เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงเอกสารสองฉบับและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เราได้รับหลักฐานสำคัญที่แสดงว่าคุณวิทแมนเป็นฆาตกรที่ฆ่าคุณลาน่า ตอนนี้เราจึงจะจับกุมเขาอย่างเป็นทางการ”“อย่าสร้างปัญหาให้เราเลยครับ คุณนายวิทแมน”“เป็นไปไม่ได้! เจเรมี่ไม่เคยฆ่าใคร!” คาเลนวิ่งลงมาข้างล่าง “พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว หลักฐานพวกนั้นต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ !”“หลักฐานได้รับการตรวจสอบและอนุมัติจากแพทย์ด้านนิติเวช หลักฐานไม่สามารถถูกปลอมแปลงได้นะครับ” เจ้าหน้าที่กล่าวอย่างมั่นใจ“นอกจากนี้เรายังได้รับเอกสารจากบุคคลนิรนามที่ทำให้เราแน่ใจมากว่าคุณวิทแมนมีแรงจูงใจในการฆาตกรรมในครั้งนี้ รวมถึงเรายังพบช่วงเวลาที่นำไปสู่การฆาตกรรมได้ และที่สำคัญที่สุดคือปืนที่ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ มันมีรอยนิ้วมือของคุณวิทแมนอยู่”‘พบรอยนิ้วมือของเจเรมี่บนปืนเหรอ?’เมเดลีนคิดว่ามันฟังดูน่าเหลือเชื่อเกินไปเจ้าหน้าที่เริ่มถามอีกครั้ง “คุณนายวิทแมน ในวันเกิดของคุณโจนส์ คุณวิทแมนทะเลาะกับเขาหรือเปล่า? ตอนนั้นคุณวิทแมนเล็งปืนไปที่คุณโจนส์ด้วยใช่ไหมครับ?”เมื่อถูกซักถามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จู่ ๆ เมเดลีนก็นึกถึงกับดักที่ไรอันสร้างขึ้นม
เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบวิ่งออกไปด้านนอกตามเสียงที่ได้ยินทันทีเมเดลีนเองก็ตามพวกเขาไปเช่นเดียวกัน ก่อนจะพบว่าตรงนั้นมีแจกันตกแตกอยู่ที่พื้นหญ้าตรงกับห้องนอนชั้นบนหน้าต่างตรงระเบียงถูกเปิดทิ้งไว้ ขณะที่ผ้าม่านสีขาวปลิวไหวไปกับสายลมอ่อน ๆ“มีโอกาสมากที่คุณวิทแมนจะกระโดดลงมาจากหน้าต่างเพื่อหลบหนี รีบตามเขาไปเร็วเข้า!” หัวหน้าทีมรีบออกคำสั่งทันทีเมเดลีนมองขึ้นไปที่ระเบียงและเชื่อว่าเจเรมี่มีความสามารถและทักษะการกระโดด ‘แต่เขาจะ ‘บังเอิญ’ ทำให้แจกันแตกเพื่อให้ทุกคนได้ยินด้วยเหรอ?’ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ร่างสูงที่คุ้นตาก็ปรากฎขึ้นบริเวณปลายหางตาของเธอดวงตาของเธอเป็นประกายเมื่อพบกับดวงตาคู่นั้นของเจเรมี่หัวใจของเธอเต้นแรง เมื่อเห็นเจเรมี่ออกไปตรงทางเข้าหลัก เธอจึงจงใจรีบขึ้นไปขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังเดินไปเป็นกลุ่มทันที “ฉันเชื่อว่าสามีของฉันไม่ได้ฆ่าใคร ฉันเชื่อว่ามีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”“ผมเข้าใจความรู้สึกคุณ คุณนายวิทแมน แต่เราจะดูแค่หลักฐานเท่านั้น”“แต่หลักฐานสามารถปลอมแปลงได้นี่ ไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่ต้องลงเอยด้วยการติดคุกอยู่ตั้งสามปีเต็ม ๆ ทั้งที่ไม่ท
ขณะที่เมเดลีนกำลังจะดิ้น เธอก็ได้ยินเสียงที่ฟังดูคุ้นเคยมาก“ชู่ว ผมเอง”เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งดังขึ้น ในขณะที่เขาดึงเธอไปตรงทางเดินริมถนนหลังจากแน่ใจว่าคนที่ติดตามพวกเขาออกไปแล้ว ชายคนนั้นก็เรียกแท็กซี่และพาเมเดลีนขึ้นรถไปภายในรถเมเดลีนจ้องหน้าชายคนนั้นด้วยความรู้สึกไม่พอใจ“คุณเป็นคนส่งข้อความมาหาฉันก่อนหน้านี้เหรอ?” เธอถาม เพราะในใจลึก ๆ เธอคิดว่ามันเป็นข้อความมาจากเจเรมี่ฟาเบียนสังเกตเห็นความผิดหวังบนใบหน้าของเมเดลีน เขายิ้มจาง ๆ แล้วพูดว่า “คุณผิดหวังใช่ไหม?”เขาได้ยินข่าวการฆาตกรรมลาน่าแล้วเมื่อเห็นใบหน้าของฟาเบียนฉาบด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย จากนั้นเมเดลีนก็มองเขานิ่ง ๆ “ตามความคิดของฉัน ลาน่าสมควรได้รับผลกรรมแบบนั้นแล้ว และฉันก็บอกให้คุณรู้ได้เลยว่าสามีของฉันไม่ใช่ฆาตกร”“ผมรู้ว่าคุณจะพูดแบบนั้น” ราวกับว่าฟาเบียนรู้อยู่แล้ว เขาจึงหัวเราะเยาะออกมา “ครอบครัวเพียงคนเดียวที่ผมมีในโลกนี้ก็ตายไปแล้ว ดูสิ คุณคิดว่าผมมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วจะมีความหมายอะไรอีก?"เมเดลีนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินความคิดเห็นของเขา “ฟาเบียน ความตั้งใจของคุณที่นัดฉันออกมาไม่ใข่เพื่อที่จะพูดแค่นี้หรอกใช่ไหม? ห
“...”เมเดลีนรู้ว่าฟาเบียนจงใจพูดแบบนั้น และสังเกตเห็นว่าสื่อมวลชนและตำรวจกำลังมองดูพวกเขาซึ่งกำลังแสดงเป็น ‘คู่รัก’ กันอยู่ฟาเบียนจงใจใช้ร่างกายของเขาปิดบังเมเดลีนให้พ้นจากสายตาของทุกคนและ ‘กอด’ เธอไว้ขณะที่พวกเขาเข้ามาในห้องทันทีที่เข้ามาในห้องเมเดลีนก็สลัดตัวเองออกจากพันธนาการของฟาเบียนทันที “อะไรดลใจคุณให้สร้างเรื่องแล้วพาฉันมาที่นี่?”“ลินนี่”เมื่อได้ยินเสียงทุ้มแหบของเจเรมี่ดังมาจากด้านหลัง เมเดลีนก็ตกตะลึงและรีบหันไปหาทันทีเธอยิ้มด้วยดวงตาเป็นประกาย ในขณะที่มีร่างสูงที่คุ้นเคยสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่นั้น “เจเรมี่!”เจเรมี่ยิ้มบาง ๆ อย่างอบอุ่น ขณะที่เข้าไปกอดเธอไว้อย่างทะนุถนอม “ไม่ต้องห่วง ผมสบายดี”เมเดลีนไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่ซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขาเพื่อหาความรู้สึกที่ปลอดภัยฟาเบียนเห็นฉากนั้นแล้วยักไหล่ยิ้ม ๆ “ภารกิจเสร็จสมบูรณ์”จากนั้นเขาก็หมุนตัวเพื่อจะออกจากห้องไป ทว่าเมื่อสังเกตเห็นว่าสื่อมวลชนและตำรวจยังอยู่แถวนั้น ฟาเบียนก็จงใจทำหน้าตาไม่พอใจและโพล่งออกมาดัง ๆ ว่า “บ้าเอ๊ย ลืมเรื่องความปลอดภัยไปเลย เดี๋ยวแวะร้านสะดวกซื้อก่อนก็แล้วกัน”เขามีตะโกนบอกเ
“ตำรวจ?” หัวใจของเมเดลีนเต้นรัว เธอรีบพาเจเรมี่หาที่ซ่อนตัวทันทีดิ๊งด่อง ดิ๊งด่อง! เสียงกริ่งประตูดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เมเดลีนรู้สึกกังวลว่าเจเรมี่อาจจะถูกจับขึ้นมาเมเดลีนเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่ลังเล เธอทำให้วิกผมของเธอเปียกพลางสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ จากนั้นเธอก็หยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ออกมา และแสร้งทำเป็นเช็ดผมให้แห้งราวกับเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แล้วเธอก็ไปเปิดประตู“คุณทำอะไรอยู่ตั้งนาน? ทำไมไม่เปิดประตู?” นายตำรวจหนุ่มถามพลางมองผ่านเข้าไปในห้องเมเดลีนแสดงท่าทางไม่พอใจขณะที่ก้มศีรษะเพื่อเช็ดผมของเธอและปกปิดส่วนต่าง ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน “นี่คุณตำรวจ ไม่เห็นเหรอคะ ว่าฉันกำลังอาบน้ำอยู่? มีเรื่องด่วนอะไรที่นี่เหรอคะ?”เจ้าหน้าที่ตำรวจกวาดสายตาไปทั่วห้อง “เรากำลังสืบสวนคดีฆาตกรรมในห้องตรงนู้น ห้ามผู้เข้าพักอยู่ในห้องใด ๆ บนชั้นนี้ กรุณาเก็บของและออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุดด้วยครับ”“เป็นไปได้ยังไงคะ? ฉันเพิ่งมาที่นี่กับแฟนเองนะ” เมเดลีนโต้กลับด้วยสีหน้าไม่พอใจเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้าหงิก “มันเป็นคำสั่ง คุณควรออกไปได้แล้ว รู้ไหมว่าถ้าขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่จะต้องถูกสอบสวน
เอี๊ยด!จู่ ๆ เจเรมี่ก็เหยียบเบรกอย่างแรง และในวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะหมดสติเขาก็รีบจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ข้างทาง โชคดีที่ทางตรงนั้นแทบไม่มีคนผ่านไปมา ชายหนุ่มจึงใช้แรงทั้งหมดที่มีอุ้มเมเดลีนลงมาได้อย่างปลอดภัยเมเดลีนรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป เมื่อได้ยินเสียงเบรกที่ดังขึ้นมากะทันหันทว่าสิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจคือ ทันทีที่ลงจากรถได้เจเรมี่ก็เริ่มไออย่างแรง และใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวมาก“คุณเป็นอะไรไป เจเรมี่?!” เมเดลีนกอดเขาด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจเจเรมี่ไม่ต้องการให้เธอเห็นความทุกข์ทรมานและรูปลักษณ์ที่น่าอายของตัวเอง จึงผลักเธอออกไปอย่างนุ่มนวล“อยู่ให้ห่างผม ลินนี่” เขาพูดขณะหมุนตัวหนีไป ห่างออกไปไม่ถึงสองก้าวเขาก็วางมือบนต้นไม้ใหญ่ข้างทางเพื่อพยุงร่างกายที่อ่อนแรงไว้“เจเรมี่!” เมเดลีนไม่สามารถทิ้งเขาได้จึงวิ่งไปสวมกอดทันที “เกิดอะไรขึ้นคะ? คุณรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? บอกฉันสิ!”เมเดลีนรู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอถูกมดนับล้านกำลังกัดกินขณะเดียวกันน้ำตาก็ไหลอาบใบหน้า เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของชายผู้เป็นที่รักเจเรมี่กำลังกัดฟันทนต่อความเจ็บปวดอย่างรุนแรง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไ
เมเดลีนใช้ดวงตาเปียกชื้นของเธอมองไปข้างหน้าตามทิศทางที่เจเรมี่กำลังมองอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ เสียงคลื่นทะเลดังเข้ามากระทบในหูของเธอ ก่อนเธอจะได้กลิ่นความเค็มของมหาสมุทรซึ่งเป็นความรู้สึกของฤดูร้อนมันคือเอพริลฮิลล์ สถานที่ที่พวกเขาพบกันครั้งแรกและกลายมาเป็นคู่รักกัน“ลินนี่ ผมหวังว่าชาติหน้าผมจะยังสามารถจับมือคุณไว้ และวิ่งไล่ตามคุณไปจนทั่วทั้งหาดแห่งนี้ได้ ถึงตอนนั้นผมจะจดจำรูปลักษณ์ของคุณไว้ในใจเสมอ และจะไม่มีวันเข้าใจผิดว่าคุณเป็นคนอื่นอีก ผมจะไม่ปล่อยให้คุณทนกับความทุกข์และความอับอายโดยไม่จำเป็นอีกต่อไป”เมื่อได้รู้ถึงความคาดหวังและคำขอโทษของเขา เมเดลีนก็หลั่งน้ำตาและซบหน้าลงที่ซอกคอของเขาทันที “ฉันไม่ปรารถนาชาติหน้าหรอกนะ เจเรมี่ ฉันต้องการคุณในชีวิตนี้เท่านั้น”ขณะที่เธอกำลังพูดอยู่นั้น จู่ ๆ เธอก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมา “เจเรมี่ ฉันจะไม่ยอมให้เกิดอะไรขึ้นกับคุณ!”ทันทีที่เจเรมี่ได้ยินอย่างนั้นมันก็ทำให้เขานึกถึงคืนนั้นที่โรงพยาบาลที่เมเดลีนได้พูดบางอย่างคล้าย ๆ กันนี้ออกมาในขณะเดียวกันเขาก็ทนความเจ็บปวดไว้ไม่ได้อีกต่อไป ลมหายใจของเขาแผ่วลงทุกที และทำได้เพียงพิงเธอไว้เพื่อผ
ขณะที่พูดเขาก็เริ่มเดินเร็วขึ้นเพื่อเอายาทั้งหมดไปทิ้งเมเดลีนคว้าตัวเขาไว้ได้แล้วก็รีบเข้าไปขวางข้างหน้าเขาไว้ “เจเรมี่ ฉันไม่ใช่แค่ผู้หญิงของคุณ แต่ฉันเป็นภรรยาของคุณ! คุณเข้าใจไหม? ฉันเป็นภรรยาของคุณ! การที่ต้องเสียสละเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปเพื่อสามีของฉันแล้วมันจะยังไงล่ะ? ฉันไม่รู้สึกเสียใจเลย สำหรับฉันมันคุ้มค่า!” เธอตะโกนใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่ลมหายใจสั่นอย่างรุนแรงเจเรมี่มองเข้าไปในดวงตาสีแดงของเมเดลีนแล้วกำหมัดแน่นจนได้ยินเสียงข้อนิ้วมือดังออกมา “เจเรมี่ ถ้าคุณกล้าทิ้งน้ำยาถอนพิษพวกนั้น ฉันจะกระโดดลงทะเลต่อหน้าคุณให้ดู!”“ลินนี่!”“ถ้าคุณกล้าทำ ฉันก็กล้าโดด!” ดวงตาของเธอจริงจังมาก “สำหรับฉันแล้ว ในตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่ายาถอนพิษพวกนั้น!”เจเรมี่เห็นความมุ่งมั่นในแววตาของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนเมเดลีนคิดไว้อยู่แล้วว่าเขาจะมีปฏิกิริยาที่รุนแรงเช่นนี้ นั่นคือเหตุผลที่เธอไม่เคยบอกเขา ทว่าตอนนี้เธอก็ไม่สามารถซ่อนมันจากเขาได้อีกต่อไปเรื่องจึงกลายมาเป็นแบบนี้เธอสังเกตเห็นว่าปฏิกิริยาของเธอดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวบนชายหาดมากมายไปด้วยอีกทั้งใบหน้าของเจเรมี่นั้นก็น่าดึงดูด
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ