45 : เสี่ยวหยวนเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง คนไหนมันรังแกเจ้าบอกข้ามาเดี๋ยวนี้ เสียงฝีเท้าม้ากับเสียงคน วิ่งตามกันไปติด ๆ และเหมือนว่ารถม้าคันที่นางนั่ง จะวิ่งห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ กระทั่งเสียงพวกนั้นเงียบหายไปเอง หมายความว่าคนของหยวนเหวินเซียว ตามรถม้าไปผิดคัน จากนี้ไปนางคงต้องอาศัยกำลังของตัวเอง
จึงต้องเกิดการสืบหาสาเหตุของเรื่อง และพบความจริงทั้งหมดนี้ เจียงหยุนฟ่านจึงตามรอยของพ่อค้าทาส มาจนถึงแคว้นหลู่ และสืบไปจนเจอครอบครัวที่ซื้อทารกหญิงไปเลี้ยง “นี่มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ริษยาที่พระสนมเอกให้กำเนิดบุตรสาว แต่กลับเอาทารกเพศหญิงมาสับเปลี่ยน ท่านหลอกเด็กอยู่หรืออย่างไร” มีแต่ค
46 : ข้าต้องแอบอยู่ในนี้จริง ๆ หรือพี่หญิงใหญ่ “สัญลักษณ์ที่ว่านั่นท่านพอจะวาดออกมาให้ข้าดูได้หรือไม่” “ย่อมได้” เจียงหยุนฟ่านหันไปหยิบกระดาษพู่กันออกมา ตวัดปลายพู่กันไม่กี่ที สัญลักษณ์ประจำราชวงศ์แคว้นเหลียงก็ปรากฏบนนั้น “อันเดียวกันจริง ๆ” เฉาซูหลิ่ง
ลุงจง “คุณชายหยวน คุณหนูเขียนทิ้งท้ายจดหมายให้ข้า หากนางไปถึงแคว้นเหลียงอย่างปลอดภัยแล้ว จะให้คนส่งจดหมายมาแจ้งอีกทีขอรับ” “เช่นนั้นหากนางเขียนจดหมายมาหาเจ้า ก็ส่งข่าวมาแจ้งข้าด้วยก็แล้วกัน” เขารู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย เพราะจดหมายของเขา ไม่มีทิ้งท้ายเช่นนั้น “ได้ขอรับ”
47 : ป้ายจวนราชครูฮู่ขอรับ ระหว่างการเดินทาง เมื่อได้พักแรมที่ไหนสักแห่ง หลี่เมิ่งเหยาจะให้เจียงหยุนฟ่าน เล่าเรื่องภายในแคว้นเหลียงให้ฟัง และบังคับให้มารดากับน้องชายนั่งฟังด้วยกัน มีอะไรไม่เข้าใจนางก็จะถามในทันที คาดว่ากว่าจะเดินทางไปถึงที่นั่น เรื่องราวที่ได้ยินคงซึมซับเข้าส
“ป้ายจวนราชครูฮู่ขอรับ” อานเจิงชูป้ายประจำตัวที่ค้นเจอให้ทั้งคู่ดู “จวนราชครูฮู่ ?” หลี่เมิ่งเหยาไม่รู้จัก “เป็นไปไม่ได้” เจียงหยุนฟ่านรีบฉวยป้ายในมืออานเจิงขึ้นไปดูใกล้ ๆ เขาพินิจพิจารณาอยู่นานสองนาน ก่อนจะส่ายหน้าไปมา “เป็นไปได้อย่างไร นี่มันป้ายจวนราชครูฮู่จริง
48 : ชาวบ้านที่ไหนจะเลี้ยงสุนัขจิ้งจอกคู่กับเด็กตัวน้อย ๆ เท่านั้นได้ บนชั้นสองของโรงน้ำชา เซี่ยโหวหานเฟิงกำลังมองลงไป ยังครอบครัวของเด็กคนนั้น ไม่รู้เหตุใดใบหน้าของสตรีผู้นั้น ถึงดึงดูดสายตาของเขานัก ทั้งที่นางนั้นหาได้มีความอ่อนหวาน เฉกเช่นสตรีเรือนหลัง น่าสนใจจริง ๆ “เฉียง
เสี่ยวไฉแอบค้านทันที เจ้าใส่ความข้าเกินไปแล้ว แล้วแมวจรจัดอันใดกัน ชั่วร้ายจริง ๆ “พี่หญิงใหญ่เอ่ยมามีเหตุผล ตัวเจ้าหนักด้วยข้าอุ้มแล้วเหนื่อย” เสี่ยวหยวนพยักหน้าเห็นด้วย เสี่ยวไฉ “!” หลี่เมิ่งเหยาชี้หน้ามันแล้วเอ่ย “จงเป็นแมวเดี๋ยวนี้ !” “เมี้ยว !”
ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน
“เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ
147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ
“ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร
“เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย
146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง
ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส
145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ
“ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว