@ร้านอาหารหรู....สุดท้ายไพลินก็ต้องมาทานข้าวกับเจ้านายตามหน้าที่ เพราะสองหนุ่มให้เหตุผลว่าจะมาคุยงานด้วย พอมาถึงโต๊ะที่โทรมาจองไว้ ชาญวิทย์ก็เดินไปนั่งก่อน ตามด้วยวรานนท์ที่นั่งอยู่อีกฝั่ง ไพลินมองที่นั่งข้างๆ ที่อยู่ข้างๆ สองหนุ่ม เธอไม่รู้จะนั่งตรงไหนดี จึงได้แต่ยืนลังเล“นั่ง...” วรานนท์กำลังจะพูดออกไป แต่ไพลินกลับเลือกที่จะนั่งข้างๆ เจ้านายของเธอซะก่อน แล้วทั้งโต๊ะก็ถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ชาญวิทย์ก็เอาแต่นั่งเงียบรอดูสถานการณ์ไปก่อน“พี่ชาญทานเหมือนเดิมมั้ยคะ?” ไพลินถามชาญวิทย์ขึ้นมาอย่างใส่ใจ เพราะนี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งในหน้าที่ของเธอเหมือนกัน แต่การกระทำของเธอทำให้คนที่ร่วมโต๊ะอยู่ด้วยไม่พอใจขึ้นมา“คุณพราวเป็นยังไงบ้าง ยังแพ้ท้องอยู่หรือเปล่า?” วรานนท์ถามขึ้นมาในขณะที่รออาหารมาเสิร์ฟ“แพ้หนักมาก ฉันจะพาไปหาหมอพราวก็ไม่ยอมไป” ชาญวิทย์พูดออกไปตามอาการที่เห็น แล้วอยู่ๆ ก็นึกเป็นห่วงเมียกับลูกขึ้นมา ถึงจะมีแม่กับแม่บ้านคอยดูแลอยู่ก็ตาม“แกรีบไปไหนมั้ยว่ะ?” ชาญวิทย์ถามวรานนท์ขึ้นมาทันที“ไม่”“ถ้างั้นฉันรบกวนไปส่งน้องลินหน่อยนะ พี่ลืมไปว่าพราวรอทานข้าวกับพี่ ลินเข้าบริษัทกับไอ้นนท์
ไพลินนั่งนิ่งอยู่บนหน้าตักของวรานนท์ โดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไร หรือจะต้องทำยังไงเพราะอยู่ๆ เธอก็เหมือนโดนสะกดด้วยอ้อมแขนแกร่ง ยิ่งได้กลิ่นอบอุ่นประจำตัวเขา เธอก็ยิ่งคิดอะไรไม่ออก นอกจากภาพความสุขที่เคยทำร่วมกัน“ฉันคิดถึงเธอนะ” เขากระซิบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน และอ้อมกอดที่อบอุ่นทำให้เธอคล้อยตามและเชื่อในสิ่งที่เขาพูดออกมา แต่ก็ยังนั่งตัวแกร็งไม่ยอมสบตาของเจ้าของแขนแกร่ง“ไม่คิดถึงฉันเลยเหรอ” วรานนท์กระซิบข้างใบหูเล็ก ลมหายใจอุ่นๆ ลดแก้มใสจนไพลินขนลุกไปทั้งตัว นานเหมือนกันที่เธอไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้“คุณพูดจริงเหรอคะ” ไพลินถามออกไปเสียงสั่น เมื่อมือหนาลูบไล้แผ่นหลังของเธ“ฉันพูดจริงทุกเรื่อง และฉันก็จะไม่ยอมปล่อยเธอให้คลาดสายตาอีกแล้ว”วรานนท์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เช่นเดียวกับความต้องการของร่างกายที่แสดงออกว่าต้องการเธออย่างชัดเจน“แต่... อุ๊ป” ไพลินกำลังจะถามต่อ แต่คำพูดของเธอกลับโดนกลืนกินหายไป แล้วแทนที่ด้วยจูบอันดูดดื่มลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากหวาน ไล้เลียตามไรฟันอย่างช่ำชอง ความต้องการเพิ่มมากขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อคนในอ้อมแขนจูบตอบ ทั้งสองคนจูบแลกลิ้นกันอย่าง
“รีบทานสิ หิวไม่ใช่เหรอ” วรานนท์พูดออกไปท่าทางทะเล้น แล้วมองบะหมี่ที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าด้วยท่าทางสนใจ และแกล้งไม่รู้ไม่ชี้ว่าเธอจะพูดเรื่องอะไร“คุณไปพูดอะไร ทำไมป้าถึงได้พูดแบบนั้น แล้วยังเสิร์ฟบะหมี่ให้คุณก่อนคนอื่นอีก แถมยังเสิร์ฟน้ำให้ที่โต๊ะทั้งๆ ที่มีป้ายเขียนไว้ว่าให้บริการตัวเองอีกด้วย” ไพลินขมวดคิ้วอย่างงุนงงแล้วถามออกไปด้วยท่าทางสงสัย“ไม่มีอะไรหรอก รีบทานเถอะ หิวจะแย่แล้ว” วรานนท์แกล้งลูบท้องเหมือนที่เธอทำก่อนหน้า แต่คนตรงหน้ากลับไม่ขำ แล้วยังแย่งชามบะหมี่ของเขาไปอีกต่างหาก“ตอบมาก่อนสิคะว่าคุณไปพูดอะไรกับป้าไว้?” ไพลินถามด้วยท่าทางสงสัย“ก็แค่บอกว่าเมียท้อง แล้วก็ชอบโวยวายเวลาที่ต้องรออะไรนานๆ”วรานนท์ตอบไปด้วยท่าทางทะเล้น โดยที่ไม่ได้เกรงกลัวกับสายตาที่ดุดันของเธอเลยแม้แต่น้อย“พูดอะไรของคุณเนี่ย แบบนี้คนอื่นก็เข้าใจผิดหน่ะสิ” ไพลินขมวดคิ้วด้วยท่าทางไม่พอใจ“ถ้าไม่อยากให้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เราก็ทำให้มันเป็นเรื่องจริงเลยดีมั้ยหล่ะ”ใบหน้าหล่อเลิกคิ้วถามด้วยท่าทางทะเล้น สายตาที่มองเธอกลับแสดงออกว่าเขาเอาจริง จนไพลินต้องหลบสายตา แล้วรีบคืนชามบะหมี่ให้เขาทันที โดยไม่พูด
- หลายวันต่อมา -วรานนท์รอเวลาที่ไพลินเลิกงานอย่างใจจดใจจ่อ ตั้งใจจะชวนเธอไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารสุดหรูที่ให้เลขาโทรไปจองโต๊ะไว้เมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาและจะได้บอกความจริงให้เธอรู้ว่าเรื่องหมั้นเขาจัดการเคลียร์เรียบร้อยแล้ว เพราะทั้งสองฝ่ายไม่ได้รักกันและต่างฝ่ายต่างก็มีคนที่อยู่ในใจอยู่แล้วเพื่อเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ระหว่างที่รอไพลินเลิกงาน วรานนท์จึงเลือกที่จะไปเดินห้างซื้อชุดสวยๆ สักชุดให้ไพลินใส่ไปดินเนอร์กับเขาคืนนี้@ห้างสรรพสินค้าสุดหรูใช้เวลาไม่นานรถคันหรูก็ถูกขับมาจอดยังห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง เจ้าของรถคันหรูก็เดินเข้าไปภายในห้างทันทีเดินไปสักพักสายตาคมของวรานนท์เหลือบมองไปเห็นชุดสวยสีชมพูอ่อนแสนหวานในหุ่นที่ถูกตั้งโชว์ไว้หน้าร้าน ซึ่งเป็นร้านเสื้อแบรนด์เนมชื่อดัง ที่ไม่ต้องพูดถึงเรื่องของราคา เพราะแต่ละชุดแต่ละตัวนั้นราคาหลายหมื่นเลยทีเดียว วรานนท์ตัดสินใจเดินเข้าไปหาพนักงานในร้านเสื้อแบรนด์ดังทันที“ขอดูชุดสีชมพูอ่อนที่อยู่ในหุ่นหน้าร้านตัวนั้นหน่อยครับ” วรานนท์ถามพนักงานด้วยรอยยิ้มแสนหวาน ที่ชวนให้พนักงานในร้านแอบอิจฉาผู้หญิงที
@ร้านอาหารสุดหรูวรานนท์ขับรถมายังร้านอาหารหรูโดยมีไพลินนั่งอยู่เบาะข้างๆไพลินเดินตามวรานนท์เข้าไปในร้านด้วยความสงสัย ทำไมวรานนท์ถึงได้พาเธอมาทานที่ร้านหรูขนาดนี้“ได้จองโต๊ะไว้มั้ยคะ?” พนักงานสาวถามด้วยท่าทางสุภาพวรานนท์ยิ้มออกไปก่อนจะยื่นบัตรอะไรบางอย่างที่ได้มาจากเลขาให้พนักงานคนนั้น“เชิญค่ะ” พนักงานอีกคนผายมือให้วรานนท์กับไพลินเดินไปอิีกทาง ก่อนที่พนักงานคนนั้นจะเดินตามไปเมื่อวรานนท์กับไพลินเดินมาถึงโต๊ะที่จองไว้ วรานนท์ก็เดินไปขยับเก้าอี้ให้ไพลินนั่งอย่างสุภาพบุรุษ จากนั้นก็เดินไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามไพลินทันที“ทำไมถึงต้องมาร้านแพงขนาดนี้ด้วยคะ?” ประโยคแรกที่ออกจากปากบาง หลังจากนั่งนิ่งมานาน“สั่งอาหารเถอะ ฉันหิวแล้ว” วรานนท์พูดขึ้นก่อนจะเปิดดูเมนูอาหารที่พนักงานเอามาให้ แล้วสั่งอาหารไปหลายเมนู โดยที่ไม่ตอบคำถามของไพลิน“อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย?” วรานนท์พูดขึ้นเสียงหวาน“ไม่ค่ะ คุณสั่งเลย” ไพลินตอบขึ้นเสียงเรียบ ไม่ได้สนใจเมนูอาหารที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย“เอาแค่นี้ครับ” วรานนท์หันไปบอกพนักงานด้วยรอยยิ้ม“รอสักครู่นะครับ” พนักงานพูดขึ้นก่อนจะเก็บเมนูอาหารแผ่นบางแล้วเดิน
“อือออออ!!” เสียงหวานครางออกมาเบาๆ ขณะที่กำลังหลับอยู่ไพลินงัวเงียตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกเหมือนกับมีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไปมาที่หน้าอก ร่างกายเสียวซ่านเหมือนตอนที่ร่วมรักกับเขาไม่มีผิดหรือว่า…“จะทำอะไรคะ?” ไพลินต้องสะดุ้งตกใจตื่นเมื่อเห็นวรานนท์กำลังใช้มือทั้งสองสอดเข้าไปในเสื้อตัวบาง ก่อนจะออกแรงขย้ำอย่างมันส์มือ“ถ้าลินเหนื่อยก็นอนเลยนะ เดี๋ยวพี่ทำเอง” วรานนท์พูดออกไปพร้อมกับมือที่ยังคงมีความสุขกับหน้าอกอวบที่ใหญ่เกินตัวของเธอ“แต่ว่า...”ไพลินพยายามที่จะพูดขึ้น แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อวรานนท์ก้มลงมาประกบปากเธออย่างรวดเร็ว มือทั้งสองข้างก็ลูบไล้ไปทั่วร่างกายขาวเนียนของเธอ เขาปลุกเร้าอารมณ์ของเธออย่างช่ำชอง ราวกับว่าเขารู้จุดอ่อนของเธอเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าวรานนท์จะสัมผัสจุดไหนหรือสัมผัสตรงไหน ก็ทำให้เธอรู้สึกเสียวไปหมดทุกส่วน ร่างกายของเธอตอบรับสัมผัสของเขาไปหมดใบหน้าหล่อเลื่อนลงซุกไซ้ที่ซอกคอขาวสะอาด ก่อนจะสูดดมความหอมอย่างหื่นกระหาย ลิ้นร้อนไล้เลียที่ซอกคอขาวลิ้มรสความหอมหวานอย่างถึงใจ ก่อนจะขบเม้มจนทั่วอย่างเพลิดเพลินทำให้เกิดรอยแดงเป็นจ้ำๆ ตามลำคอขาวสะอาดมือหนาปลดกระดุมชุ
- อาทิตย์ต่อมา -Line!!เสียงแจ้งเตือนในมือถือของไพลินก็ดังขึ้น ขณะที่เธอกำลังนั่งเก็บของที่ถูกวางกระจัดกระจายอยู่บนเตียงเล็กอย่างใจเย็นVaranon : เก็บของเสร็จยัง?ร่างบางกดอ่านข้อความด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข ก่อนจะรีบพิมพ์ข้อความเพื่อส่งกลับทันทีPailin : ยังค่ะVaranon : งั้นอีกหนึ่งชั่วโมงพี่จะไปรับนะครับ พี่ขอเคลียร์งานก่อนPailin : (สติ๊กเกอร์โอเค)หลังจากส่งสติ๊กเกอร์ไปเธอก็วางโทรศัพท์ลง ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเก็บของใส่กระเป๋าไว้ รอให้วรานนท์มารับในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้าไม่นานของทั้งหมดก็ถูกนำมาวางไว้ที่กลางห้อง เพื่อที่จะได้สะดวกในการเคลื่อนย้ายออกจากห้อง..- หนึ่งชั่วโมงผ่านไป -ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!ร่างบางรีบลุกขึ้นจากเตียงเล็กกลางห้องแล้วเดินมาเปิดประตูห้องทันที เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น และคงเป็นใครไปไม่ได้แน่ นอกจาก...“เรียบร้อยแล้วใช่มั้ย?” วรานนท์พูดขึ้นเสียงเรียบก่อนจะเดินเข้ามาในห้องเล็กที่คุ้นเคย เพราะตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาวรานนท์ก็อยู่กับเธอในห้องนี้ เช้าไปส่ง เย็นไปรับกลับมานอนที่ห้องด้วยกันตลอด มือหนายกขึ้นโอบเอวบางอย่างอบอุ่น แล้วเดินเข้ามาในห้องด้
“หลับตาก่อนสิคะ" ร่างบางจำเป็นต้องจำยอมทำตามที่เขาบอกอย่างง่ายดาย เพราะแค่เขาจูบก็ทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบตามร่างกายไปหมดวรานนท์นอนนิ่งอยู่ในอ่าง ก็ค่อยๆ หลับตาลงอย่างว่าง่ายไม่ต่างกัน“ห้ามโกงนะคะ”ไพลินพูดเสียงดุ มองวรานนท์ที่กำลังหลับตานั่งพิงขอบอ่างอย่างสบาย ก่อนจะค่อยๆ ถอดเสื้อออก โดยที่เธอไม่รู้เลยว่ามีสายตาของคนขี้โกงแอบมองอยู่ จนกระทั่ง...“ช้ากว่านี้…” ร่างหนาที่นอนแช่น้ำในอ่างพูดเสียงแหบออกมาเบาๆร่างบางตกใจไม่คิดว่าเขาจะลืมตาขึ้นมาแอบมองในตอนที่เธอกำลังถอดเสื้อออก เหลือแค่เพียงบลาสีหวานปกปิดหน้าอกสวยเอาไว้“พี่นนท์ขี้โกง” ไพลินพูดเสียงดังออกมาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขี้โกง“มาถึงขั้นนี้แล้ว ลินจะอายพี่ทำไม” วรานนท์พูดเสียงเรียบ ก่อนจะเอื้อมไปจับมือหญิงสาวอย่างอ่อนโยน“ถอดออกแล้วลงมาแช่น้ำอุ่นด้วยกันนะ จะได้สบายตัว... นะครับ” ร่างหนาพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางอ้อนวอนสุดๆเมื่อไพลินเห็นลูกอ้อนของเขาก็ต้องทนไม่ไหว ถึงกับยอมแพ้ในลูกอ้อนที่เขาแสดงออกมาอย่างง่ายดายร่างบางค่อยๆ ถอดสิ่งที่ปกปิดร่างกายออกจนหมด เผยให้เห็นหน้าอกอวบอิ่มที่น่าดูดกลืนปลายยอดอกสีชมพูสวยงาม หน้าท้องแบนราบ และ...
- สองวันต่อมา -@บ้านกิตติคุณเวลา 10.00 น.หลังจากที่วรานนท์ได้ออกจากโรงพยาบาลก็กลับมาพักฟื้นที่บ้าน คุณหญิงวรมลต่างให้แม่บ้านจัดเตรียมอาหารต้อนรับลูกชายกลับบ้าน มีทั้งอาหารคาวหวานต่างๆ มากมายหลายเมนู พร้อมกับจัดเตรียมห้องไว้สำหรับไพลินกับวรานนท์หลังจากที่เรื่องไม่ดีต่างๆ ผ่านไปก็ย่อมมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้น อย่างที่เขาว่ากันว่า... ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ... ชีวิตของไพลินก็เช่นกันบนโต๊ะอาหารที่มีอาหารต่างๆ หลากหลายเมนูให้เลือกทานที่ถูกจัดแต่งไว้บนโต๊ะอย่างสวยงาม ที่โต๊ะอาหารกลับมีคนนั่งอยู่แค่เพียงสี่คน แต่กลับทำอาหารเยอะแยะมากมายราวกับทำเอาไว้เลี้ยงคนทั้งซอยไพลินนั่งมองอาหารด้วยท่าทางตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้มานั่งร่วมโต๊ะอาหารกับคุณหญิงวรมลและวนิดา ครั้งก่อนเธอยังได้ทำหน้าที่เป็นสาวใช้ของบ้านหลังนี้อยู่เลย แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้...ไพลินยังคงตื่นเต้นอยู่ภายในใจไม่หาย“ทานเยอะๆ นะตานนท์... ไพลินก็ด้วยนะ” คุณหญิงบอกลูกชายอย่างห่วงใย ก่อนที่จะหันไปบอกไพลินด้วยความเป็นห่วงหลานที่อยู่ในท้องของเธอ“ค่ะ... คุณหญิง” ไพลินพูดออกมาอย่างอ่อนน้อม“คุณหญิงอะไรหล่ะ เรียกคุณแม่แบบตา
- สองเดือนต่อมา -ไพลินนั่งมองวรานนท์อย่างอ่อนใจ วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เธออยู่ดูแลวรานนท์แทบจะตลอดเวลา ใช้ชีวิตทุกอย่างอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ว่าจะกินข้าว จะนอน จะอาบน้ำ เธอแทบจะไม่ได้ออกไปไหน เรียกได้ว่าโรงพยาบาลจนแทบจะเป็นบ้านของเธอกับวรานนท์อีกหลังเลยก็ว่าได้ไพลินไม่อยากออกไปไหนเพราะกลัวว่าวรานนท์จะตื่นมาไม่เจอเธอ ในทุกๆ วันจะมีคุณหมอและพยาบาลเข้ามาตรวจและดูแลวรานนท์อยู่ตลอด ไพลินก็จะจัดดอกไม้ภายในห้องให้ดูสดใสและสวยงามอยู่ตลอดเช่นกัน เพราะเธอเชื่อว่าดอกไม้จะทำให้วรานนท์สดชื่นและจะได้รีบฟื้นขึ้นมาหาเธอกับลูกในเร็วๆส่วนคุณหญิงวรมลกับวนิดาก็วิ่งวุ่นอยู่กับเรื่องงาน เพราะตั้งแต่ที่วรานนท์เกิดอุบัติเหตุ หุ้นในบริษัทก็ลดลง จนคุณหญิงกับวนิดาต้องเข้าไปช่วยกันบริหารต่อจากวรานนท์ ส่วนเรื่องที่โรงพยาบาลไพลินอาสาที่จะดูแลวรานนท์ให้ ในตอนแรกคุณหญิงไม่ยอมเพราะเป็นห่วงหลานคนแรกทีี่อยู่ในท้องของไพลิน แต่ไพลินก็ดื้อไม่ยอม ยังคงยืนยันที่จะเป็นคนดูแลวรานนท์ คุณหญิงวรมลจึงจำยอมอย่างขัดไม่ได้ แต่คุณหญิงกับวนิดาก็เข้ามาหาไพลินกับวรานนท์ที่โรงพยาบาลทุกวัน“ลินอยากให้พี่นนท์ตื่นขึ้นมาเร็วๆ จัง อีกไม่กี
“สวัสดี... ไพลิน” อยู่ๆ ก็มีเสียงแหบของผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยทักทายไพลินขึ้นมา“อะ เอ่อ... สวัสดีค่ะ”ไพลินตกใจเมื่อได้ยินเสียงและเห็นบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน จนเธอรู้สึกกลัวขึ้นมาเพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนั้นคือคุณหญิงวรมลกับวนิดานั่นเอง“ทำไมเธอถึง...” คุณหญิงวรมลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด แต่ยังพูดไม่ทันจบก็ต้องหยุดพูดเสียก่อน“ลินไม่ได้เป็นคนบอกเรื่องนี้ให้คุณชาญรู้นะคะ... ลินจะไม่กลับไปหาคุณนนท์อีก ลินสัญญาค่ะ แต่...” ไพลินรีบพูดสวนขึ้นมาทันที เพราะกลัวคุณหญิงวรมลจะเข้าใจผิด ก่อนที่เธอจะเว้นระยะของคำพูดไว้“ลินอยากรู้แค่ว่า... ตอนนี้คุณนนท์เป็นยังไงบ้างคะ” ไพลินก้มหน้าก้มตาพูดออกมาด้วยความกลัวคุณหญิง“ตานนท์จะเป็นหนักกว่านี้ก็เพราะเธอนั้นแหละ!!” คุณหญิงวรมลพูดออกมาเสียงเรียบ พร้อมกับมองหน้าของไพลินด้วยสีหน้าและท่าทางเคร่งเครียด“คุณแม่คะ...” วนิดารีบพูดขึ้นเพื่อเตือนให้คนเป็นแม่ใจเย็นๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้ แต่คุณหญิงก็ทำหูทวนลมไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย“ลินขอโทษนะคะ” ไพลินพูดออกมาเสียงเบา ด้วยท่าทางที่รู้สึกผิด“ขอโทษเหรอ... ขอโทษแล้ว
หลังจากที่ชาญวิทย์นั่งคุยเรื่องแผนการที่จะทำให้ไพลินกลับมา กับวนิดาและคุณหญิงวรมลอย่างเข้าใจกันในทุกฝ่ายแล้ว ชาญวิทย์จึงขอตัวกลับก่อน ถึงแม้คุณหญิงวรมลกับวนิดาจะยังไม่อยากให้กลับและขอร้องให้เขาอยู่จนไพลินโทรกลับมาก็ตาม ชาญวิทย์จึงจำเป็นต้องโกหกว่าต้องเข้าไปทำงานที่บริษัท คุณหญิงวรมลจึงให้เขากลับก่อน ได้เรื่องยังไงให้รีบโทรมาบอกวนิดากับคุณหญิงวรมลทันที...ชาญวิทย์ขับรถออกจากโรงพยาบาลได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของชาญวิทย์ก็ดังขึ้น...สายตาคมมองทางข้างหน้าอย่างตั้งใจ มือหนารีบควานหาโทรศัพท์เพื่อจะได้ดูว่าใครที่โทรมา และชาญวิทย์ก็รีบกดรับสายทันทีที่เห็นว่าเป็นไพลินโทรมา“ครับน้องลิน” ชาญวิทย์ไม่รอช้ารีบพูดทักทายขึ้นมาทันที(พี่นนท์เป็นยังไงบ้างคะ?) ไพลินเองก็รีบถามออกมาทันทีด้วยความเป็นห่วงคนรัก“เอ่อ... คือว่า...” ชาญวิทย์พูดออกมาตะกุกตะกัก เพราะยังไม่ได้เตรียมคำพูดที่จะพูดกับไพลิน(คืออะไรคะ... พี่นนท์เป็นอะไร?) ไพลินคิดไปไกลกับท่าทางและคำพูดที่ฟังดูไม่ค่อยสู้ดีนักของชาญวิทย์ จึงรีบถามขึ้นมาทันที“น้องลินว่างมั้ยครับ... ออกมาเจอพี่ที่ร้านกาแฟxxxหน่อยได้มั้ย พี่จะบอกอาการของไอ้นนท์ให้น้องลินฟ
@โรงพยาบาลxxx“คิดอะไรอยู่เหรอยัยดา?” คุณหญิงวรมลเอ่ยถามวนิดาออกมาด้วยความสงสัย เพราะเห็นวนิดาเอาแต่นั่งเหม่อ ไม่สนใจอะไรอยู่สักพักแล้ว“คะคุณแม่...” วนิดาถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินเสียงของคุณหญิงวรมลพูดขึ้น แต่ด้วยใจที่เหม่อลอยจึงทำให้เธอไม่ได้ยินในสิ่งที่คุณหญิงวรมลพูดออกมาสักเท่าไหร่ เธอจึงถามออกไปทันทีที่มีสติขึ้นมา“แม่ถามว่าเป็นอะไร... คิดอะไรอยู่ถึงได้นั่งเหม่อขนาดนี้” คุณหญิงวรมลจึงถามออกมาด้วยความสงสัยอีกครั้ง“คือ... ดากำลังคิดอยู่ค่ะว่าจะไปตามหาไพลินที่ไหนได้บ้าง” วนิดาพูดออกมาด้วยท่าทางที่คิดหนัก เพราะเธอไม่รู้ว่าไพลินจะไปอยู่ที่ไหนหรือว่าจะไปอยู่กับใคร นอกจากบ้านของเธอกับคอนโดของวรานนท์แล้วไพลินก็ไม่เคยไปอยู่ที่ไหนกับใครเลยสักครั้ง“จริงด้วยสิ...” คุณหญิงวรมลพูดออกมาเสียงเบา ก่อนที่จะเดินไปหาวรานนท์ที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง“แม่จะทำยังไงดีตานนท์...” คุณหญิงนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ เตียง ก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับมือของวรานนท์เอาไว้ด้วยความหนักใจ ไม่รู้ว่าจะไปตามหาไพลินที่ไหน..ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!“สวัสดีครับ...”ทันทีที่เสียงเคาะประตูเงียบลง ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชาญวิทย์ดังขึ้
- วันต่อมา -“เป็นยังไงบ้างยัยดา?”คุณหญิงวรมลเอ่ยถามลูกสาวออกมาเสียงเรียบ ทันทีที่เดินเข้ามายังห้องที่วรานนท์พักฟื้นอยู่“อาการก็ยังเหมือนเดิมค่ะคุณแม่” วนิดาพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ไม่อยากให้คุณหญิงวรมลต้องเป็นห่วง“ถ้าตานนท์ตื่นขึ้นมาเร็วๆ ก็คงจะดี...” คุณหญิงวรมลพูดออกมาเสียงเศร้า“คุณแม่คะ... ดามีเรื่องจะคุยกับคุณแม่ค่ะ” วนิดาพูดออกมาด้วยท่าทางที่จริงจัง“เรื่องอะไร?” คุณหญิงวรมลถามออกมาด้วยความสงสัยเมื่อได้เห็นท่าทางของลูกสาว“เรื่อง... ลินค่ะ” วนิดาพูดออกมาเสียงเรียบ“ดา... แม่ว่าเราอย่า...” คุณหญิงวรมลที่กำลังจะห้ามลูกสาวไม่ให้พูดถึงไพลิน แต่คุณหญิงพูดยังไม่ทันจบ วนิดาก็พูดสวนขึ้นมาทันที“คุณแม่ไม่อยากช่วยให้พี่นนท์ฟื้นเหรอคะ” วนิดาพูดออกมาด้วยความอยากรู้คุณหญิงวรมลนิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกมา เพราะรู้ดีว่าวนิดากำลังคิดจะทำอะไร“คุณแม่ลองคิดดูดีๆ นะคะ ที่พี่นนท์ต้องเป็นแบบนี้เพราะใคร” วนิดาพูดออกมาพร้อมกับมองหน้าผู้เป็นแม่อย่างรอคำตอบ“ก็เพราะนังลินไง!! ตานนท์ถึงต้องเป็นแบบนี้!!” คุณหญิงวรมลพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจงเกลียดจงชัง“คุณแม่คะ…” วนิดามองหน้าคุณแม่อย่างไม่เข้าใจคุณหญิง
บรึ้มมมมโคร่มมมมม!!!!!!!!!!ภายในเวลาไม่นานก็มีเสียงอุบัติเหตุดังขึ้นมาเสียงดัง ผู้คนมากมายที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็รีบเข้าไปดูและรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาช่วยเหลือยังจุดเกิดเหตุทันทีอุบัติเหตุในครั้งนี้พบเป็นรถเก๋งคันหรูขับมาด้วยความเร็วพุ่งชนกับรถสิบล้อขนส่งสินค้าของบริษัทแห่งหนึ่ง จนทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัสหนึ่งคน นั่นก็คือวรานนท์...เสียงโทรศัพท์มือถือของคุณวรมลดังขึ้นมาเสียงดัง“สวัสดีค่ะ” เสียงปลายสายพูดขึ้นมาเสียงเรียบทันทีที่รู้ว่าคุณหญิงวรมลนั้นกดรับสาย“ค่ะ” คุณหญิงวรมลพูดออกมาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก“ญาติของคุณวรานนท์ใช่มั้ยคะ?” เสียงหญิงสาวที่อยู่ปลายสายก็เอ่ยถามออกมาด้วยท่าทางเร่งรีบ“ค่ะ... ใช่ค่ะ ฉันเป็นแม่ของตานนท์ มีเรื่องอะไรเหรอคะ?” คุณหญิงวรมลได้ยินเสียงหญิงสาวที่อยู่ปลายสายพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก จึงรีบถามกลับไปด้วยความเป็นห่วงวรานนท์“ตอนนี้คุณวรานนท์เกิดอุบัติเหตุที่xxxและตอนนี้อยู่ที่ห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลxxxค่ะ อาการของคนไข้ตอนนี้ห้าสิบห้าสิบ หน่วยแพทย์ฉุกเฉินกำลังช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ฉันจึงติดต่อเพื่อที่จะแจ้งให้ญาติทราบและมาดูอาการค่ะ” เสียงปล
@คอนโดวรานนท์ตลอดทางที่กลับมาจากเกาะไม่ว่าจะเป็นตอนนั่งเรือหรือตอนที่นั่งรถกลับมาที่คอนโด ตลอดทางไพลินได้แต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาอะไรจนมาถึงคอนโดเมื่อมาถึงคอนโด วรานนท์ก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทันที เพราะต้องรีบเข้าไปเคลียร์งานที่บริษัท“พี่จะเข้าบริษัทนะ” วรานนท์พูดออกมาเสียงเรียบเมื่อเห็นไพลินนั่งอยู่ที่โซฟาไพลินที่นั่งอยู่ก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มให้วรานนท์ทันที เธอพยายามทำตัวให้ปกติ ให้เหมือนกับทุกๆ วันและทุกๆ ครั้งที่ได้อยู่ด้วยกันกับเขา ถึงแม้ว่าข้างในใจเธอจะแตกสลายไปจนไม่เป็นชิ้นดี แต่เธอก็ต้องทำตัวให้เป็นปกติให้ได้ถึงใบหน้าสวยจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่ความจริงแล้วมีเพียงน้ำตาที่ไหลอยู่ภายใน วันนี้แล้วที่จะต้องจากเขาไป และนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ที่จะได้มีความสุขด้วยกัน และได้เห็นรอยยิ้มของกันและกันแบบนี้ ทุกสิ่ง ทุกความทรงจำที่เกี่ยวกับเขา เธอจะเก็บทุกอย่างไว้ในใจตลอดไป...“ค่ะ... แล้วพี่นนท์จะกลับตอนไหนคะ?” ไพลินพูดออกมาเสียงเบา เมื่อได้เห็นว่าวรานนท์อยู่ในชุดที่พร้อมจะออกไปทำงาน ไม่ได้อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเหมือนกับชุดตอนที่ใส่กลับจากเกาะ“ตอนเย็นนะหรือไม่ก็อาจจะค่ำ
“ไปเดินเล่นกันเถอะค่ะพี่นนท์” ไพลินพูดออกไปทันทีที่เห็นวรานนท์นั่งเล่นอยู่ในห้องนั่งเล่น“อารมณ์ไหนเนี่ย?” ร่างหนาที่กำลังนั่งเล่นอยู่ก็ถามออกมาเสียงเรียบด้วยความสงสัยและแปลกใจ“คือ... ลินอยากไปดูพระอาทิตย์ตกค่ะ ลินอยากรู้ว่าตอนเช้าที่พระอาทิตย์ขึ้นกับตอนเย็นที่พระอาทิตย์ตกแบบไหนจะสวยกว่ากันค่ะ” ไพลินพูดออกไปด้วยท่าทางตื่นเต้นถึงภายนอกไพลินจะดูมีความสุขกับการที่ได้อยู่กับวรานนท์ แต่ภายในใจเธอกลับเต็มไปด้วยความเศร้า พรุ่งนี้เธอก็ต้องจากเขาไป จะไม่มีวันที่จะได้กลับมาเจอกันอีก“พี่ว่า... แบบลินสวยกว่านะ” ร่างหนาลุกขึ้นเดินไปจับมือไพลิน แล้วเดินออกจากบ้าน ตรงไปที่หาดทรายขาว โดยที่ไม่รู้เลยว่าร่างบางที่เดินอยู่ข้างๆ ตอนนี้เขินอายจนใบหน้าแดงกร่ำ เพราะคำพูดของเขา“ลินเคยมาทะเลมั้ย?” เมื่อเดินมาถึงชายหาด วรานนท์จึงเอ่ยถามไพลินขึ้นมาทันที“นี่เป็น... ครั้งแรกค่ะ” ไพลินพูดออกไปพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ“จริงเหรอ?” วรานนท์ถามย้ำออกไป เพราะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“จริงค่ะ... นี่เป็นครั้งแรกแล้วก็เป็นที่แรกด้วยค่ะ” ไพลินพูดออกไปตามความจริง“แปลกดีนะ” วรานนท์พูดออกไปด้วยท่าทางสงสัย“แปลก... แปลกอะ