“พวกเราไปดูร้านตรงนั้นดีกว่า เผื่อได้ทำการค้าขาย” เฟ่ยเฉียงฮุยมองร้านเล็ก ๆ ในตรอกด้านข้าง ร้านเล็กเพียงนั้นทำค้าขายอันใดกัน จะพอเลี้ยงคนทั้งตระกูลได้หรือไม่ ฮูหยินน้อยของเขาคิดง่ายเกินไปกระมัง กระนั้นก็ยังเดินตามหลังนางไปติด ๆ ภายในร้านมีลูกค้าอยู่สองคน เถ้าแก่ของร้านกำลังหย
112 : ใครมันไม่กลัวตายก็มาสิ ดวงตาของชายชราหรี่แสงลง พยายามมองนางใหม่อีกครั้ง “เจ้าเป็นนักโทษที่ถูกเนรเทศ มากับตระกูลเซี่ยโหวใช่หรือไม่” หลี่เมิ่งเหยาเบื่อหน่ายจะคุยด้วยแล้ว “ท่านไม่อยากค้าขายกับข้า เลยหาเรื่องข้าหรือ” “ไม่ใช่ว่าไม่อยากค้าขาย แต่ว่าเจ้
หอฝูหลงฮาว รถม้าจอดอยู่ไม่ไกลนัก พวกเขาต้องการสังเกตแขกที่เดินเข้าออก บรรยากาศภายนอกเหมือนภัตตาคาร แต่ว่ามีเสียงดนตรีดังออกมา มีสตรีเดินออกมาส่งแขกที่ด้านหน้าประตูทางออก นี่มันร้านอาหารกึ่งหอนางโลมชัด ๆ “ฮูหยินน้อยข้าเกรงว่าจะไม่เหมาะ” เกิดคุณชายของเขารู้ว่า เขาพา
113 : คนแซ่ฉีเข้าไปชิงเอาเนื้อสัตว์มา หลังกินอิ่มกันแล้วทั้งคู่ก็ออกจากหอฝูหลงฮาวไป ระหว่างที่เฟ่ยเฉียงฮุยไปเอารถม้าจากพวกเขา กลับสังเกตเห็นบุรุษกลุ่มหนึ่ง ดูคุ้นหน้าคุ้นตาเขาอยู่ “ฮูหยินน้อย คนพวกนั้นดูคุ้นหน้ามาก” เขาบอกหลี่เมิ่งเหยา ขณะบังคับรถม้ามารับนางตรงหน้าประตู
“ท่านพ่อเห็นทีต้องสั่งคุ้มกันเรือนแต่ละหลังให้ดี ๆ อย่าให้ใครมาปองร้ายเอาได้” “ข้าให้พ่อบ้านเหลียงไปสั่งการอีกสองหลังแล้ว” ต้องจัดเวรยามกันอย่างหนาแน่นเสียแล้ว หลี่เมิ่งเหยาทำแผลให้พวกเขาราวครึ่งชั่วยาม ก็ให้คนมาหามพวกเขา กลับไปยังห้องพักของตนเองได้ นางเช็ดเลือดที
114 : ข้าอยากเป็นเจ้าของเฉย ๆ ไม่ได้รึ ขณะที่ร้านอาหารกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี หอโอสถของหลี่เมิ่งเหยาก็เพิ่งหาสถานที่ได้ นางแอบเคืองทั้งคู่เล็กน้อย เหตุใดถึงได้ชักช้าเพียงนี้ “ฮูหยินน้อยอย่าได้โกรธพวกเราไปเลย หอโอสถนั้นหาทำเลที่ตั้งยากจริง ๆ เลยใช้เวลาหาร้านอยู่หลายวัน”
หูเต๋อหยีย่อมยินดี เรือนทั้งหมดที่เขาขายให้ตระกูลเซี่ยโหวไปนั้น เขาได้ค่านายหน้ามาในจำนวนมหาศาล เจ้าของเดิมแทบกราบกรานเขาเลยทีเดียว เพราะทุกคนรู้ว่ามันขายยากเย็นเพียงใด “กลับไปเถอะข้ายังมีงานต้องทำต่อ” “เช่นนั้นข้าขอลา” หูเต๋อหยีเดินออกจากห้องโถงของเรือนไป เขาสวนท
115 : ท่านลุงจ้าวข้าอยากหลอมอาวุธ หลายวันต่อมาหลี่เมิ่งเหยา แวะไปหาน้องชายที่เรือนของเขา เสียงหัวเราะสดใสของเด็กสามคน ดังลั่นลานโล่งด้านหน้า ไม่ได้มาหาไม่กี่วัน สงสัยเสี่ยวหยวนของนาง จะลืมหน้าพี่สาวไปหมดแล้ว นางได้แต่ยืนพิงเสาใหญ่ น้อยอกน้อยใจอยู่ตามลำพัง ทว่าเด็กบางคนก็ไม่ได
ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน
“เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ
147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ
“ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร
“เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย
146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง
ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส
145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ
“ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว