เมื่อรถม้ามาถึงจวนเจียง ดวงตะวันก็ลาลับขอบฟ้าไปแล้วเจียงหวานหว่านเพิ่งจะเข้าไปในจวน ก็โดนแม่นมหลี่ขวางเอาไว้“คุณหนูหก ฮูหยินใหญ่เตรียมอาหารเรียบร้อยแล้ว เชิญคุณหนูหกทางนี้เจ้าค่ะ”ท่านยายช่างขยันจริงๆเจียงหวานหว่านพยักหน้ารับ แล้วตามแม่นมหลี่ไปยังเรือนของฮูหยินใหญ่เจียงเป็นดังที่แม่นมหลี่กล่าวไว้ ฮูหยินใหญ่เจียงตระเตรียมอาหารไว้เต็มโต๊ะแล้วใครจะรู้ว่าโต๊ะอาหารในครั้งนี้ ยังมีคนผู้หนึ่งซึ่งมีเจตนาอื่นแอบแฝงร่วมโต๊ะอยู่ด้วย เจียงป๋อเหนียน“คารวะท่านยาย คารวะท่านพ่อ”เจียงหวานหว่านย่อกายลงคำนับฮูหยินใหญ่เจียงเอ่ยด้วยความเมตตารักใคร่ “หว่านเจี่ยเอ๋อร์หิวแล้วกระมัง รีบมากินอะไรก่อนเถอะ”“ขอบคุณท่านยายเจ้าค่ะ”เจียงหวานหว่านผุดยิ้ม แล้วหย่อนกายนั่ง หันหน้าเผชิญกับเจียงป๋อเหนียนฮูหยินใหญ่เจียงวางถ้วยน้ำแกงถ้วยหนึ่งลงเบื้องหน้าของเจียงหวานหว่าน“นกนางแอ่นหิมะชั้นดี บำรุงร่างกายได้ดีที่สุด ลองชิมดูสิ”เจียงหวานหว่านรู้ว่าเหตุใดฮูหยินใหญ่เจียงถึงดีกับนางเช่นนี้ นางกลืนเลือดนกนางแอ่นลงไปเงียบๆฮูหยินใหญ่เจียงยังคีบอาหารใส่ถ้วยนางไม่หยุด ด้วยเกรงว่านางจะกินไม่อิ่มด้านเจียงป
แม่นมหลี่เชิญเจียงป๋อเหนียนออกไป“หว่านเจี่ยเอ๋อร์ เจ้าใจร้อนเกินไป เจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลเจียง พ่อเจ้าก็เป็นห่วงเจ้า ถึงได้พูดเกินไปบ้าง”เจียงหวานหว่านควบคุมอารมณ์ของตัวเอง “ท่านย่า หลานเข้าใจเจ้าค่ะ”“อาการป่วยของโจวฮูหยิน เจ้ารักษาได้หรือไม่”ฮูหยินใหญ่เจียงถามอย่างไม่แน่ใจโจวฮูหยินป่วยมานานแล้ว ทุกคนในเมืองหลวงล้วนรู้ดี“แน่ใจว่าจะรักษาได้เจ็ดในสิบส่วนเจ้าค่ะ”เจียงหวานหว่านพูดช้าๆฮูหยินใหญ่เจียงตกตะลึง มั่นใจเจ็ดในสิบส่วน หากเกิดเรื่องผิดพลาด คงได้รับผิดชอบผลที่ตามมาแน่ๆ“หว่านเจี่ยเอ๋อร์ หาข้ออ้างปฏิเสธไปเถอะ หากรักษาไม่ได้จะเดือดร้อนเอา”ในด้านการแสวงหาโชคดีหลบเลี่ยงโชคร้ายนั้น เมื่อเทียบกับเจียงป๋อเหนียนแล้ว ฮูหยินใหญ่เจียงมีแต่ล้ำหน้ากว่าไม่มีคำว่าเสมอกัน“ท่านย่าไม่ต้องกังวล อาจารย์โจวรับปากว่า หากรักษาไม่หายจะไม่กล่าวโทษข้า”ฮูหยินใหญ่เจียงไม่คาดคิดว่าโจวไท่ฟู่จะเข้าใจและมีเหตุผลถึงเพียงนี้พอมาลองคิดดูก็รู้ว่าควรเป็นเช่นนั้น เพราะไม่ว่าจะเป็นหมอหลวงหรือหมอชาวบ้าน ก็ไม่มีใครสามารถรักษาโจวฮูหยินได้แม้แต่คนเดียวที่โจวไท่ฟู่ให้หว่านเจี่ยเอ๋อร์ ไปตร
เจียงอวิ้นคิดไม่ถึงว่าเจียงหวานหว่านจะรู้วิชาแพทย์ด้วย“อวิ้นเอ๋อร์ เจ้าว่าสาวบ้านๆ อย่างเจียงหวานหว่าน ทำไมถึงรู้วิชาแพทย์ล่ะ”เมื่อเจียงอวิ้นได้ยินคำพูดของแม่ ในใจก็เกิดความกังขาอยู่เช่นกันหลิ่วซู่รู้จักตัวอักษรไม่กี่ตัวด้วยซ้ำ แต่เจียงหวานหว่านไม่เพียงแต่วาดภาพเก่งเท่านั้น แต่ยังรู้วิชาแพทย์อีกด้วย “ท่านแม่ ทำไมไม่ส่งคนกลับสืบเรื่องสกุลหลิวที่บ้านเกิดของท่านพ่อดูเจ้าคะ”เฉาหยูเฟิ่งพูดอย่างไม่เห็นด้วย “มีอะไรให้สืบล่ะ นับตั้งแต่แต่งงานกับพ่อของเจ้า ข้าก็รู้จักสกุลหลิ่วแล้ว รู้ด้วยซ้ำว่านางหน้าตาเป็นอย่างไร”แต่เจียงอวิ้นยังคงยืนกรานในความคิดเห็นตัวเอง “ท่านแม่ ไปสืบดูให้แน่ชัดอีกดีกว่า ข้าดูๆ แล้วรู้สึกว่าเจียงหวานหว่านดูเค้าหน้าไม่เหมือนท่านพ่อและไม่เหมือนสกุลหลิ่วด้วย อีกอย่างหลังจากสกุลหลิ่วคลอดลูกแล้วก็ไม่ได้มาหาเราอีก ไม่แน่ว่าอาจมีบางอย่างซ่อนอยู่”เมื่อเฉาหยูเฟิ่งได้ยินดังนี้ นางก็คึกคักขึ้นมาทันทีหากพิสูจน์ได้ว่าเจียงหวานหว่านไม่ใช่ทายาทของตระกูลเจียง ก็หมายความว่าสกุลหลิ่วไม่รักษาจารีตหญิง มีความสัมพันธ์กับชายชู้การดึงสกุลหลิ่วลงจากตำแหน่งภรรยาเอกก็คงจะรอไม่นานแ
เจียงหวานหว่านผลิยิ้มบางๆ แล้วพูดว่า “ท่านพ่อ ท่านอ๋องให้เกียรติมากพอแล้ว ถ้าขืนข้าได้คืบจะเอาศอกอีก ท่านคิดว่าเหมาะสมแล้วหรือเจ้าคะ”“แค่ให้เจ้าพูดถึงหนเดียวเท่านั้น”เจียงป๋อเหนียนกล่าวอย่างไม่อดทนเจียงหวานหว่านยิ้มเล็กน้อย “ท่านพ่อ หากข้าพูดถึง เกรงว่าวันหน้าจะไม่สามารถเข้าประตูจวนอ๋องได้อีกแล้ว”“เจ้าไม่ยอมช่วยรึ”เจียงป๋อเหนียนปรายตามอง ท่าทางไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมากนัยน์ตาของเจียงหวานหว่านตวัดแววเยียบเย็น “ท่านพ่อ ลูกคิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะกับการเลื่อนตำแหน่ง ท่านพ่อรอสักพักก่อนดีหรือไม่”“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”เจียงป๋อเหนียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หรือว่าเจียงหวานหว่านไปได้ยินเรื่องอะไรมา“ระหว่างทางที่ลูกกับท่านแม่เดินทางมายังเมืองหลวง เห็นมีผู้ประสบภัยจำนวนมาก ท่านพ่อรับตำแหน่งรองหัวหน้าสำนักตรวจตราฝ่ายซ่ายในยามนี้จึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”เจียงป๋อเหนียนดูงุนงง “ผู้ประสบภัยเกี่ยวข้องกับตำแหน่งนั้นอย่างไร”“ท่านพ่อ ถ้าฝ่าบาทให้ท่านพ่อไปตรวจตราภัยฟ้าฝนแห้งแล้ง ท่านพ่อมีมาตรการรับมือหรือไม่”เจียงหวานหว่านมองไปยังเจียงป๋อเหนียนด้วยรอยยิ้ม“แน่นอนว่าต้องจัดสร
ชิวเซียงสาวใช้คนสนิทของเจียงจิ่นหนิงรวบรวมความกล้า เดินมาต่อหน้าเจียงหวานหว่านอย่างระมัดระวัง“คุณหนูหก”เจียงหวานหว่านไม่สนใจสาวใช้ชิวเซียง นางเดินตรงไปที่กรงนกทันทีเอื้อมมือหยิบผ้าสีดำที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาคลุมกรงนกไว้เมื่อนกแก้วเห็นความมืด มันก็หยุดร้องเจียงหวานหว่านยกกรงนกลง“คุณหนูหก ถ้านกแก้วหายไป บ่าวก็ไม่รู้จะอธิบายกับนายน้อยห้าว่าอย่างไร”ชิวเซียงพูดอย่างหวาดกลัวเจียงหวานหว่านเหลือบมองนาง “แค่บอกความจริงไป”หลังจากพูดจบ เจียงหวานหว่านก็หันหลังกลับ และอุ้มนกแก้วจากไปชิวเซียงกระทืบเท้า ถ้านายน้อยห้ารู้เรื่องนี้ คงจะโกรธมากแน่นอนเจียงหวานหว่านถือนกแก้วไว้ในมือ ยิ้มเยาะอยู่ในใจเจียงจิ่นหนิงหัวแข็งมาก ต้องให้เขาได้รับบทเรียนบ้างเมื่อเดินไปถึงห้องครัวเล็ก ก็เห็นมู่เซียงกำลังนั่งจุดไฟข้างเตาไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่ ท่าทางดูเหม่อลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว“มู่เซียง”เจียงหวานหว่านตะโกน แต่มู่เซียงเหมือนจะไม่ได้ยินนางเมื่อเห็นว่ามู่เซียงดูแปลกๆ เจียงหวานหว่านก็ประหลาดใจ เดินไปหามู่เซียง“คุณ...หนู!” ครั้นเห็นว่ามีคนอยู่หน้าหน้าตนเอง พอมู่เซียงจำได้ว่าเป็นใ
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงหวานหว่าน เจียงจิ่นหนิงก็รู้สึกร้อนตัว แต่ฝืนพูดอย่างใจกล้า “ข้าพอใจ”“ช่างบังเอิญเสียจริง ข้าก็พอใจ ที่ได้สั่งสอนความเป็นคนให้เจ้า”ขณะที่นางพูด เจียงหวานหว่านก็ยืนขึ้น ขยับข้อมือยืดเส้นยืดสาย แล้วง้างมือขึ้นฟาดหน้าเจียงจิ่นหนิงเมื่อหลิ่วซู่เห็นดังนี้ แม้ว่าใจจะทนไม่ไหว แต่ก็ไม่ได้บอกให้นางหยุดตอนที่หวานเจี่ยเออร์กลับมา ได้เล่าเรื่องที่เจียงจิ่นหนิงสอนนกแก้วพูดให้นางฟังแล้วลูกชายคนนี้ถูกเฉาหยูเฟิ่งเลี้ยงดูให้เสียคน การที่หวานเจี่ยเออร์จัดการเขาก็นับเป็นการช่วยสั่งสอนเขานางเชื่อว่าหวานเจี่ยเออร์รู้ดีว่าอะไรควรไม่ควรคนที่รู้จักเจียงหวานหว่านดีที่สุดคือหลิ่วซู่ แม้ว่าเจียงหวานหว่านจะทำร้ายเจียงจิ่นหนิง แต่นางก็หลีกเลี่ยงส่วนสำคัญได้เจียงจิ่นหนิงถูกทุบตีจนไม่แรงสู้กลับ“วันๆ เอาแต่เล่น จะตีไก่จูงนกก็ช่างเถอะ แต่กลับมาด่าทอสาปแช่งผู้ใหญ่ ข้าว่าเจ้าอยากตายแล้วจริงๆ”เจียงหวานหว่านเตะเจียงจิ่นหนิงอย่างแรงหลายครั้งถ้าไม่กังวลว่าท่านแม่จะเสียใจ นางคงไม่ปล่อยเขาไปง่ายๆหลังจากจัดการเจียงจิ่นหนิงแล้ว เจียงหวานหว่านก็สั่งให้คนพาเจียงจิ่นหนิงกลับเรือนเจ
เจียงหวานหว่านขึ้นรถม้าโดยมีสายตาของเทียนซูที่มองหัวจรดเท้าเทียนซูพลิกตัวขึ้นหลังม้าแล้วนำเจียงหวานหว่านตรงไปยังจวนอ๋องหลังจากเข้ามายังจวนอ๋อง เดิมทีเทียนซูจะพาเจียงหวานหว่านไปพบท่านอ๋องแต่ถูกเรียกตัวระหว่างทาง เทียนซูมองเจียงหวานหว่านอย่างลำบากใจ“ถ้าท่านมีธุระ ก็ไปเถิด ข้าไปเข้าพบท่านอ๋องเอง”เจียงหวานหว่านกล่าวตอบด้วยความเข้าใจเทียนซูเห็นว่าเจียงหวานหว่านเป็นแขกประจำของจวนอ๋องอยู่แล้วจึงพยักหน้าและเดินจากไปเจียงหวานหว่านรู้สึกโหวงๆ ขึ้นกลางอก นางมักจะสับสนกับเส้นทางเล็กน้อยปกติเซี่ยงหรงเป็นคนพาเข้ามา แต่วันนี้นางจำต้องเดินไปข้างหน้าด้วยตัวคนเดียวเมื่อเห็นว่าตัวเองเดินกลับมายังที่เดิมเจียงหวานหว่านก็ถอนหายใจ นางเดินไปมาทางเดิมสามครั้งแล้วความจริงได้รับการยืนยันแล้วว่านางหลงทางแล้วอยากจะถามทางใครสักคน รออยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่เห็นมีใครเจียงหวานหว่านเดินจนเหนื่อย ในใจพลางบ่นตำหนิ จวนอ๋องใหญ่เกินไปแล้วนางมองดูรอบๆ พลางเห็นประตูเรือนข้างเปิดอยู่ เจียงหวานหว่านจึงเดินเข้าไปนางหวังว่าจะมีใครอยู่ในนั้นแล้วชี้ทางให้กับนางนางย่ำเท้าเดินเข้าไปข้างในพลางเห็นว่ามีความเค
“เจ้ายอมไปกับข้าสักครั้งได้หรือไม่”เจียงหวานหว่านจึงถามหยั่งเชิง “ท่านอ๋องจะพาข้าไปดูคนป่วยเหล่านี้หรือ”“ใช่”เจียงหวานหว่านเป็นห่วงท่านแม่ คนในจวนเจียงเหล่านั้นล้วนแต่เป็นสัตว์ป่าดุร้ายทั้งนั้น“ข้าจะส่งคนไปดูแลแม่ของเจ้าเอง”เจียงหวานหว่านคิดไม่ถึงเลยว่าหรงซีจะเดาได้ว่านางกังวลเรื่องอะไร“ออกเดินทางเมื่อไหร่หรือเพคะท่านอ๋อง”“ยิ่งเร็วยิ่งดี”เจียงหวานหว่านไม่คิดเลยว่าจะเร่งด่วนถึงเพียงนี้“ให้เวลาข้าเตรียมตัวอีกวันสองวันได้หรือไม่”“ได้”เจียงหวานหว่านหยิบพู่กันบนโต๊ะขึ้นมา นางเขียนสิ่งที่ต้องการและบอกหรงซีให้ส่งไปยังจวนเจียงในวันพรุ่งนี้ในเมืองชิงเหอเขตหรูหนิง เหตุใดถึงมีอาการป่วยประหลาดเช่นนี้เกิดขึ้นที่นั่น ช่างน่าแปลกเสียจริงเมื่อรู้ว่าตนเองจะต้องเดินทางไกล นางจึงเปลี่ยนเส้นทางไปยังเรือนโจวไท่ฟูแทน“แม่นางเจียง มีธุระอันใดหรือ”โจวไท่ฟู่รู้สึกประหลาดใจกับการมาหาของเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านจึงเล่าการออกเดินทางของตนเองให้กับโจวไท่ฟู่“แม่นางจะไปนานแค่ไหน”เจียงหวานหว่านหยิบใบสั่งยาที่เตรียมเอาไว้ยื่นให้กับโจวไท่ฟู่ “หลังจากกินยาชุดก่อนหมดแล้ว ก็กินยาชุดนี้
เจียงหวานหว่านตกอยู่ในภวังค์ของตัวเองชาติก่อน หรงมู่หานขังนางเอาไว้ในห้องลับ ยังมีสตรีอีกนางหนึ่งอยู่ด้วยตอนที่นางถูกจับเข้าไป สตรีนางนั้นก็ถูกนำตัวออกไปสตรีนางนั้นหายใจโรยรินตอนที่หิ้วสตรีนางนั้นออกไป นางได้เห็นใบหน้าสตรีนางนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจตอนนั้นคิดว่าสตรีนางนั้นหน้าตาคุ้นตามากเมื่อรวมกับใบหน้าของหรงซี สตรีนางนั้นและหรงซีมีความคล้ายกันอยู่แปดส่วนคงเป็นเสด็จแม่ของหรงซีซ่างกวนเสวี่ยเจียงหวานหว่านมองหรงซีด้วยสายตาสับสนนางรู้แล้ว เป็นความลับที่ชาติก่อนนางกับหรงซีไม่ล่วงรู้นางคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับหรงซีเช่นไรหรงซีเห็นสีหน้าเจียงหวานหว่านก็คิดว่านางต้องรู้เรื่องบางอย่าง“เจ้ารู้จักเสด็จแม่ข้า?”หรงซีกล่าวประโยคนี้ออกมาสัญชาตญาณเขาบอกเขาว่าเจียงหวานหว่านเคยพบเสด็จแม่ของเขาเจียงหวานหว่านสับสนในใจห้องลับอยู่ในห้องอักษรของฝ่าบาทหากสตรีนางนั้นเป็นเสด็จแม่ของหรงซีจริงเช่นนั้นใครเป็นผู้บงการเรื่องการหายตัวของเสด็จแม่หรงซี ก็ไม่ต้องคาดเดาแล้วเป็นฝ่าบาทองค์ปัจจุบันฝ่าบาทมีประสงค์ใดจึงได้กักขังเสด็จแม่ของหรงซีเอาไว้ในห้องลับหรือเพื่อควบคุมอำนาจทหารในมือหรง
“เจียงหวานหว่าน เจ้าเคยทำอาหารให้เซียวหวายกินหรือไม่?”เจียงหวานหว่านยิ้ม “นอกจากท่านแม่และสือหลิ่วแล้ว ข้าเคยทำอาหารให้ท่านอ๋องแค่คนเดียว”หรงซีพอใจกับคำตอบของเจียงหวานหว่านมาก“ต่อไปทำอาหารให้ข้ากินได้คนเดียวเท่านั้น”เจียงหวานหว่านคิดสักพัก “ได้”หรงซีพอใจมากเมื่อเห็นคราบโจ๊กที่มุมปากนางหรงซีใช้นิ้วหัวแม่มือเช็ดให้ ทำเอาเจียงหวานหว่านเขินจนหน้าแดง“ท่านอ๋อง มือท่านไม่มีแรงไม่ใช่หรือ?”เจียงหวานหว่านถามอย่างรู้ทัน“อืม”หรงซีหน้าไม่แดง ใจไม่เต้นเร็วเจียงหวานหว่านเบะปาก หรงซีกำลังโกหกชัดๆแต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่หรงซีถูกพิษเพราะขนมของนาง นางก็ยอมให้ความร่วมมือกับเขา“ท่านอ๋องต้องกินให้มากหน่อย ไม่แน่พรุ่งนี้ก็อาจลุกจากเตียงได้แล้ว”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยความหงุดหงิด“ยาพิษกลืนวิญญาณ จะหายเร็วเพียงนั้นได้เช่นไร”“ตุบ”ชามในมือเจียงหวานหว่านร่วงลงพื้น“ท่านถูกยาพิษกลืนวิญญาณ?”ผู้ถูกยาพิษกลืนวิญญาณจะต้องตายภายในสามวันนางจับมือของหรงซีแล้ววางนิ้วมือตัวเองทาบลงไปหรงซีเห็นท่าทางร้อนใจของนางก็รู้สึกอบอุ่นในใจ“ชีพจรท่านอ๋องได้รับความเสียหาย ยังดีที่ยายใบ้อยู่ด้วย
เจียงหวานหว่านส่ายหน้า นางไม่ได้วางยาหรงซี“ปล่อยนาง”หรงซีได้ยินเสียงจึงเอ่ยปาก“ท่านอ๋อง พิษถอนหมดแล้ว พักผ่อนมากๆ”หญิงชรานั่งอยู่ข้างเตียงหรงซีกล่าวเสียงทุ้มต่ำ“ขอบคุณมากยายเฒ่า”หรงซีกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรงหญิงชราลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปตอนที่เจียงหวานหว่านได้เห็นใบหน้าหญิงชราก็ใจกระตุกหญิงชราก็คือยายใบ้ อาจารย์ของซิ่วกู่“เทียนซู เจ้าก็ออกไปด้วย”“ท่านอ๋อง แต่ว่า...”เทียนซูไม่ไว้ใจกลัวว่าเจียงหวานหว่านจะคิดร้ายต่อท่านอ๋อง“ออกไป...”แม้เสียงของหรงซีจะอ่อนแรง แต่น้ำเสียงนั้นก็เกินพอแล้วเทียนซูมองเจียงหวานหว่านด้วยสายตาเตือน จากนั้นก็ออกจากห้องไปเจียงหวานหว่านเห็นหรงซีใบหน้าซีดขาว นางไม่กล้าเข้าไปหานางนึกถึงฉากที่หรงซีตายเพื่อนางในชาติที่แล้วขึ้นมา“เข้ามา”หรงซีขมวดคิ้วเจียงหวานหว่านน้ำตาตก เดินเข้าไปหาหรงซี“เจียงหวานหว่าน เป็นโชคดีของเจ้าที่ข้ายังไม่ตาย”หรงซีมองเจียงหวานหว่านที่กำลังตื่นตระหนกทำสิ่งใดไม่ถูกเขาถูกพิษหลังจากที่กินขนมของเจียงหวานหว่านแต่เขาไม่สงสัยในตัวเจียงหวานหว่านสักนิด“ท่านอ๋อง ข้าไม่รู้เหตุใด...”“เจ้าไม่ใช่คนวางยา ข้ารู้”
“ไอ้หยา”เจียงจิ่นเซวียนแกล้งทำเงินตกพื้นอย่างไม่ตั้งใจสือหลิ่วเห็นดังนั้นก็วางกล่องอาหารลงและวิ่งไปเก็บเศษเงินที่ตกกระจายอยู่ทั่วพื้นเจียงจิ่นเซวียนค่อยๆ ขยับและเปิดกล่องอาหารอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โรยผงบางอย่างลงไปสือหลิ่วเก็บเศษเงินกลับมาหมดแล้ว เจียงจิ่นเซวียนกล่าวขอโทษ “แม่นางสือหลิ่วลำบากแล้ว”“ไม่เป็นไร คุณชายสี่ ข้าไปก่อนเจ้าค่ะ”สือหลิ่วหยิบกล่องอาหารขึ้นมาแล้วบอกลาเจียงจิ่นเซวียนเจียงจิ่งเซวียนกล่าวอย่างนุ่มนวล “แม่นางสือหลิ่วเดินทางระวังด้วย”“เจ้าค่ะ”สือหลิ่วรู้สึกเขินอายหลังจากพยักหน้าให้เจียงจิ่นเซวียนแล้ว นางก็เดินทางไปจวนอ๋องในมุมที่สือหลิ่วมองไม่เห็น เจียงจิ่นเซวียนยิ้มเยาะเย็นชานี่คือบทเรียนเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาให้เจียงหวานหว่านสือหลิ่วไม่สงสัยสักนิด นางเดินถือกล่องอาหารมาถึงจวนอ๋องหลังส่งกล่องอาหารเรียบร้อย นางไปร้านหนังสือเพื่อซื้อกระดาษให้เจียงจิ่นเซวียนซื้อกระดาษเสร็จแล้ว สือหลิ่วกลับถึงจวนและนำกระดาษไปส่งให้เจียงจิ่นเซวียน“แม่นางสือหลิ่ว เรื่องซื้อกระดาษในวันนี้ ไม่ต้องบอกน้องหก นางไม่ชอบให้ข้าเข้าใกล้คนเรือนเหมย หากนางรู้ว่าข้าเรียกใช้คนข
เจียงหวานหว่านมองดูรถม้าจวนอ๋องจากไปรถม้าจวนอ๋องไปไกลแล้ว เจียงหวานหว่านเก็บสายตากลับมาและเดินเข้าจวนไป“น้องหก รอก่อน”เจียงจิ่นเซวียนเรียกเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหยุดเดินแล้วถามเสียงเย็น “มีเรื่องใด?”“น้องหก ได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋อง เป็นวาสนาของเจ้านัก ต้องรักษาไว้ให้ดี อย่าทำให้ท่านอ๋องโกรธจนลากคนในจวนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”เจียงจิ่นเซวียนเดินมาข้างกายเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านหงุดหงิด เจียงจิ่นเซวียนไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปจริงด้วย คอยแต่จะหาโอกาสถากถางนางน้ำเสียงดูแคลนหาว่านางไม่คู่ควรกับท่านอ๋อง ช่างเป็นพี่ชายแท้ๆ ของนางจริงๆ“พี่สี่คอยปรนนิบัติรัชทายาทมาตั้งหลายปี การประจบสอพลอคงเป็นสิ่งที่พี่สี่ถนัดนัก หน้าไหว้หลังหลอกเป็นความสามารถโดดเด่นของพี่สี่ พี่สี่ใช้ชีวิตได้อย่างหน้าซื่อใจคดจริงๆ”รอยยิ้มจอมปลอมของเจียงจิ่นเซวียนเลือนหายไปเขานึกไม่ถึงว่าเจียงหวานหว่านจะด่าเขาไม่ไว้หน้าสักนิดเจียงหวานหว่านไม่มองเจียงจิ่นเซวียนแม้แต่น้อย นางเดินเข้าไปในประตูจวนหากอยู่นานกว่านี้หน่อยนางยิ่งรู้สึกขยะแขยง เจียงจิ่นเซวียนน่ารังเกียจกว่าเจียงจิ่นหนิงเสียอีกเจียงจิ่น
นางเปิดผ้าม่านเตรียมตัวลงรถม้าทันใดก็ถูกแรงกระชากนางกลับเข้ามาในรถม้าเจียงหวานหว่านจมเข้าสู่อ้อมกอดหรงซีกลิ่นหอมอำพันทะเลลอยเข้าจมูกนางหรงซีกุ้มหน้ามองเจียงหวานหว่านไม่พูดไม่จาเจียงหวานหว่านคิดจะลุกขึ้นกลับถูกหรงซีกอดเอาไว้แน่นคนสองคนจ้องตากันและกัน ไม่มีใครพูดจา“เหตุใดรถม้าจวนอ๋องถึงจอดอยู่ตรงนี้?”เจียงจิ่นเซวียนกลับมาถึงจวนพอดีและเห็นรถม้าจวนอ๋องจอดอยู่หน้าบ้านของตนเจียงหวานหว่านได้ยินเสียงเจียงจิ่นเซวียน ดวงตาก็กลับมาแจ่งชัดอีกครั้ง“ท่านอ๋อง พี่สี่ข้าอยู่ข้างนอก รีบปล่อยข้า”หรงซียิ้มเย็น “ข้าต้องกลัวเขาด้วย?”เจียงหวานหว่านกัดฟัน “ท่านอ๋องไม่กลัว แต่ชื่อเสียงข้าไม่เหลือแล้ว วันหน้าหากแต่งงานก็จะถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เอาได้”“เจ้าคิดจะแต่งกับใคร? กู้ฉางชิง? หรือเซียวหวาย?”เจียงหวานหว่านประหลาดใจ นางแต่งงานเกี่ยวข้องอันใดกับพวกเขาฝีเท้าของเจียงจิ่นเซวียนเดินเข้ามาใกล้เจียงหวานหว่านกดร่างต่ำลงแล้วกล่าวอย่างออดอ้อน “ท่านอ๋อง ขอร้องท่านล่ะ”หรงซีได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเจียงหวานหว่าน ความโมโหในใจลดไปไม่น้อย“เจียงหวานหว่าน เจ้าติดค้างข้า ครั้งหน้าข้าไม่ปล่อ
เจียงหวานหว่านได้ฟังคำพูดของหรงซีก็หันไปยิ้มให้เซียวหวายอย่างจนปัญญา“เซียวหวาย ขอโทษด้วย พรุ่งนี้ข้าจะไปพบเจ้า”เซียวหวายยิ้มแย้ม “แม่นางเจียง พรุ่งนี้ข้ามารับเจ้า”“ก็ดี...”ยังไม่ทันได้กล่าวจบประโยค เจียงหวานหว่านรู้สึกว่าตัวเองถูกจับข้อมือเอาไว้ไม่รู้ว่าหรงซีลงมาจากรถม้าตั้งแต่เมื่อใดเขาสีหน้าบึ้งตึง ดึงข้อมือเจียงหวานหว่าน ลากนางขึ้นรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง โปรดปล่อยแม่นางเจียงด้วย”เซียวหวายเห็นเจียงหวานหว่านถูกหรงซีผลักขึ้นรถม้า เขาจึงตามไปขวางแต่ถูกเทียนซูขวางเอาไว้ เซียวหวายผลักเทียนซู ทว่าเทียนซูไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยหรงซีทำเหมือนไม่ได้ยินเซียวหวายโกรธเจียงหวานหว่านหันหน้ามากล่าวกลับเซียวหวายที่อยู่ด้านหลัง“คุณชายเซียว ข้าไปก่อนนะ”มือของหรงซีดึงศีรษะเจียงหวานหว่านเข้าไปในรถม้าเซียวหวายนั่งอยู่บนรถม้าสกุลเซียว กำลังตามท้ายรถม้าจวนอ๋อง“ท่านอ๋อง รถม้าของคุณชายเซียวตามอยู่ด้านหลัง”เทียนซูที่อยู่ด้านนอกกล่าวรายงานหรงซี“สะกดรอยตามราชวงศ์ มีเจตนาไม่ดี เทียนซู ส่งคุณชายเซียวไปยังสถานที่ที่เขาควรไป”เทียนซูลังเล“ท่านอ๋อง คุณชายเซียวเป็นน้องชายเซียวกุ้ย
เซียวกุ้ยเฟยยิ้มอย่างอบอุ่น“ฝีมือของอ้ายเฟย ข้าชอบยิ่งนัก”ฝ่าบาทตรัสด้วยถ้อยคำสองแง่สองง่ามเซียวกุ้ยเฟยหุบตาลงด้วยความเขินอาย จากนั้นก็พยุงฝ่าบาทเดินไปด้วยกันรอจนกระทั่งไม่เห็นเงาฝ่าบาทแล้วหรงซีสีหน้าเย็นชา ดวงตาเย็นชายิ่งกว่า จับจ้องมองหรงมู่หานหรงมู่หานรับรู้ถึงความโกรธท่วมท้นของหรงซี“เสด็จอา หลานขอตัวก่อน”ระหว่างที่กล่าว สายตาเขาเหล่มองเจียงหวานหว่านเจียงหวานหว่านกรอกตาบนใส่หรงมู่หานนัยน์ตาหรงซีใกล้ระเบิดแล้วเขาขยับข้อมือก้อนเงินถูกดีดออกไปดีดโดนบริเวณกระดูกขาของหรงมู่หาน“เอื้อ...”หรงมู่หานรู้สึกถึงกระแทกที่ขาความเจ็บปวดจู่โจมกะทันหัน ทำให้เขาทรุดเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเจียงหวานหว่าน”“องค์ชายรอง รู้ว่าผิดรู้จักแก้ไข เป็นสิ่งที่ดียิ่ง แต่ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตองเช่นนี้”เจียงหวานหว่านกล่าวด้วยท่าทางใจกว้าง“เจ้า พวกเจ้า...”หรงซีและเจียงหวานหว่านเดินเคียงข้างกันจากไปโดยไม่สนใจหรงมู่หานหรงมู่หานรู้ว่าเป็นฝีมือหรงซีความรู้สึกอัปยศอดสูพุ่งเข้าสู่หน้าอกใบหน้าของเขาถูกหรงซีกับเจียงหวานหว่านทำลายจนป่นปี้หรงมู่หานมองแผ่นหลังทั้งสองคนแล้วสาบานกับตัวเอง
วิชาการแพทย์ของเจียงหวานหวานล้ำเลิศ พิษในร่างกายของน้องชายจะกำจัดไปได้เมื่อใดก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว เขาต้องวางแผนเอาไว้“น้องชาย ช่วงนี้สุขภาพเจ้าดีหรือไม่ เจ้าไม่ได้ไปให้หมอหลวงตรวจนานแล้ว”หรงซีหุบสายตาลง จากนั้นก็ประสานมือ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงนึกถึง ช่วงนี้น้องชายสุขภาพไม่ดี วันนี้จะไปให้หมอหลวงตรวจอาการ”ฝ่าบาทเมื่อได้รับฟังก็เบาพระทัยลงมากพิษในตัวน้องชายถูกถอนไปแล้วหรือไม่ ถามหมอหลวงก็รู้แล้วฝ่าบาทหรี่พระเนตร มีแผนการในพระทัยแค่หมอหลวงจับชีพจรก็จะรู้ว่าหรงซีถอนพิษไปแล้วหรือไม่“แม่นางเจียง โรคของหรงซี เจ้ามีวิธีรักษาหรือไม่?”ฝ่าบาททอดพระเนตรเจียงหวานหว่าน“ฝ่าบาท แม่นางเจียงก็รักษาโรคของข้าไม่หายเช่นกัน”หรงซีกล่าวประโยคหนึ่งเจียงหวานหว่านรู้สึกว่าหรงซีประหลาดมาก เหตุใดกล่าวเช่นนั้นทว่าเมื่อเห็นสายพระเนตรฝ่าบาท นางเข้าใจทันทีฝ่าบาทต้องการให้หรงซีประคองความมั่นคงของแคว้น เขาไม่มีทางเปิดโอกาสให้หรงซีได้ครองบัลลังก์ในสมองเจียงหวานหว่านผุดความคิดหนึ่งขึ้นมาพิษหนอนกู่ในร่างกายหรงซีเป็นของฝ่าบาทจังหวะหัวใจนางเต้นเร็วขึ้น หากเป็นเช่นนี้ หรงซีก็จะถูกฝ่าบาทควบคุม