เซียวจื่อฉีต้องการไปขอโทษอี้จิ่นหลี แต่ไม่มีโอกาสได้พบเขาเลย ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงยืนอยู่หน้าทางเข้าชุมชนที่หลิงอี้หรานอาศัยอยู่ เมื่อเซียวจื่อฉีสังเกตเห็นรถเบนท์ลีย์คันหนึ่งจอดอยู่ไม่ไกลจากที่พักและมีร่างหนึ่งกำลังออกจากรถเดินไปที่ทางเข้า เขาก็รีบลงจากรถเพื่อเข้าหาชายคนนั้น"ท่านประธานอี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพราะน้องสาวของผมโง่เขลา ได้โปรดเมตตาและปล่อยตระกูลเซียวไปเถอะนะครับ" เซียวจื่อฉีขอร้องด้วยท่าทีที่เจียมเนื้อเจียมตัว“ปล่อยให้ตระกูลเซียวไปอย่างนั้นเหรอ?” อี้จิ่นหลีแค่นเสียง"หากคุณมีเงื่อนไขใด ๆ โปรดระบุมาได้เลยครับ ผมจะยอมรับเเละทำทุกอย่างที่ผมสามารถทำได้"ดวงตาที่สวยงามและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของอี้จิ่นหลีจ้องมองชายตรงหน้าอย่างเย็นชา ทันใดนั้นเซียวจื่อฉีรู้สึกราวกับว่าเลือดในกายจับเป็นก้อนแข็ง สายตาของอี้จิ่นหลี ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังตกเป็นเป้าของสัตว์ดุร้ายและเขาไม่กล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง"พูดถึงเรื่องนี้ ผมก็ติดค้างคุณ" อี้จิ่นหลีพูดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย“ติดค้าง?” เซียวจื่อฉีอึ้ง เขาไม่รู้ว่าชายคนนี้ติดค้างเขาตั้งแต่เมื่อไหร่"คราวนี้ผมจะปล่อ
คำขู่ของเซียวจื่ออี้โดนขัดจังหวะ ชายคนนั้นบอกว่า “คุณคือคุณเซียวไม่ผิดตัว ยอดไปเลย”จากนั้นเขาก็หันไปสั่งคนข้างหลังว่า "หักขาขวาของเธอซะ ในวิดีโอเธอยื่นขาขวาออกมา"อะไรนะ... หมายความว่าอย่างไร?!เซียวจื่ออี้หวาดกลัว คนเหล่านี้ไม่ได้มาที่นี่เพื่อแบล็กเมล์หรอกเหรอ?ครู่ต่อมาเสียงโหยหวนอย่างเจ็บปวดก็ดังขึ้นในห้องส่วนตัว……เช้าวันต่อมา หลิงอี้หรานตื่นขึ้นและไข้ของเธอก็ลดลง อี้จิ่นหลีพูดว่า "โชคดีที่ไข้ลดลงแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องพาพี่สาวไปโรงพยาบาลวันนี้”“เมื่อคืนฉัน... มีไข้เหรอ?” หลิงอี้หรานพึมพำ"ใช่ พี่มีไข้และพี่ก็ละเมอพูดอะไรหลายอย่าง" เขาตอบเธอแปลกใจและถามว่า "อะไร... ฉันพูดอะไรเหรอ?" เธอหวังว่าจะไม่ได้พูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป“พี่บอกว่าพี่จะเชื่อฟังมากขึ้น เป็นเด็กดีและขอให้ฉันอยู่กับพี่” เขาพูดดวงตาแฝงแววขี้เล่นใบหน้าของเธอแดงขึ้นในทันที"แต่ไม่ต้องกังวลแม้ว่าพี่จะไม่ใช่เด็กดี ฉันก็ยังอยู่กับพี่นะ" อี้จิ่นหลีตอบสบาย ๆใบหน้าของหลิงอี้หรานยังคงแดงก่ำ แต่เธอก็จ้องอี้จิ่นหลีด้วยความประหลาดใจ“มีอะไรเหรอ?” เขาถาม“ฉันรู้สึกว่านาย... เอ่อ แตกต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย น
"เธอคิดอะไรอยู่เนี่ย? เธอมีความคิดแบบนั้นขึ้นมาได้ยังไงกัน?"“มันรู้สึกแปลก ๆ ที่ยืนอยู่ใกล้กันเกินไปน่ะ” หลิงอี้หรานอธิบาย"โอเค ได้" เขาพูดและเอามือออก เขาก้าวถอยหลังและจัดระเบียบสิ่งของบนโต๊ะเธอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและลูบแก้มของตัวเองที่ร้อนฉ่า“เมื่อกี้ตอนที่เรายืนอยู่ใกล้ขนาดนั้น พี่อยากจูบฉันเหรอ?” จู่ ๆ เขาก็ถาม ทำให้เธอตกตะลึงดวงตาสีดำเหมือนอัลมอนด์ของเธอกะพริบและเธอรู้สึกว่าแก้มเธอยิ่งร้อนขึ้น"มันเป็นคำถามที่ยากจะตอบเหรอ?" เขาถามด้วยคิ้วโค้งเล็กน้อย“ฉัน... ฉัน คือว่า... ” เธอตะกุกตะกัก“ถ้าเป็นพี่สาว ฉันก็ยอมนะ” เขาขัดจังหวะเธอ "ฉันไม่อยากให้ผู้หญิงคนอื่นจูบ แต่ถ้าเป็นพี่สาวก็คงไม่เป็นไร"แสงแดดส่องเข้ามาในบ้านผ่านหน้าต่างกระจกแคบ ๆ ส่องลงบนตัวเขา สีหน้าของเขาจริงจังมากราวกับว่าเขากำลังบอกว่าสิ่งที่เขาเพิ่งพูดนั้นไม่ได้ล้อเล่นอึดใจสั้น ๆ นั้น ประโยคที่ว่า “ฉันเห็นตัวเองเป็นพี่สาวนาย” กลับติดอยู่ในปากและเธอก็ไม่อาจพูดออกมา…ช่วงบ่ายหลิงอี้หรานไม่มีอะไรทำจึงกดโทรศัพท์ของเธอเล่นและพบข่าวเกี่ยวกับเซียวจื่ออี้ ข่าวระบุว่าเซียวจื่ออี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเมื่อคืน
เธอกัดริมฝีปากเบา ๆ "การพึ่งพาคนอื่นไม่ดีเท่ากับการพึ่งพาตัวเอง มีแค่การพึ่งพาตัวเองที่จะไม่ทำให้ผิดหวัง"ยิ่งคาดหวังสูง ก็ยิ่งผิดหวัง“แต่ฉันอยากดูแลของพี่จริง ๆ แล้วจะทำอย่างไร?” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองเธอนิ่ง"ถ้าเป็นจิน... " เธอยิ้มและพูดต่อ "อย่างนั้นก็ได้ ฉันจะรอจินมาเป็นคนดูแลของฉัน"“ทำไมพี่สาวถึงยอม?” เขาถาม"เพราะจินไม่มีวันทำให้ฉันผิดหวัง เพราะ... " เธอหยุดและพูดต่อ "ไม่ว่าอย่างไรนายก็ไม่มีวันทอดทิ้งฉันใช่ไหม?"เขาตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ "ถูกต้องแล้ว ฉันจะไม่มีวันทอดทิ้งพี่สาว"…ตอนกลางคืน เมื่ออี้จิ่นหลีเห็นว่าหลิงอี้หรานหลับสนิทเขาจึงก้าวออกจากห้องเช่า เขาเดินไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องเช่าของหลิงอี้หราน แต่ที่นี่ไม่เหมือนห้องเช่าที่คับแคบของหลิงอี้หราน ห้องกว้างสว่างสำวและใหญ่กว่ามาก การตกแต่งก็ทำได้ค่อนข้างประณีตเช่นกันคืนนี้เกาฉงหมิงกำลังรออี้จิ่นหลีอยู่ในห้อง เขานั้นมาเพื่อรายงานเรื่องเกี่ยวกับงานประจำวันที่บริษัท เพราะว่าช่วงนี้เจ้านายของเขามัววุ่นดูแลหลิงอี้หรานเกาฉงหมิงไม่เคยคิดว่านายน้อยของเขาที่มักจะดูถูกทุกคน จะไม่เพียงแค่มาดูแลคนอื่นแต
อี้จิ่นหลีวางสายและพูดกับเกาฉงหมิงว่า "นายจัดการเรื่องการประชุมที่เหลือของวันนี้ และส่งบันทึกการประชุมให้ฉันในวันพรุ่งนี้ด้วย""แล้วคุณล่ะครับ นายน้อยอี้?"“อี้หรานตื่นขึ้นมากะทันหันและถามว่าฉันหายไปไหน ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้" อี้จิ่นหลีตอบ "ทิศทางของการประชุมกำหนดไว้แล้ว ที่เหลือเป็นเพียงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น"พอพูดจบเขาก็เดินออกจากห้องไป ผู้บริหารระดับสูงสาขาต่างประเทศหลายคนที่นั่งอยู่ที่นั่นเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นทันทีที่พวกเขาเห็นเจ้านายของพวกเขาจากไปเกาฉงหมิงเปิดเสียงไมค์จากด้านเขา และต้องเผชิญกับการโจมตีของคำถาม“เลขาเกาเกิดอะไรขึ้น?”“ท่านประธานอี้ออกไปทำไม”“เมื่อกี้ใครโทรหาเขาเหรอ?”“โอ้ สีหน้าของประธานอี้ตอนคุยโทรศัพท์เมื่อกี้นี้ ผมว่าเขาต้องมีความรักแน่"พวกนวนิยายรักของต่างชาติมักจะเขียนเรื่องแบบนี้เสมอเกาฉงหมิงทำได้เพียงยิ้มกระอักกระอ่วนแล้วบอกว่า "เอาล่ะ มาประชุมกันต่อเถอะครับ" ความรักงั้นเหรอ? นายน้อยอี้กำลังมีความรักจริง ๆ เหรอ? ตอนนั้นเกาฉงหมิงรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา แต่หากว่านายน้อยอี้ตกหลุมรักหลิงอี้หรานในอนาคต ข่าวนี้อาจทำให้คนทั้งเมือ
เหมือนกับว่าดวงตาของเขาไร้ความรู้สึก แต่เกาฉงหมิงเคยเห็นดวงตาคู่นี้มาก่อน แต่ตอนอี้ จิ่นหลีคุยกับหลิงอี้หรานทางโทรศัพท์ดวงตาของเขาฉายแววอ่อนโยน ตอนนี้เขาตระหนักได้ว่าสายตาของนายน้อยของเขาไม่ได้เย็นชากับทุกคนและมีข้อยกเว้น“นายน้อยอี้ รถรออยู่ข้างนอกแล้วครับ" เกาฉงหมิงกล่าว“ไปกันเถอะ” อี้จิ่นหลีกล่าวอย่างเรียบเฉย เดิมทีเขาไม่ได้มีอารมณ์ที่จะไปงานเลี้ยงหมั้นของตระกูลเซียวและห่าวอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับต่างไปเล็กน้อยเซียวจื่อฉีชายที่เคยคบหากับหลิงอี้หรานและไม่ได้อยู่ในหัวใจของเธออีกต่อไปแล้ว แม้ว่าสองคนนี้อยากจะกลับมาอยู่ด้วยกันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้แต่... สิ่งที่เขาต้องการความมั่นใจ เขาไม่ต้องการให้เธอกับเซียวจื่อฉีมีโอกาสจะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน และคืนนี้ก็จะเป็นการตัดความเป็นไปได้ทั้งหมด น่าตื่นเต้นนักในห้องเช่าอี้หรานทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว เธอไม่มีอะไรทำจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดดูเว็บวันนี้บนอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นข่าวหรือการค้นหาที่กำลังมาแรงทุกคนต่างพูดถึงงานหมั้นระหว่างตระกูลเซียวและห่าวคืนนี้ แม้ว่าจะเป็นแค่งานหมั้นแต่ทุกคนก็รู้ดีว่าครอบครัวที่ร่ำรวยและมีอำนาจการหมั้นนั้นก็
ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก เพื่อที่จะได้รับคำชมจากพ่อของเธอและทำให้แม่เลี้ยงของเธอไม่เกลียดเธอ เธอจึงพยายามอย่างหนักเพื่อเอาใจทุกคน แม้ว่าเธอจะได้รับรางวัลเกียรตินิยมมากมาย แต่เธอก็ใช้ชีวิตอย่างเหน็ดเหนื่อยเซียวจื่อฉีสอนให้เธอรู้ว่าการพึ่งพาคนอื่นเป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้แต่... จินเคยบอกว่า เขาต้องการเป็นกำลังให้เธอ เมื่อเธอนึกถึงจินรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิงอี้หราน บางทีสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับเธอหลังจากที่เธอได้รับการปล่อยตัวจากคุกก็คือ การได้พบกับจินขณะที่เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เธอก็เลื่อนดูหน้าเว็บไปเรื่อย ๆ จู่ ๆ ก็มีผู้ใช้รายหนึ่งโพสต์ว่าเห็นอี้จิ่นหลีที่หน้าโรงแรมซึ่งจัดพิธีหมั้น แต่อี้จิ่นหลีถูกล้อมรอบไปด้วยบอดี้การ์ดทำให้ไม่มีใครถ่ายรูปเขาได้ แม้แต่ผู้สื่อข่าวก็ไม่สามารถถ่ายภาพได้ หากว่ามีใครที่ถ่ายไปได้ก็จะโดนสั่งให้ลบทั้งหมดแม้ว่าการกระทำของอี้จิ่นหลีดูใช้อำนาจเกินไป แต่เขาก็มีความสามารถที่จะทำแบบนี้ได้ผู้ที่โพสต์สิ่งนี้กล่าวว่า เขาได้เสี่ยงชีวิตถ่าบภาพด้านหลังของอี้จิ่นหลีมาได้ เป็นที่รู้กันว่าอี้จิ่นหลี ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวมาโดยตลอดและแม้ว่
"ดูท่าเขาแพ้หมดตัวแน่" กู้ลี่เฉินกล่าว เขาเหลือบมองไปเห็นร่างที่กำลังมองไปรอบ ๆ ในห้องจัดเลี้ยง "เธออยู่ที่นี่ นายอยากให้ฉันแนะนำให้รู้จักไหม?"อี้จิ่นหลีมองไปตามสายตาของกู้ลี่เฉินและทันใดนั้นมุมปากของเขาก็ยกยิ้ม “หลิงลั่วอินเหรอ?”“นายรู้จักเธอเหรอ?” กู้ลี่เฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะหลิงลั่วอินและอี้จิ่นหลีดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน“ประมาณหนึ่ง" อี้จิ่นหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความหมาย "ถ้านายสนใจแฟนใหม่ของนายคนนี้ก็อย่าปล่อยให้เธอมาสร้างปัญหาอะไร ไม่งั้นแม้แต่นายก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้"“เธอเคยทำให้นายขุ่นเคืองเหรอ?” กู้ลี่เฉินเลิกคิ้วมองอี้จิ่นหลี“นายคิดว่าถ้าเธอทำให้ฉันมีปัญหา ตอนนี้ฉันจะยอมอยู่เฉยๆ เหรอ? " อี้จิ่นหลีตอบ "แต่ในอนาคตเราจะต้องมาดูว่าเธอฉลาดพอหรือไม่"หลังจากนั้นอี้จิ่นหลีก็เดินจากไป ตอนนั้นเองหลิงลั่วอินก็เห็นกู้ลี่เฉินจึงรีบเดินเข้ามาหา“ลี่เฉินคะ!” เธอเรียกชื่อเขาเมื่อเธอเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงครั้งแรก เธอเห็นคนดังมากมาย รวมถึงดาราแถวหน้าที่เธอเคยเห็นแค่ในทีวี สำหรับนักแสดงตัวเล็ก ๆ ระดับสามอย่างเธอนี่คือสิ่งที่เธอแทบไม่เคยฝันถึงมาก่อน เธอรู้ว่
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ