เมเดลีนเดินเข้ามาและกำลังจะเดินขึ้นไปชั้นบน ทว่าทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงเจเรมี่ดังมาจากในห้องน้ำ“ฉันเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง คิดว่าฉันแคร์งั้นเหรอ? ไม่ต้องมาบอกว่าฉันต้องทำยังไง ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันก็แค่ธุรกิจเท่านั้น”เมเดลีนรู้สึกหัวใจเต้นแรงเมื่อนึกถึง ‘ความตาย’ ของคนที่เธอรักแต่เจเรมี่กำลังพูดถึง ‘ธุรกิจ’ ประเภทไหนกัน?เมเดลีนหันหลังและเดินไปที่ประตูห้องน้ำเสียงแหบพร่าของเจเรมี่ก็ดังขึ้น “เธอเป็นฟางเส้นสุดท้ายของฉัน ถ้าไม่ถอยออกมาก็จะไม่มีการเจรจาอะไรอีกทั้งนั้น”จิตใต้สำนึกของเมเดลีนบอกว่าคนที่เจเรมี่พูดถึงคือเธอหญิงสาวไม่ต้องการแอบฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ของเขา แต่ดูเหมือนเธอจะเพิกเฉยต่อบทสนทนานี้ไม่ได้ทันใดนั้นประตูห้องน้ำก็เปิดออกเมเดลีนเงยหน้าขึ้นสบตากับแววตาลึกล้ำที่จ้องมองมาของเจเรมี่ “คุณคุยกับใคร เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?”“คุณไม่ต้องห่วงหรอก มันก็แค่งานน่ะ” เขาตอบปัดด้วยรอยยิ้มจาง ๆแต่เห็นได้ชัดว่าการสนทนาไม่เกี่ยวข้องกับงานเลยแม้แต่น้อยเมเดลีนไม่ได้ถามต่อ เธอยังคงคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาพลางจับมือเจเรมี่ไว้ “คุณกลับมาไ
เมื่อถูกดึงตัวเข้ามาข้างในห้องอาบน้ำอย่างไม่ทันตั้งตัว เมเดลีนก็เสียสมดุลและล้มลงในอ้อมแขนแกร่งของชายหนุ่มที่พยุงเธอไว้ได้ทันเวลาพอดีหยดน้ำร่วงหล่นลงมาจากผมที่เปียกของเขาจนทำให้เสื้อผ้าของเธอเปียกชื้น เมเดลีนพยายามยกมือขึ้นเช็ดหน้า แต่ก็พบว่าข้อมือของเธอถูกรั้งเอาไว้“อยากอาบน้ำด้วยกันไหม?” เสียงทุ้มและแหบพร่าของเจเรมี่คลอเคลียอยู่ข้างหูชวนให้หลงใหลเมเดลีนรู้สึกว่าหัวใจของเธอสั่นไหว โดยไม่รู้เลยว่าเจเรมี่จะจับแรงจูงใจที่แท้จริงของเธอได้หรือไม่เธอเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของเขาที่แสดงออกมา แต่หยดน้ำที่ตกลงมาทำให้เธอลืมตาได้ไม่ถนัดนัก“ฉันแค่อยากล้างมือ” เมเดลีนแก้ตัวด้วยความรู้สึกผิด“งั้นเหรอ?” เจเรมี่ลดเสียงลง เสียงทุ้มของเขากำลังจุดชนวนอะไรบางอย่างในตัวเธอ “ถ้าคุณจะล้างมือ ก็ควรจะล้างส่วนที่เหลือด้วยไม่ใช่เหรอ หืม?”“...”คนฟังรู้สึกตกตะลึงจนแก้มร้อนผ่าวพวกเขาอาจแต่งงานกันมานานหลายปีแล้ว แต่เมเดลีนก็ยังคงรู้สึกเขินอาย เมื่อคิดว่าจะต้องอาบน้ำด้วยกันแม้จะอาบน้ำจนเสร็จแล้ว แต่แก้มของเมเดลีนก็ยังร้อนผ่าวไม่หาย เธอยังคงนั่งตัวแข็งอยู่บนเตียง และปล่อยให้เจเรมี่เป่าผมให้อย่างทะนุถ
ในทันใดนั้นเองเมเดลีนก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่ของไรอันที่บอกให้เธอเดินทางไปคฤหาสน์ตระกูลโจนส์เมเดลีนไปที่นั่น แต่เพียงเพราะมีสิ่งที่เธอต้องจัดการให้เสร็จก็เท่านั้นหลังจากเข้ามา เธอก็พบกับพ่อและแม่ของไรอันที่นั่งทำหน้าเคร่งขรึมอยู่บนโซฟารออยู่ก่อนแล้วเมื่อเห็นเมเดลีนเข้ามา มาดามโจนส์แม่ของไรอันก็หยิบนิตยสารที่อยู่ข้างตัวปามาทางเมเดลีนโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัวในทันที“ดูซะสิ เอวลีน มอนต์โกเมอรี!” ผู้เป็นแม่เอ่ยอย่างอัดอั้นภายในใจเมเดลีนไม่ได้ใส่ใจท่าทีของมาดามโจนส์ เธอเอื้อมมือไปหยิบนิตยสารขึ้นมาดู หน้าปกพูดถึงการที่เธอกลับมาอยู่กับอดีตสามีอย่างเจเรมี่ วิทแมน และทั้งสองคนซื้อบ้านหลังใหม่รวมถึงตอนนี้พวกเขาก็ได้ย้ายเข้ามาลงหลักปักฐานด้วยกันแล้วหน้าปกเป็นภาพของพวกเขาสองคนจับมือกันขณะเดินเล่นอย่างอ่อนหวานใต้แสงจันทร์“เธอเคยคิดถึงความรู้สึกของไรย์บ้างไหม เอวลีน? เธอเป็นภรรยาของไรอันนะ!” มาดามโจนส์กล่าวสีหน้าของนายท่านโจนส์ผู้เป็นพ่อเคร่งขรึม ในขณะที่เริ่มดุด่าเมเดลีนอย่างไร้ความปรานี “ตอนที่ไรย์บอกว่าจะแต่งงานกับเธอ ฉันก็รู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ! ฉันได้ยินมาว่าเธอยังคงไป ๆ
ความจริงจังอย่างกะทันหันของเจเรมี่ทำให้เมเดลีนรู้สึกประหม่าเล็กน้อย“อะไรเหรอคะ เจเรมี่?”“ลินนี่ ไรอันบอกคุณเรื่องที่ผมเข้าร่วมไอบีซีไอใช่ไหม?” เขาถามเมเดลีนพยักหน้า ดวงตาของเธอปรากฏความเศร้าใจที่มีให้แก่เขา “เขาบอกฉันว่าคุณแฝงตัวเข้าไปเพื่อจับลาน่า”“แล้วเขาบอกคุณไหมว่าเงื่อนไขในการเข้าร่วมไอบีซีไอของผมคืออะไร?” แววตาที่อ่อนโยนจับจ้องไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอยังมีบางสิ่งที่เมเดลีนไม่เคยรู้เลยเธอตอบอย่างตรงไปตรงมา “เขาไม่ได้บอกฉัน”“เขาได้ไม่บอกสินะ” รอยยิ้มหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าราวกับแกะสลักอย่างประณีตของเขา“เจเรมี่คะ?”“ผมรู้สถานการณ์ของตัวเองก็ตอนที่พวกเขาเจอกับผมครั้งแรก ตอนนั้นผมกลัวว่าจะไม่สามารถปกป้องหรือดูแลคุณได้อีก และยิ่งผมรู้ว่าลาน่าจะไม่มีวันอยู่เฉย ๆ ผมเลยขอให้ไอบีซีไอช่วยปกป้องคุณและเด็ก ๆ อย่างเต็มที่“และนั่นคือเงื่อนไขในการเข้าร่วมไอบีซีไอของผม”ดวงตาของเมเดลีนแดงก่ำในทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายอธิบายทั้งหมดที่เขาทำ ก็เพื่อเธอในขณะที่เธอเกลียดเขา เพราะเอาแต่อยู่กับลาน่าเธอรู้ว่าเขาคงมีเหตุผลของตัวเอง แต่นี่ไม่ใช่ความจริงที่เธอคาดหวังเอาไว้เมื่อเห็นว่าเ
ไรอันตกใจมากที่เมเดลีนเข้ามาเยี่ยมเขากะทันหัน “มีอะไรหรือเปล่าเอวลีน? ให้ผมช่วยอะไรไหม?”เมเดลีนวางเอกสารการหย่าที่เธอรวบรวมไว้และใบหย่าที่เซ็นแล้วลงตรงหน้าไรอัน“ฉันรวบรวมเอกสารเรียบร้อยแล้ว ไรย์ คุณเพียงแค่ต้องเซ็นมันเท่านั้น” เมเดลีนยื่นปากกาให้ “ฉันรู้สึกขอบคุณไอบีซีไอที่ดูแลครอบครัวของพนักงานเป็นอย่างดี แต่ไม่ว่ายังไงครอบครัวของฉันก็ควรจะเป็นเจเรมี่”ความสงบเยือกเย็นของไรอันชะงักนิ่งไปชั่วครู่“เจเรมี่บอกฉันแล้วว่าเงื่อนไขในการเข้าร่วมไอบีซีไอของเขาคือต้องการให้คุณช่วยปกป้องฉันและลูก ๆ ไว้”เมเดลีนเฝ้ามองใบหน้าของไรอันว่าเขามีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง“การแต่งงานกับฉันคงต้องเป็นคำสั่งจากหัวหน้าของคุณ และตอนนี้ภารกิจก็สิ้นสุดลงแล้ว ฉันคิดว่าเราควรยุติความสัมพันธ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นนี่เสียที ฉันขอบคุณที่คุณคอยปกป้องพวกเรามาตลอดค่ะไรย์”ไรอันฟังอย่างใจเย็นและรับเอกสารการหย่ามาไว้ในมือ“ตราบใดที่มีความรู้สึกเข้ามาเกี่ยวข้อง ภารกิจก็ไม่มีทางสำเร็จหรอกนะ” ไรอันชำเลืองมองเอกสารแล้วเงยหน้าขึ้น “ผมอยากจะขออะไรสักอย่างได้ไหม เอวลีน?”เมเดลีนครุ่นคิดแวบหนึ่งก่อนจะตอบ “ตราบใดที่อยู่ใน
สีหน้าของเอวาตึงเครียด นี่เป็นครั้งแรกที่เมเดลีนเห็นท่าทีโกรธแค้น เยาะเย้ยถากถาง และอ้างว้างเช่นนี้จากเพื่อนสนิทของเธอเมเดลีนคิดถึงพ่อแม่ของเธอ แม้ว่าก่อนหน้านั้นพวกเขาอาจจะเคยทำร้ายเธอมามากก็ตามแต่เลือดย่อมข้นกว่าน้ำแน่นอนว่าหลังจากนั้นเอโลอิสและฌอนเองก็เสียใจกับการกระทำของพวกเขา ทว่าตอนนี้พวกเขา…‘แม่คะ พ่อคะ’ดวงตาของเมเดลีนร้อนผ่าว เมื่อนึกถึงผู้ให้กำเนิดที่ล่วงลับไปแล้วเอวาเงยหน้าขึ้นมองดวงตาแดงก่ำของเพื่อนและคิดว่าอีกฝ่ายคงคิดถึงเอโลอิสและฌอน เธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “เราเลิกคิดถึงเรื่องเศร้า ๆ กันดีกว่าเนอะ แมดดี้?“เธอบอกว่าอยากซื้อของขวัญวันเกิดให้ไรอันไม่ใช่เหรอ? ไปเลือกของกันเถอะ ฉันเองก็อยากซื้ออะไรให้แดนด้วยเหมือนกัน”เมเดลีนดึงสติกลับมาสู่ความเป็นจริงและจ้องมองเอวาด้วยสายตาจริงจัง “ไม่มีเหตุผลอะไรที่แม่สักคนจะไม่รักลูกหรอกนะ เอวา”“ฉันรู้ว่าเธอพยายามจะพูดอะไรนะ แมดดี้ ฉันก็อยากจะเชื่อว่าพ่อแม่รักฉันเหมือนกัน แต่จากสิ่งที่พวกเขาทำในตอนนั้น สิ่งที่พวกเขาเรียกกันว่าการชดใช้ซึ่งกำลังทำอยู่ในตอนนี้ มันก็เป็นเพียงการพยายามทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้นก็แค่นั้นแหละ ฉันไม่ต้
นาญ่านั่งลงช้า ๆ และปล่อยให้พนักงานใส่รองเท้าให้เธอเอวาไม่อยากเสียเวลากับนาญ่าอีก เธอจึงกำลังจะเดินออกไป แต่อีกฝ่ายกลับเหน็บแนมเธออีกครั้ง“จะไปแล้วเหรอ คุณลองค์? ของที่นี่ราคาสูงเกินไปสำหรับคุณหรือเปล่าคะ? ไม่เป็นไรหรอก แดเนียลกับฉันเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็ก ตอนนี้ฉันให้คุณยืมเงินได้นะถ้าคุณอยากจะได้อะไร อย่าใส่แต่ของปลอมเลยจะดีกว่านะ ใช่ไหม? คิดดูสิถ้ามีคนรู้เข้ามันจะน่าอายขนาดไหน”การแสดงออกของนาญ่าแสดงออกถึงความหยิ่งยโสว่าเหนือกว่า ขณะเดียวกันเธอก็กำลังโชว์สร้อยข้อมือที่ข้อมือของตัวเองไปด้วยเมื่อเห็นว่าเอวาจ้องอยู่ นาญ่าก็ยกข้อมือขึ้นมา “สร้อยข้อมือเส้นนี้สวยไหม? แต่สร้อยราคาหกหลักแบบนี้ยังไงก็สวยอยู่แล้วล่ะ นี่เป็นสร้อยข้อมือรุ่นลิมิเต็ดของมิสแอลเลดี้เมื่อสองปีที่แล้ว เงินที่มีคุณตอนนี้คงไม่พอที่จะซื้อมันแล้วล่ะ”เอวายิ้มและชมขณะที่มองอีกฝ่ายโม้ “ไม่น่าล่ะ ว่าทำไมมันถึงสวยขนาดนี้ เป็นรุ่นลิมิเต็ดของมิสแอลเลดี้นี่เอง”ด้วยอีโก้ที่มีทำให้นาญ่าลุกขึ้นมา แล้วเดินเข้าไปหาเอวาด้วยรองเท้าที่พึ่งสวมเสร็จ“คุณคือเอวา ลองค์ใช่ไหมล่ะ?”เอวาพยักหน้า “มีอะไรให้ฉันช่วยเหรอคะ คุณเมนเดซ
อะไรนะ?สีหน้าของนาญ่าเปลี่ยนไปจนเป็นสีเขียวสลับแดงกับราวกับไฟบนต้นตริสต์มาสเธอจ้องเมเดลีนอย่างไม่อยากจะเชื่อ และในที่สุดก็เข้าใจว่าทำไมเมเดลีนถึงได้มั่นใจมากนักในขณะเดียวกันสายตาที่ตกตะลึงและชื่นชมก็เริ่มจับจ้องไปที่เมเดลีน“ดีไซเนอร์ชั้นนำของมิสแอลเลดี้เหรอเนี่ย เธอสวยมากเลยนะ ไม่น่าแปลกใจที่การออกแบบจะเป็นที่ชื่นชอบขนาดนี้”“ฉันซื้อเครื่องประดับของแบรนด์เธอมาไม่น้อยเหมือนกัน เพราะว่าการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร”“ฉันก็ซื้อของจากแบรนด์พวกเขาเหมือนกัน แต่พอเปลี่ยนดีไซเนอร์ ฉันก็หยุดซื้อแล้วล่ะ”เอวาภูมิใจในตัวเพื่อน เมื่อได้ยินความคิดเห็นเหล่านั้นในทางกลับกันเมเดลีนกลับเริ่มรู้สึกเขินอาย “เบาหน่อยเอวา”เอวายักไหล่และจ้องกลับไปที่นาญ่าด้วยความโกรธเคือง “ไม่ใช่ความผิดของฉันนะ เธอเป็นคนเริ่มก่อน”“...” ริมฝีปากของนาญ่ากระตุก เธอเริ่มประท้วงเมื่อรู้สึกว่าภาพลักษณ์ของตัวเองเริ่มแตกสลาย“คุณเป็นดีไซเนอร์ชั้นนำของมิสแอลเลดี้แล้วไง? แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาใส่ร้ายฉัน! พ่อของฉันเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในเกลนเดล เราไม่ได้ไม่มีอันจะกินแล้วทำไมฉันต้องซื้อของปลอมด้วย? คุณแค่ใส่ร้ายฉันเพื
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ