สีหน้าของหลิงลั่วอินแข็งค้างทันที ตอนนี้จะโกรธก็ยากเธอทำได้เพียงปั้นหน้ายิ้มจากนั้นก็หยิบกระเป๋าเงินออกมาแล้วถามหลิงอี้หราน “ราคาเท่าไหร่?”“1,060 บาท” หลิงอี้หรานตอบตรงไปตรงมาหลิงลั่วอินหยิบเงินออกมา 2,000 แสร้งทำเป็นใจกว้าง “พี่สาว ไม่ต้องหาเงินพิเศษอะไรแล้ว ฉันจะให้พี่เอง”หลิงอี้หรานแค่นเสียงหยันและคว้าเงินมา “เธอไม่ได้ให้ฉัน แต่ฉันต่างหากที่ใจกว้างรับเงินปลอบขวัญจากเธอ ไม่อย่างงั้นหากฉันแจ้งความเธอเรื่องการทำร้ายร่างกายโดยเจตนา ถึงตอนนั้นเธอต้องจ่ายค่าชดเชยเท่าไหร่?”หลิงลั่วอินเก็บกดอารมณ์จนหน้าแดงก่ำ โชคดีที่เธอมีหน้ากากปิดบังหน้าเอาไว้เลยไม่มีใครเห็นเธอเกือบลืมไปแล้วว่าหลิงอี้หรานเคยเป็นทนายมาก่อน“ฉันจะตั้งใจทำร้ายพี่ได้ยังไงกัน?” หลิงลั่วอินแสร้งยิ้ม “วันนั้นมันก็เป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้นเอง”“หลิงลั่วอิน นี่เธอต้องมาทำเป็นเสแสร้งต่อหน้าฉันด้วยเหรอ?” หลิงอี้หรานมองอีกฝ่ายแปลก ๆ “ทั้งเธอและฉันต่างก็รู้ดีว่าเธอเป็นคนยังไง แล้วตรงนี้ก็ไม่มีคนอื่นอยู่ น้องสาวทำอะไรประมาท หรือทำอะไรแบบนี้ในสายตาฉัน เธอก็ดูเหมือนตัวตลกแค่นั้นแหละ”หลิงลั่วอิงเกือบลมหายใจสะดุด สีหน้าเธอมืด
แต่มันก็เป็นการสร้างภาพลวงให้เหล่าสาว ๆ ว่าพวกเธอได้รับการดูแลเอาใจใส่หลิงลั่วอินถอดแว่นกันแดดออกทันทีและจ้องหลิงอี้หรานเขม็ง ดวงตาของเธอลุกโชน “หลิงอี้หราน กู้ลี่เฉินเป็นของฉัน”“ถ้างั้นเธอก็ไปพูดต่อหน้ากู้ลี่เฉินสิ ไม่ใช่มาพูดต่อหน้าฉัน” หลิงอี้หรานตอบเย็นชา“เธอ…” หลิงลั่วอินแค่นเสียง ก่อนจะหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็วในเมื่อไม่ได้อะไรเพิ่ม เธอก็ไม่รู้จะเสียเวลาไปทำไม แต่.. เธออยากให้หลิงอี้หรานชดใช้กับสิ่งที่พูดไปวันนี้ที่ว่า “เธอจะเป็นแฟนกู้ลี่เฉินไปนานแค่ไหน” นั้นหมายความว่าอย่างไรกัน? เธอจะเป็นแฟนคนสุดท้ายของกู้ลี่เฉินเท่านั้นไม่ว่าอย่างไร เธอจะไม่มียอมปล่อยมือจากแรงสนับสนุนสุดแกร่งนี่ให้ใครแน่……คืนนั้น หลิงอี้หรานได้รับข้อความทางไลน์มาจากผู้จัดการการแสดงฉากกลุ่มที่ผ่านมา ถามเธอว่าจะให้เวลาวันหยุดของเธออาทิตย์นี้กับพวกทีมงานได้หรือไม่“ผู้กำกับบอกว่า มันมีหลายซีนของคุณรอบก่อนที่ถ่ายออกมาได้ดีมาก แต่เมื่อครั้งก่อนไม่ได้ถ่ายฉากกลุ่มเอาไว้ แล้วจะถ่ายกันวันมะรืน ฉากกลุ่มนี้จะเหมือนกับครั้งก่อนไม่งั้นคนที่ถ่ายฉากก่อนกับหลังจะสับสน” เหล่ากัวที่เป็นผู้จัดการกองทิ้งข้อควา
ใบหน้าหญิงสาวยิ่งแดงก่ำ เธอพยายามหันหน้าหลบนิ้วมือของร่างสูง แต่นิ้วของเขาเหมือนจะตามติดเธอไปทุกที่จนเธอหลบไม่พ้น“อี้จิ่นหลี หยุดแกล้งฉันสักที” เธอพูดเสียงหอบ ภายใต้แสงไฟ ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอดูไม่จริงจังหม่นหมองอย่างปกติ แต่มันดูลุกวาวเพราะโทสะเขามองตาเธอด้วยความดื่นตา มีดวงตามากมายที่งดงามกว่าของเธอแต่ดวงตาของเธอเป็นคู่เดียวที่สามารถทำให้เขารู้สึกหลงใหลได้เช่นนี้มันเหมือนกับว่า การมองตาของเธอทำให้เขาอยากรวบรวมดวงตาทั้งหมดมาไว้ในดวงตาของเธอ และไม่อยากให้เธอใช้สายตาแบบนี้มองชายอื่น“ถ้าฉันไม่ได้แกล้งล่ะ? ถ้าที่ฉันบอกว่าหากเธอต้องการเงิน ฉันจะให้เงินเธอ? จากนั้นเธอก็ต้องยอมรับการทรมานจากฉันล่ะ?”ริมฝีปากของเธอสัมผัสได้ถึงความเย็นเล็กน้อยจากปลายนิ้วของชายหนุ่ม ดูเหมือนว่ามันจะพาความอบอุ่นของเธอออกไป“ฉันจะหาเงินจากการลงทุนลงแรงของตัวเองเท่านั้น” เธอพูด แต่หัวใจของเธอกลับเต้นรัวอย่างคุมไม่ได้ที่เขาพูดนั้นก็แค่เรื่องล้อเล่น ถึงแม้ว่าเขาจะให้เงินเธอจริง ๆ แต่เขาจะเรียกร้องค่าตอบแทนจากเธอเท่าไหร่กัน?หลิงอี้หรานคิดเช่นนั้น ดวงตาอัลมอนด์ของเธอจ้องตรงไปที่ใบหน้าหล่อเหลาซึ่งอยู่ห่า
”นี่ เสี่ยวเข่ออย่าพูดแบบนั้นสิ” มีคนเอ่ยขึ้น“ฉันพูดเรื่องจริงนี่นา” จ้าวเข่อเข่อแค่นเสียงเย็น“แต่ที่เธอลงจากรถบีเอ็มดับบลิวมาเมื่อกี้ก็จริงนี่” อีกคนหนึ่งกล่าว“บางทีอาจจะมีคนมีอำนาจที่ไหนหนุนหลังเธออยู่แล้วส่งเธอมาที่นี่ก็ได้ บางคนก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร จักแต่รู้ว่าจะดึงดูดความสนใจแล้วไต่เต้าหาพวกคนใหญ่คนโตยังไง” จ้าวเข่อเข่อพูดเสียดสีเมื่อคิดถึงการแสดงฉากกลุ่มคราวก่อน เธอคิดว่าหลิงอี้หรานโชคร้ายเพราะว่าดารานำหญิงตัวรองในฉากนั้นไม่ชอบก็เลยลงโทษเธอ ใครจะรู้ว่าจะมีเจ้าชายมาโอบอุ้มหลิงอี้หรานออกไปท่ามกลางสายตาคนแบบนั้น? แุถมพาไปที่ห้องรับรอง ซึ่งนี่ทำให้เธออิจฉามาก ขนาดตัวเธอเองก็ยังไม่เคยคิดฝันถึงโอกาสเช่นนี้ ขนาดจ้าวเข่อเข่อเองก็ยังคิดเสียใจอยู่หลายหนหากเธอรู้ว่าตอนที่หลิงลั่วอินสั่งให้หลิงอี้หรานคุกเข่าโขกหัวคำนับให้ดูเป็นตัวอย่างนั้น เธอน่าจะลงมือทำเอง แม้ว่าตอนนั้นหลิงอี้หรานจะดูน่าสมเพชแต่ว่าเธอก็ได้รับความสนใจจากกู้ลี่เฉิน ไม่ว่าจะคิดอย่างไรตอนนั้นเธอน่าจะอาสาทำเอง เพราะมันคุ้มค่ามากจ้าวเข่อเข่อคิดว่ารถหรูคันนั้นต้องเป็นของกู้ลี่เฉินแน่ และก็เป็นกู้ลี่เฉินที่ให้คนมาส
ทุกคนในกองถ่ายต่างก็ต้องเห็นแก่หน้าเธอ แต่ว่าหลิงอี้หรานนั้นแม้ว่ากู้ลี่เฉินจะเคยเข้ามาช่วยครั้งหนึ่งแต่ก็เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีใครในกองถ่ายนี้ที่อยากจะล่วงเกินหลิงลั่วอินเพราะตัวประกอบตัวเล็ก ๆ แน่ผู้กำกับสั่งให้ทุกคนเข้าประจำตำแหน่งและเริ่มถ่ายทำขณะที่ฉากที่ทุกคนคุกเข่าถูกถ่ายทำ ก็มีคนในกองคนหนึ่งรีบเข้ามาหาผู้กำกับและพูดกับเขาสองสามคำ สีหน้าของผู้กำกับเปลี่ยนไปทันที เขาผุดลุกขึ้นยืนและรีบเดินหายไปอีกทางนอกจากคนที่กำลังถ่ายทำอยูู่ คนอื่น ๆ ต่างก็ดูงุนงงสงสัยมองไปทางที่ผู้กำกับเดินไป ต่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ถึงทำให้ผู้กำกับรีบร้อนจากไปแบบนี้ตอนนั้นผู้กำกับก็เดินเข้าไปหาชายที่ใส่เสื้อกันลมสีครีม เขาโค้งตัวเล็กน้อยและดูเหมือนจะพูดบางอย่างด้วยท่าทางเคารพนอบน้อม เมื่อได้เห็นท่าทางของผู้กำกับ หลายคนก็เดาว่าตัวตนของชายผู้นั้นต้องไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นผู้กำกับที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงการเช่นนี้คงไม่แสดงอาการนี้กับคนนอกแน่ไม่นานจากนั้น ผู้กำกับก็พาชายคนนั้นเดินมาที่สถานที่ถ่ายทำด้วยท่าทางนอบน้อมเมื่อชายคนนั้นเดินเข้ามา หลายคนก็จำได้ว่าเขาเป็นใครอี้จิ่นหลีเพราะอย่
บรรดาคนที่อยู่ในฉาก ส่วนใหญ่ไม่ได้ยินว่าอี้จิ่นหลีพูดอะไรกับผู้กำกับ พวกเขาแค่มองเห็นอี้จิ่นหลีเดินตรงไปที่กลุ่มของนักแสดงตัวประกอบและอดไม่ได้ที่จะซุบซิบ เดากันขึ้นมาในกลุ่มของเหล่าตัวประกอบ นักแสดงตัวประกอบหญิงหลายคนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเห็นอี้จิ่นหลีเดินเข้ามาหา พวกเธอรู้สึกเพ้อฝันกลางวันขึ้นมาทันที ต่างคนต่างก็พยายามยิ้มหวานที่สุดโดยเฉพาะจ้าวเข่อเข่อซึ่งหวังว่าจะมีโอกาสได้โผเข้าสู่อ้อมกอดของอี้จิ่นหลีเธอถึงขนาดแอบคิดว่าจะแกล้งทำเป็นไม่สบายหมดสติไปดีไหม หรือว่าจะแกล้งทำเป็นหกล้มไปใส่อี้จิ่นหลีดี พวกเขาก็จะได้มีโอกาสพูดคุยทำความรู้จักกันเพราะอย่างไรนี่ก็คืออี้จิ่นหลี ชายผู้กุมอำนาจในเมืองเซิน หากทำให้อี้จิ่นหลีจดจำได้ ถึงจะได้เป็นแค่คนรักแบบลับ ๆ ก็ยังเป็นความฝันของสาว ๆ หลายคนอีกอย่างเธอได้ยินมาว่า อี้จิ่นหลีนี้นไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิงคนไหน คู่หมั้นเพียงคนเดียวของเขาก็ตายในอุบัติเหตุทางรถเมื่อสามปีก่อน หากว่าเธอสามารถใกล้ชิดกับอี้จิ่นหลีได้ เธอก็อาจจะมีโอกาสได้แต่งงานเข้าตระกูลร่ำรวยยิ่งไปกว่านั้นเธอก็มีความมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองมาตลอด แต่เธอกลับรู้สึกว่าตัวเอ
ตอนนี้จ้าวเข่อเข่อนั้นอยากจะเอาหัวตัวเองเข้าไปแทนหัวของอี้หรานจู่ ๆ อี้จิ่นหลีก็ก้มตัวลงไปใกล้หูของหลิงอี้หรานและกระซิบบางอย่างด้วยเสียงแผ่วเบาที่มีเพียงเขาทั้งสองคนที่ได้ยิน “พี่สาว คราวก่อนฉันไม่ได้เล่นละคร ฉันผิดไปแล้ว เป็นไง? วันนี้ฉันหาที่ยืนให้พี่แล้วไหม?”หลิงอี้หรานอึ้งไป ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอมองอีกฝ่ายด้วยความสับสนเมื่อเหล่าตัวประกอบรอบ ๆ กายหลิงอี้หรานเห็นฉากตรงหน้า ก็เหมือนมีคลื่นของความตื่นตกใจแผ่กระจายออกไปในหมู่พวกเขา ต่อให้คนที่สมองทึบที่สุดก็บอกได้ว่าหลิงอี้หรานนั้นใกล้ชิดสนิทสนมกับอี้จิ่นหลีมาก พวกเขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยถึงเบื้องหลังความเป็นมาของหลิงอี้หรานเธอเป็นหญิงสาวผู้ร่ำรวยหรือเปล่า? เธอว่างไม่มีอะไรทำก็เลยฆ่าเวลาด้วยกันมาเป็นตัวประกอบเหรอ?ส่วนคนที่อยู่รอบ ๆ ตัวอี้จิ่นหลีและรู้ว่าเขาเป็นใครต่างก็ประหลาดใจมากเหมือนคลื่นกระพือโหม น่ากลัวว่าเมื่อเหตุการณ์ในวันนี้แพร่ออกไป สังคมขาเม้าของเมืองเซินจะต้องปั่นป่วนแน่นายใหญ่ของเมืองเซินนั้นใกล้ชิดสนิทสนมกับดาราตัวประกอบเล็ก ๆ นี่มันพิเศษมากเมื่อห่าวอี้เหมิงเห็นภาพตรงหน้า เธอก็เม้มปากแน่น แววของความตระหนกและควา
ผู้กำกับพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง เขาไม่รู้จะตอบอย่างไรดีเสียงของอี้จิ่นหลีไม่ได้เบานัก ดังนั้นหลายคนจึงได้ยิน จู่ ๆ ทุกสายตาก็หันไปจับจ้องหลิงลั่วอินหลิงลั่วอินตกใจ ก่อนที่เธอจะทันทำอะไรก็ได้ยินอี้จิ่นหลีบอกว่า “ในเมื่อคนคนนั้นรู้สึกว่าท่าทางไม่เป็นมาตรฐานมากพอ งั้นให้เธอมาลองทำท่าที่เป็นมาตรฐานให้ดูหน่อยสิ ผมเชื่อว่าต้องถูกต้องตามมาตรฐานแน่”ขณะที่พูดเขาก็ชำเลืองไปทางหลิงลั่วอิน เหมือนว่าเรื่องนี้สรุปได้แล้วหลิงลั่วอินอยากจะร้องกรี๊ดออกมา นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน? เขาอยากให้เธอแสดงท่าทางคุกเข่าโขกหัวคำนับเหรอ? เธอเป็นนักแสดงนำรองฝ่ายหญิงนะ อีกอย่างเธอก็เป็นแฟนของกู้ลี่เฉิน แล้วเธอจะมา “ทำท่าทาง” แบบนี้ต่อหน้าผู้คน ทั้งคุกเข่าโขกหัวคำนับได้อย่างไร ต่อหน้าพวกตัวประกอบเนี่ยนะ?อีกอย่างท่าทางที่อี้จิ่นหลีแสดงออกก็เห็นได้ชัดว่าทำเพื่อหลิงอี้หราน เขาก็แค่จะหาเรื่องเธอเท่านั้นเองหลิงลั่วอินยืนตัวแข็งทื่อใบหน้าดูไม่ได้ แต่ผู้กำกับก็มองอี้จิ่นหลีสลับกับหลิงลั่วอิน เขาชั่งน้ำหนักก่อนรีบเดินเข้ามาหาหลิงลั่วอิน เขาฝืนยิ้มและบอกว่า “ลั่วอิน ในเมื่อคราวก่อนคุณบอกว่าท่าทางของพวกตัวประกอบมัน
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ