โทนเสียงของชายคนนั้นนุ่มนวลและมั่นใจ ดูเหมือนเขากำลังขอร้องเธอด้วยสายตาของเขาและความมึนงงในฤทธิ์ไวน์เล็กน้อย และแม้ว่าเขาจะมีสติ แต่ก็ดูมึนเมาในเวลาเดียวกันมาเดลีนมองเขาด้วยสายตาที่ไม่แยแสก่อนจะตอบกลับไปว่า “แม้แต่หน้านาย ฉันยังรังเกียจที่จะมอง นับประสาอะไรกับให้ฟังในสิ่งที่นายพูด”คำพูดที่เธอใช้เป็นการแสดงให้เห็นว่ารังเกียจเขาอย่างโจ่งแจ้งสายตาที่ขุ่นเคืองของเธอทำให้เจเรมี่เองยืนตะลึงในคำพูดและท่าทีเหล่านั้นหัวใจของเขากำลังดิ่งลึกลงไปในเหวที่มีความเย็น มันหนาวเย็นเสียบไปถึงกระดูกและได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายเขาตอนนี้คิดถึงสิ่งนั้นเป็นอย่างมาก หากย้อนกลับไป ในตอนนั้นเธอมองเขาด้วยสายตาแห่งความชื่นชมและความรักที่มีอยู่เต็มเปี่ยมไปทั่วดวงตา มันเผยให้เห็นความเปล่งประกายระยิบระยับที่มีต่อเขาในสายตาคู่นั้นเป็นอย่างมากแต่ในตอนนี้ เธอกำลังมองเขาด้วยสายตาเย็นชายิ่งกว่าการมองคนแปลกหน้าเสียอีกเธอสังเกตเห็นว่าตอนนี้เขากำลังมองเธอด้วยสีหน้างุนงงและไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่จุดยืนของเธอมั่นคงมากกว่าครั้งก่อนเป็นอย่างมาก “เจเรมี่ ถ้าไม่ออกไปตอนนี้ฉันจะโทรเรียก รปภ. แล้วนะ”ได้ยินดังนั้น เจเ
ท่ามกลางความเงียบได้ถูกทำลายลง เจเรมี่ได้ยินมาเดลีนหัวเราะออกมาเบา ๆ“เจเรมี่ ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว ฉันไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรให้กับนายอีกต่อไปแล้วในตอนนี้ต่อให้นายพูดอะไรหรือทำดีแค่ไหนมันก็ช่วยไม่ได้อีกแล้ว” มาเดลีนพูดออกมาโดยไม่แยแสความรู้สึกของเขา มันแสดงให้เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ต้องการเขาอย่างแท้จริง“เพราะฉันไม่ได้รักนายแแล้ว”แล้วถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าเธอไม่ได้รักเขาอีกต่อไปแล้ว แต่เมื่อได้ยินมันจากปากของเธอ ทำให้เขาได้รู้ซึ้งถึงการที่ถูกลูกธนูนับล้านเล่มพุ่งเข้ามาในหัวใจเขาในคราวเดียวกันไม่ใช่เท่านั้นเขายังรู้สึกราวกับมีดที่มองไม่เห็นได้แทงมาบนตัวเขาและเชือดเฉือนเนื้อของเขาออกจากร่างกายทำให้เหลือแต่กระดูกในตอนนี้มาเดลีนใช้มือของตัวเองดึงแขนที่ไร้ชีวิตของเจเรมี่ออกไป เธอหันหน้าไปมองชายสิ้นหวังคนนี้อย่างประชดประชัน“เจเรมี่ ฉันกับนายมันจบลงแล้ว ในทันทีที่นายสั่งให้คนมาขุดหลุมฝังศพของคุณปู่ของฉัน มันทำให้ฉันเสียใจที่ได้ตกหลุมรักผู้ชายเย็นชาที่ไร้หัวใจเช่นนายตั้งแต่ตอนนั้น”คำพูดของเธอคอยตอกย้ำเขา ทำให้เจเรมี่รู้สึกถึงลมหนาวที่พัดผ่านร่างกายของเขาซ
บางทีมันอาจจะดูไม่น่าแปลกใจกับภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า แต่ทว่าหัวใจของเธอกลับเต้นผิดจังหวะเกินกว่าที่เธอคิดเอาไว้มากในทีแรกเธอตั้งใจเอาไว้ว่า จะไม่สนใจใยดีผู้ชายที่นอนไม่ได้สติอยู่บนพื้น แต่เมื่อเธอสังเกตเห็นคิ้วของเจเรมี่ที่ขมวดเข้าหากันดูคล้ายกับว่าเขากำลังเจ็บปวด เธอก็พาตัวเองให้มานั่งยองลงข้างเขาโดยที่ไม่รู้ตัว ก่อนจะเอามือไปแตะหน้าผากของเขาเพื่อวัดอุณหภูมิแก้มทั้งสองข้างของเขาเย็นเฉียบ แต่ตรงหน้าผากของเขาร้อนราวกับกำลังเผาไหม้แล้วเมื่อเธอเข้าใกล้เขามากขึ้น นอกจากกลิ่นตัวอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาแล้ว ก็ยังมีกลิ่นแอลกอฮอล์ที่แรงเพิ่มขึ้นมาอีกด้วยเขาเมามาก และยังนอนอยู่ท่ามกลางลมหนาวตลอดทั้งคืน อาจเป็นไปได้ที่ตอนนี้เขาจะไข้ขึ้นเธอไม่ต้องการที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะโทรหา 911 เพื่อให้รถพยาบาลมารับเขาออกไปแทน และเมื่อเธอกดโทรศัพท์เพื่อติดต่อรถพยาบาลจู่ ๆ เจเรมี่ก็จับมือของเธอไว้มือของเขาเย็นเฉียบ มันให้ความรู้สึกเย็นจัดจนเกือบจะกลายเป็นน้ำแข็ง ความเย็นจากมือของเขาทะลุผ่านเข้าไปจนถึงกระดูกของเธอ“อย่าไป…” เขาขยับปากเล็กน้อยและพึมพำราวกับว่
มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับหนี้สินของเจเรมี่ และเขาก็เริ่มสูญเสียความน่าเชื่อถือในแวดวงธุรกิจเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกันหลายคนกำลังรอคอยคำอธิบายและคำชี้แจงจากเจเรมี่ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปสักพัก ก็ยังไม่มีอัปเดตใด ๆ จากทางทวิตเตอร์ของเขาเฟลิเป้ได้ทำนายเอาไว้ด้วยเหมือนกันว่า เจเรมี่จะจัดการแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไร ถึงอย่างนั้น แม้ว่าจะผ่านไปหนึ่งวันแล้ว แต่เจเรมี่ก็ยังไม่ปรากฏตัวออกมา คล้ายกับว่าเขาได้หายไป และปิดทุกช่องทางการติดต่อสื่อสารจากโลกออนไลน์เมเดลีนเป็นคนเดียวที่รู้ว่า ตอนนี้เจเรมี่อยู่ในอพาร์ตเมนต์ของเธอ แต่ว่านี่มันผ่านไปแล้วหนึ่งวันเต็ม ๆ เขายังไม่ได้สติอีกเหรอ?มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่ตอบโต้อะไร หลังจากที่ได้เห็นงานแถลงข่าวในวันนี้ หรือว่าอาการป่วยของเขาจะหนักขึ้น?เมเดลีนครุ่นคิดเรื่องนี้เงียบ ๆ จากนั้นเธอก็ตามเฟลิเป้ไปยังร้านอาหารที่หรูหราที่สุดในเกลนเดล เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง เฟลิเป้เลือกเปิดขวดไวน์ที่แพงที่สุดขวดหนึ่ง“ยินดีด้วย ในที่สุดคุณก็บรรลุเป้าหมายของคุณได้สักที เพียงเท่านี้ ทุกอย่างในบริษัทวิทแมนก็เป็นของคุณแล้ว” เมเดลีนยกแก้วไวน์ของเธอขึ้น เพื่
นี่ก็เข้าปีที่หกแล้วหกปีผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เมเดลีนวางนิ้วของตัวเองลงเพื่อทำการสแกนเปิดประตูอพาร์ตเมนต์ ในขณะนี้ความคิดของเธอกำลังลอยฟุ้งไปทั่ว เธอจำได้ถึงเรื่องที่เธอถูกสั่งจำคุกโดยที่ไม่มีความผิดอะไร และเรื่องที่เธอถูกทรมานตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเธอไม่อาจลืมได้ว่า เธอถูกนักโทษหญิงพวกนั้นบังคับให้เธอคลอดลูกยังไงในคืนที่เลวร้ายเช่นนั้นนี่เธอลืมไปได้ยังไงว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดลูกของเธอ?อย่างไรก็ตาม ปีนี้ค่อนข้างแตกต่างออกไป เพราะว่าเธอจะไม่ต้องไปร้องไห้ที่หลุมศพอันว่างเปล่านั่นอีกแล้วเธอรู้แล้วว่าลูกของเธอยังไม่ตาย“คุณแม่ครับ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของผมครับ” แจ็คสันเฉลยออกมา เสียงใสกังวานราวกับระฆังของเขา ทำให้เมเดลีนกลับมาสู่ปัจจุบันเธอค่อนข้างตกใจเล็กน้อย และไม่สามารถเก็บกดความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในใจของตัวเองได้แจ็คสันเป็นลูกของเมเรดิธและเจเรมี่ แต่เรื่องตลกร้ายคือลูกของเธอเกิดวันเดียวกันกับแจ็คสัน“คุณแม่ครับ พรุ่งนี้คุณแม่จะไปร่วมฉลองวันเกิดกับผม ใช่ไหม?” เด็กชายตัวน้อยกระตุกชายเสื้อโค้ตของเธอเมเดลีนก้มศีรษะลงต่ำพลางยิ้ม แล้วมองไปที่ดวงตาบริสุทธิ์ที่กำลั
“แดดดี้” แจ็คสันเอ่ยเรียกพ่อของตัวเองทันที เจเรมี่มองเขาอย่างแปลกใจเล็กน้อย เด็กชายหน้าตาดีตัวน้อยเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้ม ดวงตาใสแจ๋วของเขายิ่งดูยิ่งคล้ายกับของเมเดลีน อันที่จริง ในช่วงตลอดสามปีที่เมเดลีน ‘จากไป’ เขาก็แทบจะไม่เคยได้ยินเแจ็คสันเรียกเขาว่า ‘แดดดี้’ อีกเลย และถึงแม้ว่าเขาจะเอ่ยเรียก แต่เสียงของเขาจะฟังดูไร้ชีวิตชีวาและไม่ใส่ใจ ไม่เหมือนกับตอนนี้“แดดดี้เองก็อยู่ที่นี่ด้วยหรอครับ? ถ้างั้นก็ดีเลย มาร่วมฉลองวันเกิดของผมกับคุณแม่ไหม?”วันเกิดเจเรมี่นึกขึ้นได้ทันทีว่า พรุ่งนี้เป็นวันเกิดแจ็คสันตอนนี้แจ็คสันอายุห้าขวบแล้ว แต่เท่าที่เขาจำได้ ดูเหมือนว่าแจ็คสันไม่เคยได้ฉลองงานวันเกิดกับเขามาก่อนเลย“แจ็ค ตอนนี้พ่อของลูกจะต้องออกไปแล้ว หากมีเรื่องอะไรที่จะพูดกับเขาก็เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน” เมเดลีนเดินเข้ามา แล้วพูดกับแจ็คสันด้วยรอยยิ้ม เธอจงใจพูดแบบนั้นกับเจเรมี่ เพื่อให้เขาออกจากห้องไปเธอหันกลับมามองชายคนนั้น ก่อนที่จะใช้สายตาที่เย็นลงเล็กน้อยกดดันเขาก่อนจะพูดว่า “คุณกลับไปได้แล้ว”เจเรมี่ยิ้มอย่างขมขื่น “ได้เดี๋ยวออกไป แต่พรุ่งนี้วันเกิดแจ็ค…”“วันเกิด? คุณว
ผู้คนจำนวนมากเริ่มมาล้อมรอบบริเวณที่เกิดเหตุ หลังจากที่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในขณะที่รถกำลังพุ่งเข้าหา เมเดลีนคิดว่าเธอไม่มีทางที่จะหลบพ้น แต่ในเพียงชั่วพริบตาเดียวกลับมีแรงดึงอย่างแรงคว้าเธอเอาไว้ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกสัมผัสได้ถึงความปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนขณะที่เธอยังอยู่ในอาการตื่นตระหนก ใครบางคนกำลังจับไหล่ของเธอไว้แน่น“เอวลีน เป็นอะไรไหม? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”ในขณะที่เธอได้ยินเสียงเป็นห่วงอันคุ้นเคย สุดท้ายเมเดลีนก็รู้ว่าคนที่ดึงเธอเข้ามาไว้ในที่ปลอดภัยคนนั้นก็คือ เอโลอิสใบหน้าสูงศักดิ์สง่างามของเอโลอิสเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ดวงตาของเธอที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงกำลังพิจารณาร่างกายของเมเดลีน ว่ามีอาการบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่เมเดลีนสับสนอยู่สองสามวินาที ก่อนจะตอบว่า “ฉันสบายดี ขอบคุณค่ะ คุณนายมอนต์โกเมอรี่”เมื่อเอโลอิสได้ยินสรรพนามที่เมเดลีนใช้กับเธอ ดวงตาของเธอก็กลายเป็นสีแดง แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอยู่ดีเธอรู้ดีว่าเธอหมดสิทธิ์ที่จะได้ลูกสาวของตัวเองคืนเมเดลีนหันไปมองรถที่เกือบจะพุ่งชนเธอ รถคันดังกล่าวพุ่งเข้าชนต้นไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ จนหน้ารถยุบลงมาครึ่งหนึ่ง อย่าง
เธอควรที่จะเลิกให้ความสำคัญกับพวกเขาไปตั้งนานแล้ว แต่ทำไมเธอยังรู้สึกถึงน้ำตาที่คลอเบ้าเธออยู่ เมื่อเห็นเอโลอิสที่ก้าวเดินอย่างยากลำบากหลังจากที่เจเรมี่กลับจากอพาร์ทเม้นท์ของเมเดลีน เขาก็ได้เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องของเขาในคฤหาสน์วิทแมนเ ในช่วงเวลานี้ ทั้งอีวอนและคาเรนต่างพากันมาเคาะประตูห้องเขานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็ไม่ใส่ใจที่จะตอบกลับเลยสักครั้งเขานั่งดูวีดีโอแต่งงานของตัวเองกับเมเดลีนต่อเนื่องติดต่อกันอยู่ที่เดิมตั้งแต่เช้าจรดค่ำปู่ของเขาพูดถูก เป็นเขาเองที่ตกหลุมรักเมเดลีนมาตั้งนานมากแล้ว หลักฐานชั้นดีและชัดเจนที่สุดว่าเขาเลือกเธอเป็นคู่ชีวิตก็คือ การที่เขาแต่งงานกับเมเดลีนภายใต้การใช้ชื่อของคุณปู่อย่างไรก็ตาม เมเรดิธหลอกเขามาตลอดหกปีเต็ม เนื่องด้วยคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้เมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็กท้ายที่สุดแล้ว เมเรดิธก็เป็นแค่ตัวปลอมผู้หญิงที่เขารักมาตลอดคือ ผู้หญิงคนเดียวกันกับเด็กหญิงที่เขาเคยให้คำมั่นสัญญาในตอนนั้นเจเรมี่เอนตัวพิงเก้าอี้อย่างเงียบงัน ฉับพลันเขาก็ระเบิดหัวเราะออกมา ‘คนที่ฉันรัก ไม่ว่าจะเป็นในตอนนั้น หรือในอนาคตก็จะเป็นเธอเสมอ ลินนี่…’บี๊บ บ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ