“เฮ้ แจ็คกี้? นายรู้หรือไม่ว่าทำไมหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง?”“ทำไมแอปเปิ้ลสองลูกบวกกล้วยหนึ่งลูกเท่ากับสามอ่ะ?”“แจ็คกี้ แจ็คกี้ นายชอบเห็ดไหม?”ลิลลี่ราวกับว่าเธอแปลงร่างเป็นหนอนหนังสือมีคำถาม และลิลลี่เริ่มถามแจ็คสันทีละคำถามพร้อมกับดวงตากลมของเธอที่ส่องประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นในชีวิตแจ็คสันอายุแค่ห้าขวบ แต่เขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุมากเขาพยายามตอบทุกคำถามของลิลลี่อย่างจริงจัง เขาอดทนอธิบายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อลิลลี่แสดงความสับสนเล็กน้อยในตอนแรกมาเดลีนกลัวว่าจะมีบางอย่างผิดพลาดหากลิลลี่และแจ็คสันกลายเป็นเพื่อนกันจริง ๆแต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้เธอคลายความกังวลเหล่านั้น เพราะแจ็คสันทำตัวเหมือนพี่ชายที่เข้าอกเข้าใจและรักน้องสาวของเขาอย่างไม่มีขีดจำกัด สายตาที่อบอุ่นทำให้หัวใจของเธอละลายแต่อย่างไรนั้น รอยยิ้มของมาเดลีนปรากฏอยู่ได้ไม่นานนักบางทีลิเลียนอาจมีพี่สาวที่รักเธอมากกว่านี้ก็เป็นได้ถ้าลูกคนแรกของเธอยังมีชีวิตอยู่บางทีเธออาจจะมีฉากของความอบอุ่นใจอยู่ในใจเมื่อมองไปเห็นลูกทั้งสอง“นายอยากเล่นซ่อนแอบไหม แจ็คกี้?” ลิลลี่ยื่นมือไปทางแจ็คสันอย่างเชื้อเชิญหลังจากลังเล
คงเป็นสิ่งสุดท้ายแล้วที่มาเดลีนจะคาดการไว้คือแจ็คสันวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนเธอและเรียกเธอว่าแม่ของเขาแจ็คสันคงจะรู้สึกหวาดกลัวและไม่ปลอดภัยเขาฝังร่างเล็ก ๆ ของเขาลึกลงไปในอ้อมแขนของเธอ ราวกับว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะลดความกลัวของเขาได้คือการจับเธอไว้แน่นด้วยมือทั้งสองข้างของเขาในขณะที่ดวงตาของเขายังคงปิดอยู่มาเดลีนรู้สึกว่าหัวใจของเธอบีบแน่นขึ้นที่มองเห็นความทุกข์ที่แก้มเล็ก ๆ ของเขา เป็นเวลานานสักพักที่เธอรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ล่วงล้ำเข้าไปในอกของเธอเธอยกมือขึ้นลูบหัวของแจ็คสันและปลอบเขา ด้วยเสียงแผ่วเบาของเธอ“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วนะ แจ็ค ไม่เป็นไร”ด้วยคำพูดปลอบโยน มาเดลีนเห็นแจ็คสันผ่อนคลายและสงบจากสภาพความกังวลก่อนหน้านี้“แจ็คกี้โอเคไหมคะ คุณแม่?” ลิลลี่เดินเข้าไปถามอย่างไร้เดียงสา“แน่นอนสิ เขาจะไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลนะลูกรัก” มาเดลีนยิ้ม “แม่ทำขนมให้หนู หนูจะแบ่งกันทานกับเขาดีไหม?”“แน่นอนที่สุด!” ลิเลียนเอื้อมมือไปหาแจ็คสัน “มาเถอะนะ แจ็คกี้ ไปกินของว่างด้วยกันนะ! เค้กของคุณแม่อร่อยที่สุด!”จากคำพูดของเธอ แจ็คสันดูเหมือนจะดึงตัวเองออกจากความคิดนั้นในที่สุดเขากระพร
การที่แจ็คสัน วิทแมน เชื่อใจเธอมากแม้จะอายุยังน้อยเป็นสิ่งที่มาเดลีนคิดไม่ถึงมาก่อน“ผมสามารถเรียกคุณว่าพี่สาววีล่าจากนี้ไปได้ไหมครับ?” แจ็คสันมองไปที่มาเดลีนอย่างมีความหวังมาเดลีนพยักหน้าและยิ้มออกมา ทว่าจิตใจของเธอยังลังเลกับภาพจำที่แจ็คสันเรียกเธอว่า ‘แม่’ เมื่อครู่"แน่นอนสิ"เมื่อได้ยินคำตอบของเธอ รอยยิ้มที่สง่างามจากใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแจ็คสันน้อยนี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่มาเดลีนได้เห็นรอยยิ้มของแจ็คสัน ไม่ว่าจะเป็นเมื่อสามปีที่แล้วหรือสามปีต่อมาในวันนี้ลักยิ้มสองข้างปรากฏขึ้นที่มุมปากของแจ็คสันขณะที่เขายิ้ม เขาดูอบอุ่นและน่ารัก เช่นเดียวกับลิเลียนมาเดลีนรู้สึกถึงความอบอุ่นที่ท่วมท้นในอกของเธอพร้อมกับรอยยิ้มที่เหมือนเทวดาตัวน้อยของเด็กคนนี้หลังจากนั้นไม่นาน เจเรมี่ได้ปรากฏตัวเขาขอเข้าไปในบ้าน แต่มาเดลีนรั้งเขาไว้ข้างนอก“กรุณาดูแลลูกชายของคุณให้ดีกว่านี้ คุณวิทแมน ทั้งที่แท้จริงแล้ว เขาคือลูกชายที่มีค่าของคุณกับคนรักของคุณ” ขณะที่พูดทุกคำมาเดลีนสบตาเขาต้องการจะสื่อความหมายจากใจจริง เธอหันกลับไปมองแจ็คสันด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและแผ่วเบา “มาเถอะ แจ็ค พ่อของหนูมา
เจเรมี่รู้สึกอึดอัดใจเมื่อเขารับรู้ถึงการถากถางและดูถูกในสายตาของมาเดลีนเขาเม้มริมฝีปาก ขณะจ้องมองเข้าไปในดวงตาของมาเดลีน“เพราะงั้น มันจะดีมากถ้าคุณจะหยุดตามราวีฉัน คุณวิทแมน ฉันไม่อยากถูกปฏิบัติเหมือนคนที่ตายไปแล้วอีก” มาเดลีนปฏิเสธเขาอย่างไม่แยแส“มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”เจเรมี่ขยับริมฝีปากเพื่อพูดหลังจากเงียบไปครู่หนึ่งเขาจ้องมองไปที่เธอ ก่อนที่เขาจะก้มศีรษะเพื่อโน้มตัวเข้าใกล้เธอ“ผมสัญญากับคุณ มันจะไม่เกิดขึ้นอีก”มาเดลีนหัวเราะเบา ๆ “วันก่อนคุณยอมรับไหมว่าคุณทำการทดสอบฉัน คุณวิทแมน?”เจเรมี่ยังคงเงียบภายใต้น้ำเสียงที่อยากรู้อยากเห็นของเธอบางทีอาจจะเป็นเช่นนั้น ในขณะที่คนทั้งโลกรู้สึกถึงความรักที่มาเดลีนมีต่อเจเรมี่ แต่เจเรมี่เป็นคนเดียวที่รู้ว่าตัวเขาเองได้ตอบแทนความรักให้เธอกลับเช่นกันความจริงก็คือเจเรมี่เสียสติไปแล้วเมื่อวันก่อน เขาไม่ได้ทดสอบเธออะไรทั้งนั้น ไม่เลย เขาเพ้อฝันไปว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ ...แต่นั่น คือทั้งหมดที่เป็นอยู่ คือเรื่องเหลือเชื่อตอนนี้ เขาตื่นมีสติแล้วเขาจะไม่เพ้อฝันให้ผู้หญิงตรงหน้าเป็นคนที่อยู่ในใจของเขาอีกเเล้วมาเดลีนใช้ความเงียบขอ
มาเดลีนตวัดสายตาไปที่พนักงานของร้านและเมเรดิธผู้หยิ่งผยอง มาเดลีนดึงบัตรออกมาอย่างไม่ให้ความสนใจมันมากนักและโยนมันไปที่หน้าของผู้ช่วยร้านที่ขู่ว่าจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย “หยิบขึ้นมาดูสิ แล้วบอกทีว่าฉันได้รับอนุญาตให้ใส่ชุดแบบนี้ได้หรือไม่”ด้วยอารมณ์ที่แปรปรวนของมาเดลีน พนักงานร้านรีบหยิบนามบัตรขึ้นมา ด้วยความตกใจเมื่ออ่านข้อความที่อยู่ในนั้น การแสดงออกของเธอเปลี่ยนเป็นเขินอายทันที เธอหน้าแดงขณะที่เธอโค้งคำนับและขอโทษมาเดลีน“ฉันขอโทษค่ะ ฉันขอโทษจริง ๆ! ฉันไม่รู้ว่าคุณคือคุณควินน์! ฉันขอโทษ จริง ๆ! โปรดยกโทษให้ฉันเถอะนะคะ!”เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเพื่อนร่วมงาน พนักงานขายคนอื่น ๆ ต่างเข้ามาดูนามบัตรที่มาเดลีนโยนลงไปท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไปทันทีในขณะที่พวกเขาเริ่มขอโทษมาเดลีนเมเรดิธตกตะลึงเมื่อเห็นพนักงานในร้านต่างพากันขอโทษมาเดลีนอย่างกะทันหัน และปฏิบัติกับเธอด้วยความเคารพ“พวกเธอทำอะไร? ทำไมถึงสุภาพกับเธอจัง?” เมเรดิธกลอกตาด้วยความไม่เห็นด้วย “มีอะไรน่าตกใจเกี่ยวกับนามบัตรของผู้หญิงคนนี้หรือไงกัน?”เมเรดิธยิ้มเยาะขณะที่เธอเอื้อมมือไปหยิบและอ่านนามบัตรที่อยู่ในมือของพนั
เมเรดิธเดินทางไปที่บ้านมอนต์โกเมอรีด้วยความโกรธที่ท่วมท้น เมื่อเธอกลับมาถึง แม่บ้านได้รินชาให้เธอหนึ่งถ้วยและนำขนมมาให้เธอ“เป็นอะไรไปคะ คุณเมเรดิธ? ทานผลไม้จานนี้เพื่อไล่ความโกรธสักหน่อยเถอะค่ะ” แม่บ้านมองเธออย่างยิ้ม ๆ“เธอเป็นใครมายุ่งเรื่องของฉัน?” เมเรดิธกลอกตาอย่างไม่พอใจ “แม่ของฉันอยู่ที่ไหน?”เสียงรถแล่นเข้ามาจากประตูหลัง หลังจากที่เธอเอ่ยถาม แม่บ้านได้มองไปที่ประตู “ฉันคิดว่าคุณหญิงกลับมาแล้ว”เมื่อนั้น เมเรดิธลุกขึ้นยืนทันที “บอกแม่ทีว่าฉันอยู่ในห้องเมื่อแม่ถามหา”เมื่อออกคำสั่งแล้ว เธอคว้ากระเป๋าและรีบวิ่งขึ้นบันไดไปแม่บ้านรับรู้และมองร่างที่เดินออกไปของเมเรดิธด้วยความเกลียดชังที่มีในดวงตาของเธอ“แกเป็นคนฆ่าบริทนีย์ทางอ้อม เมเรดิธ ครอว์ฟอร์ด! บริทย์คงจะยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเรียบง่ายหากเพียงลูกสาวคนโตอย่างแกไม่ปรากฏตัวและขโมยเอาทุกสิ่งของเธอไปในทันที!”หลังจากพูดจบ เธอรู้สึกได้ว่าเอโลอิสกำลังใกล้เข้ามามากขึ้นทุกที“เมเรดิธอยู่ไหน ไดอาน่า? เธอกลับมาบ้านหรือยัง?” เสียงของเอโลอิสลอยมาในขณะที่แม่บ้านชราอยู่ตรงหน้าเอโลอิส เธอแสดงกริยาไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ ในแง่ขอ
วันครบรอบ 50 ปีของตระกูลวิทแมนมาถึงในพริบตามาเดลีนทำสปาให้ตัวเองอย่างเอื่อยเฉื่อยก่อนที่จะทิ้งตัวแรง ๆ หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อเริ่มแต่งหน้าหลังจากนั้น เธอสวมชุดที่เมเรดิธทำได้เพียงแค่อยากเป็นเจ้าของ ก่อนหยิบกระเป๋าสะพายที่เป็นงานออกแบบของเธอเอง เพื่อขึ้นรถไปยังโรงแรมระดับหกดาวที่หรูหราแห่งแรกของเกลนเดลโคมไฟบนท้องถนนสว่างไสวเป็นแถวตามเส้นทางเมื่อยามค่ำคืนที่มีความมืดครอบคลุม หากมองไปที่เงาสะท้อนในหน้าต่างในรถ ริมฝีปากสีแดงของเธอถูกวาดให้ยิ้มเล็กน้อยขณะที่ยกมือขึ้นมาจัดทรงลูกผมที่อยู่รอบหน้าผากความงามของรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ดึงดูดจากริมฝีปากของมาเดลีนสะท้อนอยู่ในกระจกมองหลัง ทำให้คนขับรถสะดุดตาเกือบจะไม่หยุดรถขณะไฟแดงเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผู้หญิงที่สวยงามเช่นนี้ในขณะนั้น ทางเข้าหลักของโรงแรมระดับหกดาวเต็มไปด้วยผู้คนแล้วผู้สื่อข่าวที่มาร่วมงานต่างแย่งชิงกันเพื่อมาหาประสบการณ์โดยตรงจากงานที่หรูหราเช่นนี้ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากหยุดเก็บของชำร่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ในงานแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับคำเชิญต่างเข้ามาในโรงแรมเพื่อมายังชั้นของห้องโถงที่จัดงานเฉลิมฉลองเป็นภาพที่โดดเด่นมากสำหร
สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่มาเดลีนตั้งแต่ตอนที่เธอลงจากรถ ...ด้านในของโรงแรม เจเรมี่ขมวดคิ้ว แววตาเย็นชาของเขาเป็นประกายเมื่อเขาพบว่าตัวเองรู้สึกหงุดหงิดมากที่มาเดลีนไม่รับสายทันใดนั้น เขารู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังดึงที่ขากางเกงของเขาเจเรมี่มองลงไป เผชิญกับสีหน้าเฉยเมยของแจ็คสัน“พี่สาววีล่าอยู่ที่ไหนครับ? เธอยังไม่มาที่นี่อีกเหรอ?” แจ็คสันรอคอยการมาของมาเดลีนเป็นอย่างมากเจเรมี่รู้สึกว่าหัวใจของเขาพองโตขณะจ้องมองลูกชายของเขาสายตาของแจ็คสันมักจะทำให้เขานึกถึงสิ่งที่เขาเคยทำไว้เขาเคยทำลายขี้เถ้าของลูกสาวของตัวเองและมาเดลีนอย่างไรหัวใจของเขาเต้นรัวกับความมัวหมองทุกครั้งที่ความทรงจำเกี่ยวกับคำพูดสุดท้ายของมาเดลีน ย้อนมาในตอนที่เธอกระชากคอเสื้อของเขาถูกฉายซ้ำ ๆ ในหัวของเขา“แจ็ค”เสียงของเมเรดิธดังขึ้นมือที่จับกางเกงของเจเรมี่แน่นขึ้นเช่นเดียวกับแสงในดวงตาของเขาที่หายไป เขาปล่อยมือและรีบหลีกหนี แต่จะถูกเมเรดิธรั้งไว้ในที่สุด “ลูกจะไปไหน แจ็ค?”ด้วยรอยยิ้มจอบปลอมที่ฉาบอยู่บนใบหน้าของเธอ เมเรดิธจับข้อมือเล็กของแจ็คสันแน่นแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เจเรมี่อย่างอ่อนโยน“แม่ของคุณบอกให้เ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ