ลาน่าล้มลงกับพื้น และเพราะเธอสวมมินิเดรสอยู่จึงทำให้สามารถมองเห็นเลือดที่ไหลออกมาจากช่วงล่างได้อย่างชัดเจน"โอ๊ย!" ลาน่าขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดและชี้ไปที่เมเดลีนซึ่งกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เธอพูดอย่างดุร้ายว่า "เอวลีนแกกล้าทำกับฉันแบบนี้เหรอ! ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลูกฉัน ฉันจะทำลายลูกชั่วของแก! โอ๊ย…”เมเดลีนเดินเข้าไปหาลาน่าที่งอตัวอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเย็นชาราวกับนางพญาทันใดนั้นเองเธอก็ยื่นมือไปดึงคอเสื้อของลาน่าขึ้นมาพร้อมกับมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเฉียบคมของเธอ “ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กไร้เดียงสาคนนี้ ฉันคงไม่เรียกรถพยาบาลให้คนอย่างเธอหรอก โชคร้ายของเด็กจริง ๆ ที่ต้องเกิดมามีแม่แบบเธอ ดูแล้วเด็กคนนี้คงจะไม่มีวันมีความสุขแน่!”"เอวลีน แก..."ลาน่าทั้งเจ็บปวดและโกรธจัด เธอพยายามจะสู้กลับ แต่ก็ไม่มีกำลังมากพอเจเรมี่ต้องการพบลูก ๆ และเมเดลีนเป็นครั้งสุดท้าย ดังนั้นเขาจึงกลับไปที่บ้านของตัวเอง แล้วก็ได้พบกับภาพเหตุการณ์นี้เมื่อเดินเข้ามาลาน่าถูกเมเดลีนผลักลงกับพื้นและนอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้นเมื่อเห็นร่างของเจเรมี่ ลาน่าก็โอดครวญทันที "เจเรมี่! เอวลีนจะฆ่าฉันและลูกของคุณ! ฉันเจ็บมากเลยค่ะ! ท้
เธอมองไปยังชายที่ผลักเธอเพื่อปกป้องลาน่า แล้วหัวใจของเธอก็รู้สึกราวกับว่ากำลังถูกบีบอย่างแรงด้วยมือที่มองไม่เห็น"แม่ครับ!" แจ็คสันวิ่งไปหาเมเดลีนด้วยความเป็นห่วงก่อนจะตามมาด้วยลิเลียนแม้จะมีอาการปวดในท้อง ทว่าลาน่าก็ยังคงยิ้มออกมาอย่างพอใจคาเลนรีบเข้าไปหาเจเรมี่ "ลูกกำลังทำอะไรน่ะ เจเรมี่? ลูกผลักเอวลีนแบบนั้นได้ยังไง?"ดวงตาที่หรี่ลงของเจเรมี่ดูไม่แยแส เขาผลักเมเดลีนอีกครั้งอย่างเหยียดหยาม “ทำไมผมจะผลักเธอไม่ได้ เธอทำผู้หญิงของผมเลือดออกมากขนาดนี้ ผมก็แค่ผลักเบา ๆ เท่านั้น”"ผู้หญิงของแกงั้นเหรอ? ยัยแม่มดนี่ใช้แกฆ่าพ่อแม่ของเอวลีน ทำให้พวกเธอสองคนต้องแยกจากกัน! นี่แกทนอยู่กับคนแบบนี้ได้ยังไง แถมยังปล่อยให้เธอตั้งท้องลูกของแกอีก!" คาเลนไม่เข้าใจความคิดที่เปลี่ยนไปของเจเรมี่ “เจเรมี่ แกทำแบบนี้กับเอวลีนได้ยังไง?”"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?" เจเรมี่ยิ้มกว้าง “เธอแต่งงานกับไรอันแล้ว ตอนนี้เธอเป็นมาดามโจนส์เต็มตัว เธอไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกับผมอีก แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับผู้หญิงที่ผมจะอยู่ด้วย? นี่มันเป็นเรื่องของผม”ใครก็ตามที่ได้ยินคำพูดที่โหดร้ายของเขาก็คงจะรู้สึกเสียใจห
เจเรมี่แค่นยิ้มออกมาอย่างเฉยชา “ชื่อลูกของคุณเกี่ยวอะไรกับผม?”เขาพูดอย่างไร้ความปรานีก่อนจะเบือนหน้าหนีอย่างไร้เยื่อใยอีกครั้ง "เอวลีน คุณควรจะไปมีชีวิตที่ดีกับสามีใหม่ของคุณ หยุดจินตนาการว่าผมยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้คุณ ผมอาจจะเคยมีความรู้สึกดี ๆ ให้ แต่นั่นมันก็เป็นอดีตไปแล้ว"เจเรมี่เหม่อมองออกไปไกล ๆ พลางน้ำตาก็คลอเบ้าอย่างเห็นได้ชัด ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ผมหวังว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ผมไม่อยากเจอคุณอีก”เขาโยนคำพูดเย็นชาเหล่านั้นไปที่เมเดลีนและเดินจากไปโดยไม่หันกลับมาอีกเขาไม่เคยคิดว่าคำพูดเหล่านั้นจะเป็นจริงในวันหนึ่งนี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบเธอเมเดลีนยังคงยืนอยู่ที่จุดเดิม และคอยเฝ้าดูร่างที่ห่างไกลออกไปของชายผู้เป็นที่รักเงียบ ๆ ขณะที่ทุกอย่างตรงหน้าเธอดูเหมือนจะมืดมนลงเรื่อย ๆ‘คุณและฉันเคยให้คำมั่นสัญญาชั่วชีวิตต่อกัน หลายปีผ่านไปเราแยกจากกัน แล้วก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก มันเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายเราก็ยังต้องแยกจากกันอยู่ดี‘เจเรมี่ จากนี้ไป แม้ว่าเราจะยังอยู่เมืองเดียวกัน แต่ฉันกับคุณก็คงจะไม่ได้พบเจอ
เธอเม้มริมฝีปากและพูดอย่างออดอ้อนเจเรมี่ดึงสติกลับมาจากความคิดที่อยู่ภายในใจ เมื่อเห็นท่าทีที่คาดหวังของลาน่า เขาจึงสัญญากับเธอ "ลาน่า ฉันสัญญาเลยว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของเธอแน่นอน"หลังจากได้รับคำตอบนั้น ลาน่าก็รู้สึกราวกับว่าเธอเพิ่งขึ้นสวรรค์มา หัวใจของเธอเต้นรัวอย่างมีความสุข ในขณะเดียวกันนั้นเมเดลีนก็ยังคงอยู่ที่คฤหาสน์วิทแมนลิเลียนและแจ็คสันดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี ซึ่งเมเดลีนสามารถเดาได้ไม่ยากว่าทำไมสองพี่น้องถึงดูเศร้าได้ขนาดนี้ นั่นก็เป็นเพราะพวกเขายังไม่สามารถจัดการกับความเฉยเมยและเลือดเย็นที่เจเรมี่แสดงออกมาเมื่อกี้ได้ เช่นเดียวกันกับเธอหลังจากนั้นไม่นาน ไรอันก็มาที่คฤหาสน์วิทแมนเมเดลีนบอกว่าแจ็คสันและลิเลียนอารมณ์ไม่ดี เธอจึงขอใช้เวลากับลูก ๆ ให้มากกว่านี้ซึ่งไรอันเป็นคนที่มีเหตุผลมากอยู่แล้ว เขาจึงอนุญาตให้เมเดลีนอยู่กับเด็ก ๆ ที่คฤหาสน์วิทแมนได้นี่ก็เป็นเรื่องดีสำหรับเขา เพราะเขาพยายามหาเหตุผลดี ๆ ให้เมเดลีนอยู่ที่วิทแมนต่ออีกสักสองวันอยู่แล้วหลังจากไรอันออกจากคฤหาสน์วิทแมนไป เขาขึ้นรถแล้วกดโทรศัพท์โทรออกทันที “จัดทีมเอให้อยู่ใกล้ ๆ คฤหา
เมเดลีนมองสิ่งที่เอวามอบให้ ซึ่งเป็นรูปถ่ายของพวกเธอทั้งสองคนในวันจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเด็กสาวสองคนมีรอยยิ้มงดงาม และดูมีความสุขราวกับว่าเรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นเพียงเมื่อวาน ทว่าเพียงพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปแล้วประมาณเจ็ดถึงแปดปี"แมดดี้ รู้ไหมว่าในภาพนี้มีใครอีก?"จู่ ๆ เอวาก็เอ่ยถามขึ้นมา เมื่อสังเกตดี ๆ เมเดลีนก็พบกับใบหน้าที่คุ้นเคยที่ปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชนตรงมุมด้านซ้ายบนของภาพ“วันนี้ตอนที่กำลังจัดของ ฉันเจอรูปนี้ ก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่เชื่อหรอกนะว่าเจเรมี่เขารักเธอจริง แต่แมดดี้ตอนนี้ฉันเชื่อแล้วล่ะ”ด้วยน้ำเสียงของเอวา เมเดลีนสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายได้ทิ้งความเกลียดชังที่มีต่อเจเรมี่ไปแล้วตลอดมาในฐานะเพื่อนที่สนิทที่สุดของเมเดลีน เอวาแสดงออกเสมอว่าเธอเกลียดชังเจเรมี่แม้ว่าเมเดลีนจะไม่ได้โกรธเจเรมี่เรื่องที่เขาทำกับเธอในตอนแรกแล้ว แต่เอวาก็ยังเกลียดเขาเป็นอย่างมาก เอวาคิดว่าเมเดลีนไม่สมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนั้นจากเขาและโกรธเกลียดเขาแทนเมเดลีนแต่ในตอนนี้เธอกลับไม่โกรธเคืองเขาอีกต่อไปนั่นเป็นเพราะเอวาได้เห็นแล้วว่าความรู้สึกแท้จริงที่เจเรมี่มีต่อเพื่อของเธอนั้นเป็นอย่างไร
เขากระซิบเอ่ยชื่อเมเดลีนเบา ๆ พลางใช้นิ้วเรียวลูบไล้ใบหน้างดงามในรูปถ่ายแล้วไอออกมาเสียงดังเขารีบกินยาแก้ปวด แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดรสชาติเลือดที่มาจากส่วนลึกในลำคอของตัวเองได้เจเรมี่เช็ดเลือดจากริมฝีปากออกด้วยกระดาษทิชชู่ก่อนจะมองไปที่คราบเลือดซึ่งเป็นสีน้ำตาลเข้ม และดูไม่เหมือนเลือดสีแดงสดตามปกติทั่วไปนอกจากนั้นยังมีความเจ็บปวดที่เสียดแทงในหัวใจจนทำให้นิ้วเรียวของเขาสั่นเทาโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อพิษที่พัฒนาโดยอดัมเข้าสู่ระยะสุดท้าย ไม่เพียงแต่มันจะทรมานร่างกายของบุคคลนั้น แต่ยังทดสอบจิตใจของบุคคลนั้นอย่างรุนแรงอีกด้วยเจเรมี่นอนในห้องนอนที่ออฟฟิศทันทีที่ตื่นขึ้นในวันใหม่ เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากลาน่าหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นออกจากโรงพยาบาล เธอก็รีบบอกเจเรมี่อย่างกระตือรือร้นว่าอยากจะตามไปปิดข้อตกลงด้วยในตอนแรกเจเรมี่ต้องการหาเหตุผลเพื่อจะรับลาน่าไปด้วยกันอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่มีเธอ ทุกอย่างก็คงดำเนินการต่อไปไม่ได้ ลาน่ากลับไปที่วิลล่า และเลือกชุดที่เธอคิดว่าสวยที่สุด ฟาเบียนเพิ่งโทรหาเมเดลีนเสร็จและกำลังจะไปหาลิเลียน ทันทีที่ออกจากห้อง เขาก็เห็นลาน่าเดินเข้ามาอย่างกระฉับกระเฉ
ลาน่าตกตะลึงและจ้องไปที่ดวงตาเย็นชาของเจเรมี่อย่างว่างเปล่า เธอหันไปมองที่ประตูทันที และชายอ้วนผู้นั้นก็เช่นกันชายร่างสูงสองสามคนในชุดสูทและรองเท้าหนังเดินเข้ามาหาพวกเขาพร้อมกับป้ายสีน้ำเงินห้อยคอ“พวกแกเป็นใคร? ใครอนุญาตให้เข้ามา? ไม่เห็นเหรอว่าห้องนี้มีคนอยู่? ออกไปเดี๋ยวนี้นะ!” ลาน่าขับไล่พวกเขาด้วยความไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ได้สังเกตเห็นความร้ายแรงของสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นแน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ออกไป แต่มองไปที่ลาน่าด้วยสีหน้าจริงจัง หัวหน้ากลุ่มชายพวกนี้ในชุดสูทสีดำแสดงตราของเขาให้ลาน่าดู “เรามาจากอินเตอร์โพล มีหลักฐานแน่ชัดว่าคุณทำธุรกิจผิดกฎหมาย คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่พูด และทุกสิ่งที่คุณพูดจะนำไปใช้ประกอบคำให้การของคุณในชั้นศาล”“...”'อินเตอร์โพล?!'องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ?!'ลาน่ามองกลุ่มคนตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ สมองของเธอว่างเปล่าไปชั่วขณะเมื่อชายร่างอ้วนและบอดี้การ์ดของเขาเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดี พวกเขาจึงสู้กลับ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสากลทุกนายเองก็ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีจึงสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้อย่างง่ายดาย“ลาน่า ฉันไม่น่าไว้ใจเธอเลย!
"..."ลาน่าแทบจะทรุดตัวลงทันทีที่ได้ยินความคิดที่แท้จริงของเจเรมี่"ไม่! เป็นไปไม่ได้!"เธอกรีดร้องและไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งของชายหนุ่มเท่านั้น “ไม่ เจเรมี่ คุณรักฉัน ฉันท้องลูกของคุณนะ เป็นไปได้ยังไงที่คุณจะไม่รักฉัน?!” ลาน่าย้ำเตือนทว่าเจเรมี่ก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อยเพื่อนร่วมงานในไอบีซีไอเข้ามาจับกุมลาน่า เมื่อเห็นสถานการณ์อย่างนั้น เธอจึงเอื้อมมือไปหยิบปืนพกจากกระเป๋าเงินของตัวเอง“อย่ามาแตะตัวฉัน!” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่งพลางจ้องมองไปยังเจเรมี่ที่ยังคงสงบนิ่ง ในขณะที่เธอค่อย ๆ พังทลายลง “เจเรมี่ เลิกเล่นตลกกับฉันได้แล้ว คุณกำลังจะบอกว่าคุณเป็นสายลับจากไอบีซีไอที่ถูกส่งมาที่นี่ เพื่อแฝงตัวเข้ามาในแก๊งสเตเจี่ยนจอห์นสีนงั้นเหรอ? ฮึ จะเป็นไปได้ยังไง? อย่าลืมสิ ว่าพิษในตัวคุณยังมีอยู่ ถ้าไม่มีฉัน คุณจะ…”“เธอคิดว่าของแค่นั้นจะสามารถใช้ควบคุมฉันได้จริง ๆ งั้นเหรอ?” เจเรมี่ขัดจังหวะและย้อนถาม จากนั้นชายหนุ่มก็เลิกคิ้วและเอ่ยเสริม "ช่วงเวลาที่ฉันปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกครั้งคือตอนที่ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะต้องตาย
อดัมไม่ได้ให้เชอร์ลี่ย์เข้ามาด้วย ในขณะที่เขาพาทั้งเมเดลีนและเจเรมี่เข้ามาในห้องทำงานตัวเองห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งภายในอย่างหรูหรากว่าที่เห็นในโรงพยาบาล มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดูค่อนข้างล้ำสมัยวางอยู่รอบ ๆเมเดลีนยืนอยู่ข้าง ๆ เฝ้าดูอดัมทำการทดสอบต่าง ๆ กับเจเรมี่ในที่สุดอดัมก็เก็บตัวอย่างเลือดจากเจเรมี่มาวางบนอุปกรณ์เพื่อทำการวินิจฉัยทันทีเธอรู้สึกกระวนกระวายใจในระหว่างที่รอถึงอย่างนั้นเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าสีของตัวอย่างเลือดเจเรมี่ไม่ได้เข้มอย่างที่เคยเป็น ซึ่งนั่นอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีประมาณสิบนาทีต่อมา ผลก็ออก“ทุกอย่างโอเคไหมอดัม?” เมเดลีนเอ่ยถาม“ไม่ต้องกังวลลินนี่ อาการผมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน” เจเรมี่จับมือของเธอไว้แล้วปลอบโยน“ถ้าคุณอาการดีขึ้นมากแล้วทำไมวันนั้นคุณถึงทรุดลงกะทันหันแบบนั้นล่ะ?” เธอยังคงเอ่ยอย่างวิตกอดัมไม่ได้พูดอะไร เขาไล่สายตาผ่านรายงานวินิจฉัยสองครั้ง ก่อนจะมีแววตาเป็นประกาย ทว่าในไม่ช้าก็ต้องหายไป“ทุกอย่างดูดีทีเดียว ไม่มีอะไรผิดปกติ” อดัมพูดขณะที่มองเมเดลีน “ไม่ต้องกังวลมากไป เขากำลังค่อย ๆ ฟื้นตัวน่ะ”ได้ยินอย่างนั้นเมเดลีนก็ถอนหายใจโล่งอก
เมเดลีนเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกันที่เห็นใครบางคนลงมาจากรถ “เชอร์ลี่ย์ ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างเป็นมิตร “ฉันบอกว่าจะกลับบ้านไม่ใช่เหรอคะ นี่บ้านฉันน่ะ”เมเดลีนชี้ไปที่วิลล่าขนาดเล็กข้างหน้า “นี่คือบ้านของคุณเหรอคะ?”“ค่ะ ที่นี่คือบ้านของฉัน” เชอร์ลี่ย์พยักหน้าอย่างมั่นใจ จากนั้นเธอก็เดินไปหาอดัมด้วยท่าทางจริงจัง “อดัม พี่สาวกลับบ้านทั้งทีทำไมดูไม่มีความสุขเลยล่ะ”ข้อมูลใหม่นั้นทำให้เมเดลีนรู้สึกงุนงง “เชอร์ลีย์ คุณเป็นพี่สาวของอดัมเหรอคะ?”“ค่ะ ฉันเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเขา เรามีพ่อและแม่คนเดียวกัน” เชอร์ลี่ย์แตะไหล่ของอดัมเบา ๆ แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย “อดัม ทำไมไม่แนะนำเพื่อนให้ฉันรู้จักเลยล่ะ?”อดัมได้ยินอย่างนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องแนะนำหรอก เพราะดูเหมือนทุกคนจะรู้จักกันอยู่แล้ว” เขาก้าวไปข้างหน้าราวกับว่าเขาจงใจหลีกเลี่ยงเชอร์ลี่ย์ “เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”เชอร์ลี่ย์ยิ้มอย่างสดใส "ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาหลายปี ฉันก็ควรจะได้ชื่นชมบ้านหลังนี้ที่เคยอยู่บ้างนะ”ขณะที่พูดเธอก็เดินนำเข้าไปในบ้านก่อนอดัมเชิญเมเดลีนและเจเรมี่เข้าไป “เข้ามาสิ”เมเดลีนพยักห
อดัมอึ้งไปครู่หนึ่ง “ว่าไงนะ? คุณกำลังพูดอะไร? คุณเป็นใคร? เอวลีนอยู่ไหน?”“จำฉันไม่ได้แล้วเหรอ? คุณก็เหมือนพ่อแม่ของคุณนั่นแหละอดัม ไร้หัวใจและโหดร้าย” เชอร์ลี่ย์ล้อเลียนอย่างเย็นชาอดัมเงียบไปชั่วครู่ก่อนสุดท้ายเขาจะตอบสนองกลับมา“เธอเองเหรอ” ราวกับว่ามีบางอย่างมากระตุ้นภายในใจเขาตกตะลึงปนประหลาดใจ“ใช่ ฉันเอง” เชอร์ลี่ย์ตอบอดัมอย่างไม่ลังเล “เดี๋ยวเร็ว ๆ นี้เราก็คงได้พบกัน แม้ว่าฉันไม่คิดว่านายจะตั้งตารอฉันหรอกใช่ไหม?”อดัมเงียบไปก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “ทำไมเป็นเป็นเธอที่รับโทรศัพท์? เอวลีนอยู่ที่ไหน? เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?”คนฟังเอ่ยอย่างเย้ยหยัน “ฉันไม่ได้บอกหรอกเหรอ? ว่าเดี๋ยวเขาก็ตายแล้ว ภรรยาที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็จะต้องใจสลายไปด้วยน่ะ”“พูดบ้าอะไรเนี่ย! เขาไม่มีทางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตได้!” น้ำเสียงของอดัมเอ่ยออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเล่นแบบนี้แน่!”อดัมรีบวางสายรอยยิ้มของเชอร์ลี่ย์กว้างขึ้นในขณะที่จ้องหน้าจอที่ค่อย ๆ หรี่แสงลงช้า ๆ“เป็นใครกันถึงมาห้ามไม่ให้ฉันเล่นน่ะอดัม? เป็นตัวแทนของคนสองคนนั้นที่ตายไปแล้วเมื่อหลายปีก่อนงั้นเหรอ? ฮึ”เธอเย้ยหยันแ
“เจเรมี่!”เมเดลีนพบว่าไม่สามารถทนรออยู่หน้าห้องน้ำได้อีกต่อไป เธอเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำ สิ่งที่เห็นคือเจเรมี่ที่มีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและเย็นชา ขณะที่ร่างของเชอร์ลี่ย์ล้มลงข้างอ่างอาบน้ำเมเดลีนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็รีบเช็คก่อนว่าเจเรมี่เป็นอย่างไรบ้าง แต่ด้วยความมีมารยาทเธอจึงรีบเข้าไปหาและพยุงเชอร์ลี่ย์เธอเพิ่งเอื้อมมือออกไป แต่โดนเจเรมี่จับแขนไว้แน่น เขาจับไว้แรงมากจนเธอรู้สึกเจ็บ“อย่าไปแตะต้องตัวเธอ”เจเรมี่เอ่ยเสียงเย็นสุดขีด“เจเรมี่?” เมเดลีนมองแววตาที่เฉียบคมของเขา “คุณโอเคไหม เจเรมี่? เกิดอะไรขึ้น ทำไมเชอร์ลี่ย์…” “ไม่ต้องกังวลค่ะ คุณนายวิทแมน ฉันไม่เป็นไร” เชอร์ลี่ย์จับข้างอ่างขณะที่ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอชำเลืองมองสายตาเย็นชาของเจเรมี่จากหางตาก่อนจะหันไปยิ้มให้เมเดลีน“เจเรมี่ไม่ต้องการให้คุณสัมผัสฉันเพราะฉันทำเข็มหักโดยไม่ตั้งใจน่ะค่ะ มันคงจะแย่ถ้าคุณได้รับบาดเจ็บเพราะความผิดพลาดที่ไม่เป็นมืออาชีพของฉัน”จากนั้นเมเดลีนก็เห็นเข็มเล็ก ๆ หักยื่นออกมาจากแขนของเชอร์ลี่ย์หญิงสาวดึงเข็มออกมาอย่างใจเย็นโดยที่คิ้วเรียวของเธอไม่แม้แต่จะขยับเข้าหากัน“เจเร
เธอสัมผัสแขนของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวล เพราะอุณหภูมิจากร่างกายของเจเรมี่ไม่เพิ่มขึ้นเลย “อุณหภูมิร่างกายของเขาต่ำเพราะเขาแช่น้ำแข็งน่ะค่ะ” เสียงของเชอร์ลี่ย์ดังขึ้นจากด้านหลังเมื่อหันไปมองเมเดลีนก็เห็นเชอร์ลี่ย์ค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมเข็มฉีดยาในมือของเธอ“คุณช่วยรอข้างนอกได้ไหมคะคุณนายวิทแมน? ฉันไม่ชอบให้ใครมาเฝ้าเวลาต้องรักษาคนไข้น่ะค่ะ”เมเดลีนเข้าใจและลุกขึ้น แต่เจเรมี่จับมือเธอไว้เสียก่อน“อย่าไปนะลินนี่”“ไม่เป็นไรเจเรมี่ ให้เชอร์ลี่ย์ฉีดยาให้คุณแล้วคุณจะไม่เป็นไร โอเคไหม?” เมเดลีนเอ่ยราวกับว่าเขาเป็นเด็ก ก่อนจะปล่อยมือ“ขอบคุณนะคะ เชอร์ลี่ย์”“ด้วยความยินดีค่ะ ฉันยินดีที่ได้ช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือค่ะ” เชอร์ลี่ย์ยิ้มเล็กน้อยเมเดลีนได้ยินอย่างนั้นก็ไม่คิดมากก่อนจะเดินออกไปเธอมองเจเรมี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนปิดประตู เห็นแววของเขาเริ่มมีสีแดงจาง ๆเขากำลังมองเธออย่างอ้อนวอนจู่ ๆ เมเดลีนก็รู้สึกว่าอยากจะเข้าไปอยู่ข้าง ๆ เขา แต่เชอร์ลี่ย์ก็หันกลับมาตรวจสอบว่าเมเดลีนออกไปจากห้องน้ำหรือยังตอนนั้นเองที่เมเดลีนเห็นรูปร่างสมส่วนของเชอร์ลี่ย์ซึ่งเปียกโช
เมเดลีนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งขณะที่ชำเลืองไปมองประตูห้องน้ำที่ปิดแน่น“อีกนิดเดียวมันก็จะจบแล้วเจเรมี่ อดทนอีกนิด“คุณจะปลดปล่อยความเจ็บปวดได้เหมือนที่ผ่านมาไง“ฉันเป็นหมอของคุณ แต่ฉันก็เป็นเพื่อนคุณด้วย ฉันช่วยคุณได้ อา…”เมเดลีนได้ยินเสียงของเชอร์ลี่ย์ดังออกมาไม่หยุดจนกระทั่งเธอกระซิบด้วยน้ำเสียงลุ่มหลงเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นเหตุการณ์ภายในห้องน้ำก็เงียบลงพนักงานมองไปที่ห้องน้ำด้วยสายตาแปลก ๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเมเดลีน“ผมเอาน้ำแข็งไปไว้ในห้องน้ำหมดแล้วครับ คุณนายวิทแมน ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมติดต่อเราได้เลยนะครับ”แล้วเมเดลีนก็ได้สติกลับคืนมาสู่ความจริง “ขอบคุณค่ะ”“ด้วยความยินดีครับ” พนักงานยิ้มเล็กน้อยและจากไปเมเดลีนลากกระเป๋าเดินทางของเชอร์ลี่ย์ไปที่ห้องน้ำ เมื่อเอื้อมมือไปเปิดประตูก็พบว่าประตูถูกล็อคจากด้านใน“ฉันเอาของขึ้นมาให้แล้วนะคะ เจเรมี่เป็นยังไงบ้าง?” เมเดลีนถามในขณะที่ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน“เชอร์ลี่ย์? เชอร์ลี่ย์? เจเรมี่! เจเรมี่!" เธอเริ่มตื่นตระหนก และไม่สามารถทนต่อความเงียบในขณะนี้ได้อีกต่อไปก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูซ้ำ ๆ จนข้อนิ้วเริ่มแดง“
เมเดลีนขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่ก้าวออกไปเธอก็เห็นใครบางคนที่คุ้นเคยอยู่ตรงทางเดิน“เชอร์ลี่ย์?” เมเดลีนเรียกออกมาอย่างลังเลผู้หญิงที่เดินห่างออกไปเล็กน้อยหยุดเดินแล้วหันมามอง “ใช่ ฉันเองค่ะ คุณนายวิทแมน” เชอร์ลี่ย์ยิ้มและอธิบาย “ฉันลืมของบางอย่างไว้ในห้อง ก็เลยกลับมาหยิบ”เมเดลีนวิ่งไปหาเชอร์ลี่ย์ ผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากผู้ช่วยชีวิตของเธอในขณะนี้“พิษในร่างกายของเจเรมี่กำเริบกะทันหัน คุณเคยรักษาเขาใช่ไหมเชอร์ลี่ย์? คุณน่าจะช่วยเขาได้อีกครั้ง! ได้โปรดเถอะค่ะ ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดมาก!”ในตอนนั้นสีหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “ตอนนี้เจเรมี่อยู่ที่ไหนคะ?”“ในห้องค่ะ!”“รีบพาฉันไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!” เชอร์ลี่ย์รีบเดินตามเมเดลีนไปเมื่อเข้าไปในห้องเมเดลีนก็เห็นว่าเจเรมี่สามารถลุกขึ้นนั่งพิงกับเตียงได้แล้ว เธอจึงรีบวิ่งไปหาเขาทันที “คุณจะไม่เป็นไรเจเรมี่ เชอร์ลี่ย์บังเอิญกลับมาที่โรงแรมเพราะลืมของเอาไว้ เธอสามารถช่วยคุณได้แน่!”เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาคมกริบก็หรี่ลง และเมื่อเห็นเชอร์ลี่ย์เดิยเข้ามาหา เขาก็ขยับตัวออกอย่างรังเกียจเชอร์ลี่ย์เองก็เห็นความไม่พ
เมเดลีนวิ่งออกจากห้องน้ำและเห็นเจเรมี่นอนกองอยู่บนพื้นข้างเตียง“เจเรมี่!”เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงข้าง ๆ เขาอย่างลนลาน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันราวกับว่าเขากำลังทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หัวใจของเมเดลีนเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก“เกิดอะไรขึ้นน่ะเจเรมี่? ยาพิษออกฤทธิ์อีกแล้วใช่ไหม?”เธอดึงไหล่ของเจเรมี่เพื่อให้เขาพิงมาที่ตัวเธอหากทำได้เธอก็อยากจะพาเขาไปที่เตียง แต่เธอกลับไม่แข็งแรงพอ“เกิดอะไรขึ้น? อดัมบอกเองนี่ว่ามันจะเกิดขึ้นไม่บ่อย แล้วทำไมตอนนี้อาการของคุณกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว”เมเดลีนกระวนกระวายขณะที่น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ และหยดน้ำตาใส ๆ ของเธอก็ตกลงบนใบหน้าของเจเรมี่“ไม่ต้องกังวลลินนี่” เจเรมี่พูดผ่านความเจ็บปวด พลางเอื้อมมือไปลูบแก้มของเธอเบา ๆ “ผมชินกับความเจ็บปวดแล้ว มันจะเจ็บไม่นาน เดี๋ยวผมก็อาการดีขึ้น”เขาปลอบโยนในขณะที่คลี่ยิ้มเพื่อคลายความกังวลของอีกฝ่ายแต่ยิ่งเจเรมี่คำนึงถึงอารมณ์ความรู้สึกของเธอมากเท่าไหร่ หัวใจของเมเดลีนก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น“อดัม ฉันจะโทรหาอดัม เขารู้ว่าต้องทำยังไง!” เมเดลีนรีบควานหาโทรศัพท์แล้วโทรหาอดัมทันทีแต่กลับไม่มีใครรับ
“สำหรับฉัน?” เมเดลีนรับของขวัญมาด้วยความสับสน ก่อนจะเห็นว่ามีข้อความติดมาด้วยในข้อความเขียนเอาไว้ว่า : [ฉันรีบไปหน่อยก็เลยไม่มีเวลาหาของขวัญสำหรับการเจอกันที่ดีกว่านี้ให้คุณ แต่หวังว่าคุณจะชอบสิ่งนี้นะคะ] ลงชื่อเชอร์ลี่ย์นี่เป็นของขวัญหลังจากพบกันครั้งแรกจากเชอร์ลี่ย์งั้นเหรอ?เมเดลีนรู้สึกประหลาดใจ “คุณมีข้อมูลติดต่อเชอร์ลี่ย์ไหมเจเรมี่? ฉันอยากจะขอบคุณเธอ”“ไม่” เจเรมี่ตอบห้วน ๆ “ไปกันเถอะ ส่วนอันนี้ก็ฝากพนักงานเอาไว้ที่นี่”“ทำแบบนั้นมันจะไม่ดูเสียมารยาทไปเหรอคะ?” เมเดลีนครุ่นคิดและตัดสินใจเอาของสิ่งนั้นกลับไปที่ห้องด้วยในที่สุด เจเรมี่ไม่พูดอะไรมากแล้วกลับไปที่ห้องพร้อมเมเดลีนระหว่างทางกลับเธอเปิดกล่องแล้วพบชุดอโรมาเทอราพีข้างในรูปร่างของขวดนั้นเป็นรูปงูดูแปลกตาเมเดลีนที่ไวต่อกลิ่นและเชี่ยวชาญด้านการผสมน้ำหอม เธอจึงลองดมดูแต่นอกจากกลิ่นปกติที่เคยดมแล้ว เธอสังเกตว่าสิ่งนี้มีกลิ่นบางอย่างที่เธอไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนอยู่ด้วย“วางมันลงแล้วไปกันเถอะ ลินนี่ เดี๋ยวแผนวันนี้เราพังหมดนะ” น้ำเสียงราวกับว่าเจเรมี่กำลังเตือนเธอ เขาดูเกลียดของขวัญชิ้นนี้จริง ๆคำพูดของ