เมื่อเมเดลีนตื่นมาในวันรุ่งขึ้น เธอก็เห็นไรอันอยู่ข้างเตียงเธอมองดูคนเจ้าเล่ห์อย่างระแวดระวังและไม่พูดอะไรในทางกลับกัน ไรอันก็กำลังมองตรงมาที่เธอด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้า“คุณเสียเลือดมาก ผมเลยเอาซุปมาเติมพลังให้ ล้างหน้าล้างตาแล้วมาดื่มสักหน่อยสิ”เมเดลีนมองซุปบนโต๊ะข้างเตียงและเดินไปที่ห้องน้ำ“เอวลีน ตอนนั้นเจเรมี่ทำร้ายคุณขนาดนั้น ทำไมคุณถึงยังรักเขาอยู่ล่ะ?” เสียงอยากรู้อยากเห็นของไรอันดังขึ้นมาจากนอกห้องน้ำเมเดลีนไม่ตอบ และเปิดประตูออกมาหลังจากชำระร่างกายเสร็จเท่านั้นไรอันยืนอยู่ที่ประตู ในตอนนี้เขาดูอ่อนโยนและเป็นผู้ดีโดยไม่มีใครคิดเลยว่าเขาจะเป็นฆาตกรเลือดเย็นได้เมเดลีนมองเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่ม “การรักใครสักคนมันจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ?” เธอย้อนถามแล้วนั่งลงบนเตียงไรอันเดินไปเปิดกระติกรักษาอุณหภูมิให้ จากนั้นเขาก็เทซุปออกมาบางส่วนแล้วยื่นให้เธอเขามองไปที่ผ้าพันแผลตรงแขนของเมเดลีนและดึงถ้วยกลับ“ให้ผมป้อนนะ” ไรอันพูดพลางใช้ช้อนตักซุปมาแล้วยกขึ้นจ่อตรงปากของเมเดลีน“...” เมเดลีนหันหน้าปฏิเสธ “ฉันกินเองได้”“คุณไม่อยากได้ยาถอนพิษแล้วใช่ไหม?” ไรอันถามเสียง
เมเดลีนยิ้มเบา ๆ “ลืมแล้วเหรอคะ? ย้อนกลับไปตอนนั้นเจเรมี่ฆ่าพ่อกับแม่ของฉัน และเมื่อเป็นแบบนั้นฉันก็หย่ากับเขา หลังจากนั้นทุกคนในเกลนเดลก็รู้เรื่องที่ฉันแต่งงานกับไรอันหลังจากหย่ากับเขา แล้วคุณไม่รู้เรื่องนี้เลยเหรอคะ?”“...” คาเลนผงะ และโต้กลับไปว่า “นั่นไม่ใช่ภารกิจของอินเตอร์โพลหรือไง? ไรอันกับเธอไม่ใช่สามีภรรยากันจริง ๆ สักหน่อย!”“เมื่อก่อนไม่ใช่ แต่ตอนนี้เราเป็นสามีภรรยากันแล้ว” เมเดลีนตอบทันควันคาเลนตกตะลึง เธอกำลังมองไปที่เมเดลีนอย่างไม่เชื่อสายตา“เธอเป็นอะไรไป เอวลีน? เธอรักเจเรมี่มากขนาดนั้น…”“ค่ะ ฉันรักเขาจริง ๆ แต่หลายปีมานี้ฉันสามารถมีช่วงเวลาที่มีความสุขร่วมกันกับเขาได้กี่วันกันเชียว?”เมเดลีนเย้ยหยันและแสดงความไม่พอใจออกมา“พ่อแม่ของฉันถูกเขาฆ่าตาย และที่ลิลลี่ต้องเป็นใบ้ก็เพราะเขา ตอนนี้เขามีส่วนเกี่ยวข้องในการฆาตกรรมอีก ทั้งหุ้นของมอนต์โกเมอรี เอนเตอร์ไพรส์ก็ได้รับผลกะทบอย่างหนักจากเขาด้วยเหมือนกัน ฉันพอแล้วล่ะค่ะ”“เจเรมี่ไม่ได้ฆ่าใคร! เขาถูกใส่ร้าย! เธอเองก็ไม่เชื่อในตัวเขาเหรอ?” คาเลนเริ่มกระสับกระส่ายขณะที่พยายามจับมือเมเดลีนแล้วเอ่ยว่า “เอวลีน เธอกับเจเ
เจเรมี่ไม่ใช่ฆาตกรแล้วเธอก็จะไม่มีวันตกหลุมรักผู้ชายอย่างไรอันเด็ดขาดเมื่อไรอันเห็นความมุ่งมั่นในดวงตาของเมเดลีน เขาก็ยิ้มเยาะออกมา เขาประทับใจในความใจเย็นและความกล้าหาญของเธอเป็นที่สุด“รอผมกลับบ้านนะ” หลังจากไรอันพูดแบบนั้น เขาก็ขับรถออกไปทันทีที่เขาจากไป เมเดลีนก็ไม่รอช้าที่จะขึ้นไปยังห้องนอนบนชั้นสองทันทีเมื่อพิจารณาจากความสะอาดของห้องแล้ว ไรอันน่าจะอยู่คนเดียวมาโดยตลอดแต่หลังจากค้นไปรอบ ๆ เธอก็ยังไม่พบอะไรน่าสงสัยเมเดลีนต้องการค้นหาต่อ แต่บาดแผลที่แขนของเธอเริ่มเจ็บมากขึ้นเพราะตอนนี้เธอเคลื่อนไหวมากเกินไป เลือดจากบาดแผลจึงเริ่มซึมผ่านผ้าพันแผลออกมาเมเดลีนต้องการดูแลบาดแผลของเธอให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เธอจึงค้นหาชุดปฐมพยาบาลและเปิดตู้เสื้อผ้า แต่ก็ไม่พบอะไร นอกจากชุดสูทที่ห้อยอยู่ซึ่งทำให้เธอแปลกใจเมเดลีนจำได้ว่านี่คือชุดที่ไรอันใส่ตอนที่เขาขอให้เธอไปพบที่ร้านกาแฟ ซึ่งหมายความว่าเป็นวันที่ลาน่าถูกฆาตกรรมด้วยด้วยความไวด้านกลิ่น เมเดลีนจึงได้กลิ่นไม้กฤษณาจากชุดสูทนั้น รวมถึงกลิ่นควันที่ออกมาจากปืนด้วยลาน่าถูกยิงตาย ดังนั้นคนที่ยิงเธอจะต้องมีกลิ่นควันนี้ติดเสื
เมเดลีนจับที่มุมกระดาษและมองเด็กหญิงตัวน้อย เธอบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ให้มากที่สุด“ลิลลี่ เดี๋ยวแม่จะไปหา ยืนเฉย ๆ อย่าขยับ โอเคไหมจ๊ะ?” เมเดลีนพูดคุยกับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ และก้าวไปข้างหน้าเพื่อพยายามเข้าใกล้เธอทีละนิดทว่าลิเลียนส่ายหน้า ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเมเดลีนหยุดเท้าของเธอไว้ เพราะกังวลว่าจะไปกระตุ้นลูกสาวหากเข้าไปใกล้เธออีก“เธอคือลูกสาวคุณใช่ไหมครับ คุณนายวิทแมน?” ตำรวจที่อยู่ด้านหนึ่งถามด้วยความสงสัยเมเดลีนพยักหน้า ดวงตาสีแดงของเธอจ้องมองไปยังลูกสาวของเธอที่กำลังหันหน้าไปปะทะกับสายลมหัวใจของเธอเจ็บปวดราวกับถูกเผาไหม้ แต่เธอก็ยังสับสนอยู่ว่าทำไมเด็กหญิงตัวน้อยถึงได้มาอยู่ที่นี่ในขณะที่กำลังรู้สึกงงงวยอยู่นั้น เธอก็ได้ยินเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง“คุณนายวิทแมน ถ้าเธอเป็นลูกสาวของคุณ คุณก็ควรจะลองคุยและถามดูนะครับ ว่าเธอต้องการอะไร พยายามให้เธอลงมาจากตรงนั้นเร็ว ๆ จะดีกว่า มันน่ากลัวเกินไปถ้าจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่พลัดตกลงไป”ดวงตาของเมเดลีนเป็นสีแดงขณะมองลิเลียนซึ่งกำลังทำหน้ามุ่ย เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันด้วยความโศกเศร้า“เธอพ
ตำรวจเข้าใจในทันทีและมีรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขา จากนั้นพวกเขาก็ออกคำสั่ง“กระจายข่าวของลิเลียน วิทแมนที่อยู่บนดาดฟ้าของวิทแมน คอร์ปอเรชั่นผ่านทางอินเทอร์เน็ตและไลฟ์สดด่วน เราต้องการให้เจเรมี่ วิทแมนได้เห็น และรีบมาช่วยลูกสาวของเขา!”หลังจากที่เมเดลีนได้ยินอย่างนั้น อะไรบางอย่างในหัวของเธอก็เข้าใจขึ้นมาได้โดยฉับพลันเธอมองไปที่เด็กหญิงตัวน้อยผู้ไร้เดียงสาแล้วกำหมัดแน่นลิเลียนไม่ได้หายตัวไปเอง แต่มีคนพาเธอมาที่นี่เหตุผลที่คนคนนั้นทำแบบนี้ก็เพื่อให้เจเรมี่แสดงตัวออกมาเมเดลีนเข้าใจแล้วว่าทั้งหมดนี้เป็นสถานการณ์ที่ถูกจัดฉากขึ้นถึงอย่างนั้นเธอจะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าเธอในทางกลับกันเธอก็ไม่ต้องการให้เจเรมี่ปรากฏตัวด้วยเช่นกันเธอควรทำอย่างไรเพื่อให้มั่นใจว่าในตอนนี้ทั้งคู่จะปลอดภัย?ยิ่งเมเดลีนคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ จากนั้นเธอก็เริ่มรู้สึกวิงเวียนขึ้นมาเล็กน้อยในที่สุดเธอก็สังเกตเห็นว่าบาดแผลมีเลือดไหลออกมาอีกครั้ง การสูญเสียเลือดทำให้เธอรู้สึกเซื่องซึม“ลิลลี่!”ทันใดนั้นเสียงตะโกนอย่างตื่นตระหนกก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของ
“ลิลลี่!” หัวใจของฟาเบียนแทบกระโจนออกจากอก เขาไม่สนใจอะไรและได้แต่พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว“โอ้พระเจ้า เธอตกลงไปแล้ว!”“นี่มันสูง 28 ชั้นนะ! ถ้าตกลงไปเธอตายแน่!”นักข่าวอ้าปากค้าง แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังพยายามจับภาพช่วงเวลานี้ไว้ด้วยกล้องของพวกเขาในชั่วพริบตาเมเดลีนก็รู้สึกถึงลมพัดวูบจากด้านข้างของเธอลมที่พัดมาพร้อมกลิ่นอันคุ้นเคยโอบล้อมเธอไว้เธอมองไม่เห็นเจเรมี่ เพราะเขาพุ่งผ่านตัวเธอไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า ขณะที่ผลักเธอออกจากเขตอันตราย เขาก็กระโดดลงไปโดยไม่คิด“กรี๊ด!” ใครบางคนกรีดร้องเมื่อเห็นร่างของชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นก่อนจะกระโดดลงไปโดยไม่รีรอ พวกเขาตกใจมากกับภาพที่เห็นเมเดลีนถูกผลักไปด้านข้างและมองร่างสูงที่ผ่านไปด้วยความตะลึง เธอรู้สึกเจ็บปวดที่หัวใจขณะที่รู้สึกว่าประสาทสัมผัสและสติสัมปชัญญะทั้งหมดได้เลือนหายไปจากตัวเธอแล้ว“เจเรมี่…” เธอเรียกชื่อเจเรมี่อย่างเหม่อลอย ขณะที่น้ำตาไหลรินจากดวงตาของเธอเมเดลีนอยากจะวิ่งไปดู แต่ก่อนที่เธอจะได้ทันทำตามที่ใจคิด ขาของเธอกลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรงในทันที“เอวลีน!” ฟาเบียนรีบเข้าไปพยุงเธอเมื่อมองเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวและ
ลิเลียนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเธอก็ไม่รู้สึกถึงอันตรายใด ๆ เลย เธอเพียงมองตรงไปและแววตาของเธอก็เอาแต่จับจ้องอยู่ที่เจเรมี่“พ่อขอโทษ พ่อผิดไปแล้วลิลลี่ พ่อไม่ควรแสร้งทำเป็นไม่รักลูก พ่อควรบอกให้ลูกรู้ ว่าลูกคือเจ้าหญิงคนเดียวของพ่อ และเป็นนางฟ้าตัวน้อยที่พ่อจะใช้ทั้งชีวิตเพื่อปกป้องและมอบความรักให้”หลังจากเจเรมี่พูดแบบนั้น เขาก็รู้สึกว่าราวจับที่เขาจับไว้กำลังคลายออกช้า ๆร่างของลิเลียนตกลงไปอีกเล็กน้อยและไหล่ของเจเรมี่ก็เริ่มเอียง ทว่าเขาก็ไม่ปล่อยมือและยิ่งจับมือของลูกสาวแน่นขึ้นไปอีกหัวใจของเมเดลีนหล่นวูบเมื่อเห็นอย่างนั้น เธอรู้สึกได้ถึงหายนะที่กำลังจะมาถึงในทุกวินาทีเธอไม่สามารถยืนอยู่ตรงนั้นและรอให้คนมาช่วยได้ ทันใดนั้นเองเธอจึงเอื้อมมือไปจับแขนของเจเรมี่เอาไว้“คุณกำลังทำอะไรลินนี่? ปล่อยผม! ถ้าราวเหล็กนี่หลุดผมอาจจะลากคุณตกลงไปด้วยกันนะ!” เจเรมี่ตะโกนใส่เมเดลีนเพื่อให้เธอหยุดการกระทำนั้นลงทว่าเมเดลีนกลับกัดฟันและไม่ยอมปล่อยมือ เธอกำลังมองชายที่รักและลูกสาวด้วยสายตาที่มุ่งมั่น“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องตกลงไปด้วยกัน ฉันคงอยู่ไม่ได้ถ้าต้องสูญเสียทั้งคุณและลิลลี่ไปพร้อมกั
เมเดลีนคิดไม่ถึงว่าตำรวจจะจับเจเรมี่ในตอนนี้ตำรวจใส่กุญแจมือเจเรมี่ได้แล้ว และภาพที่เห็นทำให้การมองเห็นของเมเดลีนมืดมนไปในทันทีเจเรมี่ไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว เขาใช้มือค้ำและกระโดดข้ามราวบันไดมายืนอยู่ตรงดาดฟ้าเมื่อสื่อเห็นว่าเจเรมี่กลับมายืนขึ้นได้ กล้องจำนวนมาก็เริ่มเล็งไปที่เขาและรัวถ่ายภาพไม่หยุดคุณชายของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเกลนเดลถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรมฉากการจับกุมของเขาจะต้องกลายเป็นเป็นที่นิยมอย่างแน่นอนเจเรมี่มองเมเดลีนที่หน้าบูดบึ้งโดยไม่พูดอะไร ในทางกลับกันเขาได้แต่จ้องเธอเขม็งเมื่อสบตากัน เมเดลีนก็บอกได้ทันทีว่าเขาต้องการจะพูดอะไรกับเธอ“คุณวิทแมนมากับเราด้วย เราจะดำเนินการหาความจริงให้ถึงที่สุดหากคุณเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ๆ แยกย้ายได้!” ตำรวจพูดขณะที่เขาพาเจเรมี่กลับไปสถานีตำรวจเขาไม่อยากหนีอีกแล้ว แต่ก่อนที่จะจากไป เขาก็ฉวยโอกาสหันมามองเมเดลีนเล็กน้อยเมเดลีนเบนสายตาของตัวเองในขณะที่แสร้งทำเป็นสงบ เธอไม่ต้องการมองตอบเขาเจเรมี่เข้าใจและยิ้มเบา ๆ ไม่มีสีหน้าลำบากใจอยู่บนใบหน้าของเขา ในทางกลับกันดูเหมือนจะมีเพียงความโล่งใจมากกว่าอย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะเดินจ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ