จริง ๆ แล้วหลิงอี้หรานเคยชินกับคนแบบนี้แล้ว หลายคนจะดูถูกคนงานสุขาภิบาล บางครั้งถึงพวกเขาชนคนของสุขาภิบาลจนล้ม แต่พวกเขากจะโทษว่าเป็นความผิดของคนงานสุขาภิบาลอยู่ดี“ช่างเถอะค่ะพี่ซู มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”หลิงอี้หรานกล่าว เธอและพี่ซูยังคงกวาดถนนต่อไป หลังจากเลิกงานแล้ว หลิงอี้หรานก็เปลี่ยนชุดทำงาน ทันใดนั้นเธอก็พบสร้อยข้อมือเงินหนึ่งในกระเป๋าของเธอสร้อยข้อมือเส้นนี้อยู่ในกระเป๋าของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? หลิงอี้หรานรู้สึกงงงวย เพราะเธอทำงานกะกลางคืนจึงไม่มีใครอยู่ในสถานีสุขาภิบาลแล้ว หลิงอี้หรานทำได้แค่เก็บสร้อยข้อมือกลับไปก่อน ตั้งใจว่าค่อยเอาไปลงทะเบียนทรัพย์สินที่สูญหายในวันพรุ่งนี้เมื่อกลับมาถึงบ้านเช่า ทั้งห้องก็มืดและเงียบสงัดเมื่อก่อน ตอนเธอกลับมาจากกะดึก ห้องจะยังคงสว่าง และอาจินจะอยู่รอเธอ แต่ตอนนี้… หลิงอี้หรานเปิดไฟ ห้องนั้นก็ว่างเปล่า เธอทำได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นตกดึก ขณะนอนอยู่บนเตียง เธอก็หยิบสร้อยข้อมือออกมา มันเป็นสร้อยข้อมือเงินของเด็ก ๆ และการออกแบบก็ดูธรรมดา ก่อนจะจำขึ้นมาได้ว่าเธอก็เคยมีสร้อยข้อมือที่คล้ายกันเมื่อตอนที่เธอยังเป็นเด็กสร้อยข้อมือเส้นนี้
มือของเธอคลำหาโทรศัพท์มือถือข้างเตียงแล้วดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาตีสามแล้วเธอยังนอนต่อได้อีกหน่อยขณะที่เธอกำลังจะหลับตา ทันใดนั้น เธอก็ลุกขึ้นนั่งอย่างกะทันหัน ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอก็เบิกกว้าง และมีสีหน้าเหลือเชื่อชายคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างโต๊ะอาหารในห้องเช่าของเธอ และกำลังเล่นกับสร้อยข้อมือสีเงินที่หล่นเข้ามาในกระเป๋าของเธอวันนี้ภายใต้แสงสลัว ชายคนนั้นดูเหมือนภาพวาดบนกระดาษข้าว คิ้วของเขาหนาและมีสันจมูกสูง ริมฝีปากปากและดวงตาคมเหมือนนกฟีนิกซ์ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยให้ความรู้วสึกเย็นชาและดูห่างเหินขณะที่เขามองมาที่เธอ หลิงอี้หรานรู้สึกราวกับว่าเขาเป็นภาพลวงตาผู้ชายคนนี้มีอยู่จริงเหรอ? หรือว่า… ตอนนี้เธอกำลังฝันอยู่?!“ตื่นแล้วเหรอ?” เสียงของชายคนนั้นทำลายความเงียบในห้องทันใดนั้นหลิงอี้หรานก็กลับมามีสติอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความจริง!“คุณ คุณเป็นใคร? ทำไมคุณถึงมาอยู่ในห้องของฉันตอนกลางดึกแบบนี้!” หลิงอี้หรานพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่กรีดร้อง เธอยื่นมือออกไปเงียบ ๆ เพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือ และใช้โอกาสตอนที่ชายคนนั้นไม่ทันสังเกตโทรแจ้งตำรวจแต่ก่อนที่เธอจะแตะโทรศัพท
เดี๋ยวนะ… จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็มองเขาอย่างประหลาดใจมากขึ้น เขารู้ได้อย่างไรว่าสร้อยข้อมือของเขาอยู่ที่นี่?เธอพบมันในกระเป๋าชุดทำงานของเธอ เมื่อตอนเลิกงานกะดึกแต่ชายคนนี้กลับรู้ว่าสร้อยข้อมืออยู่กับเธอ แล้วยังรู้ว่าด้วยว่าเธออาศัยอยู่ที่ไหน แถมยังบุกเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ...ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ได้?“คุณบอกว่าเก็บสร้อยเส้นนี้ได้ งั้นคุณก็บอกมาสิว่าอยากได้รางวัลอะไร? ถ้าไม่มากเกินไป ผมก็ให้คุณได้” กู้ลี่เฉินลดศีรษะลงและมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเหยียดหยามเดิมทีเขาตั้งใจจะมาเอาสร้อยข้อมือแล้วจากไป แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่กำลังหลับใหลของผู้หญิงคนนี้ เขากลับอยู่ในห้องนี้ต่อเขาคิดว่าบางทีเขาอาจอยากเห็นว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อเธอลืมตาและตอนนี้เธอลืมตาขึ้นมาแล้ว เธอมีดวงตาสีอัลมอนด์ที่สวยงามมากคู่หนึ่ง รูม่านตาสีเข้ม ขนตาที่งอนยาวช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับดวงตาคู่นั้นไม่น้อยมันเป็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้นมา นัยน์ตาที่ไร้ชีวิตชีวาดูไม่เหมาะกับอายุของเธอเอาเสียเลยราวกับว่าเธอผ่านความยากลำบากอะไรมามากมายและได้สูญเสียความมีชีวิตชีวาที่เธอควรจะมีไปแล
กู้ลี่เฉิน หลิงอี้หรานรู้สึกคุ้นชื่อนี้เหลือเกินเพราะตระกูลกู้ดูแลธุรกิจทุกประเภทในวงการบันเทิง บางคนถึงกับบอกว่า ในวงการบันเทิง ใครก็ตามที่กู้ลี่เฉินอยากผลักดันคนนั้นก็จะดังทันที และใครก็ตามที่กู้ลี่เฉินไม่ต้องการให้มีตัวตน พวกเขาก็จะไม่มีทางประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงไปตลอดชีวิตจากสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า กู้ลี่เฉินมีอิทธิพลต่อวงการบันเทิงอย่างไรตอนนั้นที่เธอคบกับเซียวจื่อฉี เธอเคยได้ยินเซียวจื่อฉีพูดถึงคนนี้ แม้ว่าตระกูลเซียวจะถือเป็นตระกูลที่ร่ำรวยในเมืองเฉิน แต่เมื่อเทียบกับตระกูลกู้แล้ว แต่ตระกูลเซียวก็ยังด้อยกว่ามากเป็นปกติที่เซียวจื่อฉีจะไม่มีคุณสมบัติที่จะผูกมิตรกับกู้ลี่เฉินสำหรับ "ข่าวลือ" อื่น ๆ เธอได้ยินจากผู้หญิงที่ซุบซิบกันในศูนย์บริการสุขาภิบาลว่า ถึงแม้ว่ากู้ลี่เฉินจะเย็นชาและเข้าถึงยาก แต่เขาก็ไม่เคยขาดผู้หญิง ยิ่งไปกว่านั้น เขาทำให้แฟนสาวที่เดตด้วยดังเป็นพลุแตก แต่เมื่อเลิกกัน เขาก็เด็ดขาดมาก ถึงกับโดนเรียกว่าเลือดเย็นเลยด้วย อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าชายแห่งวงการบันเทิง แต่เขาก็ไม่คบซ้อน ไม่ว่าเวลาจะสั้นแค่ไหนแต่เขาก็ออกเดตกับผู้หญิงทีละคนเท่านั้น
เมื่อเวลาผ่านไป แผลเป็นบนฝ่ามือของเธอก็จางลงเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับอี้จิ่นหลี ในที่สุดมันก็จะจางหายไปตามกาลเวลา ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลิงอี้หรานกำมือตัวเองเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากศูนย์สุขาภิบาลแต่ก่อนที่เธอจะไปไกลมาก ปอร์เช่สีเทาเงินก็ขวางทางเธอไว้ ก่อนจะมีร่างสูงก้าวลงมาจากรถ และเขาก็คือกู้ลี่เฉิน ตัวละครเอกที่กำลังถูกสาว ๆ หลายคนพูดถึงในศูนย์สุขาภิบาลเมื่อครู่ “มีอะไรหรือเปล่า?” หลิงอี้หรานถาม“แค่อยากจะเลี้ยงข้าวคุณเป็นการตอบแทน” กู้ลี่เฉินพูดพร้อมกับเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ เป็นการบ่งบอกให้หลิงอี้หรานขึ้นรถ“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย คุณไม่จำเป็นต้องตอบแทนอะไรฉัน” หลิงอี้หรานกล่าว พร้อมกับก้าวเท้าขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงอีกฝ่ายแต่เธอเพิ่งเดินไปได้เพียงก้าวเดียว เขาก็ยกมือขึ้นขวางทางเธอเอาไว้ ดวงตาฟีนิกซ์ของเขามองเธออย่างแน่วแน่ แต่ดวงตาของเขาดูเหมือนจะซ่อนอยู่หลังใบหน้า ซึ่งเป็นประกายที่เธอไม่เข้าใจ “ผมไม่ชอบติดหนี้บุญคุณคน ดังนั้นข้าวมื้อนี้ผมต้องเลี้ยงคุณให้ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และดวงตาฟีนิกซ์ของเขาก็เข้มขึ้นหลิงอี้หรานกัดริมฝีปา
แต่หลิงอี้หรานที่กินอาหารเหล่านี้อยู่ ไม่รู้ว่ากู้ลี่เฉินต้องการทำอะไร เขาเลี้ยงอาหารเธอเพียงแค่อยากจะขอบคุณเธอจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?“คุณหลิงเคยเป็นแฟนของเซียวจื่อฉีเหรอ?” จู่ ๆ กู้ลี่เฉินก็ถามขึ้นระหว่างมื้ออาหารมือของหลิงอี้หรานที่ถือตะเกียบแข็งทื่อทันที เธอก้มศีรษะลงและตอบรับเบา ๆ คนอย่างเขาคงจะตรวจสอบประวัติของเธอก่อนที่จะมารับประทานอาหารด้วยกันแล้วสินะ“เหตุผลที่คุณเลิกกับเขาเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปีนั้นใช่ไหม?” เขาถามอีกครั้ง“ถ้าใช่แล้วยังไง?” เธอเงยหน้าขึ้นแล้วถามต่อว่า “คุณกู้ คนที่ฉันขับรถชนตายตอนนั้นคือคู่หมั้นของอี้จิ่นหลี ในเมืองเฉินจะมีใครกล้าออกเดตกับฉันอีกล่ะคะ?”“ผมกล้า” เขากล่าวหลิงอี้หรานตกตะลึงและมองดูคนตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ จิตใจของเธอก็ว่างเปล่าไปชั่วขณะ“คุณคิดว่าไง จะลองคบกับผมดูไหม?” เขาพูดเมื่อหลิงอี้หรานได้ยินสิ่งนี้ไม่เพียงแต่ไม่มีความรู้สึกคลุมเครือเท่านั้น แต่เธอยังรู้สึกว่าหนังศีรษะของเธอชาด้วย ชายตรงหน้าพูดแบบนี้ด้วยสีหน้าเฉยเมยราวกับว่าเธอเป็นเพียงสิ่งของสำหรับเขาสิ่งของที่เขารู้สึกสนใจ“เท่าที่ฉันรู้มา ดูเหมือนว่าช่วงนี้คุณกู้เพิ่งจ
เพียะ!มีตบดังลั่นเนื่องจากมันกะทันหันมาก หลิงอี้หรานจึงตอบสนองไม่ทัน จนกระทั่งเกิดสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแสบร้อนมาบนใบหน้า เธอจึงตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น“แกคือนังจิ้งจอกนั่นใช่ไหม?!” อีกฝ่ายพูดอย่างเกลียดชัง “ไม่คิดเลยว่าแกจะขอให้ลี่เฉินพาแกมากินอาหารเย็นที่นี่ แกมันก็แค่ดาราหน้าใหม่อันดับสาม คิดว่าจะ รักษาตำแหน่งแฟนของเขาได้ตลอดไปงั้นเหรอ? ฉันจะบอกอะไรให้ อีกไม่นาน เขาก็จะสลัดแกทิ้งแน่!”หลิงอี้หรานเงยหน้าขึ้นมอง และจำได้ว่าคนที่ตบเธอคือใคร!จงหรงหรงที่เดิมทีเป็นเพียงนักแสดงสมทบระดับสอง แต่หลังจากได้คบกับกู้ลี่เฉิน เธอก็ได้รับความนิยมในเพราะเขาทันทีก่อนหน้านี้บางคนเคยคาดเดาว่า จงหรงหรงจะเป็นแฟนสาวคนสุดท้ายของกู้ลี่เฉิน เพราะเธอเป็นคนที่อยู่กับกู้ลี่เฉินนานที่สุดแต่คิดไม่ถึงว่า ท้ายที่สุดแล้วจงหรงหรงจะเป็นเพียงหนึ่งในหนึ่งใน "แฟนเก่า" ของเขาเท่านั้น“คุณจำคนผิดแล้ว!” หลิงอี้หรานกล่าว“ฉันจำไม่ผิดแน่ คืนนี้แกมาที่นี่กับลี่เฉินไม่ใช่เหรอ?” จงหรงหรงมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยความอิจฉา เธอเพียงแต่รู้สึกว่าผู้หญิงอยู่ตรงหน้าด้อยกว่าเธอในทุกสิ่ง แม้แต่เสื้อผ้าที่เธอใส่ก็แย่และไร้รสนิ
เพียงแต่ครั้งนี้ คนตบและคนที่ถูกตบเปลี่ยนตำแหน่งกัน จงหรงหรงปิดแก้มของเธอด้วยสีหน้าไม่เชื่อ “แก… แกตบฉันเหรอ?”“ในเมื่อคุณยังตบฉันได้ แล้วทำไมฉันถึงจะตบคุณไม่ได้?” หลิงอี้หรานถาม แม้ว่าจะต้องให้เธอรับผิดชอบ งั้นพวกเธอทั้งสองก็ควรจะเท่าเทียมกัน“แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร ก็แค่ดาราหน้าใหม่ระดับสาม มีสิทธิ์อะไรมาตบฉัน?” จงหรงหรงแทบคลั่งด้วยความโกรธแม้ว่าหลิงอี้หรานจะไม่ใช่ "ดารา" แต่…“แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาตบฉัน? คุณมันก็แค่ดาราตัวเล็ก ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะกู้ลี่เฉิน คุณคิดว่าคุณจะได้อยู่ในจุดที่คุณอยู่ทุกวันนี้เหรอ? เหตุผลที่คุณโกรธและมาสร้างปัญหาในวันนี้ก็เพราะว่าคุณเลิกกับกู้ลี่เฉินแล้ว และกลัวว่าจะสูญเสียทุกอย่างไป ตอนนี้ทุกสิ่งที่คุณมีล้วนแล้วแต่ได้มาจากผู้ชายที่เต็มใจให้คุณเท่านั้น คุณคิดว่าตัวเองอยู่สูงกว่าฉันจริง ๆ เหรอ?”ชุดคำพูดของหลิงอี้หรานทำให้จงหรงหรงหน้าแดงก่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกำลังมีคนอื่นมองดูอยู่ จงหรงหรงรู้สึกว่า เธอเริ่มจมดิ่งลงไปในหลุมลึกไม่สามารถกลับขึ้นมาได้ และเธอก็เกลียดคนที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ เธอยกมือขึ้นกำลังจะเหวี่ยงใส่อีกฝ่ายอีกครั้งแต่คราวนี้มื
เสียงจัวเชียนอวิ๋นดังมาจากปลายสาย “นี่ การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดีนะ หมอบอกว่าเสี่ยวเหยียน หลังจากผ่านไปสองสามวันเสี่ยวเหยียนปรับตัวได้ เขาก็จะเริ่มการฝึกเรื่องของการแยกแยะเสียงแล้ว”“ดีมากเลยค่ะ” หลิงอี้หรานดีใจที่ได้ยิน “ถ้างั้นตอนบ่ายฉันจะแวะไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียนนะคะ”จากนั้นหลิงอี้หรานก็ถามอีกครั้งถึงเลขห้องผู้ป่วยของเสี่ยวเหยียนในโรงพยาบาลก่อนจะวางสายไป“นี่เรื่องของเด็กที่หูหนวกนั่นเหรอ?” อี้จิ่นหลีมองหลิงอี้หรานก่อนถาม“การผ่าตัดของเสี่ยวเหยียนเป็นไปด้วยดี ยังไงตอนบ่ายฉันก็มีเวลาว่าง ฉันเลยจะไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล” หลิงอี้หรานบอก“ให้ฉันไปกับเธอแล้วกัน” อี้จิ่นหลีพูด“คุณจะไปกับฉันเหรอคะ?” หลิงอี้หรานเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ “แต่… คุณไม่มีงานต้องทำเหรอ?”“ฉันก็แค่บอกให้เลขาเลื่อนงานตอนบ่ายออกไป ยังไงก็ไม่ได้มีอะไรเร่งด่วน” อี้จิ่นหลีพูดเรียบ ๆแต่หลิงอี้หรานรู้ดีว่าในบริษัทใหญ่แบบนี้ สำหรับคนเป็นประธานไม่มีอะไรที่ “เร่งด่วน” สำหรับเขา“ทำไม เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยเหรอ?” เขาถาม“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น” พูดตามตรงการที่เขาเต็มใจจะไปเป็นเพื่อนเธอ ทำให้เธอประหลาดใจแต่ก็ร
และเพราะว่าเธอฟังเข้าใจ จู่ ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกอายสุดท้ายอี้จิ่นหลีก็ตอบว่า “เธอนั่นแหละ”“โอ้ จิน คุณเป็นอะไรกับเธอเหรอ? เป็นคนรักกันไหม?” คนต่างชาติมักจะชอบถามอะไรตรง ๆหากว่าเป็นพนักงานชาติเดียวกัน ไม่มีใครกล้าถามอี้จิ่นหลีตรง ๆ แบบนี้แน่จากนั้นหลิงอี้หรานก็ได้ยินอี้จิ่นหลีตอบเป็นภาษาอังกฤษ “เธอเป็นคนโปรดของฉัน”ฉับพลันหลิงอี้หรานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเธอมีมือที่มองไม่เห็นมาบีบรัดไว้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะสะดุดหลังจากที่การประชุมทางวิดีโอจบลง อี้จิ่นหลีก็เดินเข้ามาหาเธอและถามว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมหน้าแดงแบบนั้น?”“เปล่า…ไม่มีอะไรค่ะ” เธอรีบตอบแต่เขาก็เอามือมาจับหน้าเธอไว้แล้วพิจารณาหน้าแดงก่ำของเธอ “นี่เพราะว่าเรื่องที่พวกนั้นพูดเมื่อกี้เหรอ?”เธอไม่ได้ตอบอะไร แต่เธอก็ใช้ความเงียบเป็นการยอมรับ“ไว้อนาคตมีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอกับพวกเขา” เขาบอก“แนะนำเหรอคะ?” เธอร้องเขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไม เธอไม่อยากเหรอ?”เอ่อ… เธออึ้งไป ตอนนั้นดวงตาสีดอกท้อคู่นั้นฉายแววบีบคั้น เหมือนว่าหากเธอตอบว่าไม่อยาก เธอก็คงเหมือนเป็นตัวจุดประกายให้ไฟโทสะเขาลุกท่วมเธอคิดอยู่พั
“แต่ถึงกู้ลี่เฉินอยากจะแย่งเธอไปจริง ๆ เขาก็ทำไม่ได้ใช่ไหม? เพราะว่าคนที่เธอชอบก็คือฉัน และคนที่เธอมีชะตาต้องตกหลุมรักในอนาคตก็คือฉันใช่ไหม?”เสียงของเขาพึมพำและลมหายใจอุ่นร้อนก็เป่ารดใบหน้า เมื่อพูดจบเขาก็จูบเธอที่ริมฝีปากเขาไม่มีทางยกเธอให้ใคร เธอจะเป็นของเขาเท่านั้น……ตอนที่หลิงอี้หรานตื่นขึ้นมาให้วันต่อมา อี้จิ่นหลีก็ไปทำงานแล้ว หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จเธอก็เตรียมอาหารกลางวันให้อี้จิ่นหลีที่คฤหาสน์อี้มีกล่องอาหารกลางวันและวัตถุดิบ และก็มีพ่อครัวอยู่ใกล้ ๆ เห็นชัดว่าพ่อครัวก็ได้รับคำสั่งมา หากว่าหลิงอี้หรานมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ พ่อครัวก็พร้อมช่วยถึงขนาดที่ว่าหลังจากทำกล่องอาหารกลางวันแล้ว หลิงอี้หรานรู้สึกว่าฝีมือของตัวเองนั้นพัฒนาสูงขึ้นเลยทีเดียวเธอนำกล่องอาหารมาที่อี้กรุ๊ป แต่เพราะว่าวันนี้คนขับรถของตระกูลอี้เป็นคนพาเธอมา ยามที่หน้าประตูก็ตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นเธอลงมาจากรถแม้ว่าพนักงานหลายคนในบริษัทเริ่มที่จะลือกันว่าพนักงานส่งอาหารลึกลับคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคิดว่าพนักงานคนนี้จะเปลี่ยนจากรถไฟฟ้าเล็ก ๆ มาเป็นรถส่วนตัวเร็วแบบนี้โดยเฉพาะรถ
ช่วงนี้เขามักจะมาค้างในห้องของเธอ นอนร่วมเตียงกับเธอ แม้ว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ทำอะไรกัน แต่มันก็เหมือนว่าการนอนร่วมเตียงเดียวกันนั้นกลายเป็นนิสัยไปโดยไม่รู้ตัวแล้วเพราะว่าเธอต้องเปิดไฟนอน เธอก็พูดเสียงอ่อนว่า “คุณจะชินกับการเปิดไฟนอนตลอดเวลาไปแล้ว ทำไมคุณไม่กลับไปนอนห้องคุณล่ะคะ”สุดท้ายเขาก็บอกว่า “ฉันอยากนอนกับเธอนี่ พี่สาว ถึงจะเปิดไฟไว้ก็ไม่เป็นไรหรอก”ดังนั้นคำพูดที่เหลือของเธอจึงโดนกลืนกลับลงไป“เธอจะนอนแล้วเหรอ?” อี้จิ่นหลีถามขณะที่มองหลิงอี้หรานเดินไปที่เตียง“ใช่” หลิงอี้หรานพูดพร้อมหน้าแดงเรื่อหลิงอี้หรานเลิกผ้าห่มและเข้าไปนอนเตียง มือของอี้จิ่นหลีก็มาโอบรอบเอวเธอ เขากอดเธอแนบแน่นและฝังใบหน้าซุกกายเธอราวเก็บเด็กที่อยากจะออดอ้อนเขาดูราวกับเด็กเล็กน้อยซึ่งต่างไปจากท่าทางปกติของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางประการ หลิงอี้หรานรู้สึกว่าชอบอี้จิ่นหลีที่มีท่าทางเป็นเด็ก ๆ แบบนี้“ว่าแต่กู้ลี่เฉินหมายความว่าอะไรตอนที่คุยกับคุณวันนี้? พวกคุณทะเลาะกันเหรอ?”จู่ ๆ หลิงอี้หรานก็คิดขึ้นมาได้“ประโยคไหนล่ะ?” อี้จิ่นหลีถาม พลางรู้สึกว่าการกอดเธอมันชวนให้เสพติดมาก เมื่อเขากอดเธอแล้วก็ไม
“ฉันเข้าใจค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรกับเธอ” จัวเชียนอวิ๋นลังเลและบอกว่า “ถึงตอนนี้ฉันจะรู้ว่าเธอเป็นแฟนของคุณ ฉันไม่เคยบอกอะไรเธอมาตั้งแต่แรก และฉันก็ไม่คิดว่าจะบอกอะไร ไม่คิดจะหาประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าในอนาคตฉันก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น ที่ตอนแรกฉันจ้างเธอก็เพราะว่าฉันรู้สึกว่าเธอเหมือนกับฉัน เคยติดคุกมาก่อน และรู้สึกว่าเราลงเรือลำเดียวกัน ฉันก็เลยอยากให้โอกาสเธอได้ทำงาน”ความเย็นชาในตาของอี้จิ่นหลีหายไป “ผมไม่สนหรอกว่าระหว่างคุณกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร แต่ตราบใดที่เธอยังทำงานที่นี่กับคุณ เธอก็จะทำงานอย่างปลอดภัย หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ ไม่ว่าจะอะไร คุณโทรหาผมได้ตลอด”เมื่อพูดจบ เขาก็เอาเบอร์มือถือให้จัวเชียนอวิ๋นจัวเชียนอวิ๋นรีบจดลงไป เธอเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่สามารถมีเบอร์นี้ได้ในเมืองเสิ่น แต่ตอนนี้เธอได้มาภายใต้เงื่อนไขแต่ที่อี้จิ่นหลีบอกว่าเขาไม่สนว่าระหว่างเธอกับเย่เหวินหมิงมีเรื่องอะไร ก็แปลว่าเขาคงไม่บอกเย่เหวินหมิงว่าเธออยู่ที่ไหน ซึ่งนี่ก็ทำให้จัวเชียนอวิ่นหายใจได้อย่างโล่งอกอี้จิ่นหลียังอยู่ในร้านและกินมื้อเย็นกับหลิงอี้หรานดังนัั้นเมื่อเลิกงาน เพื่อนร่วมงานทุกคนเลยได้รู
จัวเชียนอวิ๋นจำได้ว่าตอนที่เธอดึงหลิงอี้หรานมาถาม อีกฝ่ายก็ให้คำตอบที่ชัดเจนหนักแน่นกับเธอ“ก็พี่จัว คนที่ว่าก็คืออี้จิ่นหลีของอี้กรุ๊ป” โอเค ก็ถือว่าเป็นคำตอบแล้วกันจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเหมือนมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวเธอ ซึ่งทำให้เธอมึนไม่หายพนักงานส่งอาหารให้ร้านของเธอเป็นแฟนกับอี้จิ่นหลีจริงเหรอ? ถ้าบอกไปแล้วใครจะเชื่อ?โดยเฉพาะหลิงอี้หรานบอกว่ายังมีอาหารที่ต้องออกไปส่งอีก อี้จิ่นหลีก็บอกว่า “ถ้างั้นฉันจะรอเธอที่นี่ วันนี้ยังไงก็ว่าง”ดังนั้นคนหนึ่งก็ออกไปส่งอาหาร ส่วนอีกคนก็… เอ่อ อ่านหนังสือจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกว่าเธอประสบคลื่นลมโหมกระหน่ำ แต่ตอนนี้เธอสับสนมากทำไมอี้หรานถึงได้ยังมาทำงานที่ร้านของเธอหากว่ามีแฟนแบบนี้? แล้วอี้จิ่นหลีจริงจังกับอี้หรานเหรอ?แต่เมื่อมองเหตุการณ์ก่อนหน้าระหว่างทั้งสอง ก็ไม่ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องหลอกลวง อย่างน้อยท่าทีของอี้จิ่นหลีที่มีต่ออี้หรานด้วยสายตาคนนอกอย่างเธอก็เห็นได้ว่าเขารักอี้หรานมากเมื่อเห็นว่าอี้จิ่นหลีกินกาแฟหมดแล้ว จัวเชียนอวิ๋นก็เดินเข้าไปหาและถามว่า “คุณอี้ ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ?”“ขอน้ำให้ผมแก้วหนึ่งพอครับ” อี้จิ่นหลีบอกดังนั้น
หลิงอี้หรานอดหน้าแดงไม่ได้ เธอกัดปากเล็กน้อยและบอกกับจัวเชียนอวิ๋น “เขาเป็นแฟนฉันค่ะ”“แฟนเธอเหรอ?” จัวเชียนอวิ๋นตาเบิกกว้างทันที แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าระหว่างทั้งสองคนมีบรรยากาศแปลก ๆ ขณะที่พูดคุยกันก็ตามแต่… แฟนเหรอ? อี้หรานมีแฟนเหรอ? แถมยังเป็นผู้ชายที่ดูลึกล้ำยากจะหยั่งถึงนี่คือสิ่งที่จัวเชียนอวิ๋นรู้สึก ตอนนั้นเองแม้ว่าชายคนนั้นจะมีรอยยิ้มบนใบหน้าและดูไม่มีพิษภัย แต่เธอไม่คิดว่าชายคนนี้จะไร้พิษภัยจริง ๆ ตรงกันข้ามสัญชาตญาณบอกเธอว่าชายคนนี้อันตรายมากทั้งร่างของเขาแผ่กลิ่นอายของคนที่สูงส่งออกมา“ค่ะ แฟนฉัน” หลิงอี้หรานตอบ“สวัสดีค่ะ… ฉันเป็นเจ้าของร้านที่นี่ จัวเชียนอวิ๋น” จัวเชียนอวิ๋นแนะนำตัวเอง“สวัสดีครับ ผมอี้จิ่นหลี” อี้จิ่นหลีบอกสีหน้าจัวเชียนอวิ๋นตะลึงอีกครั้ง จากนั้นแววตาประหลาดใจของเธอก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆอี้จิ่นหลี… คงไม่ใช่… คงไม่ใช่คนที่เธอคิดหรอกนะ ตอนนี้จัวเชียนอวิ๋นรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาร้านของเธอมีกู้ลี่เฉินมา แล้วก็มีอี้จิ่นหลีมาอีก ผู้ชายทั้งสองคนต่างก็มาหาอี้หรานแล้ว… ตัวตนที่แท้จริงของเธอมันยังไงกันแน่? ใช่แบบที่เขียนในใบสมัครงานจริงเหรอ?ตอน
อี้จิ่นหลียังคงดื่มกาแฟในมือสบาย ๆ เหมือนกับว่าเขากำลังเพลิดเพลินกับเวลาน้ำชา และเขาก็แค่มาพูดคุยเล่นกับกู้ลี่เฉินไม่ได้คุยเรื่องที่สามารถเขย่าเมืองเสิ่นให้สั่นสะเทือนได้กู้ลี่เฉินค่อย ๆ สงบความคุกรุ่นในแววตาลงและก็หยิบกาแฟขึ้นมาจิบอีกครั้งทั้งสองต่างก็ไม่มีบรรยากาศน่าตึงเครียดเหมือนก่อนหน้าแล้ว และตอนนี้ก็เหมือนเป็นการกินข้าวกันระหว่างเพื่อนเท่านั้นจัวเชียนอวิ๋นรู้สึกทำตัวไม่ถูกไปชั่วขณะลูกค้าคนอื่น ๆ ในร้านโดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ ต่างก็มองทั้งสองเป็นระยะ อย่างไรพวกเขาคนหนึ่งก็ดูเหมือนดารา ไม่ต้องนับพวกลูกค้าสาวหรอก ขนาดจัวเชียนอวิ๋นเองยังอยากหยิบมือถือมาถ่ายเลยตอนที่ลูกค้าสาวยกมือถือส่องไปทางอี้จิ่นหลีและกู้ลี่เฉิน ก่อนที่เธอจะทันได้กดปุ่มถ่ายรูปก็มีมือใหญ่มาขวางเอาไว้เขาก็คือบอดี้การ์ดของอี้จิ่นหลี เขาพูดกับลูกค้าสาวว่า “ท่านประธานไม่ชอบโดนถ่ายรูปครับ ถ้าคุณยืนกรานจะถ่ายให้ได้ ผมก็คงทำได้แค่ต้องเชิญคุณออกไป”ลูกค้าสาวอึ้งงันไป นี่มัน…ขู่กันเหรอ? แต่เมื่อเธอเห็นสีหน้าไร้อารมณ์ของบอดี้การ์ดและ… ร่างกายกำยำของเขา คำพูดที่เธอเตรียมจะเอ่ยประท้วงก็โดนกลืนกลับลงท้องไปจิตสำนึกบอก
นิ้วมือของกู้ลี่เฉินที่จับแก้วกาแฟอยู่บีบแน่นเล็กน้อย “แล้วถ้าฉันเสียใจล่ะ?” ตอนนั้นเขาประเมินน้ำหนักของหลิงอี้หรานที่มีในใจตัวเองต่ำไปเขาคิดว่าหลิงอี้หรานเหมือนคนที่เขาตามหา ดังนั้นเขาก็เลยสนใจเธอแค่นั้นแต่ต่อมาเขาก็พบว่ามันมากกว่านั้น เมื่อเขาเห็นคนอื่นทำร้ายเธอ ทำอันตรายเธอ เขาก็รู้สึกหัวใจบีบรัดและรีบเข้าไปช่วยโดยไม่รู้ตัวเหมือนว่าแค่เห็นเธอบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาใจสลายได้ และตอนที่เธอจะจากไป เขาก็คิดเรื่องเธอมาก เหมือนว่าเขาอยากให้เธอมองเขานานอีกหน่อยแค่เพียงนิดเดียวก็ยังดีนานแค่ไหนแล้วที่เขาสนใจผู้หญิงสักคนมากขนาดนี้? ยกเว้นเด็กผู้หญิงที่เคยช่วยเขาตอนนั้น เธอเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นเขาถึงกับคิดว่า บางทีเขาไม่น่ายอมปล่อยเธอให้อี้จิ่นหลีง่ายเกินไปเลย หากว่าเธออยู่ข้างกายเขา จะทำให้เขาคิดถึงคนที่ตามหาอยู่น้อยลงไหม? แล้วจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากการไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการมาบ้างไหม?แววตาอี้จิ่นหลีมืดครึ้มทันที เขาจ้องกู้ลี่เฉินเย็นชา “นายไม่มีโอกาสแน่ และฉันก็จะไม่ให้นายมีโอกาสด้วย”“งั้นเหรอ?” กู้ลี่เฉินสบตาอีกฝ่าย “งั้นฉันคงต้องขอลองดูและดูว่าทำไมฉันถึงได้ไม่มีโอ