ในห้องเช่าอี้จิ่นหลีวางหลิงอี้หรานบนเก้าอี้อย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็ไปอุ่นอาหารที่เย็นแล้ว ชินเหลียนอีมองอี้จิ่นหลีที่ยุ่งหัวหมุน และความคิดของเธอเปลี่ยนไป เธอเคยกังวลเรื่องการอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้าของอี้หราน แต่เห็นได้ชัดว่าเขาปฏิบัติต่อเธออย่างดี ถ้ามีคนคอยดูแลเพื่อนของเธอแบบนี้ซินเหลียนอีก็โล่งใจซินเหลียนอีกลับไปปล่อยให้อี้จิ่นหลีกับหลิงอี้หรานกินอาหารเย็นง่าย ๆ กันสองคน หลังอาหาร อี้หรานก็เสนอตัวจะล้างจาน แต่อี้จิ่นหลีพูดว่า “ฉันจัดการเอง พี่ไม่ต้องทำอะไรมากหรอก”สุดท้ายอี้หรานก็ทำได้เพียงนั่งมองเมื่ออี้จิ่นหลีทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วเขาก็ถามหลิงอี้หรานว่า "พี่ต้องไปห้องน้ำไหม?""ฮะ?" เธอมึนงงชั่วขณะแล้วใบหน้าของเธอก็แดงเถือก"ไปหรือไม่ไป?" เขาถามราวกับว่ามันเป็นคำถามที่ปกติมากสีหน้าของเธอดูอึดอัด แต่ในที่สุดเธอพึมพำตอบว่า "ใช่" ดังนั้นเขาจึงอุ้มพาเธอห้องน้ำแล้วถอยออกมา "เรียกฉันนะ ถ้าเสร็จเเล้ว" เขากล่าว"... โอเค" ใบหน้าของเธอแดงขึ้นเรื่อย ๆเธอไม่คิดว่าเขาสังเกตได้ว่าเธอไม่ได้เข้าห้องน้ำมานานแล้ว เมื่อหลิงอี้หรานออกจากห้องน้ำอี้จิ่นหลีก็อุ้มเธอไปที่เก้าอี้อีกครั้
"แต่ถ้าฉันถูกไล่ออกและไม่มีรายได้ ค่าเช่ารวมทั้งเงินค่าอาหารและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ... "“พี่ยังมีฉัน!” เขาร้อง “ฉันจะหาเงินมาดูแลเอง พี่จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้มาก”หลิงอี้หรานจ้องมองไปที่ชายตรงหน้าเธออย่างงุนงง แม้เธอจะรู้ว่าเขาทำงานแปลก ๆ ทุกวันและไม่สามารถหาเงินได้มาก แต่สิ่งที่เขาพูดตอนนี้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนชีวิตของเธอไม่เหงาและไร้หนทางอีกต่อไป เธอมีจิน"โทรสิ" เขานำโทรศัพท์มาให้เธอเธอเม้มริมฝีปากและโทรหาหัวหน้าแผนกที่ดูแลคนงานสุขาภิบาลที่ศูนย์บริการสุขาภิบาลเธอคิดว่าการขอลาพักเป็นระยะเวลานานคงยาก แต่น่าแปลกใจว่าเมื่อเธอขอลาพักหนึ่งสัปดาห์หัวหน้าก็รีบตอบตกลง แถมเขาบอกว่าถ้าสัปดาห์เดียวไม่พอ เธอขอสองสัปดาห์ก็ได้ นอกจากนี้เธอยังคงได้รับค่าจ้างขั้นต่ำไม่มีการหักแต่อย่างใดหลิงอี้หรานประหลาดใจ แม้หลังจากวางสายแล้วเธอก็ยังงุนงง"ทำไมรู้สึกเหมือนว่าหัวหน้าแผนกถึงอยากให้ฉันลางานยาว ๆ? ฉันไม่รู้ว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันเเน่"“ถึงไม่รู้ ก็ไม่ต้องกังวลหรอก เพราะการลายาวของพี่ก็ได้รับการอนุมัติแล้ว” อี้จิ่นหลีกล่าวในขณะที่กำลังล้างเท้าของเธอต่อไปนิ้วของ
คืนนั้นอี้จิ่นหลีตื่นขึ้นมาด้วยเสียงร้องอู้อี้ของหลิงอี้หราน เมื่อเขาเปิดไฟเขาก็รู้ว่าเธอกำลังนอนหลับอย่างกระสับกระส่ายและเธอกำลังพึมพำอะไรบางอย่างแต่เสียงของเธอเบาเกินกว่าที่เขาจะได้ยินสิ่งที่เธอพูดอย่างชัดเจน"พี่สาว!" เขาเรียกเธอ จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นแตะหน้าผากเธอ เขาพบว่าหน้าผากของเธอมีเหงื่อออกและอุณหภูมิร่างกายของเธอก็สูงขึ้นด้วยอี้จิ่นหลีรีบบิดผ้าขนหนูที่แช่ในน้ำอุ่นและเช็ดหน้าผากของหลิงอี้หรานตาของเธอยังคงหลับและเธอยังคงพึมพำอะไรบางอย่างไม่ว่าเขาจะเรียกเธออย่างไร เธอก็ไม่ลืมตาขึ้นเขาเม้มปากแน่นและความรู้สึกไม่สบายใจที่แผ่กระจายไปทั่วร่าง เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้เธอรู้สึกสบายตัวมากขึ้นนี่คงเป็นครั้งแรกที่เขากังวลเรื่องผู้หญิงแบบนี้เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาและกดหมายเลขเกาฉงหมิง เลขาของเขาในทันที ดังนั้นเลขาเกาจึงได้รับโทรศัพท์จากเจ้านายของเขาตอนตีสอง"รีบไปหาหมอแล้วพาเขามาที่ห้องเช่าเดี๋ยวนี้ อี้หรานกำลังมีไข้" ในน้ำเสียงของอี้จิ่นหลีแฝงความวิตกกังวล“ตอนนี้เหรอครับ?” เกาฉงหมิงถึงกับอึ้ง"ใช่ ตอนนี้" อี้จิ่นหลีสั่งแล้วเกาฉงหมิงจะพูดอะไรได้ เขารีบติดต่อหมอทันที จา
แต่เกาฉงหมิงรีบเตือนตัวเองว่าให้หยุดคิด เรื่องนี้ไม่ใช่อะไรที่เขาจะเดาไปเรื่อย เกาฉงหมิงปิดประตูห้องเช่าอย่างเบามือ ภายในห้องอี้จิ่นหลีจับจ้องผู้หญิงที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทราและเอายาในมือของเขาใส่ปากที่ค่อนข้างแห้งของเธอ “เป็นเด็กดี แล้วกินยานะ”แต่เธอเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาไม่สามารถแม้แต่จะเอาเม็ดยาเข้าไปในปากได้ริมฝีปากบางของอี้จิ่นหลีเม้มจนเป็นเส้นตรง จากนั้นเขาก็ใส่ยาพร้อมน้ำเข้าปากตัวเอง ก่อนก้มหน้าลงไปใกล้อี้หรานเขาแนบริมฝีปากของเขาเข้ากับริมฝีปากของเธอ ใช้ปลายลิ้นแทรกเปิดปากของเธอแล้วดันเม็ดยาเข้าไป ที่จริงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธีการอื่น แต่เขาก็ยังคงใช้เทคนิคนี้เพื่อป้อนยาให้เธอแม้ว่าเม็ดยาจะอยู่ในปากของเธอแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ละไปจากริมฝีปากของเธอมันเหมือนความรู้สึกโลภหรือการเสพติดประเภทหนึ่ง ยิ่งฉันผัสเธอมากเท่าไร เขาก็ยิ่งต้องการเธอมากขึ้น จน... ไม่อาจละไปได้“อี้หราน... ” เขาพึมพำเบา ๆ เรียกชื่อเธอจู่ ๆ เธอดูเหมือนจะรู้สึกบางอย่างได้และค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาที่พร่ามัวของเธอจ้องมองมาที่เขาเขาอึ้งไปเล็กน้อยและเพราะสาเหตุบางอย่างทำให้เขาร้อนรนขึ้นมาเธอ
เซียวจื่ออี้บ่นต่อไปนายท่านเซียวและคุณนายเซียวอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน4.8 ล้านบาทไม่ใช่เงินจำนวนมากสำหรับตระกูลเซียว แต่เป็นเงินก้อนใหญ่สำหรับคนธรรมดา"จื่อฉี ทำไมลูก... " คุณนายเซียวจ้องไปที่ลูกชายของเธออย่างแปลกใจ"แม่ควรถามจื่ออี้ว่าเธอทำอะไรลงไป” เซียวจื่อฉีตอบอย่างเกรี้ยวกราด "เธอบอกให้หลิงอี้หราน เลือกชุดจากร้านแล้วก็จะซื้อให้ หลิงอี้หรานเลือกชุดราคา 4.8 ล้านบาท ผมแค่ตามเช็ดก้นเธอเท่านั้น"“เพียงเพราะเธอเลือกชุด พี่ก็เลยต้องซื้อให้อย่างนั้นเหรอ?!” เซียวจื่ออี้ตอบโต้อย่างอวดดี “ถ้าพี่ยังมีความรู้สึกกับหลิงอี้หรานอยู่ทำไมไม่บอกล่ะ?”“ฉันกำลังช่วยชีวิตเธอนะ!” เซียวจื่อฉีรู้สึกคันไม้คันมืออยากจะตบน้องสาวอีกเซียวจื่ออี้ตอบอย่างไม่พอใจ "ก็แค่หลิงอี้หราน เธอจะทำอะไรฉันได้? สิ่งที่พี่พูดน่าหัวเราะมาก""ใช่แล้วจื่อฉี ลูกทำเกินไปแล้วนะที่ตบน้องสาวของลูกเพราะหลิงอี้หรานเนี่ย ผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวซวย ถ้าไม่ใช่เพราะเธอครอบครัวของเราคงไม่ต้องระวังตระกูลอี้ขนาดนี้ ต้องคอยมากลัวว่า จะทำให้เขาขุ่นเคือง?” คุณนายเซียวลุกขึ้นปกป้องลูกสาวของเธอ“แม่ มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิดนะครับ...
เซียวจื่อฉีต้องการไปขอโทษอี้จิ่นหลี แต่ไม่มีโอกาสได้พบเขาเลย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยืนอยู่หน้าทางเข้าชุมชนที่หลิงอี้หรานอาศัยอยู่ เมื่อเซียวจื่อฉีสังเกตเห็นรถเบนท์ลีย์คันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากที่พักและมีร่างหนึ่งกำลังออกจากรถเดินไปที่ทางเข้า เขาก็รีบลงจากรถเพื่อเข้าหาชายคนนั้น"ท่านประธานอี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพราะน้องสาวของผมโง่เขลา ได้โปรดเมตตาและปล่อยตระกูลเซียวไปเถอะนะครับ" เซียวจื่อฉีขอร้องด้วยท่าทีที่เจียมเนื้อเจียมตัว“ปล่อยให้ตระกูลเซียวไปอย่างนั้นเหรอ?” อี้จิ่นหลีแค่นเสียง"หากคุณมีเงื่อนไขใด ๆ โปรดระบุมาได้เลยครับ ผมจะยอมรับเเละทำทุกอย่างที่ผมสามารถทำได้"ดวงตาที่สวยงามและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของอี้จิ่นหลีจ้องมองชายตรงหน้าอย่างเย็นชา ทันใดนั้นเซียวจื่อฉีรู้สึกราวกับว่าเลือดในกายจับเป็นก้อนแข็ง สายตาของอี้จิ่นหลี ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังตกเป็นเป้าของสัตว์ดุร้ายและเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง"พูดถึงเรื่องนี้ ผมก็ติดค้างคุณ" อี้จิ่นหลีพูดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย“ติดค้าง?” เซียวจื่อฉีอึ้ง เขาไม่รู้ว่าชายคนนี้ติดค้างเขาตั้งแต่เมื่อไหร่"คราวนี้ผมจะปล่อ
คำขู่ของเซียวจื่ออี้โดนขัดจังหวะ ชายคนนั้นบอกว่า “คุณคือคุณเซียวไม่ผิดตัว ยอดไปเลย”จากนั้นเขาก็หันไปสั่งคนข้างหลังว่า "หักขาขวาของเธอซะ ในวิดีโอเธอยื่นขาขวาออกมา"อะไรนะ... หมายความว่าอย่างไร?!เซียวจื่ออี้หวาดกลัว คนเหล่านี้ไม่ได้มาที่นี่เพื่อแบล็กเมล์หรอกเหรอ?ครู่ต่อมาเสียงโหยหวนอย่างเจ็บปวดก็ดังขึ้นในห้องส่วนตัว……เช้าวันต่อมา หลิงอี้หรานตื่นขึ้นและไข้ของเธอก็ลดลง อี้จิ่นหลีพูดว่า "โชคดีที่ไข้ลดลงแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องพาพี่สาวไปโรงพยาบาลวันนี้”“เมื่อคืนฉัน... มีไข้เหรอ?” หลิงอี้หรานพึมพำ"ใช่ พี่มีไข้และพี่ก็ละเมอพูดอะไรหลายอย่าง" เขาตอบเธอแปลกใจและถามว่า "อะไร... ฉันพูดอะไรเหรอ?" เธอหวังว่าจะไม่ได้พูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป“พี่บอกว่าพี่จะเชื่อฟังมากขึ้น เป็นเด็กดีและขอให้ฉันอยู่กับพี่” เขาพูดดวงตาแฝงแววขี้เล่นใบหน้าของเธอแดงขึ้นในทันที"แต่ไม่ต้องกังวลแม้ว่าพี่จะไม่ใช่เด็กดี ฉันก็ยังอยู่กับพี่นะ" อี้จิ่นหลีตอบสบาย ๆใบหน้าของหลิงอี้หรานยังคงแดงก่ำ แต่เธอก็จ้องอี้จิ่นหลีด้วยความประหลาดใจ“มีอะไรเหรอ?” เขาถาม“ฉันรู้สึกว่านาย... เอ่อ แตกต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย น
"เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย? เธอมีความคิดแบบนั้นขึ้นมาได้ยังไงกัน?"“มันรู้สึกแปลก ๆ ที่ยืนอยู่ใกล้กันเกินไปน่ะ” หลิงอี้หรานอธิบาย"โอเค ได้" เขาพูดและเอามือออก เขาก้าวถอยหลังและจัดระเบียบสิ่งของบนโต๊ะเธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและลูบแก้มของตัวเองที่ร้อนฉ่า“เมื่อกี้ตอนที่เรายืนอยู่ใกล้ขนาดนั้น พี่อยากจูบฉันเหรอ?” จู่ ๆ เขาก็ถาม ทำให้เธอตกตะลึงดวงตาสีดำเหมือนอัลมอนด์ของเธอกะพริบและเธอรู้สึกว่าแก้มเธอยิ่งร้อนขึ้น"มันเป็นคำถามที่ยากจะตอบเหรอ?" เขาถามด้วยคิ้วโค้งเล็กน้อย“ฉัน... ฉัน คือว่า... ” เธอตะกุกตะกัก“ถ้าเป็นพี่สาว ฉันก็ยอมนะ” เขาขัดจังหวะเธอ "ฉันไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นจูบ แต่ถ้าเป็นพี่สาวก็คงไม่เป็นไร"แสงแดดส่องเข้ามาในบ้านผ่านหน้าต่างกระจกแคบ ๆ ส่องลงบนตัวเขา สีหน้าของเขาจริงจังมากราวกับว่าเขากำลังบอกว่าสิ่งที่เขาเพิ่งพูดนั้นไม่ได้ล้อเล่นอึดใจสั้น ๆ นั้น ประโยคที่ว่า “ฉันเห็นตัวเองเป็นพี่สาวนาย” กลับติดอยู่ในปากและเธอก็ไม่อาจพูดออกมา…ช่วงบ่ายหลิงอี้หรานไม่มีอะไรทำจึงกดโทรศัพท์ของเธอเล่นและพบข่าวเกี่ยวกับเซียวจื่ออี้ ข่าวระบุว่าเซียวจื่ออี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเมื่อคืน
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ