ตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก เพื่อที่จะได้รับคำชมจากพ่อของเธอและทำให้แม่เลี้ยงของเธอไม่เกลียดเธอ เธอจึงพยายามอย่างหนักเพื่อเอาใจทุกคน แม้ว่าเธอจะได้รับรางวัลเกียรตินิยมมากมาย แต่เธอก็ใช้ชีวิตอย่างเหน็ดเหนื่อยเซียวจื่อฉีสอนให้เธอรู้ว่าการพึ่งพาคนอื่นเป็นเรื่องที่เชื่อถือไม่ได้แต่... จินเคยบอกว่า เขาต้องการเป็นกำลังให้เธอ เมื่อเธอนึกถึงจินรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิงอี้หราน บางทีสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับเธอหลังจากที่เธอได้รับการปล่อยตัวจากคุกก็คือ การได้พบกับจินขณะที่เธอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เธอก็เลื่อนดูหน้าเว็บไปเรื่อย ๆ จู่ ๆ ก็มีผู้ใช้รายหนึ่งโพสต์ว่าเห็นอี้จิ่นหลีที่หน้าโรงแรมซึ่งจัดพิธีหมั้น แต่อี้จิ่นหลีถูกล้อมรอบไปด้วยบอดี้การ์ดทำให้ไม่มีใครถ่ายรูปเขาได้ แม้แต่ผู้สื่อข่าวก็ไม่สามารถถ่ายภาพได้ หากว่ามีใครที่ถ่ายไปได้ก็จะโดนสั่งให้ลบทั้งหมดแม้ว่าการกระทำของอี้จิ่นหลีดูใช้อำนาจเกินไป แต่เขาก็มีความสามารถที่จะทำแบบนี้ได้ผู้ที่โพสต์สิ่งนี้กล่าวว่า เขาได้เสี่ยงชีวิตถ่าบภาพด้านหลังของอี้จิ่นหลีมาได้ เป็นที่รู้กันว่าอี้จิ่นหลี ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวมาโดยตลอดและแม้ว่
"ดูท่าเขาแพ้หมดตัวแน่" กู้ลี่เฉินกล่าว เขาเหลือบมองไปเห็นร่างที่กำลังมองไปรอบ ๆ ในห้องจัดเลี้ยง "เธออยู่ที่นี่ นายอยากให้ฉันแนะนำให้รู้จักไหม?"อี้จิ่นหลีมองไปตามสายตาของกู้ลี่เฉินและทันใดนั้นมุมปากของเขาก็ยกยิ้ม “หลิงลั่วอินเหรอ?”“นายรู้จักเธอเหรอ?” กู้ลี่เฉินรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะหลิงลั่วอินและอี้จิ่นหลีดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน“ประมาณหนึ่ง" อี้จิ่นหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงแฝงความหมาย "ถ้านายสนใจแฟนใหม่ของนายคนนี้ก็อย่าปล่อยให้เธอมาสร้างปัญหาอะไร ไม่งั้นแม้แต่นายก็ไม่สามารถปกป้องเธอได้"“เธอเคยทำให้นายขุ่นเคืองเหรอ?” กู้ลี่เฉินเลิกคิ้วมองอี้จิ่นหลี“นายคิดว่าถ้าเธอทำให้ฉันมีปัญหา ตอนนี้ฉันจะยอมอยู่เฉยๆ เหรอ? " อี้จิ่นหลีตอบ "แต่ในอนาคตเราจะต้องมาดูว่าเธอฉลาดพอหรือไม่"หลังจากนั้นอี้จิ่นหลีก็เดินจากไป ตอนนั้นเองหลิงลั่วอินก็เห็นกู้ลี่เฉินจึงรีบเดินเข้ามาหา“ลี่เฉินคะ!” เธอเรียกชื่อเขาเมื่อเธอเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงครั้งแรก เธอเห็นคนดังมากมาย รวมถึงดาราแถวหน้าที่เธอเคยเห็นแค่ในทีวี สำหรับนักแสดงตัวเล็ก ๆ ระดับสามอย่างเธอนี่คือสิ่งที่เธอแทบไม่เคยฝันถึงมาก่อน เธอรู้ว่
ปากของเธอสวยอย่างนั้นเหรอ? หลิงลั่วอินรู้สึกสับสนเล็กน้อย เพราะส่วนประกอบบนใบหน้านั้น ปากมักไม่ใช่ส่วนที่คนจะให้ความสนใจนัก ตราบใดที่มันไม่ได้ผิดปกติ ปากของแต่ละคนก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไรดังนั้นหลิงลั่วอินจึงไม่คิดมาก่อนว่ากู้ลี่เฉินจะหลงใหลในริมฝีปากของเธอ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร นี่ถือเป็นโชคดีของเธอเธอต้องเกาะโอกาสที่กู้ลี่เฉินให้เอาไว้และกลายเป็นนักแสดงหญิงยอดนิยม บางทีอาจจะได้แต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยและมีชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิม!ในตอนนี้ หลิงลั่วอินเหมือนจะมองเห็นชีวิตที่สดใสในอนาคต แต่เธอไม่ได้สังเกตว่าแม้ว่าคนตรงหน้าเธอจะยิ้มบาง ๆ แต่รอยยิ้มนั้นไม่ไปถึงดวงตา“ว่าแต่ว่า คุณรู้จักกับอี้จิ่นหลีไหม?" ทันใดนั้นกู้ลี่เฉินก็ถามขึ้นหลิงลั่วอินส่ายหัวเธอจะมีโอกาสรู้จักกับคนอย่างอี้จิ่นหลีได้อย่างไร?กู้ลี่เฉินเม้มริมฝีปากบางของเขาและกล่าวว่า "ในอนาคตพยายามอย่าทำให้ตัวเองมีปัญหา ถ้าคุณทำให้เขาไม่พอใจ แม้แต่ผมก็ไม่สามารถปกป้องคุณได้"แน่นอนว่าคำถามที่สำคัญกว่าคือเขาต้องการที่จะปกป้องเธอไหม มันไม่คุ้มค่าที่จะต้องมาขัดแย้งกับอี้จิ่นหลีเพราะคนที่เป็นเพียงแค่ตัวแทน ดวงตาเหยี่ยวของกู้ลี่เ
เซียวจื่อฉีตัวลอยจากไปอย่างโหวงเหวง เมื่อพิธีหมั้นเริ่มขึ้น อี้จิ่นหลีเฝ้าดูการแลกแหวนหมั้นกันบนเวทีและฟังคำสาบานรักระหว่างเซียวจื่อฉีและห่าวอี้เหมิง รอยยิ้มเปล่งประกายไปทั่วใบหน้าของเขาวันพรุ่งนี้เมื่อรูปถ่ายงานหมั้นของเซียวจื่อฉีและห่าวอี้เหมิงออกมา ก็เป็นไปไม่ได้ที่อี้หรานและเซียวจื่อฉีจะกลับมาคบกันอีกแน่นอนหลังจากพิธีหมั้นสิ้นสุดลง ห้องโถงก็เต็มไปด้วยผู้คนที่มาแสดงความยินดี แต่อี้จิ่นหลีออกจากงานและเดินออกไปด้านนอก รถเบนท์ลีย์สีเงินจอดอยู่นอกโรงแรม เกาฉงหมิงเปิดประตูอย่างนอบน้อมและอี้จิ่นหลีก็ขึ้นรถไป“นายน้อยอี้ คุณจะกลับไปที่ห้องเช่าเลยไหมครับ?” เกาฉงหมิงถาม“ใช่" อี้จิ่นหลีเอนหลังพิงเบาะและตอบ จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ หลับตาลงวันนี้ตัวเลือกของกู้ลี่เฉินทำให้เขาประหลาดใจ เขาไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่กู้ลี่เฉินสนใจคนล่าสุดจะเป็นหลิงลั่วอิน น้องสาวต่างแม่ของอี้หราน ในความคิดของเขาผู้หญิงคนนั้นไม่มีอะไรพิเศษเลย เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมลี่เฉินถึงชอบเธอแต่นี่ก็เป็นเรื่องของคนอื่น เขาไม่คิดจะเข้าไปยุ่งตราบใดที่หลิงลั่วอินไม่สร้างปัญหาให้อี้หรานในอนาคต หากว่าเธอทำ เขาก็จะทำให้หลิงลั่วอิ
"ฉันชอบนะ" อี้จิ่นหลียิ้มเล็กน้อยและวางป้ายในมือของเขาลง “พี่สาว ต่อไปฉันจะซื้อเสื้อกันหนาวให้พี่สักพันตัวหรือหมื่นตัว พี่จะได้ใส่เท่าที่พี่ต้องการเลยดีไหม?”“เป็นพันเป็นหมื่นเลยเหรอ? ฉันจะใส่หมดได้อย่างไร?” หลิงอี้หรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “อ้อ ให้ฉันวัดขนาดมือของนายหน่อยนะ"ขณะที่พูดเธอหยิบสายวัดและดึงมือเขามาวัดขนาดเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะรู้สึกได้ว่ามือของเธอเย็นมากเมื่อสัมผัสโดน “หยุดถักเถอะ มือของพี่เย็นมากนะ” เขากล่าว"ไม่เป็นไรหรอกน่า นี่ อย่าขยับมือสิ ไม่อย่างนั้นจะวัดได้ไม่ดีนะ” เธอบ่นก่อนจะจับมือเขาอีกครั้งและจับนิ้วเขาที่เธอต้องการวัดไว้ "ไม่เป็นไรหรอก มือฉันไม่ได้เย็นขนาดนั้น ตอนนี้เราอยู่ในบ้านมันก็เลยไม่หนาวขนาดนั้น เวลาอยู่ข้างนอกตอนที่ฉันกวาดถนนตอนเช้าหรือกลางคืนจะหนาวกว่านี้มาก แม้ว่าฉันจะสวมถุงมือ มือก็เย็นมากจนแทบไม่รู้สึกเลย”ดวงตาของอี้จิ่นหลีดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยหมอกบาง ๆ ซึ่งปกคลุมความรู้สึกผิดไว้ อันที่จริงเขาสามารถทำให้เธอพ้นจากชีวิตแบบนี้ได้อย่างง่ายดายและไม่ต้องให้เธอทำงานหนักอีกต่อไป"เสร็จแล้วล่ะ" หลังจากวัดมือของเขาเสร็จแล้วเธอก็ก้มหน้าลงและเริ
เมื่อเธอพูด เธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าร่างกายของเขาเกร็งขึ้นชั่วขณะ“พี่อยากเจออี้จิ่นหลีไหม?” เขาถาม“ฉันไม่ได้สนเขาหรอก ฉันกับเขาอยู่คนละโลกอย่างสิ้นเชิง” เธอกล่าวว่า "แต่แผ่นหลังของเขาในชุดสูทนั้นคล้ายกับหลังของนายอยู่นะ ฉันคิดว่าถ้านายใส่สูท นายจะดูดีมากแน่ ๆ"เขาเม้มปากไม่พูดอะไรสักคำเธอกล่าวเสริมว่า "มาประหยัดเงินกันเถอะ ฉันจะซื้อสูทให้นายในฤดูใบไม้ผลิ แบบนั้นนายสามารถใส่สูททางการสำหรับการสัมภาษณ์งานได้ หากว่านายมีไว้สักตัว"“ถ้าวันหนึ่งพี่ได้พบกับอี้จิ่นหลี พี่จะบอกอะไรกับเขา?” เขาถามอย่างกะทันหันหลิงอี้หรานเงียบไป หลังจากนั้นพักใหญ่เธอก็หัวเราะหยันตัวเอง "ฉันคงจะขอร้องให้เขาปล่อยฉันไป"เขาแปลกใจเล็กน้อย "แค่นั้น?"“ใช่สิ" เธอตอบ“พี่ไม่อยากบอกเขาเหรอว่าปีนั้นพี่ถูกใส่ความ?” พี่ไม่ต้องการให้เขาช่วยแก้ชื่อเสียงให้พี่เหรอ?”"ไร้ประโยชน์น่ะสิ ย้อนกลับไปตอนนั้นเหลียนอีวิ่งไปที่บริษัทเขา ขอร้องจะพบเขา แต่เขาปฏิเสธ ขนาดตอนที่ฉันอยู่ในคุก ฉันเขียนจดหมายเพื่อขอความเมตตาจากเขา บอกเขาว่าการตายของคู่หมั้นของเขาไม่เกี่ยวข้องกับฉัน ฉันขอร้องให้เขาหยุดไม่ให้คนอื่นทำร้ายฉันแต่มันก
หลิงอี้หรานไม่รู้ว่าเธอต้องอธิบายกับหญิงชราไปกี่ครั้งว่าจินไม่ใช่แฟนของเธอ แต่เป็นน้องชายของเธอต่างหาก แต่หญิงชรายังคงยืนกรานว่าเขาเป็นแฟนของเธอเมื่อได้รู้ว่าพวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันและเขาเป็นเพียงน้องบุญธรรมของเธอเท่านั้น"อาจจะยังไม่ใช่ตอนนี้แต่ในอนาคตก็เป็นได้นะ น้องชายและพี่สาวอะไรกัน? มันเป็นเพียงแค่คำพูดเท่านั้นแหล่ะจ้า" หญิงชรากล่าวด้วยรอยยิ้มหลิงอี้หรานก็ขี้เกียจที่จะอธิบายเพิ่มเติม ส่วนจินเมื่อหญิงชราเรียกเขาว่าแฟน เขาจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มและทำท่ารับรู้อี้จิ่นหลีวางหลิงอี้หรานลงบนม้านั่งหินในสวนสาธารณะเล็ก ๆ แล้วพูดว่า "วันนี้อากาศหนาวกว่าเมื่อวาน ผมจะไปเอาเสื้อผ้าให้พี่เพิ่ม" "อืม" เธอเห็นด้วยเมื่อเขากลับมาพร้อมกับเสื้อผ้า เขาเห็นว่าคุณย่าคุณยายในชุมชนดูเหมือนจะมารายล้อมหลิงอี้หรานและพูดคุยกับเธอ อี้หรานหน้าแดงก่ำและโบกมือซ้ำ ๆ ฝีเท้าของอี้จิ่นหลีช้าลง เขารู้สึกเพียงว่าแก้มแดงก่ำของเธอน่ารักมากและมันทำให้เธอดูเหมือนลูกแมวที่ใสซื่อ ที่ใครก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งเธอเมื่อเหล่าคุณยายเห็นเขา พวกเธอก็จากไปพร้อมหัวเราะ ก่อนจากไปยังขยิบตาให้หลิงอี้หราน ซึ่งทำใ
”พี่จะไปหรือเปล่า?" อี้จิ่นหลีถามหลิงอี้หรานพยักหน้า “ไปสิ แต่นาย... ” เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “นายอยากไปกับฉันไหม?"เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดว่า "ฉันต้องทำงานล่วงเวลาในวันส่งท้ายปีเก่า เจ้านายของผมบอกว่าฉันจะได้รับค่าจ้างเป็นสามเท่า พี่ให้ที่อยู่ไว้ดีไหม? ฉันจะไปหาในวันถัดไป"“อย่างนั้นก็ได้” หลิงอี้หรานกล่าว จากนั้นเธอก็กัดริมฝีปากและพูดอย่างลังเลว่า "แต่เมื่อนายไปพบฉันที่นั่น ญาติของฉันบางคนอาจจะทำให้นายลำบากใจ อย่าถือสาเลยนะ"อี้จิ่นหลียิ้มให้เธอ "ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่สนใจหรอก"ในตอนนี้เธอเป็นคนเดียวที่เขาห่วงใยยิ่งใกล้ถึงวันเทศกาลผู้คนบนท้องถนนก็น้อยลง หลายคนเดินทางกลับภูมิลำเนาแล้วบ้านเกิดของแม่ของเธอเป็นเมืองเล็ก ๆ ในเขตชานเมืองของเมืองเฉิน อยู่ไม่ไกลและใช้เวลาเดินทางโดยรถประจำทางประมาณชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เธอจึงซื้อตั๋วรถได้ไม่ยากในขณะที่หลิงอี้หรานจองตั๋วอยู่เธอถามอี้จิ่นหลี "จิน นายมีบัตรประชาชนอยู่กับตัวไหม? ฉันจะจองตั๋วให้นายเอง"พอพูดเรื่องนี้เธอก็นึกได้ว่า เธอไม่เคยเห็นบัตรประชาชนของเขา“ฉันจองตั๋วไว้แล้ว" อี้จิ่นหลีกล่าวหลิงอี้หรานไม่ได้พ
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ