ตอนที่ 27 กลั่นแกล้งผมที่ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ ทั้งที่โดยปกติแล้ว ไอ้นิสัยที่จะมากลั่นแกล้งใครแบบนี้ผมไม่ทำโดยเด็ดขาด เพราะถึงผมจะปล่อยเงินกู้ หรือมีธุรกิจสีเทาบ้างพอเอาไว้สร้างบารมีและเลี้ยงลูกสมุน แต่เรื่องเอารัดเอาเปรียบใครผมไม่เคยคิดจะทำ มันไม่ใช่นิสัยผม!!แต่น่าแปลกที่ทำไมพอเป็นเธอคนนี้ ผมถึงยอมทิ้งตัวตนแล้วทำนิสัยแย่ ๆ แบบนี้ออกไป ผมที่พยายามหาเหตุผลมาตอบกับตัวเอง แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอเหตุผลที่ใช่ แต่เอ๊ะ!! หรืออาจจะเป็นเพราะผมนั้นหลงใหลในเรือนร่างที่ช่างสะกดตาเมื่อครั้งที่เธอนอนไม่ได้สติจนคิดแผนการเพื่อให้ได้เธอมาครอบครองกันนะ หรือจะเป็นเมื่อครั้งที่พอผมได้มองหน้าเธอเต็มสองตาแล้วพบเข้ากับคำว่าแม่ของลูกปรากฏอยู่บนหน้าเธอจนต้องสรรหาวิธีสกปรกมากักขังเธอเอาไว้ แต่ไม่ว่าจะด้วยวิธีหรือเหตุผลใด...ทำไมผมกลับรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดอันมหาศาลอย่างที่ไม่เคยได้รับจากผู้หญิงคนไหนมาก่อนนอกจากเธอ...โดยเฉพาะเมื่อผมยิ่งได้มอง ได้อยู่ใกล้ ได้พินิจพิจารณาเธอนาน ๆ ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ป่วนปั่นอยู่แถว ๆ ไอ้ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายก็ได้บังเกิดขึ้น อย่างที่ผมเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวแต่ไม่ใช่ว่าผมจะเห็นแก
ตอนที่ 28 เล่นกับเหยื่อและจุดเริ่มต้นของคำสั่งที่ผมสั่งเธอออกไปแบบนั้น แม้การตอบรับของเธอที่แสดงกลับมาจะมีท่าทีว่าไม่ยินยอม แต่ด้วยความเจ้าเล่ห์ของผมที่อ้างว่าผมจะให้เธอทำงานใช้หนี้ โดยงานที่ทำนี้จะมีมูลค่า 1 ล้านบาทต่องาน ขอต่อรองเหล่านั้นที่แม้ว่าใครก็ยากที่จะปฏิเสธได้ ทำให้ ณ เวลานี้ได้บังเกิดความลังเลผสมกับความหมดหวังฉายขึ้นบนใบหน้าสวยอย่างเห็นได้ชัดดวง และนั้นยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าเธอจะไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอของผมอย่างแน่นอน(โธ่...ก็แกเล่นไปขู่เอาเครื่องในเขาแบบนั้น เป็นใครจะไม่ทำล่ะย่ะ...ชิ...ไอ้คุณดีแลน)จากนั้นผมที่ได้แต่นั่งรออย่างใจเย็น เพราะมั่นใจว่าบทสรุปมันต้องเป็นไปในแบบที่ตัวเองต้องการ...และเมื่อสุดท้ายแล้วทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่ผมคาดการณ์เอาไว้ ผมที่กระหยิ่มยิ้มย่องในใจก็ได้แต่รอเวลาเพื่อเล่นสนุกกับเธอจนกระทั่ง...เมื่อจู่ ๆ เธอก็อยากจะได้โทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา...และด้วยความต้องการนั้นมันกลับทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจขึ้นเสียดื้อ ๆความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นในใจผมอีกครั้ง เมื่อผมเผลอคิดไปว่าเธออาจจะอยากได้เพื่อเอาไปโทรบอกแฟนให้รับรู้ มันกลับยิ่งทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้
ตอนที่ 29 เหยื่อตัวแสบ!!“สอนหน่อยรินเหล้าไม่เป็น” ฉันเอ่ยบอกไปตามความจริง“ขอให้คนเขาสอน พูดแบบนี้เหรอ ไร้การศึกษาจริง ๆ” ส่วนเขาหลังจากฟังคำขอของฉัน ถึงกับเอ่ยต่อว่าฉันอย่างเสีย ๆ หาย ๆ ไม่มีชิ้นดี(โอ้โห้...พระคู๊ณณณณณณ กล้าว่าคนอื่นเขานะย่ะ ดูปากตัวเองซะก่อนเถอะ ปกติฉันก็เป็นคนพูดจาไพเราะอ่อนหวานอยู่แล้ว แต่เพราะต้องมาเจอกับผู้ชายปากปีจอแบบนี้ไง...ชิ) ฉันแอบสบถใส่เขาในใจ“เห้ออออ...รบกวนสอนหน่อยค่ะ เผอิญว่าทำไม่เป็น” ฉันกลั้นใจพูดดีกับเขา แม้ในใจจะเหลืออดและหลังจากที่ฉันพูดจบ เขากลับยังคงกอดอกหลับตาพริ้มพิงหัวกับพนักโซฟาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวความเงียบไร้การตอบสนองจากเขาทำให้ฉันที่กำลังตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบอยู่นั้น ถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นไปมองว่าเพราะเหตุใดเขาถึงได้เงียบไป“หลับใส่เหรอเนี้ย...!!” ฉันพูดกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่จะหยัดตัวลุกขึ้นเพื่อไปมองเขาใกล้ ๆ เนื่องจากไฟในห้องนี้ไม่ได้สว่างมากนัก จึงทำให้ฉันมองใบหน้าเขาได้ไม่ถนัดและหลังจากที่ฉันยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่เสมือนกับมีแรงดึงดูดอันน่าหลงใหลบางอย่างที่ส่งมาทำให้ฉันเผลอไผลลืมตัวจนเข้าไปใกล้ระยะอันตราย...พ
ตอนที่ 30 ถอด...ชิ้นละล้าน--- ลลิน Talk ---ฉันมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจถึงสายตาที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของเขา แต่นั่นมันก็ไม่ใช่สาระสำคัญอะไร เพราะถึงอย่างไรงานที่เขาสั่งก็ถือว่าสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว“อย่าลืมหักหนี้ 1 ล้านด้วยนะคะ” ฉันเอ่ยย้ำ ก่อนจะเชิดหน้าใส่อย่างคนไม่ค่อยพอใจ“หืมมม...1 ล้าน??” เขาทำหน้าสงสัย“ก็นายบอกงานละ 1 ล้าน เมื่อกี้นายสั่งให้ฉันรินเหล้า นี่ฉันทำมากกว่ารินอีกนะ ดังนั้น 1 ล้าน หักเหลือ 99 ล้านค่ะ” ฉันพูดฉะฉาน พร้อมกับยกไม้ยกมือนับนิ้วให้เขาดู อีกทั้งยังแอบคิดในใจว่าไปบอกใคร ใครเขาจะเชื่อว่าเครื่องดื่มถังนี้มีมูลค่าตั้ง 1 ล้าน...“หึหึ...ได้...กูมันคนรักษาสัญญาอยู่แล้ว” เขาแค่นหัวเราะในลำคอด้วยความรู้สึกเอ็นดูคนตรงหน้า ที่แม้หน้าจะสวยหวานดูไร้พิษสงแต่ทว่า...กลับซ่อนเขี้ยวเล็บไว้อย่างดี ก่อนจะยกยิ้มจนใบหน้าที่หล่อเหลายิ่งดูมีเสน่ห์น่าหลงใหลหลังจากนั้นก็ได้มีพนักงานเข้ามาเสิร์ฟอาหาร ฉันที่สบจังหวะก็ได้ไหว้วานให้พนักงานคนนั้นนำกระดาษกับปากกาเข้ามาให้ ก่อนที่ฉันจะทำการร่างสัญญาการชดใช้หนี้ (ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ) ที่มีต่อเขาด้วยมือของฉันเอง“อะ...อ่านแล้วเซ็นรับทราบด้
ตอนที่ 31 มาถอดตรงนี้หัวใจของฉันถึงกับกระตุกวูบ อีกทั้งสีหน้าก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด นั่นก็เพราะว่าฉันกำลังลุ้นว่า...ข้อแม้ของเขานั้นคืออะไร“อะ...อะไร” ฉันถามออกไปด้วยเสียงอันแผ่วเบา พร้อมกับดวงตาที่จ้องเขาไม่กะพริบด้วยใจลุ้นระทึก“ข้อแม้ก็คือ...มึงต้องมาถอดตรงนี้...!!”สิ้นเสียง...ริมฝีปากทรงสวยก็แสยะยิ้มร้าย พร้อมกับสายตาที่ส่งมานำทางให้ฉันเดินไปตามสายตาคู่นั้น โดยที่จุดหมายของมันคือ ณ ตรงกลางระหว่างขาที่กำลังอ้ากว้างอยู่ของเขาฉันเบิกตาโพลงพร้อมกับใจที่เต้นสั่นระรัวทันที นี่...ฉันจะไม่มีโอกาสที่จะชนะเขาได้เลยหรือไงกัน เพราะทุกครั้งที่ฉันยื่นข้อเสนอที่ตัวเองคิดว่าจะได้ผลประโยชน์มากกว่า สุดท้ายกลับกลายเป็นว่าตัวเองต้องเสียเปรียบอยู่ร่ำไป...เฮือก ~~ฉันกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก เนื่องจากสิ่งที่เขาอยากให้ฉันทำนั้นมันช่างดูล่อแหลมเสียเหลือเกินสายตาคมกริบปาดมองมาที่ฉันอย่างคนที่กำชัย พร้อมกับทำตัวสบาย ๆ เพื่อรอให้ร่างอรชรย่างกายเข้ามาในกำมือความคิดมากมายถาโถมเข้ามาให้สมองให้ขบคิด ถ้าหากฉันยอมทำตามที่เขาต้องการหนี้ที่มีก็จะลดลงไปอีกเท่าตัว และนั่นก็จะทำให้ฉันหลุดออกจากบ่วงเวรบ
ตอนที่ 32 ไม่ใส่จ่ายเพิ่ม!!--- ลลิน Talk ---ฉันถึงกับเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกใจที่จู่ ๆ คนตรงหน้าพูดโพล่งออกมาว่าต้องการเพิ่มเงินให้ฉันอีก 1 ล้านและทันทีที่ฉันลืมตาขึ้นมาหลังจากได้ยินข้อเสนอที่แสนเย้ายวนใจ ฉันก็กลับต้องพบกับสายตาคมที่กำลังมองฉันด้วยแววตาหยาดเยิ้มแบบปิดความต้องการที่มีต่อกันระหว่างหนุ่มสาวไม่มิด“1 ล้านแลกกับเธอไม่ต้องใส่ชุดในถุงนั้น” เขาที่ไม่ปล่อยให้ฉันสงสัยนาน บอกแถลงความต้องการที่อยู่ภายในออกมาหน้าตาเฉย“ตะ...แต่ว่า...” และในขณะที่ฉันกำลังลังเลอยู่นั้น เสียงทุ้มกังวานก็ดังขึ้นสวนมาอีกครั้ง“2 ล้าน...” ข้อเสนอใหม่ที่แสนจะเย้ายวนใจถูกส่งมาให้ฉันยิ่งเกิดความลังเลแต่ถึงยังไงซะเขาก็ยังเป็นนักธุรกิจตัวฉกรรจ์ที่ไม่รอช้าและเลือกจะใช้กลยุทธ์ทำทีเป็นไม่ต้องการเพื่อบีบคั้นให้คนตรงหน้ารีบตัดสินใจ“แต่ถ้าลำบากใจหนักก็คิดซะว่ากูไม่ได้พูดแล้วกัน...” คนตรงหน้าฉันพูดพร้อมกับเสมองไปทางอื่นทำทีเป็นไม่สนใจและสิ่งที่เขาทำนั้นมันก็ได้ผล เมื่อฉันที่หน้ามืดอยากจะปลดหนี้เวรหนี้กรรมนี้ให้หมดเร็ว ๆ ก็ได้โพล่งปากรับคำออกไป“ตะ...ตกลง...” ฉันที่หลุดพูดออกไปอย่างไม่คิด จนพอมานึกขึ้นได้ก
ตอนที่ 33 ปลุกบางอย่างให้ตื่นขึ้น“อยู่เฉย ๆ ซิ ยิ่งมึงดิ้นมันก็ยิ่งไปปลุกไอ้สิ่งที่ไม่ควรปลุกให้ตื่นขึ้นมานะ”เขาที่เหมือนจะอยากกลั่นแกล้งฉันให้แดดิ้นตาย ได้เอ่ยพูดน้ำเสียงกระเส่าอยู่ที่ข้างหู จนหน้าฉันร้อนผ่าวและเริ่มหายใจติด ๆ ขัด ๆแต่ทว่า...แม้จะรู้สึกปั่นป่วนหัวใจและท้องน้อยมากเพียงใด แต่ด้วยความสงสัยใคร่รู้ของสาววัยแรกแย้มที่ไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายขนาดนี้มาก่อน ทำให้ฉันที่สงสัยว่าสิ่งที่ไม่ควรปลุกให้ตื่นขึ้นมาของเขาคืออะไร และด้วยความที่ไม่ทันได้ระมัดระวังการเคลื่อนไหวของตัวเอง ในจังหวะเดียวกันนั้นฉันที่หันหน้าไปถามเจ้าของตักที่ฉันนั่งอยู่ด้วยความใคร่รู้โดยที่ไม่ทันได้ระวังตัว...“อะไรคือ...อุ้ย...!!”และทันทีที่ฉันหันหน้าไปถาม แก้มเนียนนุ่มของฉันก็ปะทะเข้ากับปลายจมูกคมของคนใต้ร่างทันที พร้อมกับเขาที่ตั้งใจสูดเอาความหอมจากแก้มนวลเนียนอย่างคนที่รอจังหวะนี้มานานแล้วฟืดดดด ~~“ว้ายยยย ~~” ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนที่จะตั้งสติได้แล้วรีบเสหน้าหลบแต่คนที่ชำนาญเกมอย่างเขามีหรือที่จะยอมทางปล่อยนาทีทองให้หลุดลอยออกไปจากมือ เพราะทันทีที่สาวเจ้ารู้ตัวและกำลังจะเอาใบหน้าหลบปลายจมูกคม
ตอนที่ 34 จูบลดหนี้คำพูดร้าย ๆ อีกทั้งความดิบเถื่อนของผม ส่งให้ผมทำกิริยาหยาบคายกับเธออย่างไม่อาจยับยั้งชั่งใจได้ ทั้งที่ผมจะรู้ดีว่าไม่ควรทำแบบนี้กับเธอไป แต่มันเป็นเพราะว่าผมเองนั้นระงับความไม่พอใจที่มันปะทุขึ้นมาไม่ได้จริง ๆดวงตาสั่นระริกพร้อมกับปากที่พะงาบ ๆ ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทำให้ความหุนหันของผมค่อย ๆ คลายลง และปล่อยมือที่บีบแก้มของเธอออก“ฉันเจ็บนะ...เป็นบ้าอะไรเนี้ย...ผีเข้าหรือไง” เธอที่แม้จะกลัวแต่ผมรู้ว่าเธอพยายามข่มมันเอาไว้ ก่อนที่คนร่างบางจะอดไม่ได้ที่จะแว้ดใส่ผมพร้อมกับใบหน้าที่บูดบึ้งใบหน้าหวานที่แสดงความไม่พอใจเพราะความเจ็บปวดทำให้ความรู้สึกผิดพัดผ่านเข้ามาในหัวใจอันเย็นชาของผมทันที แต่ด้วยศักดิ์ศรีที่มีมันค้ำคอทำให้ผมไม่ยอมเอ่ยคำขอโทษออกไป...แต่มันก็ไม่เป็นไร...เพราะผมเองก็ยังมีวิธีปลอบใจในแบบที่เธอต้องชอบอย่างแน่นอน...“5 ล้าน...”--- ลลิน Talk ---“ห๊ะ...” (O.O)ฉันเบิกตาโพลงด้วยความตกใจหลังจากได้ยินตัวเลขที่ทำให้ฉันตาลุกวาว แต่กระนั้น...ฉันก็ยังอดระแวงไม่ได้ว่ามูลค่าการชดใช้ค่าเสียหายที่เขาให้ฉันในราคานี้จะมีอะไรแอบแฝงอยู่หรือเปล่า“สำหรับ...” ฉันทำทีเป็น
“ฮ่าๆๆๆๆ ... / คริคริๆๆๆ”“โอ๊ยยยยย ~~ น่าอายชะมัด” (>////ผมที่ถึงกับรีบเอามือปิดหน้าหัวพิงเบาะรถหนีอายพร้อมกับบ่นอุบกับตัวเอง(หมดกันไอ้ราม เอ๊ยยยย...ภาพลักษณ์ที่เคยสร้างไว้ต่อหน้าน้องลิน...มาหมดเอาวันนี้นี่แหละ...กูจะบ้า!!)“คริคริ...นี่พี่รามหิวขนาดนี้เลยเหรอคะ งั้นไปกินข้าวพร้อมกันกับลินเลยดีไหม ตอนแรกลินก็ตั้งใจจะลงมาหาอะไรกินอยู่พอดีเลยค่ะ” หญิงสาวหน้าตาสวยใสก็ยังคงหัวเราะคิกคักไม่หยุดให้กับเสียงท้องร้องของผม อีกทั้งเธอยังเอ่ยปากชวนผมไปกินข้าวด้วยกันกับเธอ...ด้วยโอกาสบวกกับความสบายใจที่เกิดขึ้น ทำให้ผมเองก็ไม่อาจจะปฏิเสธความปรารถนาดีของเธอได้เลย นั่นจึงทำให้ผมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบรับเธอไป ส่วนเธอเองก็ยิ้มตอบกลับมาด้วยใบหน้าสดใสพร้อมกับเอ่ยขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวมื้อนี้เอง“เดี๋ยวมือนี้ลินเป็นเจ้ามือเองค่ะ...ตอบแทนที่พี่รามดีกับลินตลอดมาด้วย” หญิงสาวยิ้มหวานเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่เล็กจนโต และมันยังเป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมหลงรักเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น“ได้เลย...เดี๋ยวพี่จะถล่มให้ยับเลย...ฮึบ” ผมที่มอบใบหน้ายิ้มแย้มดวงนั้นด้วยความสุขใจก่อนจะแกล้งเย้าเธอไปพร้อมกับลุกขึ้นมานั่งแล้ว
โดยเฉพาะเมื่อความกังวลใจที่ก่อตัวขมุกขมัวอยู่ในหัวผม มันจะทำให้หัวใจของผมร้อนดั่งไฟสุ่ม แต่ผมกลับต้องเลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจอะไรและปล่อยให้เธอได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองไปก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วความรู้สึกของผมตอนนี้...มันเจ็บปวดเหมือนหัวใจกำลังถูกกระชากออกไปจากอก มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนว่าตัวเองกำลังจะถูกแย่งของรักไป และด้วยความรู้สึกเหล่านั้นมันก็ทำให้ผมว้าวุ่นใจจนเผลอคิดอยากจะทำอะไรบางอย่างเพื่อจองจำเธอเอาไว้ไม่ให้เธอได้ตกไปเป็นของใคร......อย่างที่ใจผมกำลังหวาดกลัว...โดยเฉพาะเมื่อนึกไปถึงเขาคนนั้น...คนที่ผมรู้ดีว่าถ้าหากเขาคนนั้นอยากจะครอบครองเธอขึ้นมามีหรือที่คนระดับนั้นจะไม่สามารถเอาเธอไปครอบครองได้ อีกทั้งด้วยหน้าตาและสถานะของเขามันไม่ยากเลยที่จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งหวั่นไหว เพราะเขาที่ทั้งติดอันดับความรวยอันดับต้น ๆ ของประเทศแถมพ่วงด้วยตำแหน่งหนุ่มหน้าตาทรงเสน่ห์ติดท็อปเท็นระดับทวีปและด้วยคุณสมบัติพรีเมียมระดับนี้ มีหรือที่คนหน้าตาดีในระดับชนชั้นกลาง อีกทั้งฐานะทางบ้านก็ระดับพอมีพอกินอย่างผมจะไปสู้เขาได้เพราะถ้าเทียบกับเขาคนนั้นแล้ว...ผมมันก็คือไอ้กระจอก!! ดี ๆ นี่เองผมเดินซึม
คนตัวโตที่ยังยืนอึ้งตาค้างตัวแข็งทื่อ แต่ทว่า...มือกลับยังโอบประคองผู้หญิงที่ตนแอบรักไม่ยอมปล่อยด้วยสัญชาตญาณที่ทั้งอยากปกป้องและหวงแหนผู้หญิงในอ้อมกอดนี้“เจอกันพรุ่งนี้นะ...ลิน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยนิ่งแต่เต็มไปด้วยไอสังหาร จนไอที่แผ่ซ่านทำให้ทั้งสองร่างที่ยืนกึ่งกอดกันอยู่ถึงกับต่างกลืนน้ำลายเฮือกลงคอพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายทันทีที่สิ้นเสียงเย็นของเจ้าของรถสปอร์ตสุดหรูหรืออีกตัวตนนั่นก็คือเจ้าของบริษัท DLKK Corporate อย่างดีแลนที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาไม่ได้พูดกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ แต่พูดกับหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดมากกว่า รถหรูดีกรี 1,800 แรงม้าก็ได้ทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง ดั่งต้องการจะบอกให้คนที่ได้เห็นรับรู้ว่าเจ้าของของมันกำลังเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองเกรี้ยวกราดไม่พอใจมากแค่ไหนและหลังจากที่คุณดีนได้ทิ้งประโยคเด็ดเอาไว้ พร้อมกับเหยียบรถออกไปด้วยความเร็วพฤติกรรมของเขาก็ถึงกับได้ทำให้พวกฉันแสดงสีหน้าไม่ต่างกัน...ฉันที่อึ้ง... (OoO)พี่รามที่อึ้ง... (OoO)ก่อนที่ในจังหวะที่ฉันกับพี่รามจะหันกลับมามองหน้ากันด้วยความรู้สึกที่ต่างคนต่างเต็มไปด้วยคำถาม โดยพี่รามที่คงอยากจะถามว่าฉันไปรู้จ
ฉันส่ายหัวเบา ๆ ให้กับวิธีการแก้ปัญหาของเขาที่ดูจะโอเวอร์ ก่อนที่ตัวเองจะบอกถึงเจตนารมณ์ออกไปอีกครั้ง“พรุ่งนี้ถ้าคุณ เออ ต่อไปนี้คุณคือเจ้านายของฉันแล้ว ถ้างั้นลินก็จะขอเรียกคุณว่า คุณดีแลนแล้วกันนะ ถ้า...” ฉันที่กำลังจะพูดในประโยคถัดไป แต่ดันถูกเขาขัดขึ้นมาเสียก่อน“ดีน...เรียกฉันว่าดีน”“ห๊ะ...อะ...เอางั้นก็ได้ค่ะ...คุณดีนค่ะถ้าพรุ่งนี้คุณดีนจะกรุณามารับลิน ลินขอเป็นช่วยบ่าย ๆ ได้ไหมคะ เพราะลินจะขอจัดการอะไร ๆ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน” ฉันยื่นข้อเสนอให้เขา เพราะมีหลายอย่างที่ฉันต้องเคลียร์“แต่ฉันอยากเจอเธอเร็วกว่านี้...” แต่เขาที่ข้อต่อรองกลับทันทีด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนจนฉันรู้สึกแปลกใจ“นี่คุณดีนไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำไมพูดจากอะไรแปลก ๆ” ส่วนฉันที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรก็ได้เผลอยื่นมือออกไปอังหน้าผากเขาเพื่อวัดอุณหภูมิ เพราะกลัวว่าเขาจะเพ้อเพราะเป็นไข้ถึงพูดอะไรพิลึก ๆ ออกมาและเขาผู้ซึ่งไม่เคยปล่อยให้โอกาสตรงหน้าหลุดลอยไป เพราะหลังจากที่ฉันเอื้อมมือออกไปอังหน้าผากเขา เขาก็ไปเอื้อมมือมาจับมือฉันที่กำลังแตะหน้าผากของเขาทันทีพร้อมกับจับเลื่อนลงมายังที่หน้าอกข้างซ้ายแต่เต็มไปด้วยความแน่น
หลังจากตกลงกันได้แล้ว เขาก็ขับรถพาฉันกลับมาส่งยังห้องพัก โดยที่ฉันได้แต่นั่งทบทวนทุกอย่างถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนนั้นตลอดระยะทางนับจากสถานบันเทิงเริงรมย์ที่เขาจับฉันไปลดหนี้กระทั่งมาถึงหน้าห้องพักของฉันด้วยอาการเหม่อลอย จนไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้รถได้มาจอดยังหน้าที่พักของฉันแล้ว...“ให้กูรอไหม...”เสียงนุ่มทุ้มแต่ยังเต็มไปด้วยพลังความน่าเกรงขามได้เอ่ยถามเรียกฉัน จนฉันถึงกับหลุดออกมาจากห้วงความคิด“หะ...อะ...อ๋อ...ไม่ต้องหรอก ฉันคงใช้เวลาเก็บของอีกนานน่ะกว่าจะเสร็จ” ฉันตอบกลับไปโดยที่หน้ายังก้มงุดไม่กล้าเงยขึ้นมาสบกับดวงตาสีน้ำตาลคาราเมลหวานคู่นั้น“ลิน...”แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็พูดโพล่งชื่อฉันออกมาจนฉันงง“ค่ะ...??” ส่วนฉันที่แม้จะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมจู่ ๆ เขาเรียกชื่อฉัน แต่ก็ยอมเงยหน้าขึ้นมาขานรับ“แทนตัวเองว่าลินซิ...กูเห็นแทนตัวกับทุกคนว่าลิน แต่กับกูคนที่เป็นแฟนมึงทำไมถึงเป็นแทนว่า’ ฉัน’ล่ะ...” เขาเปิดปากท้วงติงฉัน โดยที่ในน้ำเสียงและใบหน้าที่มีความน้อยใจปะปนอยู่และคำเอ่ยอ้างของเขาที่สวนกลับมา ก็ยิ่งทำให้ฉันถึงกับงงเข้าไปใหญ่“ห๊ะ...??”“ไม่ได้ยิน...?? ต้องให้ย้ำ!!” เขายัก
ฉันที่ได้ยินคำมั่นแบบนั้น...แม้ฉันจะไม่ได้คิดอะไรนอกจากคิดแค่เพียงว่า ณ เวลานี้ได้มีคนมาแสดงความห่วงใยฉันก็สมควรจะยิ้มตอบกลับไปเพื่อเป็นการขอบคุณตามมารยาทให้กับเขาเพียงแต่ว่า…ฉันไม่รู้ว่าอะไรดลจิตดลใจให้นอกจากคำขอบคุณสำหรับน้ำใจที่เขามีให้แล้วนั้น ฉันยังได้พูดคำบางคำที่ไม่สมควรจะปล่อยให้หลุดปากออกไป แต่ทว่า...มันดันหลุดออกไปอย่างไม่น่าให้อภัย…“ขอบคุณค่ะ…แต่ว่าแล้วนายจะมาปกป้องฉันในฐานะอะไรกันล่ะ...หืมมมม ~~”และทันทีที่ประโยคที่ไม่ควรถามได้เผลอหลุดออกจากปากอวบอิ่มไป ฉันที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังทำตัวเหมือนกับว่าต้องการให้เขามารับผิดชอบชีวิตก็ทำให้ฉันได้แต่เสหน้าหนีหลบตาหลุบต่ำเพราะรู้สึกอับอายทันที“คะ...คิดซะว่าฉันไม่ได้พูดละกันนะ” (-//_//-) ฉันพูดก่อนจะลุกขึ้นออกจากตักของเขา เพื่อเดินหนีไปจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดใจที่ฉันได้ก่อขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจนี้แต่ทว่า...ด้วยคำตอบที่เขาส่งกลับมาก็ทำให้ฉันถึงกับตัวชา เบิกตากว้างด้วยความตกใจแทบจะในทันที...“ฐานะแฟนได้ไหม…” เขาที่เอ่ยตอบฉันทันควัน พร้อมกับมือที่เอื้อมมาจับยังข้อมือของฉันเอาไว้เพื่อให้หยุดฟัง(O//.//O) และใน ณ วินาทีนั้นใบ
ก่อนที่ป้านีจะเล่าถึงสิ่งที่ได้ฟังมาต่อว่า...ในวันนั้นนอกจากเรื่องแผนการที่พ่อของฉันท่านได้ฝากฝังเอาไว้กับทนายแล้ว ท่านยังปรารภพูดกับทนายด้วยอีกว่า...ความจริงแล้วท่านรักบ้านหลังนี้มาก มันเป็นบ้านที่มีความทรงจำเกี่ยวกับพวกท่าน พ่อ แม่ ลูก เต็มไปหมด แต่ว่าหลังจากที่แม่ของฉันทิ้งท่านกับฉันไป ท่านรู้ดีว่าความทรงจำทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้วเพราะนับตั้งแต่นั้นไม่ว่าท่านจะมองไปทางไหนมันก็มีแต่ความทรงจำที่เจ็บปวดเข้ามาแทนที่ และนับวันก็เริ่มจะกลืนกินความสุขที่เคยคุกรุ่นอบอวลอยู่ภายในบ้านไปหมด ความรู้สึกของท่านมันเหมือนกับว่าทุกอย่างถูกแทนที่ด้วยความหม่นหมองและเฉยชาไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้น…ท่านจึงอยากจะทิ้งบ้านนี้ไป บ้านที่ท่านคิดเอาไว้ว่าต่อให้ท่านจากไปถึงฉันอยู่ก็คงไม่มีความสุขอยู่ดี และท่านเองก็อยากให้ฉันไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในที่ใหม่ ๆ ไปสร้างความทรงจำดี ๆ ที่มีความสุขเอาใหม่แทนและสิ่งที่ท่านทำลงไปทั้งหมดนั้นมันจึงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ฉันตัดใจได้และไม่อาลัยอาวรณ์ต่อบ้านหลังนี้อีก…สิ้นคำบอกเล่าจากปรานี...ฉันถึงกับร้องไห้โฮออกมาด้วยความเสียใจและเข้าใจถึงเรื่องราวทุกอย่างกระจ่างแจ้ง อีกทั้ง
จากนั้นป้านีก็ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทุกอย่างว่าความเป็นมามันเป็นยังไง...และหลังจากที่ฉันฟังท่านจนจบ ฉันถึงกับหน้าชาตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก อีกทั้งน้ำตาที่เพิ่งจะแห้งเหือดไปอันเป็นผลมาจากความห่วงใยของป้านีเมื่อครู่ก็ได้กลับรินไหลออกมาได้อย่างง่ายดาย…เพียงเพราะฉันได้รับรู้ถึงความจริงในสิ่งที่ฉันเข้าใจผิดมาโดยตลอด…โดยเฉพาะ...ความเข้าใจผิดที่มันเกี่ยวกับบุพการีเพียงคนเดียวของฉัน...ที่ความจริงแล้วนั้นเขารักฉันยิ่งกว่าใครทั้งหมด...ป้านี้เล่าย้อนให้ฉันฟังว่า…ความจริงแล้วพ่อของฉันท่านระแคะระคายมาสักพักแล้วว่ายัยยุพินหรืออดีตแม่เลี้ยงของฉันนางนั้นแอบมีผู้ชายอื่น อีกทั้งพ่อฉันที่พยายามจะจับให้ได้อยู่หลายครั้ง แต่ก็ดันมาคลาดไปเสียทุกทีจนกระทั่ง…วันนั้นวันที่เกิดเหตุการณ์จนทำให้พ่อฉันจากไป หลังจากที่ท่านจับได้คาหนังคาเขาแล้วว่าอดีตแม่เลี้ยงมีสัมพันธ์สวาทกับชายชู้จริง และด้วยความตกใจก็ได้ทำให้ชายชู้คนนั้นรีบหนีไปทั้งที่พ่อฉันยังไม่ได้ทำอะไรพวกมันเลย แต่เป็นเพราะว่าพ่อฉันท่านที่ต้องการจะจบเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ และต้องการเพียงแค่ให้ชายชู้คนนั้นมาเซ็นยอมรับเพื่อที่จะได้ไปทำเรื่อง
--- ลลิน Talk ---ในขณะที่ฉันถูกเขานั่งซบหน้าอยู่กับแผ่นหลังก็พลันเกิดความรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และนั่นก็ทำให้ฉันต้องรีบตั้งสติแล้วพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์สุ่มเสี่ยงตรงนี้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่ร่างกายที่เหมือนว่ามันจะไม่ใช่ของฉันจะพยศความคิดผิดชอบชั่วดีที่มีในก้นบึ้งจิตสำนึกแล้วคล้อยตามการสัมผัสของเขาไปมากกว่านี้“เออ…นะ…นายเป็นอะไรหรือเปล่า” ฉันเลือกที่จะเปิดปากทำลายความเงียบภายในห้องถามเขา หลังจากที่ทบทวนได้แล้วว่าในสถานะของเราทั้งสองไม่ควรที่จะแนบชิดกันมากอย่างนี้“...............”(ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก…)ฉันที่ถามออกไปแต่กลับเพียงความเงียบงันกลับมา...“ถ้านายเป็นอะไรไม่สบายตรงไหนก็บอกฉันได้นะ” ฉันยังคงเอ่ยถาม พร้อมกับเอื้อมมือไปตบเบา ๆ เพื่อเป็นการปลอบไปยังหลังมือของเขาที่ตอนนี้กำลังโอบรัดเอวของฉันของฉันอยู่“..............”ส่วนเขาเองแม้ว่าการตอบสนองโดยการที่โอบเอวฉันแน่นขึ้นจะเป็นการตอบรับว่าเขาได้ยินในสิ่งที่ฉันถาม แต่ทว่า...เขาก็ยังคงทำนิ่งเงียบไม่พูดอะไรและซุกหน้าอยู่แบบนั้นก่อนที่ฉันจะปล่อยตัวปล่อยใจปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจต่อไปอีกสักพั