แต่นอกจากไรอันแล้ว จะยังมีใครอีก?“ฉันขอโทษที่ดูแลลิเลียนได้ไม่ดี” ฟาเบียนขอโทษด้วยท่าทางจริงจังเมเดลีนเองก็ไม่ได้ตำหนิเขา เพราะเธอรู้ว่าฟาเบียนดีกับลิเลียนเสมอมาในตอนนั้นโทรศัพท์ของเมเดลีนก็ดังขึ้นเป็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย เธอจึงรีบรับสายโดยไม่ลังเลใจใด ๆอีกฝ่ายพูดตรงเข้าประเด็นทันที “เอวลีนหรือเปล่า? ลูกสาวเธออยู่ในมือเราแล้ว ถ้าไม่อยากให้เด็กต้องเจ็บตัว ก็เตรียมโอนเงิน 20 ล้านเข้าบัญชีที่ฉันบอกให้ดี เรื่องเวลาเดี๋ยวฉันจะแจ้งอีกทีหลัง”เมื่อคิดว่านี่อาจเป็นคดีลักพาตัว เมเดลีนจึงสงบสติอารมณ์“ได้ยินหรือเปล่าเอวลีน?” อีกฝ่ายคิดว่าเมเดลีนไม่ได้ยินตัวเองจึงเริ่มกล่าวเร่งอย่างร้อนใจ “ไม่เชื่อเหรอว่าลูกสาวของเธออยู่ในมือฉัน? ถ้างั้นฉันจะให้ลูกสาวเธอพูดสายด้วย”หลังจากที่ได้ยินอย่างนั้น หัวใจของผู้เป็นแม่ก็ร้อนรนและไม่สบายใจลิเลียนไม่สามารถพูดได้“เจ้าตัวเล็ก พูดกับแม่สิ! เร็วเข้า!" ชายคนนั้นสั่งเสียงดุแต่ลิลลี่ไม่ได้ส่งเสียงใด ๆ ออกมา จนทำให้อีกฝ่ายรำคาญและต้องการใช้ความรุนแรงเพื่อบังคับให้ลิลลี่พูดเมเดลีนที่รู้สึกได้อย่างนั้นก็รีบพูดทันที “ฉันเชื่อว่าลูกสาวของฉันอยู่ในมื
ในตอนแรกเมเดลีนคิดว่าเป็นสายจากคนร้าย แต่เสียงที่ส่งมาจากปลายสายกลับเป็นเสียงผู้หญิง“กำลังตามหายัยลูกใบ้อยู่เหรอเอวลีน?”เมเดลีนหยุดเดินในทันใดและถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เธอเป็นใคร?”“ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าฉันเป็นใคร เธอแค่ต้องรู้เอาไว้ว่าลูกใบ้ของเธอกำลังจะได้พบพ่อกับแม่ของเธอในเร็ว ๆ นี้แหละ ฮึ” ผู้หญิงคนนั้นเยาะเย้ย แล้ววางสายโดยไม่พูดอะไรอีกเจเรมี่เข้าไปในรถและเห็นเมเดลีนยืนเหม่ออยู่ในระยะไกล เขาจึงลงจากรถและเดินเข้าไปหาเธออีกครั้ง “ลินนี่ คุณอยู่บ้านกับแจ็คเถอะ เดี๋ยวผมจะพาลิเลียนกลับมาอย่างปลอดภัยเอง”ในตอนนั้นเองเมเดลีนจึงได้สติและจับมือเจเรมี่เอาไว้ “เจเรมี่”“ไม่ต้องกังวล” เขาเข้าใจความกังวลในดวงตาของเมเดลีนจึงปลอบโยนเธอด้วยความรัก และมองเข้าไปในดวงตาทรงเสน่ห์ของเธอเพื่อสร้างความมั่นใจ “เชื่อผม ผมจะพาลูกสาวตัวน้อยของเรากลับบ้านอย่างปลอดภัยแน่นอน”‘ลูกสาวตัวน้อยของเรา’ขอบตาของเมเดลีนร้อนผ่าว และในขณะนี้เธอรู้สึกได้ว่าเจเรมี่ห่วงใยลิเลียนอย่างแท้จริงเธอไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้า “ค่ะ ฉันจะรอคุณรับลูกสาวของเรากลับบ้าน”“โอเคครับ” เจเรมี่ลูบศีรษะของเธอเบา ๆ แล้วขั
เมื่อเห็นเมเดลีนเดินมาหา ไรอันก็ลงจากรถและเปิดประตูอีกฝั่งให้เธอ “ขึ้นรถสิ”ตอนนี้เมเดลีนกังวลเกี่ยวกับลิเลียนมาก เธอจึงยังไม่อยากจะสะสางอะไรกับไรอัน “คิดว่าฉันจะไปกับคุณจริง ๆ เหรอ?”“คุณอยากได้ยาถอนพิษให้เจเรมี่ไหมล่ะ?”เมเดลีนเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย แล้วมองไปที่ความสงบนิ่งของอีกฝ่าย“ขึ้นรถสิ”“ฉันไม่ขึ้น” เมเดลีนปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “ถึงคุณจะมียาถอนพิษนั่นจริง ๆ คุณก็คงไม่ให้ฉันง่าย ๆ หรอก เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ไว้ใจคุณอีก”เธอหันหลังกลับอย่างเย็นชา“ถ้าคุณยอมแพ้ตอนนี้ แสดงว่าคุณอยากเห็นเจเรมี่ตายด้วยตาตัวเอง คุณรู้หรือเปล่าว่าคนที่ติดเชื้อจากพิษตัวนี้จะมีสภาพก่อนตายเป็นยังไง?“เขาจะเริ่มมีอาการชาตามเส้นประสาท ผิวหนังเน่าเปื่อย… สุดท้ายจะไม่มีใครจำพวกเขาได้อีก พวกเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิตและคิดว่าความตายคือสิ่งที่ดีกว่า”เมื่อได้ยินคำอธิบายเหล่านี้จากไรอัน มือของเมเดลีนก็สั่นด้วยความโกรธเธอกำหมัดแน่นแล้วหันกลับไปคว้าคอเสื้อของไรอันทันที“ต่อให้ถึงวันนั้นจริง ๆ ฉันก็จะไม่ทิ้งเขา คุณก็แค่ต้องการจะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเจเรมี่ใช่ไหม?
ในเวลาเดียวกันกับที่เสียงของเขาดังขึ้น เจเรมี่ก็พุ่งเข้าจู่โจมอีกฝ่ายทันทีด้วยความรวดเร็วราวคมดาบแม้ว่าชายคนนั้นจะรูปร่างกำยำ แต่ก็ไม่ได้มีพละกำลังมากมายนัก เมื่อเห็นเจเรมี่ที่รีบพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาก็โยนถุงในมือทิ้งแล้วหันหลังเพื่อวิ่งหนี พร้อมกันนั้นก็กดโทรออกหาเพื่อนของตัวเอง “เขาเจอตัวฉันแล้ว! เอาเด็กนั่นหนีไปเร็วเข้า! ถ้าไม่ทันก็ฆ่าตัวประกันซะ!”‘ฆ่าตัวประกัน!’เมื่อได้ยินอย่างนั้น เจเรมี่จะทนอยู่ได้อย่างไร?เขากระโดดขึ้นเตะหลังของชายคนนั้นอย่างแรงอีกฝ่ายกรีดร้องและล้มลงกับพื้นเสียงดังทว่าก็ยังสามารถลุกขึ้นอีกครั้งและพยายามจะวิ่งหนีต่อไป แต่ในทันใดนั้นเองกลับมีใครบางคนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าขวางทางเขาเอาไว้ ในตอนนั้นเขาไม่มีเวลาเบี่ยงตัวหลบจึงถูกคนตรงหน้าเตะเข้าที่หน้าอกอย่างจัง จนต้องถอยกลับไปล้มลงต่อหน้าเจเรมี่อย่างงุ่มง่ามชายคนนั้นต้องการที่จะลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าซี่โครงตรงอกจะได้รับแรงกระทกอย่างแรงจนหักไปแล้ว ใบหน้าของเขาซีดลงด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้เขาไม่สามารถยืดตัวให้ตรงได้เจเรมี่มองฟาเบียนที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาด้วยความประหลาดใจฟาเบียนดูเหมือน
สายตาที่เฉียบคมของเจเรมี่กวาดมองไปที่ใบหน้าของฟาเบียนอย่างเย็นชา “ฟาเบียน รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงกลายเป็นแบบนี้?”ได้ยินเจเรมี่พูดอย่างนั้น เขาก็เต็มไปด้วยความโกรธเคืองเขามองไปที่เจเรมี่แล้วสังเกตเห็นผมสีเทาและรูม่านตาสีเหลืองอำพันของอีกฝ่าย สิ่งนี้แตกต่างไปจากเจเรมี่คนเก่ามากเลยทีเดียว ฟาเบียนไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่แล้วเขาก็ได้ยินเจเรมี่พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “ลาน่าพี่สาวที่แสนดีของนายใช้ยาพิษชนิดหนึ่งทำให้ฉันกลายเป็นแบบนี้”“อะไรนะ?” ฟาเบียนตกใจมาก “ไม่ใช่ว่าเธอชอบคุณมากเหรอ? เธอจะทำอย่างนั้นกับคุณได้ยังไง?”“หึ” เจเรมี่เย้ยหยัน “ผู้หญิงแบบนั้น คิดว่าเธอชอบฉันจริง ๆ เหรอ? ในโลกนี้มีเพียงลินนี่เท่านั้นที่เป็นห่วงฉันอย่างจริงใจ”“...” ฟาเบียนพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง และยิ่งรู้สึกขยะแขยงว่าทำไมเขาถึงมีพี่สาวอย่างลาน่าบรรยากาศในรถตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่ หลังจากนั้นไม่นานฟาเบียนก็นั่งนิ่งต่อไปไม่ได้อีก“เจเรมี่ คุณขับมาผิดทางหรือเปล่า? ทำไมเราหารถคันนั้นไม่เจอ?”เจเรมี่ไม่พูดอะไรกระทั่งครู่ต่อมา “มีถนนเพียงสองสายที่ออกจากตรอกนั้น เส้นหนึ่งจะเข้าไปในเมืองและอีกเส้นจะออกไปชานเมือง ฉ
เจเรมี่และฟาเบียนไม่คิดว่าชายคนนั้นจะคลั่งได้ขนาดนี้เมื่อเห็นรถล้อมรอบไปด้วยไฟ ทั้งสองก็รีบวิ่งไปหาลิเลียนพร้อมกันหัวใจของเจเรมี่เหมือนลอยเคว้งอยู่บนความสูง 3,000 ฟุต ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อมองไปยังเด็กน้อยที่หยุดนิ่งเพราะความเย็นของเขาแม้จะอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว แต่ราวกับว่าพวกเขาถูกคั่นด้วยภูเขาและแม่น้ำนับพันเจเรมี่รีบวิ่งเข้าไป แต่ทันใดนั้นรถก็ระเบิดอย่างรุนแรง“ลิเลียน!” ฟาเบียนตะโกนอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ร่างเล็ก ๆ ของลิเลียนถูกแรงระเบิดปะทะจนทำให้ลอยกระเด็น สายตาของเจเรมี่ราวกับคนเสียสติขณะที่เขารีบวิ่งเข้าไปอุ้มลิเลียนที่กำลังจะล้มลงกับพื้น“ลิเลียน!”เขารับตัวลูกสาวไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง“ลิเลียน! ลิเลียน!”เด็กหญิงตัวน้อยกะพริบตากลมโตอย่างอ่อนแรง เมื่อมองไปที่ชายตรงหน้า ปากน้อย ๆ ของเธอก็เริ่มขยับ“แดดดี้”แม้ว่าจะไม่มีเสียงใดออกมาจากปากของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ แต่เจเรมี่ก็เห็น เธอเรียกเขาว่า ‘แดดดี้’ อย่างชัดเจนการมองเห็นของเจเรมี่พร่ามัวในทันที และเด็กหญิงตัวน้อยก็หลับตาลงเช่นกัน ในที่สุดเธอก็ล้มลงในอ้อมแขนของเขาและหมดสติไป“ลิเลียน ลิเลี
เธอลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ และพบเพียงความมืดซึ่งมีแสงสว่างมาจากไฟหน้ารถส่องอยู่เท่านั้นจากนั้นประตูรถฝั่งผู้โดยสารก็ถูกเปิดออก ไรอันยืนอยู่นอกประตู เขาเอ่ยเรียกอย่างแผ่วเบา “เราถึงแล้ว ลงมาสิ”เมเดลีนมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง ก่อนจะลงจากรถไรอันเดินนำหน้า ขณะที่เมเดลีนเดินตามหลังเธอมองไปรอบ ๆ นอกจากความมืดแล้วก็ไม่มีอะไรอีก ราวกับว่าเธอได้ถูกล้อมรอบไว้ด้วยผ้าสีดำขนาดใหญ่นอกจากเสียงฝีเท้าที่ทับซ้อนกันแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีกหลังจากเดินไปหลายสิบไมล์ แสงสว่างก็ค่อย ๆ ปรากฏอยู่ข้างหน้าไรอันหยุดอยู่หน้าประตู หลังจากที่ปลดล็อกด้วยการสแกนม่านตา เขาก็มองไปที่เมเดลีนด้วยรอยยิ้มกว้าง“อันดับแรกผมอยากจะพาคุณไปพบกับเพื่อนเก่าก่อน”เมื่อเสียงของไรอันเงียบลง ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากหางตาของเมเดลีนเธอหันไปมองร่างนั้นที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดว่าเขาเป็นผู้ช่วยชีวิต“อดัม?!”เมเดลีนประหลาดใจ แต่เธอก็มั่นใจว่านี่คืออดัม!เธอรีบเดินเข้าไป ขณะที่กำลังจะเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าอดัม เธอก็ตระหนักว่ามีกำแพงโปร่งใสคั่นเอาไว้อยู่!เมเดลีนยกกำปั้นขึ้นทุบกำแพงอย่างแรง “อดัม!”อดัมซึ่งกำลังทำการทดลองได้
เมเดลีนมองไปที่ยาแก้พิษตรงหน้าเธอและนึกถึงเจเรมี่เธอรู้ว่าเจเรมี่คงไม่ยอมเห็นเธอประนีประนอมและยอมรับข้อเรียกร้องอันน่ารังเกียจของไรอันอย่างแน่นอนแต่เธอก็รู้ตัวดีว่าไม่ต้องการเห็นวันที่เขาต้องเจ็บปวดเช่นกันเมเดลีนกำหมัดแน่นและมองชายตรงหน้าที่กำลังกำโอกาสมีชีวิตของเจเรมี่เอาไว้ สายตาของเขาแน่วแน่“คุณสามารถขอได้ แต่ถ้าล้ำเส้นเกินไปน ฉันจะไม่เอาด้วย”ไรอันเดินไปหาเมเดลีนและหยิบยาแก้พิษขึ้นมา ด้วยรอยยิ้มลุ่มลึก “ผมเกรงว่าคุณคงจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตกลง ไม่อย่างนั้นความทุกข์ทรมานก็จะไปตกอยู่ที่เขา”...ณ โรงพยาบาลเจเรมี่เดินไปเดินมาอย่างใจจดใจจ่อ ความสงบที่เขาเคยมีหายไปแล้วในขณะนี้ยังคงมีเลือดอยู่บนฝ่ามือของเขาเพราะยังไม่ได้ล้างออก และเลือดเหล่านั้นต่างมาจากร่างของลิเลียนเจเรมี่หลับตาและหายใจเข้าลึกพลางนึกถึงลิเลียนที่ช่วงนี้เธอพยายามเข้าหาเขาอย่างหนัก เธออยากจะเรียกเขาว่า ‘พ่อ’ แต่เขากลับทำเป็นเมินเฉยต่อเธอพฤติกรรมของเขาทำร้ายจิตใจของเด็กน้อยมากเพียงใด จนกระทั่งก่อนจะหมดสติเด็กน้อยก็ยังคงพยายามที่จะเรียกเขาว่า ‘แดดดี้’แม้ว่าจะไม่ได้ยินเสียง แต่ก็สามารถเห็นรูปร่างของป
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ