“คุณแม่คะ คุณแม่ต้องเชื่อหนูนะ วิดีโอนั้นไม่ใช่ของจริงเลยสักนิด!” เมเรดิธมองผู้เป็นแม่ของเจเรมี่หลังจากที่เธอพูด “คุณนายวิทแมน คุณควรทราบว่ามาเดลีนเป็นคนแบบไหนกัน ทำไมฉันถึงอยากทำร้ายเธอ? เธอไม่ใช่คนที่มีศีลธรรมเลยสักนิด!”“เมอร์อย่าร้องไห้เลยลูก แม่เชื่อหนู” เอโลอิสเลือกที่จะเชื่อเมเรดิธโดยไม่ลังเลใจอีกครัง จากนั้นเธอมองไปที่มาเดลีนและเฟลิเป้ด้วยสายตาเเห่งความเกลียดชัง “เฟลิเป้ นายกล่าวหาลูกสาวของฉันต่อหน้าสาธารณชนแบบไม่ถูกต้องเพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ ฉันจะไม่ปล่อยนายไปง่าย ๆ แน่นอน!”“ลูกสาวของคุณ?” เฟลิเป้ตะคอก “เพียงเเค่เธอเป็นลูกสาวของคุณ คุณก็เต็มใจที่จะทำเมินแม้ว่าเธอจะทำอะไรที่เลวร้ายขนาดนั้นก็ตามงั้นหรอ?”“นาย…”“คุณเองก็เห็นมันในวิดีโออย่างชัดเจนแล้ว ทุกคนที่อยู่ที่นี่จะรู้ว่ามันเป็นของปลอมหากมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เมเรดิธ ที่เธอบอกว่าวิดีโอนี้ถูกถ่ายเมื่อไม่นานมานี้ ผมขอถามหน่อยนะว่า แม้ว่า วีล่าจะแอบอ้างเป็นมาเดลีนได้ในวิดีโอ แล้วผู้หญิงคนนั้นที่ดูเหมือนคุณใครแน่? นอกจากนี้ ใครยังแอบอ้างเป็นแขกรับเชิญเหล่านั้นอีกและแม่ของเจเรมี่อีกด้วย?”“...” เมเรดิธแยกริมฝีปากของเธ
“เอาสิตามสบายเลยค่ะ คุณวิทแมน” มาเดลีนพูดออกมาอย่างใจเย็น “ฉันเองก็อยากรู้ว่าคุณจะประกาศอะไรเหมือนกัน”เจเรมี่เม้มริมฝีปากอันแสนเย้ายวนของตัวเองเเน่น “คุณคงจะรู้มันอีกไม่นานเกินรอ” เขาเอ่ยขึ้นมาก่อนจะมองไปยังฟลิเป้ที่ยืนอยู่ด้านหลังมาเดลีน จากนั้น เขาหันหน้ากลับมาประจันหน้ากับสารธารณชนและสื่อมวลชนที่ถือกล้องอยู่ในมือเมเรดิธรู้ดีแก่ใจแล้วว่าบางทีเจเรมี่อาจจะประกาศว่าเขาต้องการยกเลิกงานแต่งงานกับเธอก็เป็นได้ หัวใจของเธอเริ่มระส่ำระส่ายขณะที่เธอจับแขนของเจเรมี่อย่างไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้“เจเรมี่เชื่อฉันเถอะนะ วิดีโอนั้นเป็นของปลอม อย่าไปเชื่อ! อย่าประกาศเรื่องนั้นออกไปได้ไหม ได้โปรด? ฉันขาดคุณไม่ได้ ได้โปรดอย่าทิ้งฉันไปเลย…”เสียงของเธอนุ่มนวลจนแทบไม่มีเสียงเปล่งออกมาให้ได้ยิน แต่เจเรมี่เองสามารถได้ยินที่เธอพูดสื่อออกมาอย่างเเจ่มชัดเจเรมี่ฟังคำอ้อนวอนเหล่านั้น พร้อมกับหรี่ตาที่ลึกแคบลง “คุณไม่ต้องอธิบายอะไรกับผมทั้งนั้น ถ้าเป็นเรื่องที่อยู่ในวิดีโอนั้นล่ะก็ ผมเองก็บอกได้เลยว่าผมได้เห็นมันมาตั้งแต่สามปีก่อนเเล้ว”“อะ - อะไรนะ?” หน้าเมเรดิธซีดเผือกในขณะที่ดวงตาของเธอเบิกกว้างโตข
เสียงมาเดลีนหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นใจขณะที่เจเรมี่เห็นผู้หญิงตรงหน้า นั่นทำให้เขาหยุดเดินทันที เขาดูประหลาดใจที่เห็นเธอ “ทำไมคุณมาที่นี่?”“คุณไม่อยากเจอฉันงั้นหรอ คุณวิทแมน?” มาเดลีนเอ่ยถามด้วยร้อยยิ้มปลอม ๆ บนใบหน้าก่อนเธอเอ่ยเสริมว่า “ที่จริงแล้ว ฉันเป็นห่วงนะ แต่ว่า ฉันไม่กังวลอะไรเกี่ยวกับเมเรดิธหรอกนะ ที่ฉันกังวลมันเกี่ยวกับคุณมากกว่า”เจเรมี่ผงะ เขามองผู้หญิงที่กำลังยืนยิ้มให้เขาภายใต้แสงไฟสลัวมีแววตาที่เป็นลางร้ายในขณะที่เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ “มากับผมหน่อย”เขาจับมือของมาเดลีนในทันใด ความเย็นจากมือของเขาเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่หัวใจของเธอทันทีเธอไม่ได้สบัดมือที่ถูกจับไว้ แต่ในขณะเดียวกัน เธอกลับไม่รู้สึกต่อต้านเเบบเมื่อก่อนเจเรมี่พามาเดลีนมาที่ดาดฟ้าของโรงพยาบาล และเมื่อไม่มีใครอยู่ที่นั่นสักคน สถานที่แห่งนี้จึงดูเงียบสงบและน่าขนลุกในเวลานี้ดวงดาวพากันกระจัดกระจายบนท้องฟ้ายามค่ำคืนขณะที่พวกเขากระพริบตา สายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วงอันแสนเย็นสบายพัดผ่านหยอกเย้าทั้งคู่อย่างแผ่วเบา“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม คุณวิทแมน?” มาเดลีนมองชายผู้เงียบขรึม
ความอุ่นของลมหายใจได้กระจายที่แก้มของมาเดลีน เธออยู่ในภาวะตกตะลึง และทุกสิ่งที่เจเรมี่เคยทำไว้กับเธอได้วนกลับเข้ามาในความคิดเธออีกครั้งเขาเลือดเย็นไร้หัวใจ เขาจึงทำทุกสิ่งโหดร้ายที่มีในโลกกับเธอมาเดลีนคิดถึงสิ่งที่เขาไม่เคยทำกับเธอไม่ออกจริง ๆ ในขณะที่เธอพยายายถอยห่างออกไป เธอสังเกตเห็นว่าใบหน้าของเจเรมี่กำลังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆใจของมาเดลีนเริ่มระส่ำอีกครั้ง เธอคิดว่าเจเรมี่กำลังจะเข้ามาจูบเธอ เมื่อเป็นเช่นนี้เธอพยายามวิ่งหนีออกไปแต่เขากลับดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาอีกครั้งเขาโน้มศีรษะลงและฝังใบหน้าตัวเองเข้าระหว่างคอและไหล่ของเธอ เหมือนว่าเขาจะหมดแรง ภายใต้การกอดครั้งนี้ เขาปลดปล่อยความกดดันและความเครียดที่ไม่มีที่มาทั้งหมดไป เขากำลังดื่มด่ำไปกับตัวเองระหว่างที่กอดเธอมาเดลีนลุกลนทำอะไรไม่ถูกขณะที่ยังติดอยู่ในอ้อมกอดเขาเสื้อผ้าที่สวมเธอไม่ได้หนามากนัก เพราะงั้นเธอเลยสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากตัวของเจเรมี่ผ่านทางเนื่อผ้าแสนบางนั่น และเนื่องจากพวกเขาอยู่ใกล้กันมากขนาดนั้น ความอบอุ่นของเขาซึมเข้าสู่ผิวเธอมันค่อย ๆ แพร่กระจายไปทั่ว มันช่างร้อนแรงเกินกว่าที่เธ
ในเมื่อเธอเพิ่งเริ่มวางแผนแก้แค้นไปเอง ดังนั้นเธอจะไม่ยอมให้มีอะไรมาขัดขวางได้ทั้งนั้นเจเรมี่กดรับสายแต่เขายังไม่ยอมปล่อยมาเดลีนไป เธอเองก็ไม่สามารหลบหลีกเขาไปได้แม้ว่าเธอจะต้องการมันมากแค่ไหนก็ตามเธอมองเจเรมี่ขณะที่คิ้วเขาเริ่มขมวด จากนั้นน้ำเสียงของเขาได้เย็นลงกว่าเดิม “ว่าไงนะ? แจ็คสันหายไป?”เมื่อมาเดลีนได้ยินดังนั้น เธอรู้สึกว่าใจเธอกำลังเต้นระส่ำ‘แจ็คสันหายไปอีกแล้ว?’เธอเองก้เริ่มกังวลเช่นกันในขณะที่เธอกำลังเหม่อลอยนั้น เจเรมี่ได้เดินมาหาเธอพร้อมกับขมวดคิ้ว “ลูกชายของผมหายไปอีกแล้ว แต่ผมคิดว่าคุณจะหาเขาเจอ”“ฉัน?” มาเดลีนประหลาดใจ ทว่า เธอไม่ต้องการโต้เถียงอะไรกับเขาต่อ หัวใจที่เต้นแรงกำลังบอกเธอว่าเธอเองก็อยากรู้ว่าที่ที่แจ็คสันอยู่ในตอนนี่เช่นกัน “ฉันจะช่วยคุณตามหาเขาด้วนก็ได้”“รีบไปกัน” เขาพูด พลางปล่อยมือ จากนั้น เขาเอาเสื้อโค้ทของเขามาคลุมทับเสื้อคลุมบาง ๆ ของมาเดลีนท่าทีที่อ่อนโยนแบบนี้ทำให้มาเดลีนตกใจ ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัว เจเรมี่ได้นำเธอลงไปชั้นล่างในระหว่างทาง มาเดลีนส่งข้อความหาเฟลิเป้เพื่อบอกให้เขารู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นเช่นเคยเฟลิเป้สนับสนุนทุกการต
ไฝบนหน้าอกข้างซ้ายของเธอเป็นเครื่องมือที่พิสูจน์ได้ว่าเธอคือมาเดลีนนี่เป็นเครื่องหมายที่เธอไม่ต้องการทำลายลงเพราะเธอไม่คิดว่าเจเรมี่จะมีโอกาสได้เห็นมันด้วยตาของเขาอีกหลังจากที่เธอ ‘กลับมามีชีวิตอีกครั้ง’เธอมาอยู่จุดนี้เพื่อแก้แค้นไม่ใช่มาเพื่อเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่กับเขา และนั่น เธอจึงไม่ได้คิดเอาไฝออกและมันยังคงอยู่ที่อกข้างซ้ายของเธอเมื่อเธอสังเกตเห็นการจ้องมองของเจเรมี่ เธอจึงดึงผ้าขนหนูขึ้นก่อนจะหันหลังให้เจเรมี่“ทำไมคุณถึงไม่เคาะประตูก่อนเข้ามา?” เธอถามด้วยอาการตื่นเต้นเธอคิดว่าเจเรมี่จะปิดประตูและเดินออกไปอย่างตีเนียน แต่ทว่า เธอกลับได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาย่างกายเข้ามาหาเธอ และเขาได้หยุดอยู่ข้างหลังเธอขณะนี้“คุณเข้ามาทำไม? ออกไปเลยนะ” มาเดลีนต้องการไล่เขาออกไปไกล ๆ และเธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างจริงจัง เธอกำผ้าขนหนูแนบเเน่นกับหน้าอกก่อนจะเดินตีห่างจากเขามากขึ้น เธอเดินด้วยเท้าเปล่าแต่แล้ว ในขณะที่เธอก้าวไปข้างหน้า เจเรมี่ได้คว้าแขนเรียวบางของเธอเอาไว้มือของเขาเย็นเหมือนน้ำเเข็ง แต่ทันทีที่ถูกเขาสัมผัส เธอรู้สึกถึงว่าผิวของเธอบริเวณที่โดนเเตะร้อนขึ้นอย่างฉับพลั
เขาเอ่ยถาม เธอด้วยใจที่เจ็บปวดของตัวเองเมื่อเขาย้อนนึกไปในวันที่เห็นสีหน้าทำอะไรไม่ถูกของมาเดลีนตอนที่เธอพยายามอธิบายตัวเองไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนบาปที่ไม่อาจไถ่ถอนอะไรได้เลยนี่เขาใจร้ายทำร้ายผู้หญิงที่รักเขามากขนาดนี้ได้ยังไงกัน?และในตอนที่เขารู้ว่าตัวเองตกหลุมรักเธอนั้นเมื่อมันสายเกินไปแล้วใช่ไหม?ตอนนี้ สุดท้ายเเล้วเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมอาวุโสวิทแมนของตัวเองถามเธอแบบนั้นตอนที่เธอบอกว่าเธอต้องการจะหย่ากับเขาคุณปู่ของเขาถามเธอว่าพวกเขานอนด้วยกันอีกไหมหลังแต่งงานแน่นอนว่า เขาทำ และหลายครั้งด้วยแม้เขาบอกจะบอกว่าเขารังเกียจเธอมากแค่ไหน แต่เขาก็อดไม่ได้ที่สัมผัสเธอแบบนั้นสรุปแล้วมันกลับกลายเป็นว่าเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ แต่เมื่อเขารู้ตัวตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้วเจเรมี่รวบรัดความคิดของตัวเองมองไปทางหลุมฝังศพ “ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนเธอมากเลยนะ เพราะงั้นฉันจึงมีเข้าใจผิดอยู่บ่อย ๆ เมื่อคืนฉันเผลอกอดหล่อนไป แต่ฉันหวังว่าหล่อนจะเป็นเธอจริง ๆ นะ”น้ำเสียงของเขาท่วมไปด้วยอารมณ์และความอ่อนโยนที่เอ่อล้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จากนั้นเขาได
มาเดลีนมองเห็นชายคนหนึ่งที่โผล่พ้นมาจากผู้คนพวกนั้นเธอรู้สึกได้ว่าวิญญาณของเธอได้หลุดจากร่างไปเธอไม่ได้เจอเขามาแล้วตั้งสามปี แต่คนตรงหน้าเธอนี้ยังคงมีดวงตาที่สดใสและหล่อเหลาเช่นเดิม เขามีความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในพื้นฐานปกติของเขาเขาค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ ใบหน้าของเธอสะท้อนอยู่ในดวงตาสีนิลของเขา ในนั้นดูมีความสุขและความประหลาดใจที่ไม่อาจบรรยายได้ในตัวของมัน“แมดดี้ เธอ…” แดเนียลมองเธออย่างจริงจัง เสียงของเขายังคงอ่อนโยนและอบอุ่นเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิเช่นเดิม“ฉันต้องขอโทษด้วย ฉันเองไม่ใช่ มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด” มาเดลีนเลิกคิ้วแสดงถึงความรำคาญ“ถ้าพวกคุณมาที่นี่เพื่อดูว่าฉันดูเหมือน มาเดลีน ครอว์ฟอร์ด แค่ไหน กรุณาช่วยออกไปด้วย ฉันมีธุระอื่นที่ต้องทำมากมาย” เธอพูดออกมาอย่างเย็นชาก่อนจะหันหลังกลับ และเมื่อใบหน้าของเธออยู่พ้นสายตาของแดเนียลและเอวาแล้วนั้น เธอได้ลดสายตาจองหองของตัวเองลง‘เอวา แดน ฉันขอโทษจริง ๆ โปรดยกโทษให้ความโหดร้ายครั้งนี้ของฉันด้วยนะ'“แมดดี้!” เอวาไม่ยอมแพ้เธอคว้ามือมาเดลีนเอาไว้ “แมดดี้ ทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้? เธอคือแมด
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ