ในทันทีที่เจเรมี่เห็นหัวข้อของข้อมูลที่วิเคราะห์โดยมืออาชีพในสลรายงาน เขาเหลือบดูมันอย่างรวดเร็วและเขาเลื่อนลงไปยังย่อหน้าสุดท้ายของอีเมลหลังจากที่เห็นผลลัพธ์แล้ว ลมหายใจของเขาจับตัวแข็งเป็นวินาทีความสงสัย ความคาดหวัง และร่องรอยของความหวังไร้สาระจากก้นบึ้งของหัวใจที่มีกลับกลายเป็นความว่างเปล่าในทันทีในผลของรายงานระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเขาไม่ใช่พ่อผู้ให้กำเนิดของลิเลียนทว่า บางโครโมโซมของพวกเขามันตรงกันและมีเพียงเหตุผลเดียวที่ทำให้พวกมันเหมือนกันได้ มันคงเป็นเพราะลิเลียนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเฟลิเป้ ซึ่งนั่นแหละที่เป็นสาเหตุของดีเอ็นเอของเขาและของลิเลียนตรงกันและแสดงถึงความเป็นเครือญาติผ่านโครโมโซมพวกนั้นโทรศัพท์หลุดล่วงจากมือที่ถืออยู่ของเจเรมี่โดยที่เขาไม่รู้ตัวแสงจากพระอาทิตย์ตกได้กระจัดกระจายบนไปใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเขา ท้ายที่สุดแล้วเจเรมี่ได้ยกมุมริมฝีปากขึ้นหลังเห็นรอยยิ้มบางเบาจากนั้นไม่นานก็หัวเราะเบา ๆ ออกมา‘มันเป็นความจริงที่ว่าในโลกนี้มีคนหน้าตาคล้ายกันมากมีอยู่จริง ‘ความจริงก็คือคุณทิ้งผมไปแล้วจริง ๆ สินะ’หัวใจของเขาเริ่มปวดร้าวเมื่อนึกถึงการสูญเสียเมื่อสามปีก
หลังจากที่เธอได้ยิน ใบหน้าของเมเรดิธแข็งทื่อทันที กระนั้น เธอก็ยังไม่ลืมที่จะรักษาการแสดงท่าทีที่ดูที่อ่อนแอและน่าสงสารของเธอไว้ เสียงของเธอดูเจ็บปวดรวดร้าวคล้ายกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้ในทุกวินาที “คุณควินน์ เธอกำลังจะบอกว่าเธอจะตามวอแวคู่หมั้นของฉันและเป็นมือที่สามแบบนี้ต่อไปงั้นเหรอ?”มาเดลีนแยกริมฝีปากสีชมพูของเธอออกจากกันและพูดช้า ๆ ว่า “เธอรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงให้กระจกบานนั้นในวันเกิดของคุณ?”“...” เมเรดิธไม่สบอารมณ์“ฉันขอเดานะว่าเธอยังคงสับสนเกี่ยวจุดที่เธอยืน ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจเรมี่ปฏิเสธที่จะแต่งงานกับเธอหลังจากผ่านไปแล้วหลายปี” มาเดลีนเผยรอยยิ้มยั่วประสาทออกมาก่อนที่จะลุกขึ้นเดินจากไปเมเรดิธลุกขึ้นทันทีเมื่อหน้ากากเจ้าเล่ห์ที่สวมไว้แตก “วีล่า ควินน์! ฉันกำลังแสดงความกรุณาที่มีให้และเธอยังเลือกที่จะปฏิเสธที่จะรับมันไป! ได้เลย! ถ้างั้น รอก่อนเถอะ เธอจะรู้ผลของการมาล้ำเส้นฉันในไม่ช้า!”มาเดลีนหันหน้ากลับไปอย่างเมินเฉย เมื่อเธอเห็นใบหน้าที่เกรี้ยวกราดของเมเรดิธ เธอยิ้มออกมากว้างขึ้น“ขอให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ ฉันรอแทบไม่ไหวแล้วล่ะนะ” เธอพูด พร้อมกับจับโทรศัพท์ให้แน่นขึ้นใช่
มีนัยของความฝืนกลั้นบนใบหน้าที่มึนเมาเล็กน้อยของเจเรมี่ “คือเธอนั่นแหละ”หลังจากนิ่งเงียบมาระยะหนึ่ง มาเดลีนได้ยินคำตอบจากเขามันคือเธอคนที่เขารักที่สุดคือเมเรดิธมาเดลีนจับแก้วไวน์ในมือแน่นขึ้นอย่างช้า ๆไฟแห่งความโกรธในใจของเธอเริ่มลุกโชน แต่ก็ไม่สามารถขจัดความรู้สึกไม่ยินดีและความขมขื่นในใจของเธอทิ้งไปได้“ลินนี่ ฉันจะอยู่กับเธอตลอดไป ฉันจะปกป้องเธอตลอดไปนะ ฉันจะพาเธอไปเป็นเจ้าสาวของฉัน…”คำสัญญาของเด็กน้อยเปรียบเสหมือนสายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วงที่อยู่นอกหน้าต่าง ประโลมหูเธอเธอก่อนจะลอยสะบั้นหายไปมาเดลีนถือแก้วไวน์และกระดกน้ำไวน์ในแก้วที่อยู่ในนั้นกลืนลงคอไปราวกับว่าเข็มนับล้านเล่มทิ่มแทงหัวใจของเธอ ในความรู้สึกมันเบามากแต่พวกมันก็ทำให้เจ็บมากเช่นกันเธอรู้สึกเศร้ากับตัวเธอเองในอดีต เธอไร้เดียงสาที่เชื่อคำสัญญาที่เขาให้ไว้ว่าจะแต่งงานกับเธอ เธอลงเอยด้วยการรอให้เขากลับมาหาเธอเหมือนคนโง่ แต่แล้ว ท้ายที่สุด สิ่งที่เธอได้มีเพียงการทรมานอย่างไร้ความปราณีของชายคนนี้เท่านั้น มาเดลีนมองชายผู้เศร้าโศกตรงหน้าด้วยสายตาที่เย็นชา ความเกลียดชังเผยให้เห็นในดวงตาเธอ‘เจเรมี่ ฉันคิดว่าคุณ
…สองวันผ่านไป งานเลี้ยงอาหารค่ำแห่งโอกาสครบรอบได้ดำเนินไปตามที่กำหนดขึ้นตั้งแต่ มิสเลดี้ เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เหล่าบรรดาคนรวยและมีชื่อเสียงจากชนชั้นสูงทั่วสารทิศก็พากันมารวมตัวอยู่ที่นี่ คนส่วนใหญ่ที่นี่เป็นคนในสังคมและผู้หญิงที่ร่ำรวยมาเดลีนทำใจเตรียมตัวมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ในขณะนี้ เธอรู้สึกสับสนเธอรู้ว่าเอโลอิสจะมาที่นี่ในคืนนี้เช่นกันคนนี้คือแม่ของที่ให้กำเนิดเธอและอยากทำเธอสูญหายไปภายหลังจากที่เธอรับโทรศัพท์จากทางผู้จัดการสำนักงานใหญ่ มาเดลีนได้เดินเข้าไปในสถานที่จัดงานและเมื่อเธอเดินเข้าไปเธอเห็นเหล่าไฮโซและผู้หญิงที่ร่ำรวยชั้นสูงจำนวนมากมารวมตัวกันจับกลุ่มสนทนา พวกเขาคอยแต่โอ้อวดเกี่ยวกับเครื่องประดับราคาแพงที่มีไม่มากบ้างก็สั่งทำพิเศษที่พวกเขาสวมใส่อยู่ตอนนี้เมื่อมาเดลีนเดินเข้าไปปรากฎตัว เธอมองเห็นสายตาของความตกตะลึงถูกถ่ายทอดมาทางเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ชุดเดรสสีแชมเปญของเธอเน้นขับรูปร่างที่สมบูรณ์แบบให้เด่นขึ้นในขณะที่ผมสีดำของเธอตัดกับความถูกต้องของผิวที่ไร้ที่ติ เธอจะทิ้งร่องรอยกลิ่นของความหอมหวานในทุกที่ที่เธอเดินไป ไม่มีใครสามารถหยุดตัวเองจากการสูดดมเพิ่มอีกสอง
เสียงของผู้หญิงคนนี้ดังทะลุแก้วหูของทุกคน ความดังของเสียงกลายเป็นที่จับตาของความสนใจจากผู้คนจำนวนมากที่อยู่ล้อมรอบมาเดลีนเงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าที่เอาแต่ใจของผู้หญิงคนนั้น ขณะเดียวกันนั้นเอง ฉากเก่าของเธอที่ถูกกล่าวหาอย่างไร้การตรวจสอบและต้องแบกรับภาระที่ถูกเรียกว่าขี้ขโมยก็ปรากฏขึ้นมาในหัวเธออย่างชัดเจนหลังจากที่เธอทราบข่าวอาการป่วยของเธอในวันนั้น เธอจำได้ว่าต้องไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของคุณแม่ของเจเรมี่ที่คฤหาสน์วิทแมนตามคำสั่งที่เจเรมี่ได้เอ่ยออกมาไม่ว่าอย่างไร ในขณะที่เธอเดินเข้าไปในงาน ผู้หญิงคนตรงหน้าเธอได้วิ่งเข้ามาชนเธอ อีกทั้งผู้หญิงคนนี้ไม่ได้กล่าวขอโทษอะไรทั้งนั้นทั้งยังกล่าวหาว่ามาเดลีนเป็นคนเข้ามาชนเธอก่อนด้วยซ้ำ ท้ายที่สุดเธอยังตั้งข้อกล่าวหาโทษว่ามาเดลีนขโมยสร้อยข้อมือของเธอไปและในบทสรุป เมเรดิธเข้ามาช่วยมาเดลีนแสดงออกถึงความ ‘มีจิตใจดี’ ในระหว่างความสับสนวุ่นวายนั้น เธอได้เอาสร้อยข้อมือมาใส่ไว้ในกระเป๋าของมาเดลีน และตอนนั้นมาเดลีนอ่อนแอมาก เธอจึงถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนที่ขโมยสร้อยข้อมือและถูกทำร้ายอย่างน่าสยดสยองหลังจากพยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอและส่วนที่น่าอั
ณ เวลานี้ คำวิจารณ์รุนแรงได้เริ่มดังขึ้นกระหึ่มจากทุกสิ่งรอบตัวเธอ เมเรดิธยิ้มกว้างขณะที่เธอพูดอะไรบางอย่างข้างหูเอโลอิสไม่นานจากนั้น เมเรดิธเดินมา เธอมองมาเดลีนและถอนหายใจออกมา “คุณควินน์ ฉันไม่ได้คิดว่าคุณจะสะเพร่าเหมือนมาเดลีน แม้ว่าทั้งสองจะหน้าตาเหมือนกันทุกประการ!”เมเรดิธล้อเลียนเธอด้วยสายตาแห่งการดูถูก “คุณนายแลงฟอร์ด คุณพูดถูก และนั่นได้มีคนขโมยสร้อยข้อมือของคุณนายไปต่อหน้าต่อตาทุกคนในคฤหาสน์วิทแมนในตอนนั้น แต่มว่า ถึงอย่างนั้นเเล้วผู้หญิงคนนี้ที่คุณกำลังจับตัวไว้อยู่ในตอนนี้ไม่ใช่คนเดียวกับเธอในตอนนั้น แม้พวกเขาทั้งคู่จะดูเหมือนกันก็ตาม”“อะไร? ไม่ใช่เธอ? ฉันจำหน้าเธอได้อย่างแน่นอน!” ผู้หญิงคนนั้นชี้นิ้วไปที่หน้าของมาเดลีน และพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ“คุณนายแลงฟอร์ด ไม่ใช่เธอ” แม่ของเจเรมี่เดินเข้ามาในวงสนทนา เธอเองก็ดูถูกมาเดลีนเช่นกัน “วีล่า ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจ้าของร้านมิสเลดี้อย่างคุณจะไปขโมยสร้อยข้อมือของลูกค้า นี่หัวเธอได้รับบาดเจ็บหรือไงกัน?”“เธอไม่ใช่แค่เป็นนักมือเบา แต่เธอยังมีนิสัยชอบขโมยคู่หมั้นของคนอื่นอีกด้วย!” เอโลอิสเสริม เธอกำลังมองมาเดลีนอย่างรังเก
หลังจากผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายออกแบบเอ่ยขึ้นมาอย่างนั้น บรรยากาศในห้องโถงกลับคึกคักขึ้นกว่าเดิมคุณนายลองฟอร์ดที่เป็นคนกล่าวหามาเดลีน ตกตะลึงอย่างสุดขีด ในทางกลับกัน เมเรดิธกำลัง จ้องมองมาเดลีนด้วยความไม่เชื่อกับหูตัวเอง พวกเขาทุกคนมีอาการตกใจอ้าปากค้าง“อะ - อะไรนะ” เมเรดิธขมวดคิ้วขณะชี้ไปที่มาเดลีน “นี่คุณจะบอกว่าเธอคือ วีล่า ควินน์ เป็นหัวหน้านักออกแบบของมิสเลดี้งั้นหรอ?”เมเรดิธรู้สึกไม่เต็มใจที่จะถามคำถามนี้ออกไปเธอได้รับคำตอบยืนยันทันทีในวินาทีต่อมา“ใช่แล้ว ผู้หญิงคนนี้คือผู้ก่อตั้งมิสเลดี้และเป็นหัวหน้านักออกแบบของแบรนด์คือ วีล่า ควินน์”“... ”“... ”เมเรดิธตกใจสุดขีดทันที ปากของเธออ้าค้างออกขณะมองมาเดลีนที่ยืนเงียบและสงบนิ่งอยู่อย่างนั้น เธอรู้สึกโง่เขลาเป็นที่สุดเอโออิสและแม่ของเจเรมี่มองหน้ากันแบบกระอักกระอวน พวกเขาไม่สามารถเชื่อในหูที่ได้ยินและตาที่ได้เห็นตอนนี้ผู้หญิงคนนี้อยู่เหนือความคาดหมายมาก!ยิ่งกว่านั้น เครื่องประดับที่กำลังป็นที่นิยมมากที่สุดในแวดวงของพวกเขาในช่วงสองปีที่ผ่านมาได้รับการออกแบบโดยผู้หญิงคนนี้ทั้งหมดพวกเขาไม่อยากจะเชื่อมันเลยมันเป็นไ
เฟลิเป้ในชุดสูทที่ตัดเย็บอย่างพอดีตัว ดูสง่างามเปร่งปรั่งและดูปราดเปรื่องในเวลาเดียวกัน กระนั้น ในขณะนี้มีความโกรธอยู่ในดวงตาของเขาที่ถูกเผยออกมา มันตรงกันข้ามกับใบหน้าที่สงบและสง่างามตามแบบปกติของเขาที่ไม่มีอารมณ์“ขอโทษคู่หมั้นของผมเดี๋ยวนี้ หรือไม่อย่างนั้น มันจะไม่ง่ายที่จะต้องจบลงที่คดีความ”“...” ผู้หญิงคนนั้นไม่รู้ว่าเฟลิเป้เป็นใคร แต่เธอตกใจมากที่เห็นความเย็นชาที่ถูกส่งมาจากดวงตาของเขามาเดลีนเดินไปหาเฟลิเป้และคล้องแขนเขาอย่างเป็นธรรมชาติและเป็นกันเอง “ช่างเถอะ เฟลิเป้ ฉันไม่ต้องการคำขอโทษแบบหน้าไหว้หลังหลอกพวกนั้นหรอกนะ นี่ก็เพียงพอแล้วที่ทุกคนจะรู้ว่าฉันบริสุทธิ์”“ผมจะปล่อยไปแบบนี้ได้ไงกันล่ะ?” เฟลิเป้มองมาเดลีนอย่างอ่อนโยนเช่นเคย “ผมจะไม่ยอมปล่อยให้ใครมารังแกหรือทำให้ชื่อคุณเสื่อมเสีย ผมจะไม่อนุญาตทั้งนั้นแม้ว่าจะเป็นคำเดียวก็ตาม”คำพูดปกป้องของเขาเต็มไปด้วยการเเสดงออกแบบการปกป้องแฟนมากเกินไปมาเดลีนมองเข้าไปในดวงตาของเฟลิเป้ บางทีมันอาจจะเป็นแสงสว่าง แต่เธอเห็นความรักอันลึกซึ้งและความเอาแต่ใจที่เธอเคยเห็นมาก่อนในสายตาของเขาเช่นกันหัวใจของเธอเต้นแรง ก่อนที่เธอจะพูดอ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ