…เดิมทีเมเรดิธต้องการใช้ประโยชน์จากวันดีวันนี้ที่เป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของครอบครัววิทแมนและยืมพลังของสื่อเพื่อช่วยสร้างตัวตนภาพลักษณ์และฐานะของเธอ เธอไม่คิดว่าการปรากฏตัวของแทนเนอร์และวีล่าจะขวางทางแผนของเธออย่างสิ้นเชิง!ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีการค้นหาข่าวต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตที่ไม่เป็นผลดีต่อเธอเมเรดิธทำได้เพียงขอให้เอโลอิสช่วยสกัดการค้นหาพวกนั้นแม้ว่ากความคิดเห็นสาธารณะเหล่านี้จะถูกระงับ แต่เธอยังรู้สึกไม่สบายใจเมื่อพูดถึงเจเรมี่เมเรดิธไม่เห็นเจเรมี่อีกเลยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา สายโทรศัพท์ของเขาไม่ว่างตลอดเวลาที่เธอโทรหา เมเรดิธสงสัยว่าเบอร์ของเธอถูกบล็อกแน่เลยเธอกังวลว่าเจเรมี่จะเชื่อในสิ่งที่แทนเนอร์พูด เมเรดิธเดินทางไปที่คฤหาสน์ของเจเรมี่แต่เช้าเพื่อดักรอเขาเธอจงใจเลือกที่จะไม่รบกวนหรือเข้าไปในบ้าน เธอเอาแต่รออยู่ที่ประตูอย่างร้อนใจเจเรมี่นอนไม่หลับทั้งคืนต้องนับตั้งแต่วันที่มาเดลีนกลายเป็นขี้เถ้าเพียงหนึ่งกำมือ เขาไม่เคยนอนหลับอย่างสงบสุขได้อีกเลย เขาสามารถนอนหลับได้อย่างสงบก็ต่อเมื่อพ่อของเขาขอให้คนซื้อชุดน้ำหอมพิเศษมาให้เท่านั้นแม้ว่า เมื่อคืนนี้ เขาจะได้ร
เมเรดิธพยักหน้าอย่างซื่อตรง “เจเรมี่ ไม่ว่าคุณจะถามอะไร ฉันสัญญาว่าจะตอบตามความจริงทั้งหมด”“ได้” ดวงตาสีดำลึก ของเจเรมี่จ้องไปที่เมเรดิธอย่างกดดัน “เธอเคยเห็นไอ้ชั่วแทนเนอร์กับมาเดลีนอยู่ด้วยกันใช่ไหม?”“ใช่ ฉันเห็นพวกเขากับตาตัวเอง!” เมเรดิธตอบโดยไม่ต้องคิดดวงตาสีดำของเจเรมี่ค่อย ๆ ดิ่งลงและดวงตาคู่นั้นเคลื่อนไหวสั่น ๆกระแสลมโดยรอบหนักขึ้นอย่างผิดปกติจนเมเรดิธรู้สึกได้ เธอเริ่มมีอาการตื่นตระหนกแต่ก็ยังยืนกราน “เจเรมี่ ที่ฉันพูดไปทั้งหมดเป็นความจริง! เจเรมี่ คุณต้องเชื่อฉัน …”“เชื่อเธอ …”เจเรมี่พูดสองคำนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกในขณะที่โทนสีแห่งความเย้ยหยันทยานขึ้นในดวงตาของเขา“เธอพูดกับฉันแบบเดียวกันตอนนั้น แค่อยากให้ฉันเชื่อเธอสักครั้ง”“อะไรนะ?” เมเรดิธมองไปที่เจเรมี่ที่ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส “เจเรมี่...”เขาวาดริมฝีปากบางออกเล็กน้อย “ฉันให้โอกาสเธอแล้ว” หลังจบคำพูด เขาหันกหลังจากไปอย่างไม่เหลียวหลังความหมายพื้นฐานของสิ่งนี้เห็นได้ชัด ๆ เลยว่าเขาไม่เชื่อเธอ!เมเรดิธไม่สนใจแล้วว่าเธอกำลังแกล้งทำเป็นข้อเท้าเคล็ดอยู่และเธอลุกขึ้นยืนจับเจเรมี่ กอดเขาแน่นจากด้านหลังทันที“เจเรมี่!”
“เจเรมี่! เจเรมี่ คุณต้องเชื่อฉัน! คุณอย่ามากล่าวโทษฉันสำหรับเรื่องไร้สาระบ้า ๆ กับเรื่องที่แทนเนอร์บ้าคลั่งพูดออกมา! คุณลืมวันที่เราอยู่ด้วยกันที่ชายหาดไปแล้วหรอไง? คุณบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ไร้เดียงสาและใจดีที่สุดเท่าที่คุณเคยพบเจอ! คุณบอกเองว่าคุณจะอยู่กับฉันตลอดไปและจะยกให้ฉันเป็นเจ้าสาวของคุณ คุณจะปกป้องฉันและเชื่อใจฉันตลอดไป เจเรมี่ เจเรมี่ เจเรมี่!”เมเรดิธไม่คิดว่าเจเรมี่จะเพิกเฉยกับเธอได้ถึงเพียงนี้เมื่อเห็นรถสปอร์ตกำลังทยานออกไปอย่างไม่ลดคว่มเร็ว เมเรดิธกระทืบเท้าลงพื้นด้วยความโกรธ“มาเดลีน นังสารเลว! ทำไมถึงตายอย่างสงบไม่ได้?!”เธอหันหลังกลับเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยความโกรธ และเมื่อเห็นแจ็คสันที่ถือกระเป๋านักเรียนกำลังมุ่งหน้าออกไปโรงเรียน เมเรดิธก้าวไปข้างหน้าและขณะนี้เธอได้สั่งให้คนรับใช้ไปซื้อผักที่ตลาด เวลานี้เหลือเพียงเธอเเละแจ็คสันที่อยู่ในบ้านแจ็คสันมองไปที่เมเรดิธ ดวงตาสีดำที่สวยงามของเขาเต็มไปด้วยการป้องกันและความรังเกียจ มือเล็ก ๆ ของเขากำลังจับสายสะพายกระเป๋านักเรียนยิ่งเธอมองเขา เขาก็ยิ่งเกลียด!เมเรดิธกลอกตาไปที่แจ็คสันด้วยความรังเกียจอย่างมาก ทันใดนั้นเอง
มาเดลีนจ้องไปที่ดวงตาราวกับมองเห็นน้ำทะเลลึกกับคนตรงหน้ากับความสงสัย “เกินอะไรขึ้นหรอคะ?”“ผมหวังว่าคุณจะช่วยผมค้นหาความจริงได้” เจเรมี่พูดคำพูดเบา ๆ ดวงตาที่ลึกล้ำของเขาวิงวอนอย่างคาดหวังหลังจากมาเดลีนเงียบฟังสิ่งที่เจเรมี่ต้องการให้เธอช่วย เธอประหลาดใจอยู่พักนึง จากนั้นเธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า“ตกลง ฉันจะช่วยคุณเอง”“ขอบคุณมาก” เจเรมี่ขอบคุณเธอในขณะนี้ มาเดลีนมองเห็นรอยยิ้มจาง ๆ สะท้อนในดวงตาของเจเรมี่ แต่มันหายวับไปในเวลาเพียงไม่นาน มาเดลีนไม่เคยคิดมาก่อนว่าเธอจะกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกเจเรมี่พาเธอไปที่ร้านเสริมสวย มาเดลีนเห็นว่าเจเรมี่เอารูปถ่ายให้กับช่างดู และช่างเองก็พยักหน้าอย่างเข้าใจมาเดลีนไม่รู้ว่ารูปถ่ายที่เจเรมี่ให้ช่างดูเป็นรูปอะไร แต่ในขณะที่เธอเห็นตัวเองในกระจกหนึ่งชั่วโมงต่อมาผมยาวสีเข้ม และเรียบลื่นของเธอทำให้ใบหน้าของเธอสะอาดและสง่างาม ทำให้เธอนึกภาพออกไปว่าเธอมาจากโลกที่ห่างไกลออกไปหลังจากนั้น เจเรมี่พามาเดลีนไปที่คฤหาสน์หากใช้สายตากวาดไปทั่วคฤหาสน์ที่เคยเป็นเรือนหอของพวกเขา หัวใจของมาเดลีนเต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย แต่มีรอยยิ้มที่น่า
และก็ยังไม่ใช่เธอ“ถ้างั้นก็ดี” มาเดลีนยิ้มพอใจ “ฉันได้ยินผ่านหูมาบ้างว่า คุณวิทแมนเกลียดมาเดลีนมาก ในเมื่อเธอตายไปตั้งสามปีแล้ว ทำไมคุณยังเก็บเสื้อผ้าเก่า ๆ ของเธอไว้ในห้องคุณอีก?”เจเรมี่จ้องใบหน้าของมาเดลีนและเมื่อเขาได้ยินเธอพูดเรื่องพวกนี้ “เธอรู้ได้ไงว่านั่นคือเสื้อผ้าของภรรยาเก่าผม?”มาเดลีนยิ้มอย่างใจเย็น “เรื่องนี้มันเดาง่าย ไม่ใช่หรือไง?”เมื่อได้ยินคำถามและการเล่นลิ้นนี้ เจเรมี่ยิ้มออกมา “นั่นก็จริง”ในเวลาเดียวกัน เมเรดิธพยายามติดต่อแทนเนอร์ที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นานแทนเนอร์ไม่ได้กอบโกยอะไรเลยในคืนที่ผ่านมา เขากลัวแทบตายกับการปรากฏของ‘ผี’ แถมเขายังถูกเจเรมี่ทุบตีอย่างรุนแรงจนฟันบิ่น เขากลับได้รับความสูญเสียเพิ่มสองเท่าแทนที่จะได้กอบโกยเมื่อคืนเขาออกมาจากโรงพยาบาลทันทีที่ได้ยินว่าการแก้ไขฟันมีค่าใช้จ่ายหลายหมื่นดอลลาร์เขาจะไปหาเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน? เแต่หลังจากเขาได้รับสายตรงจากเมเรดิธ เขารู้สึกราวกับว่าโอกาสนั้นได้มาถึงแล้วเมเรดิธระมัดระวังตัวมากและไม่ทำการโอนอะไรให้แทนเนอร์ทั้งนั้น เพราะเธอกลัวว่าเจเรมี่จะพบร่องรอยการติดต่อเธอสวมวิกและแว่นกันแดด
แทนเนอร์ที่พุ่งเข้ามา ทำให้มาเดลีนนึกย้อนถึงช่วงเวลาโหดร้ายที่เขาทำกับเธอเกิดลมกรรโชกกระหึ่ม วูบหนึ่งด้านหลังของเธอทันทีที่เธอแสดงปฏิกิริยาต่อต้าน ฝ่ามืออันอบอุ่นของเจเรมี่จับเข้าที่ไหล่ของเธอแน่นแล้วคว้าเธอไปด้านข้างของเขามาเดลีนถูกโอบล้อมด้วยลมหายใจอุ่น ๆ ที่คุ้นเคยแต่ไม่คุ้นชิน แต่ก่อนที่เธอจะเห็นทุกอย่างชัด เธอเห็นแทนเนอร์ถูกสะบั้นให้ลอยไปบนอากาศก่อนที่จะกระเเทกเข้ากับต้นไม้ ตามด้วยมือขวาที่แข็งแกร่งของเจเรมี่ที่บิดแขนเขาไปรอบ ๆ เพื่อบังคับเขาให้นั่งลงกับพื้นแทนเนอร์โหยหวนในทันที “โอ๊ย โอ๊ย!” ทว่า เจเรมี่ไม่ยอมหยุดเเค่นั้น เขายกเท้าขึ้นไปยังระยะเข่าของแทนเนอร์ก่อนจะออกแรงเตะอย่างโหดเหี้ยมและเขาบังคับให้แทนเนอร์คุกเข่าลงก่อนที่จะเตะเขาให้กระเด็นออกไปมาเดลีนคิดว่าเจเรมี่คงต้องการสอนบทเรียนให้แทนเนอร์ต่อไป แต่แล้วจู่ ๆ เขาละทิ้งแทนเนอร์และหันมากอดเธอไว้แน่นอย่างเป็นห่วง“ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ตรงนี้ ผมจะัไม่ยอมปล่อยให้ใครมารังแกคุณได้อีก”โทนเสียงอ่อนโยนของเขาดังเล็ดลอดเข้าหูเธอดั่งสายน้ำไหลในตอนกลางคืน มันอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ มันมีร่องรอยของความตึงเครียดและความกังวลราวกับว
ต้องเป็นเมเรดิธแน่นอนที่มาเจอแทนเนอร์ก่อนหน้ามาเดลีนรู้ดี แต่เธอไม่คิดว่าเจเรมี่เองก็คิดแบบนั้นเช่นเดียวกันเขาเชื่อในตัวเมเรดิธจนตาบอดมาโดยตลอดมันเป็นเพราะเขาให้ท้ายเมเรดิธครั้งแล้วครั้งเล่าจนทำให้เธอเจ็บลึกมาก่อนหากเขาต้องการปกปิดเรื่องที่เมเรดิธทำจริง ๆ เหตุใดเขาจึงพยายามเป็นพิเศษโดยการขอให้มาเดลีนแกล้งทำเป็นว่าเธอเป็นใครในตอนนั้นเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงจากแทนเนอร์ด้วย?มาเดลีนคิดว่าเจเรมี่จะกลับทันที แต่เธอไม่คิดว่าเขาจะตามเธอไปถึงที่ประตูอพาร์ตเมนต์“ขอเข้าไปนั่งข้างในหน่อยได้ไหม?” เจเรมี่พูดออกมาเบา ๆ อย่างร้องขอนี่ก็ดึกมากแล้ว มาเดลีนต้องการปฏิเสธคำขอนั้น แต่เธอเหลือบไปเห็นมือที่มีเลือดชุ่มออกมาอย่างน่ากลัวในตอนนี้ เธอตัดสินใจเปิดประตูเพื่อให้เขาเข้าไป ๅ “เชิญ”เธอไม่คิดว่าเธอจะรู้สึกแย่เมื่อเห็นเขาเจ็บ เธอแค่อยากได้ข้อมูลบางอย่างจากเขาเท่านั้นมาเดลีนนำชุดปฐมพยาบาลออกมา เธอมองเห็นชายคนนั้นนั่งเหม่ออยู่บนโซฟา เธอเดินเข้าไปหาเขาในเวลาต่อมาเจเรมี่ลดมือลงทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มอย่างอ่อนแรง ระหว่างคิ้วของเขาดูมีความเศร้าโศกอย่างมาก เขาดูหดหู่ในเวลาเดียวกันมาเดลีนไม่ได้
หลังเสียงมาเดลีนจบลง อ้อมกอดของเจเรมี่กลายเป็นความว่างเปล่าความรู้สึกอ้างว้างไม่มีทีสิ้นสุดเข้าครอบงำหัวใจเขาชั่วขณะ เขาดูเหมือนเพิ่งกลับมาจากทางที่หลงหากมองไปยังใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ เจเรมี่รู้ดีว่าเขาเสียความเย็นชาไปหมดเรียบร้อยแล้วในตอนนี้เขาแสดงให้เธอเห็นถึงด้านของความหดหู่และมืดมนของเขาที่ไม่มีใครรู้ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกระหายที่จะกอดเธอมาก แม้กระทั่งอยากปราถนาให้เธอรู้สึกเห็นใจเขาและกอดเขากลับแน่น ๆ เป็นการปลอบโยน ...นี่เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อนแต่เขารู้ดีว่าเขาเป็นแบบนี้ได้เพราะใบหน้านี้เท่านั้นใบหน้านี้ที่เกือบจะเหมือนกันกับเธอในตอนนั้น“เอ้า นี่คุณไม่ได้บอกว่าจะมาถึงพรุ่งนี้หรือไงกันคะ? ทำไมคุณกลับมากะทันหันจังล่ะ?” มาเดลีน ทำให้เจเรมี่กลับมารู้สึกตัวด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงของเธอจากนั้นเขายังคิดถึงบางสิ่งและจำสิ่งที่เธอเพิ่งพูดได้ว่า ‘คู่หมั้นของฉันอยู่ที่หน้าประตู’คู่หมั้น?“ที่บ้านมีแขกเหรอ?” เขาได้ยินเสียงผู้ชายเจเรมี่ขมวดคิ้วแม้ว่าเสียงนี้จะไม่คุ้นเคยอะไรมาก แต่ก็ไม่แปลกเท่าไหร่สำหรับเขาแต่ทว่า หากเจ้าของเสียงนี้เป็นคู่หมั้นของวีล
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ