60 : เรื่องของนางข้าไม่อยากรู้ “เห็นไหมเสี่ยวไฉยังรู้ความ” เสี่ยวหยวนยักคิ้วให้เขาหนึ่งที ซีจงหันไปมองหน้าหลี่เมิ่งเหยา นางทำเพียงมองเขานิ่ง ๆ เพียงเท่านั้นเขาก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง หลี่เมิ่งเหยารินน้ำชาใส่ถ้วยแล้วยกขึ้นจิบ “ก่อนหน้าที่ร้านมี่จวงเจ้าออกมาช้า
เซี่ยโหวหลิ่งจือเดินออกจากเรือนของมารดา ในใจรู้สึกไม่ดียิ่งนัก เหตุใดต้องรีบร้อนหาคู่หมั้นคู่หมายให้นางด้วย นางเพิ่งจะอายุเท่าใดกันเอง เรื่องนี้นางรู้สึกไม่ยินยอม ด้านหลี่เมิ่งเหยานางกลับมาขบคิดอยู่นาน เรื่องคนดูแลจวนของมารดา สุดท้ายจึงได้เขียนจดหมายไปหาลุงจงที่แคว้นหลู่ เล่าว่านางกับมาร
61 : คุณชายไม่ลองคิดดูใหม่หรือขอรับ นายหน้าเจิงถึงกับหันไปมองเฉิงจางซิ่ง ส่งสายตาถามคล้ายหนักใจเหลือเกิน ทาสที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนมีความผิดด้วยกันทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นจะถูกขายต่อมาได้อย่างไร “เหตุใดเล่าหรือว่าที่นี่มีแต่คนชั่วช้าสามานย์” “มิใช่ ๆ ท่านเอาอะไรมาพูดเจ้าคะ
ทั้งคู่อยู่ในเรือนทาสแห่งนี้มานาน ได้พบเจอผู้คนมากหน้าหลายตา หากได้เจ้านายดีก็ดีไป แต่หากได้เจ้านายเลวนั้น ยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็นเสียอีก พวกเขาพอดูออกว่าเจ้านายคนนี้ ไม่ใช่คนชั่วช้าแต่อย่างใด เมื่อลงลายมือชื่อเสร็จเรียบร้อย หลี่เมิ่งเหยาพาพวกเขา ไปหาซื้อเสื้อผ้าเอาไว้เปลี่ยนคนละสามชุด จาก
62 : แขกจากต่างแดน เหตุใดถึงได้เชิญข้าเล่า “เช่นนั้นตกลงตามนี้ อ้อ พวกท่านต้องการเปลี่ยนชื่อหรือไม่” หลี่เมิ่งเหยาถามเพราะว่าบางคนอาจต้องการเปลี่ยน หลิวอี๋เฉินลังเลเล็กน้อย เอ่ย “หากเป็นไปได้หม่อมฉันขอใช้ชื่อแซ่เดิมได้หรือไม่” หลี่เมิ่งเหยายักไหล่ “ได้สิไม่มีปัญหา
“เช่นนั้นหม่อมฉันคิดว่าสมควรไปเพคะ ตั้งแต่พระองค์ย้ายมาอยู่ในจวนองค์หญิง ยังไม่เคยไปร่วมงานเลี้ยงจวนอื่นเลย หากไม่แสดงตัวตนให้ผู้คนพบเห็นบ้าง เกรงว่าจะถูกลืมเลือนไปเพคะ” นางแนะด้วยความหวังดี เอ่ยต่อ “หากองค์หญิงไม่อยากไป สามารถมอบหมายให้เสี้ยนจู่ กับคุณชายน้อยไปแทนได้เพคะ” “เ
63 : ข้าไม่ได้ชนพระชายาเสียหน่อย นางลื่นล้มลงไปเอง เขารีบเข้ามาประสานฝ่ามือ “ทูลเสี้ยนจู่ นางเป็นฮูหยินเอกของท่านเสนาบดีกลาโหมพ่ะย่ะค่ะ” ซ่งฉีโหย่งจงใจแสดงความนอบน้อมมากกว่าปกติ “อ้อ” หลี่เมิ่งเหยาเอ่ยเพียงเท่านั้นก็ไม่สนใจนางอีกเลย อยากเมินข้าก่อน ข้าก็จะเมินเจ้า
“ช้าก่อน” หลี่เมิ่งเหยาขัดจังหวะการไต่สวน “ท่านเสนาบดีข้าขอถามคนของข้าสักคำสองคำ” “เชิญเสี้ยนจู่” เสนาบดีหานผายมือให้นาง “แม่บ้านหลิว” “เพคะเสี้ยนจู่” “ข้าแค่สงสัยว่าตอนที่ท่านแม่ของข้าไปเจอฝูฮูหยิน ท่านไม่ได้อยู่ด้วยหรืออย่างไร เหตุใดนางถึงไม่ใช้ท่านไ
ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน
“เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ
147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ
“ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร
“เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย
146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง
ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส
145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ
“ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว