เลยเอโลอิสและฌอนนึกไม่ออกเลยว่ามาเดลีนจะต้องใช้หัวใจที่แข็งแกร่งแค่ไหนกันเพื่อที่จะไม่ร้องไห้ออกมาในสถานการณ์นั้นและในขณะนี้ มาเดลีนเข้มแข็งและแข็งแกร่งอย่างที่เคยเป็นมา เธอยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงอดีตอันน่าสังเวชของตัวเอง “ทั้งหมดมันเป็นอดีตไปแล้วล่ะ และฉันก็ไม่อยากจะพูดถึงมันอีกแล้ว”เธอฉีกยิ้มออกมาในขณะที่แววตาผิดหวังได้ปรากฏขึ้นในสายตาคู่นั้นของเธอ“ฉันไม่โทษพวกคุณเลยที่โดนเล่ห์อุบายของเมเรดิธห
มาเดลีนเข้าใจถึงความไม่พอใจที่มีของเขา สุดท้ายแล้ว ชื่อเสียงมากมายจะแก้ไขบาดแผลและความเจ็บปวดของครอบครัวที่ถูกทำลายไปได้ยังไง?เฟลิเป้หันหน้ากลับมามองมาเดลีน แววตาที่ไม่เป็นมิตรของเขาได้หายไปอย่างรวดเร็วเหลือเพียงแค่ความอ่อนโยนเท่านั้น“วีล่า จากนี้เป็นต้นไปทุกอย่างจะเป็นของเรา”มาเดลีนยิ้มรับและพยักหน้า “มันเป็นของคุณต่างหาก มันเป็นทรัพย์สินของตระกูลวิทแมน ฉันไม่เคยต้องการครอบครองบริษัทนี้ ตอนนี้มันกลับมาหาคุณแล้ว ของทุกอย่างมันจะกลับไปหาเจ้าของที่ถูกต้องของมันเสมอ”เฟลิเป้ตกใจมาก “นี่เธอไม่ต้องการมันเหรอ?”“สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดตอนนี้ก็คือการที่เห็นเจเรมี่หมดหวังจนไม่เหลืออะไรต่างหาก” มาเดลีนพูดกับเขาพร้อมกับขมวดคิ้วของเธออย่างใช้ความคิด“แต่ว่านะ มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ฉันสามารถแฮกคอมพิวเตอร์ของเจเรมี่ได้อย่างง่ายดายในการโอนหุ้นและข้อมูลสำคัญของเขาออกไป คือเหมือนว่าเขาจงใจให้ฉันทำแบบนั้น”“นี่เธอกำลังจะบอกว่าเขารู้ว่าเธอจะทำแบบนี้แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดเพื่อหยุดคุณงั้นเหรอ?” เฟลิเป้ขมวดคิ้วมาเดลีนนิ่งเงียบและใช้ความคิด คำพูดในวันนั้นของเเจเรมี่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเ
มาเดลีนตกใจในการปรากฏตัวกะทันหันของเขา แต่ในทางกลับกัน สำหรับเหตุผลบางอย่าง เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอกเฟลิเป้รู้สึกไม่พอใจและหงุดหงิดเป็นอย่างมากเมื่อการขอแต่งงานและการแสดงความรักของเขาได้ถูกขัดจังหวะอย่างกะทันหัน ดวงตาสีดำที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของเขาถูกเติมเต็มไปด้วยความโกรธมากมายในขณะนี้ “เจเรมี่ นายมาที่นี่ทำไม? นายไม่มีตำแหน่งที่จะยืนอยู่ในบริษัทแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว”ดวงตาคมและแคบของเจเรมี่จ้องตรงไปปะทะกับเฟลิเป้อย่างจงใจ ก่อนจะใช้สายตานั้นจับจ้องไปที่ใบหน้ามาเดลีนและเมื่อได้เห็นสายตาที่เย็นชาของเธอ สายตาของเขาได้เปลี่ยนไปเป็นความอ่อนโยนในทันที“ฉันรู้ว่าเธอเกลียดฉันและต้องการให้ฉันตาย ฉันยอมรับการแก้แค้นในทุกรูปแบบที่เธอต้องการ แต่ฉันจะไม่ยอมให้เธอไปกับใครหน้าไหนทั้งนั้น … อย่าคิดแม้แต่จะแต่งงานกับเขาเลย”น้ำเสียงของเจเรมี่ไม่เว้นช่องว่างให้ฝ่ายตรงข้ามได้เจรจา และมีรัศมีแห่งความครอบงำที่ควบคุมทุกอย่างภายในดวงตาสีเข้มนั้นของเขาเมื่อมาเดลีนต้องการที่จะพูดบางอย่างออกไป แต่เธอได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของเฟลิเป้ที่ดังมาจากด้านหลังของเธอ“นายไม่อนุญาตงั้นเหรอ?” เขาหัวเราะในขณะท
“ถ้าเรื่องพวกนี้จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น ไม่ว่าอะไรก็สมควรแล้ว”“ว่าไงนะ? เจเรมี่ เมื่อกี้ลูกพูดอะไรออกมา?” ดวงตาทั้งสองข้างของคาเลนเบิกขึ้นอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ลูกเกลียดผู้หญิงคนนั้นมากขนาดนั้น ทำไมลูกถึง… หรือว่าลูกตกหลุมรักผู้หญิงน่าสมเพชคนนั้นจริง ๆ?”เจเรมี่ไม่ตอบคำถามของคาเลน แต่สายตาที่อ่อนโยนของเขาในตอนนี้เป็นคำตอบที่ดีที่สุด“ผมจะหาที่เหมาะสมให้คุณแม่ย้ายออกไปโดยเร็วที่สุด จะได้ไม่ติดต่อผมหากไม่มีอะไรเร่งด่วน”หลังจากที่พูดจบ เขาก็ได้เดินจากไป แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกจากบ้านนั้น เขาเห็นอาวุโสวิทแมนมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาอาวุโสวิทแมนกำลังถือไม้เท้าของเขา ถึงแม้ว่าใบหน้าที่เล็กลงของเขาจะดูเคร่งขรึมแต่ดวงตาของเขายังแสดงถึงความอบอุ่นและใจดีอยู่“ตามฉันมา” เขาพูดกับเจเรมี่ก่อนจะหันหลังเดินไปอีกด้านเจเรมี่ลังเลอยู่สองวินาทีก่อนจะเดินตามเขาไป ณ ห้องทำงานอาวุโสวิทแมนกำลังเผชิญหน้าด้วยท้องฟ้าสีเทาทางนอกหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสของเขา ไม่นานจากนั้น เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า“แกจะทำอะไรต่อจากนี้?”“อย่าได้กังวลไปเลย คุณปู่ ถึงแม้ว่าผมจะสูญเสียบริษัท แต่ในไม่ช้าผมจะได
เจเรมี่เอ่ยถามคำถามที่เขาเก็บเอาไว้อยู่ในใจมานานกับอาวุโสวิทแมน ชายชราได้หันไปดูท้องฟ้าสีเทาอีกครั้งดวงตาของเขามีประกายแห่งความเศร้าปะปนอยู่ “เรื่องนี้เริ่มต้นเมื่อ 23 ปีที่แล้ว…”เรื่องราวถูกย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ในขณะนี้เจเรมี่รู้สึกสับสน และเดาว่าเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของเฟลิเป้และหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่ถูกถ่ายทอดผ่านอาวุโสวิทแมน เจเรมี่ก็ได้คำตอบที่เป็นรูปธรรมและทุกอย่างดูชัดเจนขึ้นและในทางเดียวกัน เรื่องราวทั้งหมดนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเฟลิเป้เป็นคนที่อันตรายมาก แล้วเขายอมไม่ได้เลยที่จะให้มาเดลีนเข้าใกล้เฟลิเป้ได้อีกต่อไปอาวุโสหยุดเจเรมี่ไว้ในทันทีเมื่อเห็นว่าเขามีอารมณ์พลุ่งพล่านที่จะพุ่งออกไป “แมดดี้อาจจะรู้เรื่องไม่ช้าก็เร็วอีกครั้ง เฟลิเป้ยังคอยช่วยเธอในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต ทำให้เธอไว้ใจเฟลิเป้เป็นอย่างมาก และหากนายไปพูดอะไรเข้า มันจะทำให้แมดดี้ขุ่นเคืองและดูถูกนายได้ เพราะฉะนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะเชื่อในสิ่งที่นายพูด”“ผมไม่สนใจว่าเธอจะเชื่อหรือไม่แต่สิ่งที่ผมคือผมจะไม่ยอมให้เฟลิเป้โกหกหรือทำร้ายเธอ” เจเรมี่ขมวดค
ในขณะที่เขาใช้ความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว จู่ ๆ ไฟอพาร์ตเมนต์ได้ดับลงเจเรมี่รู้สึกได้ว่าลมหายใจของเขาเริ่มติดขัดขณะที่รู้สึกอึดอัดในใจเริ่มสับสนหวั่นไหวเขาโยนขวดไวน์ที่ไม่เหลือแม้แต่แอลกอฮอล์สักหยดลงถังขยะแล้วหันหน้ามุ่งไปยังทางเข้าอพาร์ตเมนต์โดยไม่ลังและเมื่อเขากำลังจะเข้าไปในอพาร์ตเมนต์ เขากลับเห็นว่านเฟลิเปเดินออกไปความอึดอัดที่มีอยู่ในใจของเขาบางส่วนได้หายไปทำให้เขาหยุดเดิน เมื่อเขายังเห็นอีกว่าเฟลิเป้ขับรถออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่รอช้าที่จะรีบเดินเข้าไปในอพาร์ทเมนท์เจเรมี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูของเธอด้วยความโล่งอก เขายังจำได้ว่าเธอเคยเชิญให้เข้าไปในอพาร์ตเมนต์ของเธอเมื่อครั้งที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในฐานะของวีล่าในตอนนั้น ทำให้เขาได้รับรู้ว่าเธอเองไม่ได้หลับนอนร่วมกับเฟลิเป้จริง ๆแล้วในตอนนี้เอง เจเรมี่ได้เดินไปที่ประตูและยืนอยู่แบบนั้นด้วยความเงียบลมหนาวและหิมะที่พัดผ่านเข้ามาจากทางหน้าต่างได้สร้างความหนาวเย็นทะลุผิวหนังของเขาเข้ามาราวกับเข็ม แต่เจเรมี่กลับไม่สนใจถึงความหนาวเข้ากระดูกนี้มันไม่มีความหนาวเย็นและความเจ็บปวดใดที่จะเทียบได้กับสิ่งที่เขาได้
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ