เขาเลื่อนนิ้วผ่านหน้าจอ แต่ก่อนที่จะพูดอะไรเขาก็ได้ยินเมเดลีนพูดด้วยน้ำเสียงที่วางมาดและเอาแต่ใจ “ไรอัน ฉันอยากพบคุณ”“ตอนนี้?” ไรอันมองดูนาฬิกาซึ่งเป็นเวลาตีสองแล้ว“ใช่ ตอนนี้ ฉันอยากเจอคุณ” น้ำเสียงของเมเดลีนหนักแน่นไรอันสงสัยมากจึงตอบตกลง “คุณอยู่ที่ไหน?เดี๋ยวผมจะไปรับ”“ไม่ ฉันจะไปหาคุณเอง”นั่นทำให้คนที่ฟังรู้สึกว่ามันน่าสนใจขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนเขาจะเอ่ยอย่างลึกซึ้งว่า “งั้นมาที่ห้องของเราสิ ผมจะรอ”ห้องของเรา?เมเดลีนกำหมัดแน่นและรู้สึกถึงคลื่นแห่งความไม่พอใจที่มาพร้อมความต่อต้านซึ่งถาโถมเข้ามาภายในตัว ทว่าเธอก็จำเป็นจะต้องทำเรื่องนี้ให้เสร็จภายในคืนนี้หลังจากที่วางสาย ไรอันก็มองชื่อเมเดลีนบนหน้าจอโทรศัพท์นิ่ง ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างในใจเขารู้ว่าเพราะเจเรมี่ เมเดลีนจึงกลายเป็นที่ต้องการสำหรับตำรวจเช่นกัน เพราะเธอพยายามช่วยฆาตกรให้หลบหนีแต่ในขณะนี้เมเดลีนกำลังจะมาหาเขาที่นี่หลังจากผ่านไปกว่าสิบนาที ไรอันก็กลับมาถึงบ้าน ภาพงานแต่งงานของเขากับเมดลีนยังคงแขวนอยู่บนผนังห้องนั่งเล่นเขาดูภาพนั้นด้วยความสนใจ จากนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากข้างหลังไรอันหันกลับมาพบกับเมเดลี
ไรอันตกตะลึงกับคำตอบและความมั่นใจในแววตาของเธอในตอนนี้เองที่เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังถูกความหงุดหงิดงุ่นง่านครอบงำไรอันขมวดคิ้วและมองไปที่เมเดลีนซึ่งสงบนิ่งและดูสำรวมเขาไม่เคยเห็นความกล้าหาญขนาดนี้ในผู้หญิงคนนี้มาก่อนในทางกลับกันนี่คือความกล้าหาญอย่างแท้จริงที่ดึงดูดเขาให้สนใจเมเดลีน แม้ว่าเธอจะเคยแต่งงานและมีลูกมาแล้วก็ตามความรู้สึกช่างแปลกประหลาด คนเราไม่มีใครเข้าใจมัน แต่ในขณะเดียวกันก็ถูกมันควบคุมไว้โดยปริยายถึงอย่างนั้นเป้าหมายสูงสุดของไรอันในตอนนี้คือการกำจัดเจเรมี่เท่านั้นเขาจะยอมทิ้งโอกาสดี ๆ เช่นนี้ให้กับผู้หญิงเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ?ไม่ไรอันยิ้มอย่างมีเลศนัยโดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้เขาสามารถยิงปืนเพียงนัดเดียวเพื่อให้ได้นกสองตัว และเขายังสามารถจะจัดการมันได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วยเจเรมี่ต้องตาย และเขาก็ต้องการตัวเอวลีนด้วย“ไรอัน คุณว่าไง? คุณช่วยชีวิตสามีของฉันได้หรือเปล่า?” เมเดลีนทำลายความเงียบลงไรอันยกมุมปากขึ้น มีความชื่นชมในดวงตาของเขา“แล้วคุณทำอะไรเพื่อเจเรมี่ได้บ้าง เอวลีน?”“ฉันทำได้ทุกอย่าง ตราบใดที่เขาปลอดภัย” เธอตอบโดยไม่ลังเลไรอันมอ
แต่เมื่อเจเรมี่ตื่นขึ้นและสัมผัสถึงครึ่งหนึ่งของเตียงที่ว่างเปล่า จากนั้นเขาก็รู้สึกใจหาย“ลินนี่?”เขาพยายามมองหาเมเดลีนในห้องเล็ก ๆ แต่ก็รู้ได้ทันทีเพียงกวาดตาครั้งเดียวว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วเจเรมี่รีบอาบน้ำแล้วลงไปชั้นล่าง เมื่อเขาพยายามถามพนักงานต้อนรับ คนที่เป็นหัวหน้าก็ได้ยื่นโน้ตให้เจเรมี่“คุณตื่นแล้วสินะ แฟนของคุณให้เราส่งโน้ตนี้ให้ค่ะ เธอออกไปเมื่อกลางดึกและทิ้งข้อความนี้ไว้ให้คุณ”เธอจากไปกลางดึก?หัวใจที่จมดิ่งอยู่แล้วของเจเรมี่รู้สึกเย็นชาอย่างยิ่งเขาหยิบโน้ตมาดูและเห็นข้อความ ‘เจเรมี่ ฉันรักคุณ’เจเรมี่มองลายมือที่เรียบร้อยของเมเดลีน ตัวอักษรเหล่านั้นยังคงสะท้อนอยู่ในดวงตาและได้สลักลงบนหัวใจของเขาแล้วเขาจำสิ่งที่เมเดลีนบอกเขาเมื่อคืนนี้แทบจะในทันที “ฉันมีแผนที่จะทำให้ไรอันยอมรับว่าเขาเป็นคนฆ่าลาน่า”‘โง่จริง ๆ ลินนี่ คุณออกไปหาไรอันเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ และเพื่อชีวิตที่กำลังจะจบลงในไม่ช้าของผมเนี่ยนะ’เขาเดาได้ทันทีและรู้สึกว่าหัวใจกำลังจมลงสู่ความเจ็บปวด‘ทำไมคุณโง่แบบนี้นะ ลินนี่?‘ผมไม่สมควรได้รับมัน’เจเรมี่โทรหาเมเดลีนทันที ในขณะเดียวกันเขาก็
เมเดลีนโดนต้อนให้จนมุม แต่ก็ไม่คิดที่จะสู้กลับเลยแม้แต่น้อยถึงเธอจะมองไม่เห็นใบหน้าของบุคคลนั้น แต่กลิ่นของต้นหญ้าก็โชยเข้ามาในจมูกของเธอหญิงสาวชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะได้สติสัมปชัญญะกลับคืนมา เมื่อสบตากับชายตรงหน้า เธอก็เริ่มผลักเขาออกไปด้วยความลนลาน“คุณมาทำอะไรที่นี่? ไปให้พ้น! ตำรวจอาจจะยังจับตาดูฉันอยู่ คุณมาหาฉันไม่ได้ ไม่รู้หรือไง?”เมเดลีนกดปุ่มเปิดพลางผลักเจเรมี่ให้ออกไป แต่ร่างสูงกลับดึงเธอไว้ในอ้อมแขนและกักตัวเธอเข้ามุมอีกครั้ง“มากับผมนะ” เจเรมี่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและรักใคร่เขาไม่ได้ตำหนิ หรือสงสัยใด ๆ ในตัวเธอ และรู้ดีว่าเธอทำเพื่อเขาเมเดลีนส่ายหน้าด้วยดวงตาแน่วแน่ “ฉันไม่ไป ฉันมาไกลแล้ว และจะไม่หันหลังกลับไป”เจเรมี่สูดหายใจลึกและขมวดคิ้วเข้าหากัน“เป็นอะไรไปคะ?” เมเดลีนจับแขนของเจเรมี่ไว้ เมื่อสังเกตเห็นว่าเขามีสีหน้าไม่ค่อยดี “เจเรมี่ คุณไม่สบายหรือเปล่า? เจ็บอีกแล้วเหรอ? เป็นเพราะยาพิษใช่ไหม?”เจเรมี่มองใบหน้ากังวลของอีกฝ่ายแล้วกดลิฟต์เพื่อไปยังชั้นบนสุด จากนั้นเขาก็ดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมแขนของตัวเอง“ลินนี่ กลับมาหาผมเถอะนะ ได้โปรด”เสียงของเขาที่ดังก
นี่สร้างความเจ็บปวดในหัวใจของเมเดลีนเป็นอย่างมาก เธออยากจะบอกให้เขาไป “เจเรมี่… อืม…”เจเรมี่กังวลว่าเมเดลีนจะทำให้อีกฝ่ายรู้ตำแหน่งของพวกเขา เขาจึงใช้ริมฝีปากปิดปากเธอทันทีเมเดลีนคิดไม่ถึงว่าจะโดนเจเรมี่จูบในสถานการณ์แบบนี้ เธออยากจะผลักเขาออก แต่อีกฝ่ายกลับใช้พลังทั้งหมดที่มีรั้งเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาเม็ดฝนขนาดใหญ่ตกลงมาบนร่างของคนทั้งสอง การมองเห็นของเมเดลีนพร่ามัวจนในขณะนี้แทบจะลืมตาไม่ได้เธอเริ่มลืมความจริงที่ว่าควรจะผลักไสเขาออกไป เริ่มรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังละลายอยู่ในอ้อมแขนของเจเรมี่ที่ยังคงจูบเธออยู่...ในขณะเดียวกันเจเรมี่ก็รู้สึกได้ว่าเมเดลีนยอมทำตามที่เขาต้องการแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงผละตัวเองออกมาแล้วประคองใบหน้าที่เปียกชื้นของเธอเอาไว้“ไปกับผมนะ ลินนี่?”“ค่ะ…” เมเดลีนพยักหน้า เธอไม่สามารถหาเหตุผลมาปฏิเสธเขาได้อีก เธอรู้สึกกังวลทุกครั้งที่เห็นผิวของเขาดูซีดเซียวมากขึ้นเรื่อย ๆเจเรมี่ยิ้มอย่างพอใจและจูบเธออีกครั้ง หลังจากนั้นเขาก็จับมือเมเดลีนเดินไปที่ประตูดาดฟ้าทว่าเมื่อพวกเขาไปถึงประตู ประตูก็เปิดออกพร้อมกับเสียงเอี๊ยดอ๊าดไรอันที่กำลังถือร่มค่อย ๆ เดินเข้
ไรอันไม่คิดว่าเมเดลีนจะทำอย่างนี้เขามองไปที่มืออันว่างเปล่าของตัวเองแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอึ้งไปเจเรมี่เองก็ตกใจเช่นกัน การกระทำที่รวดเร็วและแน่วแน่ของเมเดลีนนั้นเกินความคาดหมายของเขามาก และในเวลาเดียวกันก็ดึงดูดสายตาของเขาด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตามเมเดลีนก็ยังคงไม่สะทกสะท้าน เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันและจ้องตรงไปยังไรอัน ในขณะนี้ความกล้าหาญและสง่างามของเธอก็ไร้ที่ติเมเดลีนไม่ได้พูดอะไรกับไรอันอีก เธอหันไปพูดกับเจเรมี่อย่างอ่อนโยนว่า “คุณต้องไปเดี๋ยวนี้ เจเรมี่”“ลินนี่”“ไปสิ!” เธอแสร้งทำเป็นโกรธขณะที่ไล่เจเรมี่ไป “เจเรมี่ ฉันเชื่อว่าคุณจะไม่ฆ่าใคร แล้วฉันก็เชื่อเช่นกันว่าฆาตกรตัวจริงจะต้องถูกเปิดโปงในสักวันหนึ่ง!”เธอมองไปยังเจเรมี่ซึ่งกำลังมีแววตาไม่เต็มใจ “ไปสิคะ”เจเรมี่รู้สึกว่าเขาไม่สามารถทำให้ผู้หญิงคนนี้ผิดหวังได้อีก หลังจากที่เห็นความมุ่งมั่นและความห่วงใยในแววตาของเธอเขามองไปที่เมเดลีนอย่างโหยหา ก่อนที่ดวงตาคมกริบจะกวาดผ่านใบหน้าของไรอันจากนั้นร่างสูงก็ลากร่างกายที่กำลังอ่อนแอเพราะยาพิษจากไปอย่างรวดเร็วทว่าหลังจากนั้นเมเดลีนก็ยังไม่ยอมปล่อยปืนในมือ เธอยังคงชี้ปล
ระหว่างที่กำลังอยู่ในลิฟต์และจะกำลังขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็บังเอิญเห็นไรอันอุ้มเมเดลีนเข้าไปในลิฟต์อีกตัวเมื่อประตูกำลังจะปิด เขาก็เห็นแขนที่เปื้อนเลือดและใบหน้าซีดเซียวของเมเดลีน“ลินนี่!”เจเรมี่รู้สึกว่าหัวใจของเขากระโจนหลุดออกมาจากอก แต่เมื่อกำลังจะไล่ตามไป ตำรวจซึ่งอยู่บนดาดฟ้าก็สังเกตเห็นเขาพอดี“นั่นเจเรมี่ วิทแมน!”“จับเขา! ถ้าขัดขืนให้ยิงทันที!”ตอนนี้เจเรมี่นึกถึงแต่เมเดลีน เขาจึงไม่สามารถอยู่เฉยและปล่อยให้โดนจับกุมได้ง่าย ๆหากเขาถูกจับ เขาจะไม่สามารถหาความจริงที่เกิดกับเมเดลีนได้ และเขาอาจถูกไรอันใส่ร้ายได้อีกครั้งเขาเลือกที่จะขึ้นบันได จากนั้นพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดและความอึดอัดที่ก่อตัวอย่างมากมายขณะที่เขาพาตัวเองออกจากอาคารของวิทแมน คอร์ปอเรชั่นไป เขาออกจากประตูด้านข้างและเมื่อกำลังจะไปที่ทางเข้าเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็เห็นตำรวจยืนเฝ้าอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงทำได้เพียงเรียกรถแท็กซี่ข้างถนนและเปิดแอปพลิเคชั่นในมือถือแทนเขารู้ว่าเมเดลีนสวมสร้อยข้อมือคริสตัลที่ลูกชายมอบให้เสมอ และแน่นอนว่า GPS บนสร้อยข้อมือก็ติดอยู่ตรงนั้นมาโดยตลอดในที่สุดเขาก็พบว่าเมเ
เมเดลีนลุกขึ้นนั่งโดยที่ไม่สนใจความเจ็บปวดที่แขนของตัวเองนัก ก่อนจะดึงมือออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย “ไปเดี๋ยวนี้นะ!”ทว่าหลังจากที่เธอหลุดพ้นจากมือของเจเรมี่มาได้ เขาก็ดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่น “อย่าไล่ผมไปเลยนะ ลินนี่”“...” เมเดลีนรู้สึกถึงคลื่นแห่งความโศกเศร้าที่ถาโถมเข้าสู่หัวใจ และรู้สึกได้ถึงน้ำตาที่กำลังไหลออกมาแน่นอนว่าเธอต้องการให้เขาอยู่ด้วยกัน แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาโรแมนติกได้เลยเธอรู้ว่าเจเรมี่จะกังวลและไม่อยากไป ดังนั้นเธอจึงปรับโทนเสียงให้อ่อนลงและตบไหล่ของเขาเบา ๆ “คุณฟังฉันนะ ฉันสบายดี แผลมันไม่ลึกเลย อีกสองสามวันก็หายดี”เธอปลอบ ก่อนน้ำเสียงจะหนักแน่นขึ้น“สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของคุณ”“ไม่ สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือคุณ” เจเรมี่ผละออกและประคองใบหน้าที่ซีดเซียวของเมเดลีนเอาไว้ “ผมจะไม่ปล่อยให้ภรรยาของผมต้องเจ็บเพราะผมอีกแล้ว”เมเดลีนรู้สึกว่าเขาคงเห็นใจเธอ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกเห็นใจเขาเช่นกัน“เจเรมี่ ในฐานะภรรยาของคุณ ฉันยินดีที่จะหลั่งเลือดและน้ำตาให้คุณ อย่าโทษตัวเองเลยนะ”เธอลูบไล้ใบหน้าของเขา ก่อนจะสังเกตว่าสีหน้าขอ
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ