ไดอาน่านึกว่าตัวเองหูฝาด เธอยังคงอยู่ในอาการตกตะลึง เธอส่ายหัวไปมาอย่างไม่เชื่อและไม่สามารถยอมรับในเรื่องที่ได้ยินนี้ได้“เป็นไปได้ไงกัน? ไม่มีทาง! ผู้หญิงคนนั้นมาเป็นลูกสาวของคุณผู้หญิงได้ยังไง? ผู้หญิงคนนั้นไม่คู่ควร เธอไม่สมควรกับตำแหน่งทายาทมอนต์โกเมอรีเลย ผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่คนสารเลว”“หุบปากของเธอเดี๋ยวนี้!” เอโลอิสโกรธจัด “เธอเป็นใครถึงได้มาสาปแช่งลูกสาวของฉันแบบนี้? ถ้าลูกสาวของฉันไม่คู่ควร แล้วลูกสาวของเธอคู่ควรหรือไง? เธอกล้าทำสิ่งที่น่ารังเกียจและไร้ยางอายแบบนี้มันต่ำเสียยิ่งกว่าความต่ำทั้งหมดที่ฉันเคยพบเจอมาในชีวิตเสียอีก นี่ยังมีหน้าที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์ลูกสาวของฉันอีกเหรอ? ไดอาน่า เธอเป็นคนที่ไม่มีจิตใต้สำนึกและเป็นคนที่ไม่รู้ถูกรู้ผิด คนอย่างเธอไม่สมควรที่จะถูกเรียกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำ!”เอโลอิสตำหนิเธออย่างตรงไปตรงมาด้วยความโกรธ เมื่อเธอนึกภาพไปถึงความลำบากที่มาเดลีนต้องต่อสู้และดิ้นรนเอาตัวรอดมา หัวใจเอโลอิสก็เจ็บปวดเกินคำบรรยาย“เอโลอิสเป็นอะไรไป?” เมื่อเห็นว่าเอโลอิสร่างกายเริ่มแกว่งไปมาคล้ายกับว่าเธอกำลังจะเป็นลม ฌอนรีบพยุงเธอไว้อย่างกังวลใจเอโลอิสร้องไห้ออกมาพร้อ
“เอวลีน…”เอโลอิสไม่สามารถหยุดสั่งสมองให้คิดเป็นอย่างอื่นได้และเธอเรียกชื่อหนีออกมาอย่างแผ่วเบา มาเดลีนตกใจเล็กน้อย เธอรู้ดีว่านี่เป็นชื่อจริงของตัวเอง“พ่อกับแม่ขอโทษลูกด้วยนะ เราเสียใจมากจริง ๆ ลูกสาวของแม่มาอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ ๆ ทำไมแม่ถึงตาบอดแบบนี้ เราทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่าและเรายังปกป้องผู้หญิงที่ชั่วร้ายแบบเมเรดิธเอาไว้…”“แม่รู้ว่าไม่มีทางที่จะชดเชยความผิดให้ลูกได้เลยในชีวิตนี้มันคงไม่มีอีกแล้ว หากชาติหน้ามีจริง แม่ขอชดใช้ให้กับสิ่งที่เคยได้ทำกับลูกไว้…”เอโลอิสเอื้อมมือของตัวเองออกมาอย่างโหยหาและดึงมาเดลีนเข้ามากอดราวกับว่าเธอกำลังพูดกับลูกสาวของตัวเองอยู่ในความคิด“เอวลีน เอวลีน ลูกรักของแม่…” เธอเพ้อชื่อนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทาบางทีเธออาจจะอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน ในขณะที่เธอมองไปที่ใบหน้าของมาเดลีนที่ดูคล้ายกับลูกสาวของตัวเอง มันอยากมากที่จะไม่ตกอยู่ในภวังค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพความเศร้าโศกและสภาพจิตใจที่ไม่คงที่ของเธอในตอนนี้มาเดลีนปล่อยให้เอโลอิสกอดเธอแน่น เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมาจากดวงตาที่เงียบสงบของตัวเอง แต่กระนั้นเธอก็ไม่สามารถกลั้นมัน
และในจังหวะนั้นเองที่มาเดลีนหันหน้ากลับไปมองที่ต้นเสียง เธอเห็นชายคนนั้นยืนอยู่ไม่ไกล ในนาทีนี้เธอรู้ตัวว่าได้ตอบรับชื่อนั้นออกไปโดยไม่ทันตั้งใจหลังจากที่เขาเรียกเธอว่า ‘แมดดี้’ สายตาของเธอกำลังสบเข้ากับนัยน์ตาที่ดูลึกลับของเขา มาเดลียิ้มอย่างใจเย็น“แมดดี้? นี่อย่าบอกนะว่าคุณเองก็เป็นเหมือนกันกับคุณนายมอนต์โกเมอรี ดึงตัวเองออกจากบทบาทก่อนหน้านี้ไม่ได้ ทำเหมือนกับว่าฉันเป็นมาเดลีนงั้นเหรอ?”น้ำเสียงของเธอในตอนนี้กำลังจะบอกว่าเธอกำลังล้อเล่นที่ตอบรับเขาไปแบบนั้น เธอไม่รอช้าและไม่ให้ทุกอย่างดูเป็นพิรุธ เธอจึงเดินเข้ามาหาเขาและฉีกยิ้มกว้างออกมา“แต่ฉันไม่คิดว่าคุณจะเรียกชื่อมาเดลีนอย่างสนิทสนมขนาดนี้ เธอเป็นผู้หญิงที่คุณเกลียด ไม่ใช่หรือไง?”มาเดลีนทำเป็นยิ้มเล็กน้อย เธอเดินผ่านเจเรมี่ไปและหยิบนิตยสารเล่มหนึ่งขึ้นมา จากนั้น เธอเดินไปนั่งบนเตียงและพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติว่า “มันค่อนข้างที่จะคาดไม่ถึงเลยนะ ปรากฏว่า มาเดลีนจะเป็นทายาทของตระกูลมอนต์โกเมอรี เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเหลือเกินที่เธอถูกคนใช้ในครอบครัวตัวเองสลับตัวกับเด็กที่เกิดในเวลาที่ใกล้เคียงกันแบบนั้น”“มันช่วยไม่ไ
หลังจากที่แถลงการณ์ได้จบลงไปสักพัก จู่ ๆ เฟลิเป้ได้โทรมาหาเธอ ทำให้เธอได้รวบรวมสติอารมณ์เอาไว้ก่อนจะรับโทรศัพท์ น้ำเสียงอ่อนโยนของผู้ชายคนนั้นดังก้องเข้ามาในหูผ่านสายโทรศัพท์ “คุณโอเคไหม? คุณเห็นวิดีโอพวกนั้นหรือยัง?”มาเดลีนเข้าใจถึงสาเหตุที่เขาโทรมา “ใช่ ฉันเพิ่งดูจบไปเมื่อกี้นี้เอง ขอบคุณนะที่เป็นห่วง แต่ว่าฉันไม่เป็นอะไร”“พวกเขารักเธอมากจริง ๆ นะ พวกเขาแค่ตาบอดกันก็เท่านั้น” เฟลิเป้อธิบายความรู้สึกแทนเอโลอิสและฌอน“รัก…”มาเดลีนยิ้มออกมาหลังจากที่พูดคำนั้น เธอก็รู้สึกแปลก ๆ “เฟลิเป้ คุณอยู่ที่ไหน ฉันจะไปหาคุณเดี๋ยวนี้ เรามาคุยเรื่องแผนการกันต่อ”หลังจากวางสายแล้ว มาเดลีนก็รีบขับรถไปยังบ้านที่เฟลิเป้อาศัยอยู่นอกชานเมืองหลังจากที่มาเดลีนมาถึง เฟลิเป้ได้นำชาดำที่เขาชงเองมาให้เธอ เขายังคงมองผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาด้วยรอยยิ้มและสายตาที่อ่อนโยนเสมอ “ผมอยากให้เรื่องนี้จบลงให้เร็วที่สุด แค่คิดว่าคุณจะต้องอยู่กับหมอนั่นทุกคืนก็ทำให้อึดอัดมากพออยู่แล้ว”มาเดลีนยกชาดำขึ้นมาจิบ ความห่วงใยและความรักที่มีให้เธอจากเฟลิเป้ทำให้เธอรู้สึกได้“ไม่ต้องห่วง ฉันดูแลตัวเองให้ไม่มีข้อผิดพลาดอย
“ดูไปตรงนั้นสิ” เอโลอิสชี้ไปที่สตูดิโอถ่ายรูปแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก นัยน์ตาของเธอดูเศร้าเหลือเกิน “ลูกสาวของฉันจากไปแล้ว ฉันรู้ดีว่าไม่สามารถชดเชยความเสียใจที่มีอยู่ในชีวิตนี้ได้อีกแล้ว สิ่งนี้เท่านั้นที่จะเป็นเครื่องเยียวยาความเสียใจของพวกเราได้”“เรารู้ว่าคำขอของเราจะดูเห็นแก่ตัวและล้ำเส้นมากไปเล็กน้อย แต่ถ้าเธอไม่เต็มใจ วีล่า พวกเราก็จะไม่บังคับ” ฌอนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยการอ้อนวอนมาเดลีนมองไปที่สตูดิโอถ่ายภาพที่อยู่ไม่ไกลและยิ้มบาง ๆ สรุปว่าพวกเขาต้องการจะใช้ประโยชน์จากใบหน้านี้ของเธอเพื่อถ่ายรูปครอบครัวเฟลิเป้พูดถูก บางทีการขอโทษอาจจะไม่ได้มาจากความจริงใจ พวกเขาก็แค่ทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นไม่มีอะไรมากไปกว่านี้พวกเขาจะรู้สึกดีหลังจากที่ได้ถ่ายรูปครอบครัวกัน แต่ความรู้สึกเธอล่ะจะดีขึ้นด้วยหรือเปล่า?มาเดลีนหัวเราะคิกคัก เธอหลับตาลงและนึกย้อนไปในวันที่เอโลอิสและฌอนแสดงปฏิกิริยาอย่างเย็นชากับเธออย่างชัดเจนในตอนนั้นนั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอในช่วงเวลานี้“ฉันต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่ไม่สามารถตอบตกลงตามคำขอที่ว่านี้ได้” มาเดลีนปฏิเสธ
เอโลอิสรีบตามไปในที่เกิดเหตุ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล “วีล่า ทำไมจู่ ๆ ถึงได้เดินออกไปกลางถนนแบบนั้น มันอันตรายรู้ไหม! ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?”ได้ยินดังนั้น มาเดลีนก็ได้สติของตัวเองกลับมาอย่างสมบูรณ์ เธอส่ายหัวและพูดว่า “ฉันแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือ แต่ว่าฉันต้องไปแล้ว”เอโลอิสและฌอนทั้งสองคนสังเกตได้ว่ามาเดลีนมีพฤติกรรมแปลก ๆ เล็กน้อยและทำให้พวกเขาเป็นกังวล แต่ในเวลานี้มาเดลีนได้ขึ้นรถแท็กซี่หายไปอย่างรวดเร็วจากมุมถนนเธอลงจากรถเมื่อแท็กซี่ขับมาจอดที่หน้าอาคารบริษัทวิทแมน ตลอดระยะทางที่เดินทางมาที่นี่ ในหัวมาเดลีนยังคงคิดวนไปมากับเรื่องที่ได้ยินเมื่อไม่นานมานี้มันอาจจะเป็น?‘ไม่มีทางเป็นไปได้ หลุมฝังศพนั่นที่เจเรมี่พาฉันไปครั้งล่าสุดนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันอย่างแน่นอน’‘เขาเกลียดฉันมากขนาดนั้น ทำไมต้องสร้างหลุมศพให้ฉันด้วย นับประสาอะไรกับท่าทางที่ดูกังวลจนแทบคลั่งในตอนที่เขาไม่เห็นขี้เถ้าของฉันอยู่ที่นั่น? มาเดลีนใช้ความคิดกับตัวเองอย่างเงียบ ๆ ขณะที่เดินไปเปิดประตู’เธอเปิดประตูก้าวเข้ามา กลิ่นน้ำหอมฉุนจัดก็ได้ลอยเข้ามาปะทะเข้ากับจมูกเธอใ
ปลายนิ้วของเธอชี้ไปที่มาเดลีนอย่างเย่อหยิ่ง และเมื่อพูดไปแบบนั้นจบ เธอก็อยากจะกอดเขาทันทีที่เธอเอื้อมมือออกไป เจเรมี่กลับเดินผ่านเธอไปอย่างเฉยเมย และเดินไปทางมาเดลีนแทน“พี่เจเรมี่?” อีวอน เยลเมน จ้องไปที่เจเรมี่ที่ไม่ได้แม้แต่จะเหลือบมองเธอเจเรมี่เหลือบมองกาแฟที่หกลงบนพื้นและมองมาเดลีนด้วยความเป็นห่วง “คุณเป็นอะไรไหม? คุณถูกน้ำร้อนลวกหรือเปล่า?”มาเดลีนเม้มริมฝีปากของเธอ “มันไม่ร้อนหรอก แต่…” เธอหยุดชั่วคราว และมองไปยังผู้หญิงตรงหน้าที่ตอนนี้สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ผู้หญิงคนนี้ชนฉันตั้งสองครั้ง ไหล่ของฉันเจ็บมากเลย”“...” อีวอนไม่คิดว่ามาเดลีนจะพูดแบบนี้กับเจเรมี่ เธอรู้สึกอับอายและรีบโต้กลับทันที “พี่เจเรมี่ ฉันไม่ได้ชนเธอ เธอต่างหากที่ชนฉัน!”ขณะที่พูดเรื่องนี้ เธอจ้องไปที่มาเดลีนอย่างโกรธเคือง“ฉันอยากจะช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีของเธอเอาไว้ต่อหน้าลูกพี่ลูกน้องของฉันนะ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่อยากทำงานที่นี่แล้วจริง ๆ พี่เจเรมี่คะ พี่ควรไล่เธอออกและให้บทเรียนกับเธอ!”ใบหน้าที่หล่อเหลาของเจเรมี่ดูเบื่อหน่ายขึ้น ความรำคาญแผ่ซ่านไปถึงหางตาและคิ้วของเขา“ฉันจะให้บทเรียนเธอแทน ถ้าเธอ
หลังจากที่การประชุมในช่วงบ่ายจบลง คุณนายวิทแมนได้โทรศัพท์เข้ามาหาเขาและพูดในใจความสำคัญที่ว่า “เจเรมี่ อีวอนกลับมาแล้ว กลับมาที่คฤหาสน์ด้วยนะเย็นนี้ ลูกจะต้องมาต้อนรับเธอ เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องคนเดียวที่ลูกมี!”คุณนายวิทแมนวางสาย โดยไม่ให้โอกาสเจเรมี่ได้ปฏิเสธเจเรมี่ไม่ต้องการเสียเวลาไปพบปะกับผู้คนที่ไม่ได้มีส่วนสำคัญในชีวิตเขา แต่ว่ามาเดลีนกลับเสนอตัวว่าจะไปกับเขาและในตอนนี้ เจเรมี่ได้ขับรถเข้ามาในโรงจอดรถของคฤหาสน์ขณะที่มาเดลีนลงจากรถไปยืนรอรอเจเรมี่ที่หน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ ทันใดนั้นน้ำเสียงที่ดูถูกของคุณนายวิทแมนดังออกมาจากตัวบ้าน “อย่าคิดว่าหล่อนจะเหมือนมาเดลีนเพียงแค่ว่าหล่อนดูเหมือนยัยขยะชิ้นนั้น ผู้หญิงคนนี้รับมือยากกว่ามากจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจเรมี่ แต่เขาเชื่อฟังและยอมทำตามที่ผู้หญิงคนนี้พูดทุกอย่าง!”“หนูรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นคนดีตั้งแต่แรกเลยค่ะ คุณอา ผู้หญิงคนนี้จงใจที่จะเดินมาชนหนูถึงสองครั้งในวันนี้แต่เธอกลับมาโทษหนูบอกกับพี่เจเรมี่ว่าหนูเป็นคนไปชนเธอก่อน ทำไมพี่ถึงได้ให้ความสำคัญกับนังจิ้งจอกตัวนี้จังเลย?” อีวอนเอ่ยปากพูดแบบนั้นและรู้สึกสับสนก
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ