“เอาไปลองกินดู มันชื่อผลอิงหลิว กินแล้วร่างกายจะมีกำลังวังชา” นางยื่นอีกลูกให้น้องชาย ส่วนตัวเองก็กินไปอีกลูก “ท่านแม่อยากกินก็มานี่” นางวางเอาไว้บนโต๊ะอีกลูก เฉาซูหลิ่งไม่เคยเห็นผลไม้ชนิดนี้มาก่อน แต่ก็เดินออกมานั่งบนเก้าอี้ หยิบผลอิงหลิวขึ้นมาดมดู “ผลอิงหลิวรึ ข
104 : ข้าต้องการซื้อตราประทับของเมืองหยางเป่ย ภายในห้องนอนของเซี่ยโหวหานเฟิง เขากำลังนั่งมองสตรีที่หลับสนิทอยู่บนเตียง นางคงเหน็ดเหนื่อยมากจริง ๆ กลับมาจากข้างนอกก็ทิ้งตัวลงนอนเลย เขามองผลอิงหลิวบนโต๊ะ ผลสีชมพูอมส้มแลดูคล้ายลูกท้อ นางบอกว่ามันช่วยบำรุงร่างกายได้ พอกินเข้าไปเข
“คนพวกนี้ส่วนใหญ่น่าจะตายเพราะความหนาวระหว่างทาง หรือไม่หิวจนตาย” หลี่เมิ่งเหยาเห็นบางศพยังใหม่ มีสภาพหนังหุ้มกระดูก ต้นไม้ข้างทางบางต้นถูกกัดแทะเปลือกกิน จนเหลือแต่โคนด้านใน ความหิวโหยของผู้คนช่างน่าเวทนายิ่งนัก จิตใจของเหล่านักโทษและผู้คุม ต่างรู้สึกหวาดผวากับสิ่งที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า
105 : หากพวกเขาถามเล่า ว่าใครเป็นคนประทับตรา หลี่เมิ่งเหยาเดินย้อนไปหารถม้าของพ่อสามี ตอนนี้พวกเขายังหารือเรื่องโรงเตี๊ยมค้างคืนกันอยู่ ยังไม่มีใครขยับขยายไปทางไหน “ท่านพ่อข้าได้ตราประทับมาแล้ว” นางยื่นตราประทับให้พ่อสามี ครั้นเห็นสีหน้าตั้งคำถามของพวกเขา จึงเอ่ยไปตามตรงว่า ไ
“มีอะไร” เซี่ยโหวหานเฟิงเห็นนางยืนยิ้มค้างเลยอดถามไม่ได้ “ไม่มีอะไร ๆ กินในห้องก็ดีเหมือนกัน ข้าเองก็ปวดหลังไปหมดแล้ว ไม่ถนัดนั่งรถม้าจริง ๆ ข้ามียานวดแก้ปวด แต่ว่าไม่มีคนทาให้” นางยิ้มแห้ง ๆ ใส่เขา “เจ้ากินข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าอาบน้ำเสร็จแล้วจะมาทายาให้” “จริงนะ
106 : เตรียมซื้อเรือน ชีวิตเริ่มต้นในเมืองหยางเป่ยด้วยความแปลกใหม่ ทุกคนต่างมีหน้าที่เป็นของตัวเอง คนออกไปสืบข่าวก็ไป คนอยู่ในห้องพักก็คอยเตรียมอาหาร กับซ่อมแซมเสื้อผ้าไว้ให้พวกเขา ส่วนสองพ่อลูกเซี่ยโหวกำลังเตรียมตัวออกไปหาซื้อเรือน หลี่เมิ่งเหยาพามารดากับคนของนางไปด้วย นา
“หูตาของนายหน้าหูกว้างไกลยิ่งนัก” เซี่ยโหวหานเฟิงเอ่ย “มิได้ ๆ ชาวบ้านต่างก็พูดกันทั้งนั้น ว่ามีนักโทษถูกเนรเทศมากันหลายสิบคน ข้ายังแปลกใจเหตุใดถึงเนรเทศมาที่นี่ ราชสำนักไม่สนใจเมืองหยางเป่ยมาหลายปีแล้ว ชาวบ้านเองก็สงสัยจึงอดพูดคุยเรื่องนี้กันไม่ได้” เอ่ยแล้วยกการินน้ำชาให้แข
107 : เจ้าไปร่ำรวยมาจากไหน เมื่อตระเวนดูสถานที่จริงจนครบทุกแห่ง พวกเขาจึงเลือกเป็นตรอกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองมากนัก ชื่อว่าตรอกโหย่วอี้ เดิมทีเคยเป็นบ้านเรือนของเหล่าบัณฑิต และผู้มีความรู้ของเมือง ยามนี้พากันอพยพไปอยู่เมืองอื่นกันหลายหลัง เรือนของตระกูลเซี่ยโหว
ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน
“เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ
147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ
“ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร
“เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย
146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง
ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส
145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ
“ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว