ฝั่งคนคุ้มกันภัย ได้รับค่าจ้างลับ ๆ จากลุงจงมาก่อนหน้าแล้ว พวกเขาจึงไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้กับสองสามีภรรยา “หัวหน้าอู๋พบร่องรอยของพวกเขาหรือไม่” จี้ชิวหรงยามนี้ใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากแตกแห้ง นางอดทนเดินทาง ผ่านความหนาวมาอย่างยากลำบาก “จี้ฮูหยินข้าสอบถามสหายที่ด่านผ่าน
73 : แป้งตลับนี้ไม่มียาพิษ หลี่เมิ่งเหยาลุกเข้าไปในห้องนอนเหมือนเดิม นางหยิบบัวหิมะสกัดเย็นออกมาอีกตลับ เผิงเยี่ยนหนานรู้ว่ายาตลับนี้ราคาค่อนข้างแพง นางอยากจ่ายค่ายากับค่ารักษาให้ หลี่เมิ่งเหยายิ้มปฏิเสธ “เจ้าเป็นสหายกับจือจือก็เหมือนน้องสาวข้า อย่าได้คิดเป็นอื่นร
“เห็นว่างานเทศกาลหยวนเซียวปีที่แล้วเจ้าค่ะ นางกำลังจะถูกคนเบียดตกสะพาน ดีที่คุณชายใหญ่เวิน ดึงแขนของนางเอาไว้ก่อน” “ปีที่แล้วไม่ใช่ว่านางสิบสองเองรึ” หนนี้เซี่ยโหวหลิ่งจือต้องตาแทบถลน พูดไปใครจะเชื่อ “ข้าลืมเรื่องนี้ไปเลย ข้ากับน้องหญิงรองไปงานวันนั้นด้วย เพียงแต่นางแอบแยกตัว
74 : ท่านพี่นี่มันอี้เอ๋อร์ เซี่ยโหวหานเฟิงคิดว่านางจะเอ่ยเรื่องงานแต่ง แต่กลับเป็นว่า นางไม่ได้สนใจมันด้วยซ้ำ เรื่องนี้ทำเขาหงุดหงิดเล็กน้อย “ข้ามีธุระแค่นี้ ขอตัวก่อน” เขาลุกขึ้นเดินจากไปเอง ไม่ต้องการให้นางต้องไปส่งเหมือนคราวก่อน หลี่เมิ่งเหยาถอนหาย
ราวสองเค่อเซี่ยโหวหานเฟิงก็มาถึงที่ทำงานของเขา ทันทีที่เห็นหน้าสหาย จ้าวเจี้ยนเฉินก็ชิงเอ่ยเสียก่อน “ข้าไม่ได้บอกอะไรพวกเขาทั้งนั้น เรื่องนี้เจ้าต้องจัดการเอง” เซี่ยโหวหานเฟิงพยักหน้ารับรู้ “พวกเขาอยู่ไหน” “เรือนรับรอง” “ขอบใจเจ้ามาก”
75 : จุดพลุเร็วเข้า พวกมันจะบูชายัญแล้วข้ารู้สึกได้ “เจ้าแน่ใจนะ” นางจะสอดแนมเก่งกว่าเขาได้อย่างไร เรื่องนี้มันแปลก ๆ ชอบกล “ข้าแน่ใจ อีกเรื่องพวกมันจะทำการบูชายัญคืนนี้” คิ้วดาบเฉียงของเซี่ยโหวหานเฟิง ย่นเข้าหากันหลังได้ยิน “ทำไมถึงคิดว่าคืนนี้” “คนขอ
เซี่ยโหวหานเฟิงกับเฟ่ยเฉียงฮุย วิ่งตามมาทันนางในไม่ช้า เห็นนางมอบอยู่ตรงหลังคาเรือนหลังหนึ่ง เขาค่อย ๆ เข้าไปใกล้ ๆ นาง เห็นดวงตาของนางจ้องนิ่งไปที่ลานกว้าง “เหตุใดพลุจึงไม่ดัง” เหมือนเป็นคำตำหนิมากกว่าคำถาม ปัง ! ปัง ! ปัง ! เจ้าพลุหน้าโง่ หักหน้าข้าดีนัก นางกลอก
76 : อี้เอ๋อร์บอกว่าจำไม่ได้ หลี่เมิ่งเหยาหันไปมองหลิวอี๋เฉิน “แม่บ้านหลิวไปเตรียมอาหารให้อี้เอ๋อร์กินหน่อย ข้าเพิ่งเอาตัวเขามาจากตระกูลเกา เขายังตกใจหวาดกลัวอยู่ หากได้กินอิ่มท้องคงหายกลัวลงบ้าง” “ได้เพคะเสี้ยนจู่” หลิวอี๋เฉินรับคำสั่ง แล้วหมุนตัวไปยังห้องครัว
ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน
“เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ
147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ
“ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร
“เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย
146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง
ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส
145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ
“ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว