“เอ่อ พ่ะย่ะค่ะ” ใบหูของเซี่ยโหวหานเฟิงค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้นมา ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเอ่ยเรื่องงานแต่งออกมา “ข้าไปส่งท่านเอง” เกรงว่ามารดาจะเอ่ยคำพูดเหลวไหลออกมาอีก หลี่เมิ่งเหยาจึงรีบลุกขึ้น เดินนำหน้าเขาออกจากห้องโถงไป “กระหม่อมทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยโหวหานเฟิงแทบจะวิ
81 : ข้าเห็นสุนัขจิ้งจอกวิ่งบนหลังคาจริง ๆ นะ เหลือแค่หลังม่านน้ำตกที่นางยังไม่ได้ดู คิดได้เช่นนั้นก็พุ่งเข้าไปในม่านน้ำตกทันที ด้านในเป็นถ้ำค่อนข้างมืด นางคลำผนังถ้ำเดินไปสักพักก็เจอแสงสว่าง พบว่าตรงกลางถ้ำเป็นโถงโล่ง ที่สำคัญมีต้นไม้ต้นหนึ่ง ยืนต้นอยู่ตรงนี้ เงยหน้าขึ้นด้าน
แม่ทัพเซี่ยโหวถอนหายใจเบา ๆ “อย่าเพิ่งเอ่ยถึงวันข้างหน้าเลย ยามนี้ข้าเองก็มืดแปดด้านเหมือนกัน ทำได้เพียงให้คนออกไปสืบข่าวดู ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หานเฟิงเจ้าไม่ต้องคิดมาก เตรียมตัวแต่งงานของเจ้าไปเถอะ” เซี่ยโหวหานเฟิงแทบยิ้มไม่ออก “ท่านพ่อจะให้ข้าแต่งงาน ทั้งที่อนาคตของท่า
82 : อ้อ ขุนนางชั่วรวมหัวกันสินะ นั่นดูเหมือนจะเกินความสามารถของนาง เสี่ยวไฉร่างกายเพิ่งฟื้นคืนกำลัง นางไม่อยากใช้มันไปสืบข่าวโดยไม่จำเป็น หลี่เมิ่งเหยายื่นมือออกไป กุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้ “จือจือเรื่องนั้นเจ้าอย่าได้คิดมากไปเลย เป็นเรื่องของพวกผู้ใหญ่เขาจัดการกันเอง เอาเป็นว่
ประสบการณ์ที่ผ่านมาซ่งฉีโหย่ง บอกว่าเรื่องราวชั่วร้ายเหล่านี้ สตรีวังหลังนำมาใช้ปองร้ายสตรีด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วน “ข้าต้องไปอด ๆ อยาก ๆ รึ” หลี่เมิ่งเหยาหน้างอขึ้นมา “ต้องอดทนไว้พ่ะย่ะค่ะ” “ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณพวกท่านมากที่เป็นห่วง ข้าจะระวังตัวให้มากที่สุด เอาล่ะ
83 : นางปลุกข้าตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน วันงานเลี้ยงที่ตำหนักของฮู่กุ้ยเฟยมาถึง หลิวอี๋เฉินเป็นห่วงเสี้ยนจู่ของนาง จึงเอ่ยปากขอติดตามมาด้วย แม้ต้องรออยู่แค่ประตูชั้นนอกก็ยังดี หลี่เมิ่งเหยาแต่งกายในชุดสีม่วงอ่อนสลับขาว นางแต่งหน้างดงามสมวัย ปักปิ่นน้อยแต่พองาม ดูไม่สูงส่งและต่ำต้อ
หลี่เมิ่งเหยาจำใจต้องเอ่ย “ได้เจ้าค่ะท่านป้า เช่นนั้นท่านก็เรียกข้าว่าเมิ่งเหยาก็พอ” ซุนหลิงเหมิงขานรับด้วยรอยยิ้ม “พวกเราไปกันเถอะพี่เมิ่งเหยา เดี๋ยวจะไปไม่ทันงานเลี้ยง” “เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” นางคำนับให้ว่าที่แม่สามีในอนาคต “เดินทางดี ๆ ล่ะ”
84 : สมควรตายจริง ๆ นั่นแหละ เช่นนั้นก็ไปตาย ๆ เสียเถอะ หลี่เมิ่งเหยามองไปยังฝั่งตรงข้าม นางเห็นฮู่อวิ้นเซียนกับมารดาของนาง กระซิบกระซาบกับนางกำนัลด้านหลัง จากนั้นมุมปากของฮู่อวิ้นเซียนก็ยกขึ้น คล้ายเย้ยหยันนาง “เจ้ารอก่อน” หลี่เมิ่งเหยาหมุนแหวนที่นิ้วชี้ แอบทดสอบ
ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน
“เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ
147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ
“ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร
“เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย
146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง
ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส
145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ
“ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว