100 : ข้าคิดถึงเสี่ยวไฉมาก เลยอยากกอดมันหอมมันแค่นั้นเอง จากนั้นประกาศให้นักโทษทุกคน เตรียมตัวให้พร้อม ทั้งอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค อนุโลมให้หาซื้อได้ที่เมืองข้างหน้าเป็นที่สุดท้ายแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าเรียกบุตรชายทั้งสองมาพูดคุย พวกเขาต้องวางแผนดี ๆ ระหว่างสิบกว่าวันจากนี้ไป
“หมวกเจ้าไปไหน” “มันหายไประหว่างทาง ข้าไม่ทันระวัง” เขาแค่ยื่นหัวออกไปนอกรถม้า หมวกเขาหล่นปลิวลงไปในหุบเหวด้านข้าง ทำให้เขาเสียดายมันมาก “เช่นนั้นไปซื้อใบใหม่กัน” นางเลือกหมวกขนกระต่ายน่ารักให้น้องชาย แล้วก็เลือกให้มารดากับลุงซ่งป้าหลินแล้วก็ซีจงด้วย ไม่ลืมซื้อให้
101 : รอดหรือไม่รอด ใช่ว่าอยู่ที่เจ้าตัดสินเสียเมื่อไหร่ เช้าวันต่อมา ฮูหยินผู้เฒ่าได้ย้ายขึ้นไปอยู่บนรถม้าคันใหญ่ ด้านในมีเตาอุ่นมีผ้าห่มปูกันกระแทก อาหารการกินพร้อมอยู่ในลิ้นชัก อวิ๋นหมัวมัวถอนหายใจเบา ๆ หลังได้เห็น แต่พอหันไปทางผู้เป็นนาย ก็เห็นแววตาของนางเศร้าสลดลง
หวังคุนยอมรับว่าที่นางเอ่ยมานั้น ถูกต้องทุกประการ คนของเขาไม่อาจต่อกรกับผู้ร้ายได้ เรื่องที่นางเอ่ยมานั้น ไม่ผิดแม้แต่น้อย เขาเป็นห่วงที่ตรงนั้นมากที่สุด เขาหลับตาลงช้า ๆ ก่อนจะลืมขึ้นใหม่อีกครั้ง “ได้ข้าจะปลดกุญแจโซ่ให้พวกเขา แต่เจ้าต้องมอบยาที่ว่า ให้คนของข้าไว้ป้องกันตัวด้วย”
102 : ฆ่าให้หมด ! “ฆ่าให้หมด !” ชายชุดดำคนที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้า ตะโกนสั่งอยู่บนเนินโขดหิน หวังคุนหรี่ตาลง เป็นไปอย่างที่หลี่เมิ่งเหยาคิดไว้จริง ๆ คนพวกนี้ต้องการฆ่าผู้คุมไปด้วย แต่พอพวกมันโผล่หน้าออกมาจากที่ซ่อน เขาก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง ไม่คิดว่าคนร้ายจะมีจำนวนมากถึงเพ
“ลุงซ่งกับซีจงไปช่วยดูคนเจ็บเหล่านั้นที คนไหนบาดเจ็บหนักให้รีบมารายงานข้า” “ได้ขอรับ” ซ่งฉีโหย่งรีบไปตรวจดูผู้บาดเจ็บทั้งหมด แยกคนได้รับบาดเจ็บหนักออกมาต่างหาก เพื่อที่จะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ขณะที่หลี่เมิ่งเหยารักษาอาการบาดเจ็บให้พ่อสามี หวังคุนก็ให้คนช่วยกันเก็บศพของ
103 : ท่านพ่อคิดว่าโรงเตี๊ยมนี้มีปัญหา หลังจากผ่านเส้นทางอันตรายมาได้ ตกเย็นพอเขากลับพบว่าข้างทางลึกเข้าไป มีโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งเปิดทำการอยู่ สภาพทรุดโทรมเป็นอย่างมาก ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามีคนเข้าพักหรือไม่ หวังคุนเข้าไปสอบถามว่าพวกเขา สามารถรองรับนักโทษจำนวนมากได้หรือไ
“เอาไปลองกินดู มันชื่อผลอิงหลิว กินแล้วร่างกายจะมีกำลังวังชา” นางยื่นอีกลูกให้น้องชาย ส่วนตัวเองก็กินไปอีกลูก “ท่านแม่อยากกินก็มานี่” นางวางเอาไว้บนโต๊ะอีกลูก เฉาซูหลิ่งไม่เคยเห็นผลไม้ชนิดนี้มาก่อน แต่ก็เดินออกมานั่งบนเก้าอี้ หยิบผลอิงหลิวขึ้นมาดมดู “ผลอิงหลิวรึ ข
ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน
“เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ
147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ
“ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร
“เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย
146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง
ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส
145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ
“ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว