เจียงหวานหว่านนำคนทั้งคู่ไปพบหลิ่วซู่ เมื่อมาถึงหน้าประตูห้องหลิ่วซู่ ก็เคาะประตูหลิ่วซู่ได้ยินเสียงของเจียงหวานหว่านก็วางเข็มกับด้ายในมือลง แล้วเดินที่ประตู เพื่อดึงบานประตูให้เปิดออก“ท่านแม่”เจียงหวานหว่านดึงแขนของหลิ่วซู่ สองแม่ลูกเดินเข้าไปในห้อง“ท่านแม่ ข้าจะออกไปข้างนอกสองสามวันนะเจ้าคะ”หลิ่วซู่ตะลึง “อากาศหนาวเหน็บเช่นนี้จะไปที่ใดหรือ”“ท่านหญิงหลิงโหรวจะเดินทางไปเยี่ยมญาติ ท่านอ๋องจึงให้ข้าช่วยดูแล อย่างมากสุดก็ครึ่งเดือนเจ้าค่ะ”หลิ่วซู่ยังคงไม่วางใจให้เจียงหวานหว่านออกไปข้างนอกคนเดียว“เจ้าออกไปข้างนอกคนเดียว แม่ไม่วางใจ”เจียงหวานหว่านยิ้มสดใส “ท่านแม่ ข้าจะดูแลตัวเองให้ดีเจ้าค่ะ”“ไม่เช่นนั้นให้สือหลิ่วไปเป็นเพื่อนเจ้าไหม”หลิ่วซู่หารือกับเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านยิ้มหวาน “ท่านแม่ ข้าไปดูแลท่านหญิง หากพาสาวใช้ตามไปด้วยอีกคน เกรงว่าจะไม่เหมาะเจ้าค่ะ”หลิ่วซู่ถอนหายใจ“ก็ได้ เจ้าต้องรีบกลับมานะ”จิตใจคนในจวนเจียงยากจะคาดเดา ซิ่วกู่กับหงเหลียนก็เพิ่งมาถึงได้ไม่นานสือหลิ่วเข้าใจนิสัยของท่านแม่ และรู้สีหน้าท่าทีที่ปฏิบัติต่อผู้อื่นของพวกคนในจวนเจียงเหล่
ตอนที่เจียงหวานหว่านฟังได้ครึ่งหนึ่ง ก็บีบฝ่ามือกับขอบโต๊ะอย่างแรงมู่เซียงนั้นเตรียมใจถูกเจียงหวานหว่านลงโทษไว้แล้ว แต่เจียงหวานหว่านกลับไม่ได้ลงโทษนาง ใจนางกระสับกระส่าย และไม่กล้าลุกขึ้น“คุณหนู นี่คือยาที่สกุลเฉามอบให้บ่าว บ่าวไม่เคยใช้เจ้าค่ะ”มู่เซียงวางผงยาที่เฉาหยูเฟิ่งให้นางลงบนโต๊ะเจียงหวานหว่านมือสั่นเล็กน้อย นางเปิดห่อผงยาออก แล้วดมกลิ่นหญ้าพิษโลหิต!ผู้ที่รับประทานสมุนไพรชนิดนี้เป็นเวลานานจะสุขภาพแย่ลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็เสียชีวิตจากอาการเลือดพร่องอย่างรุนแรงเมื่อได้เห็นหญ้าพิษโลหิต นางก็เข้าใจในที่สุดว่าทำไมสุขภาพของท่านแม่ในชาติก่อนถึงได้แย่ลงเรื่อยๆนางมองมู่เซียงด้วยสายตาเย็นชา การที่นางบังเอิญช่วยมู่เซิงเอาไว้ ทำให้มู่เซียงเกิดความละอายใจ ถึงไม่ได้ลงมือโหดเหี้ยมกับท่านแม่เช่นนั้น ชาติก่อนมู่เซียงจะต้องเป็นคนทำร้ายท่านแม่แน่นอน“มู่เซียง เจ้าควรค่ากับความไว้วางใจหรือไม่“เจียงหวานหว่านให้มู่เซียงแสดงจุดยืนให้ชัดเจน“คุณหนูหก ท่านช่วยชีวิตมู่เซิง ย่อมเป็นผู้มีพระคุณของพวกเราสองพี่น้อง และเป็นนายของบ่าวเช่นกันเจ้าค่ะ”“มู่เซียงไม่มีทางทรยศ หากว่าทรยศ บ่าว
เจียงอวิ้นตะลึง ท่านหญิงหลิงโหรวบิดามารดาลาลับไปแล้วทั้งคู่ ตั้งแต่เล็กก็ถูกเลี้ยงไว้ข้างกายฮองเฮา จึงสูงศักดิ์อย่างยิ่งท่านหญิงหลิงโหรวสุขภาพไม่แข็งแรง จึงไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงส่วนตัวของเหล่าสตรี ตอนนี้ถึงกับนัดหมายเจียงหวานหว่านออกไปท่องเที่ยว ช่างทำให้ผู้คนคาดไม่ถึงจริงๆ”“ ท่านย่า พี่หกไปผูกมิตรกับท่านหญิงหลิงโหรวเมื่อไรหรือเจ้าคะ”ฮูหยินใหญ่เจียงสบายใจยิ่ง แววตาเปล่งประกายคล้ายกับมองเห็นตนเองเป็นฮูหยินตราตั้งอย่างไรอย่างนั้นเจียงอวิ้นโมโหควันออกหู จึงเผยความริษยาและอิจฉาออกมาทางคำพูด“พี่หกเก่งกาจจริงๆ”ฮูหยินใหญ่เจียงก็รู้สึกว่าเจียงหวานหว่านไม่เลวเช่นกัน จึงเอ่ยชื่นชมไปว่า “นังหนูหกเป็นดาวนำโชคของจวนเจียง”ดาวนำโชคอันใดกัน เจียงอวิ้นโมโหจนแทบจะระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว แต่ทำได้เพียงแค่เอ่ยสำทับวาจาของฮูหยินใหญ่เจียงยิ้มๆฮูหยินใหญ่เจียงชื่นชมเจียงหวานหว่านไม่หยุด เจียงอวิ้นได้ยินแล้วไม่สบอารมณ์ จึงหาข้ออ้างขอตัวจากไปเจียงอวิ้นยิ่งคิด ในใจก็ยิ่งโมโห เจียงหวานหว่านมีสิทธิ์อะไรได้รับสิ่งเหล่านี้เจียงหวิ้นมุ่งตรงไปยังเรือนของเฉาหยูเฟิ่งด้วยเพลิงโทสะที่สุมอยู่เต็มท้อง“ท
หลิ่วซู่ตรงไปที่โรงเย็บปัก เมื่อได้เงินก็เตรียมไปซื้อเสื้อหนาๆ และขนบขบเคี้ยวให้กับลูกสาวหลิ่วซู่อารมณ์ร่าเริง กำลังหัวเราะพูดคุยกับสือหลิ่วส่วนหงเหลียนพบว่ามีคนสะกดรอยตาม นางเดินต่อไปโดยไม่กระโตกกระตากหลิ่วซู่หันหน้ามองหงเหลียน เห็นสีหน้านางเคร่งเครียด จึงยิ้มกล่าวว่า “หงเหลียน ยิ้มแย้มหน่อย อย่าเอาแต่ทำหน้าบึ้งตึง”“เจ้าค่ะ”จงเหลียนไม่ได้บอกเรื่องข้างหลังกับหลิ่วซู่ เกรงว่าหลิ่วซู่จะหวาดกลัวหงเหลียนมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ป้องกันคนแอบทำร้ายหลิ่วซู่หลังออกจากร้านขายเสื้อผ้า หลิ่วซู่ถูกขอทานน้อยคนหนึ่งชนจากทางด้านหน้าหลังจากถูกขอทานน้อยชน หลิวซู่พลันรู้สึกเวียนหัวตาลายหลังจากได้รับแรงกระแทก นางก็ล้มไปข้างหลัง หงเหลียนมือไวตาไวรีบพยุงหลิ่วซู่ไม่ให้นางหกล้ม“ฮูหยินระวัง”หลิ่วซู่ยืนมั่นคงแล้วก็ใช้มือสัมผัสถุงเงินบนตัว จากนั้นสีหน้านางเปลี่ยน “เงินของข้าหายไปแล้ว”หงเหลียนคิดถึงขอทานน้อยเมื่อครู่ทันที“ฮูหยิน ท่านรอบ่าวอยู่ที่นี่ บ่าวไปสักครู่เดี๋ยวกลับมา พวกท่านอย่าเดินเถลไถล”หงเหลียนเพ่งเล็งไปยังทิศทางที่ขอทานน้อยหายไป จากนั้นก็ไล่ตามไปหลิ่วซู่และสือหลิ่วยืน
เจียงหวานหว่านผ่อนลมหายใจหนักๆ นางต้องสงบ อย่าลนลาน“เจ้าเล่าให้ละเอียดอีกรอบ”เจียงหวานหว่านน้ำเสียงสั่นเทาสือหลิ่วสะอึกสะอื้นเล่าเรื่องราวอีกรอบนางเสียงท่านแม่ไปไม่ได้ นางต้องช่วยท่านแม่ ท่านแม่ต้องไม่เป็นไร...เจียงหวานหว่านบังคับให้ตัวเองสงบลงหลังสงบลงแล้ว นางรู้ว่าคนที่จับท่านแม่ไปต้องเกี่ยวข้องกับเฉาหยูเฟิ่งแน่นอนชาติก่อนเวลานี้ไม่มีคนลักพาตัวท่านแม่ดูเหมือนหลังจากเกิดใหม่ เรื่องบางเรื่องนั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว“สือหลิ่ว ไปจับตาแม่นมหวัง”“เจ้าค่ะ”สือหลิ่วยกชายกระโปรงวิ่งออกไปซิ่วกู่ได้รับข่าวจากเทียนซูแล้ว ได้รู้เรื่องฮูหยินเจียงหายไปไร้ร่องรอยเมื่อได้เห็นเจียงหวานหว่านที่อกสั่นขวัญหาย ซิ่วกู่ใจกระตุก“คุณหนู คนที่จับตัวฮูหยินต้องรับรู้ทุกการเคลื่อนไหวของฮูหยินเป็นอย่างดี”ซิ่วกู่คาดเดาว่าเป็นการกระทำของคนรู้จักนัยน์ตาเจียงหวานหว่านไม่มีแววผันผวน ไร้ซึ่งอารมณ์มีเพียงมือที่กำแน่นเผยให้เห็นถึงความไม่สบายใจของนางหัวใจที่เต้นเหมือนตีกลองทำให้นางหอบหายใจถี่“ซิ่วกู่ นำเมิ่งเหยียนมา”ซิ่วกู่ใจกระตุก เมิ่งเหยียนคือสูตรยาพิษลับเฉพาะของอาจารย์ในตอนนั้น เหตุใด
เรือนทที่ถนนเซี่ยงหยางเป็นที่ดินทำเลทอง ต่อให้นางทำงานที่จวนสกุลเจียงสิบกว่าปี ก็พอซื้อเรือนที่ถนนเซี่ยงหยางได้เพียงส่วนเดียวเท่านั้น“บ่าว บ่าว”แม่เฒ่าอู๋ยกมือขึ้นจัดทรงผมของตัวเอง พยายามจะหาคำอธิบายคนงานในห้องครัว แอบใช้หางตามองแม่เฒ๋าอู๋เมื่อเห็นว่าแม่เฒ๋าอู๋ความคิดสับสนแล้ว เจียงหวานหว่านยิ้มน้อยๆเจียงหวานหว่านนำอาหารที่ทำเสร็จแล้วไปสองสามอย่างออกจากห้องครัวไปแม่เฒ๋าอู๋เดินอยู่ด้านข้างด้วยความระมัดระวัง และกล่าวด้วยความวิตกกังวล“คุณหนูหกอยากกินสิ่งใดบอกมาได้ตามสบาย บ่าวจะจัดเตรียมให้คุณหนูหกอย่างดีที่สุด”หลังจากที่เฉาหยูเฟิงรู้ว่าเจียงหวานหว่านนำรังนกนางแอ่นหิมะชั้นยอดไปจากห้องครัวก็โมโหจนทนไม่ไหวเดิมทีเฉาหยูเฟิ่งคิดจะไปเยาะเย้ยเจียงหวานหว่านสักสองสามประโยคแต่เมื่อคิดได้ว่านางกำลังจะได้นั่งตำแหน่งฮูหยินเจียงอย่างมั่นคง ไฟโทสะในใจก็ลดลงไปมาก“คนชั้นต่ำขาเปื้อนโคลน ไม่คู่ควรกับการกินรังนกดีๆ ของดีๆ ช่างเสียเปล่าจริงๆ”เจียงอวิ้นที่นั่งอยู่ด้านข้างกำลังกินน้ำแกงเห็ดหูหนูตรงหน้าอย่างเชื่องช้า“ท่านแม่ ปล่อยให้เจียงหวานหว่านกระโดดโลดเต้นอีกสักกี่วัน ไม่ต้องกังวล”
เมิ่งเหยียนเป็นยาพิษที่มีเมตตาที่สุดของยายใบ้แล้วจากคำบอกเล่าของเจียงหู ยายใบ้ทำยาพิษพิเศษนี้ขึ้นมาเพื่อทดสอบความรู้สึกของคนรักที่มีต่อนางรอให้นางช่วยท่านแม่ออกมาได้แล้ว ค่อยจัดการเจียงอวิ้นทีหลังเจียงหวานหว่านออกจากห้องของเจียงอวิ้นเงียบๆ จากนั้นก็รุดออกไปที่ประตูจวนสกุลเจียงเพิ่งจะถึงปากประตูจวน เจียงหวานหว่านเห็นสือหลิ่ววิ่งมาหานางด้วยท่าทางรีบร้อน“คุณหนู แม่นมหวังแอบขึ้นรถม้าออกไปเงียบๆ แล้ว”คุณหนูสั่งให้นางจับตาแม่นมหวัง นางพบว่าแม่นมหวังแอบออกไปข้างนอกตอนดึกๆ “คุณหนู ไม่มีรถม้า เกรงว่าพวกเราจะตามแม่นมหวังไม่ทัน”เสิ้นเสียงคำของสือหลิ่ว ด้านหลังทั้งสองคนก็มีเสียงเกือกม้าดังขึ้นเจียงหวานหว่านเดินตามเสียงเกือกมาไป แล้วก็เห็นหรงซีถนนที่เงียบสงัด เสียงเกือกมาของหรงซีทำให้เจียงหวานหว่านเบาใจหรงซีหันมาก็เห็นเจียงหวานหว่านที่ยืนอยู่หน้าประตูจวนสกุลเจียงเขาส่งสัญญานให้คนอื่นตามรถม้าของแม่นมหวังไป ส่วนตัวเขามาหยุดอยู่หน้าเจียงหวานหว่าน“ท่านแม่ข้า...อยู่ที่ภูเขาเทียนหู่”เจียงหวานหว่านเมื่อเห็นหรงซีก็รู้สึกคัดจมูก กล่าวสะอึกสะอื้นหรงซีที่นั่งอยู่บนหลังมายื่นมือมา
“ท่านแม่ข้าอยู่ที่ใด?”เจียงหวานหว่านก้าวฉับๆ วิ่งมาถึงโถงกลางหมู่บ้าน“คุณหนู ยังหาฮูหยินไม่พบเจ้าค่ะ”หงเหลียนกล่าวด้วยสีหน้ารู้สึกผิดเจียงหวานหว่านกวาดสายตามองไปรอบๆ จากนั้นก็มุ่งเป้าไปที่หัวหน้าโจร นางเดินอย่างเยือกเย็นไปอยู่ตรงหน้าหัวหน้าโจร“คนที่จางวั่งไฉพามาอยู่ที่ใด?”หัวหน้าโจนจางเทียนอ้ำอึ้ง “พวกท่านพูดสิ่งใด ข้าไม่เข้าใจ”“รีบบอกมา ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้า”หงเหลียนกล่าวอย่างเร่งรีบ นางพลิกทั้งหมูบ้านหาแล้วก็ยังหาฮูหยินไม่พบ“จางวั่งไฉอยู่ที่ใด?”สายตาดุจคบเพลิงของเจียงหวานหว่านจับจ้องจางเทียน“ข้าไม่รู้จักจางวั่งไฉ”เห็นว่าจางเทียนไม่บอกความจริง นัยน์ตาเจียงหวานหว่านมีแววอาฆาตเข้มข้นสาดออกมานางยกมือขึ้นมาดึงดาบบริเวณเอวของหงเหลียน จากนั้นก็ตวัดข้อมือ ปลายดาบทิ่มลงไป แทงเข้าไปกลางต้นขาขวาของจางเทียน“พรวด”เลือดสดไหลนอง!“อ๊าก...”จางเทียนเจ็บจนร้องตะโกนออกมา ความเจ็บปวดรุนแรงวิ่งพล่านไปทั่วร่างเจียงหวานหว่านดึงดาบออกมา จากนั้นก็แทงไปที่กลางต้นขาซ้ายของจางเทียนอีกครั้งดวงตาทั้งสองข้างของเจียงหวานหว่านเป็นสีแดงเข้ม นางถามเน้นทีละคำ “เจ้าและลูกพี่จางวั่ง