"นับสองอย่าเมินเฮียเลยนะครับ" เสียงนุ่มทุ้มของวายุดังขึ้นที่ข้างหูของเธอ สัมผัสจากลมหายใจที่เป่ารดต้นคอชวนให้รู้สึกจั๊กจี้ หัวใจของเธอในตอนนี้เต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา ใบหน้าหวานพยักหน้าหงึก ๆ อย่างว่าง่าย ตอนนี้อะไรก็ได้ขอแค่เขาลุกออกไปจากตัวเธอก็พอจะให้เห่าหรือหอนก็ได้ทั้งนั้น!"เด็กดี.." เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพลางลูบหัวเธอเบา ๆ ในใจของเขาตอนนี้อยากจะจับนับสองมาจูบเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาต้องอดทนเอาไว้ ถ้าเขาทำแบบนั้นกับเธอ มีหวังเขาได้ถูกเกลียดมากกว่านี้แน่นอนดีไม่ดีนับสองอาจจะลาออกวันนี้เลยก็ได้"ชะเอมแกล้งอะไรหนูบ้าง บอกเฮียหน่อยได้มั้ยครับ" วายุเลื่อนหน้าห่างออกมาจากใบหน้าหวานเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง โดยที่ยังคงอยู่ในท่าทางเช่นเดิม อภิชญาทำได้เพียงเบี่ยงหน้าหนีไปทางอื่น ก่อนจะยอมเล่าเรื่องทั้งเธอพบเจอให้เขาฟังการแกล้งของชะเอมก็ไม่ได้มีอะไรมาก วันดีคืนดีเสื้อผ้าที่เธอตากไว้ก็ขาดเป็นรูเหมือนโดนคนเอากรรไกรมาตัด เสื้อผ้าบางตัวก็มีรอยดวงเหมือนถูกเอาอะไรบางอย่างมาสลัดใส่ อาจมีการแกล้งทำน้ำหกใส่บ้างเวลาที่เดินผ่าน แต่โชคดีที่มันเป็นแค่น้ำเปล่าส่วนมากสิ่งที่เธอจะ
แสงไฟสีส้มนวลตาในร้านปิ้งย่างสาดส่องลงมาบนใบหน้าของอภิชญา เธอนั่งจ้องมอง วายุ ที่กำลังตั้งใจย่างเนื้ออยู่ตรงหน้าด้วยแววตาที่เหม่อลอย พลันเกิดความคิดว่า หากวันนั้นเธอกับเขาไม่เลิกกัน ตอนนี้ระหว่างเธอและเขาจะเป็นอย่างไรวายุที่รู้สึกตัวว่ากำลังถูกจ้องมอง จึงเงยหน้าขึ้นมาจากการย่างเนื้อ และพบว่านับสองกำลังมองมาที่เขาอยู่เงียบ ๆ เสี้ยววินาทีนั้นสายตาของทั้งสองก็ประสานกันอย่างไม่ทันตั้งตัว ในวินาทีนั้น เหมือนโลกทั้งใบถูกหยุดนิ่ง ความคิดถึงและความโหยหาที่ฝังลึกอยู่ในแววตาของคนทั้งคู่แผ่ซ่านออกมาอย่างชัดเจนอภิชญาเป็นฝ่ายหลบสายตาของวายุไปก่อน เธอคว้าแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อกลบเกลื่อน ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์ วายุที่เห็นเช่นนั้นจึงทำได้เพียงพยักหน้าเบา ๆ และตั้งใจย่างเนื้อที่เหลือในถาดจนหมดเมื่อครู่นี้เขาเห็นอย่างชัดเจนเลยว่าแววตาของนับสองกำลังสั่นไหว ไม่ได้มองเขาด้วยความหมางเมินเย็นชาเหมือนที่ผ่านมา รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของวายุ ชายที่ใคร ๆ ต่างก็คิดว่าเขาเป็นคนไร้หัวใจไร้ความรู้สึกอภิชญาหายไปราวห้านาทีก่อนจะกลับมานั่งคีบเนื้อย่างเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย เธออยากจะ
วายุพยายามขับรถฝ่าสายฝนที่กระหน่ำลงมา แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงดังปังดังขึ้นมาจากด้านข้างของรถ เขาหักพวงมาลัยอย่างแรงเพื่อควบคุมรถที่เสียหลัก แต่ด้วยถนนที่ลื่นจึงทำให้รถพุ่งออกนอกถนนและไปชนเข้ากับต้นไม้ข้างทางอย่างจังโครม!!"สอง!! เป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนมั้ย" วายุรีบหันไปสำรวจอาการของคนที่นั่งอยู่ด้านข้างก่อนสิ่งใด โชคดีที่วันนี้เขาไม่ได้ขับรถด้วยความเร็วปกติที่เคยขับไปไหนคนเดียว เพราะตัวเขานั้นรู้ดีว่านับสองกลัวความเร็ว จึงพยายามขับให้ช้าที่สุดเท่าที่ตนจะทำได้ถ้าเขาขับด้วยความเร็วปกติที่เคยขับ เขาไม่อยากจะคิดภาพเลยสักนิด.."มะ..ไม่เป็นไรค่ะ เฮียล่ะคะเจ็บตรงไหนมั้ย" อภิชญาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เธอตกใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา เหตุการณ์ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก โชคดีที่ทั้งเขาและเธอต่างไม่ได้บาดเจ็บอะไรวายุคว้าร่างของคนตัวเล็กมากอดไว้ในอ้อมแขน เขาทั้งกอดทั้งหอมเธอด้วยความรู้สึกโล่งอก เขาหวาดกลัวเหลือเกินว่านับสองจะได้รับบาดเจ็บเพราะเขา "เฮียขอโทษ เป็นเพราะเฮียชวนสองออกมาแท้ๆ""ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นอุบัติเหตุ เฮียอย่าโทษตัวเองเลย" จากที่กำลังช็อกอยู่ กลับกลายเป็นว่าเธอต้องเป็นฝ่ายมานั่งป
ติ๊ง! ติ๊ง! ขณะที่อภิชญากำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ก็ได้ยินเสียงข้อความกลุ่มดังขึ้นอีกครั้ง เธอปลดล็อคหน้าจอก่อนจะกดเข้าไปอ่านข้อความที่เพื่อนๆ ส่งมาด้วยน้ำตาคลอเบ้าเจนนี่: อีสอง มึงตายคาห้องน้ำแล้วหรอ รีบออกมาเร็ว กำลังเสริมมาแล้ว!!แก้มบุ๋ม: อีสองมึงมาที่ลานจอดรถด่วนเลย!!!อภิชญาไม่รอช้า เธอปาดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ ก่อนจะรีบเปิดประตูห้องน้ำเดินออกไปยังลานจอดรถทันที ซึ่งบริเวณนั้นมีคนมุงอยู่ราวๆ สิบคนได้"คือกูจะไปไหนกับใครแล้วมึงมาเสือกไรด้วยวะไอ้หนาว" เสียงลมเหนือพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ ดูเหมือนว่าตอนนี้เขากำลังทะเลาะกับใครบางคนอยู่"กูก็ไม่อยากเสือกเรื่องของมึงนักหรอก แต่นี่มึงกำลังทำเรื่องเหี้ยๆ ลับหลังสองอยู่""ก็แล้วมึงเกี่ยวอะไร มึงจะมาเดือดร้อนแทนสองทำไม""ไอเหี้ยกูรักของกูมาตั้งแต่สองอยู่ปีหนึ่ง กูคิดว่ามึงจะจริงใจกับสองกูเลยยอมหลีกทางให้ แต่มึงกลับมาทำเรื่องเหี้ยๆ ลับหลังอย่างนี้อะหรอ ถ้าสองรู้เข้าสองจะรู้สึกยังไงมึงคิดบ้างมั้ย!!!"ลมหนาวตะโกนด่าแฝดพี่ของตนด้วยความโกรธ เขาแอบชอบสองมาตั้งแต่เธออยู่ปีหนึ่งแล้ว แต่พอเห็นว่านับสองมีใจให้กับไอ้เหนือ เขาเลยเลือกที่จะเก็บความในใ
"นับสองครับ เฮียขอโทษ" ความรู้สึกผิดที่รุมเร้าหัวใจทำให้เขาเอ่ยคำขอโทษออกมาอย่างแผ่วเบา เขารู้ดีว่าแค่คำขอโทษมันคงไม่ช่วยให้อะไรมันดีขึ้น วันและเวลารวมถึงคำพูดที่ถูกเอื้อนเอ่ยออกไป ไม่อาจย้อนคืนกลับมาได้ ความรู้สึกของคนฟังก็เช่นกัน.."เฮียมาขอโทษอะไรเอาป่านนี้" อภิชญาเอ่ยถามเสียงแผ่ว "มันไม่สายไปหน่อยเหรอ" สิ้นสุดคำถามของอภิชญา พื้นที่ภายใต้ร่มสีชมพูจึงมีเพียงความเงียบงัน เหลือเพียงแค่เสียงของสายฝนที่ยังคงตกลงมากระทบกับร่มดังเปาะแปะ แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นเธอก็ยังคงกางร่มให้กับเขา วายุเม้มปากแน่น ความรู้สึกผิดยิ่งทวีคูณเมื่อได้ยินคำถามของเธอ เขาก้มหน้ายอมรับความผิดอย่างไม่คิดโต้แย้ง "ที่ผ่านมาสองรักเฮีย เชื่อเฮียจนหมดหัวใจ แต่สิ่งที่สองได้คืนกลับมาคืออะไร.. เฮียใช้สองเป็นเครื่องมือเพื่อประชดแฟนเก่าเท่านั้น ความรักที่สองเทิดทูนมันไม่มีอยู่จริงตั้งแต่แรกแล้ว""เฮียขอโทษ เฮียขอโทษครับ เฮียผิดไปแล้วจริงๆ" เขาไม่มีอะไรจะแก้ตัว เพราะที่ผ่านมาเขารู้ตัวดีว่าสิ่งที่ทำลงไปมันเลวร้ายขนาดไหน เขาได้สร้างรอยขนาดใหญ่ลงบนหัวใจของผู้หญิงตัวเล็กคนนี้เขาทำเลวระยำกับเธอ อย่างไม่น่าให้อภัยอภิชญาหัวเราะใน
เมื่อเครื่องบินแตะพื้นอย่างนุ่มนวลและประตูเปิดออก กลิ่นอายอันคุ้นเคยของเมืองหลวงก็โชยเข้ามาปะทะจมูกของวายุและอภิชญา ทั้งสองก้าวออกมาจากสนามบินพร้อมกับกระเป๋าเดินทางในมือแสงแดดยามเย็นสาดส่องลงมาบนลานจอดเครื่องบินที่คึกคักไปด้วยผู้คน อภิชญามองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าที่สงบและสุขุม อดีตมากมายเริ่มขึ้นและจบลงที่นี่ เพราะหลังจากเหตุการณ์วันนั้น เธอก็ไม่ได้กลับมาเหยียบกรุงเทพอีกเลยทั้งสองเดินออกมาจากสนามบินและมองหารถที่วายุนัดหมายกันไว้ว่าจะให้มารับ สายตาของเขาเหลือบไปเห็นรถยุโรปคันหรูสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ริมถนน มีชายวัยกลางคนในชุดสูทยืนชะเง้อคล้ายกับว่ากำลังรอใครบางคนอยู่ ชายหนุ่มจำได้ทันทีว่านั่นคือลุงวินัย ผู้ช่วยคนสนิทของคุณปู่"ลุงวินัย!" วายุตะโกนเรียกด้วยความดีใจและวิ่งไปหาชายวัยกลางคนราวกับเด็กน้อย อภิชญาจึงทำได้เพียงเดินตามเขาไปอย่างเงียบ ๆ"นายน้อย~ เป็นยังไงบ้างครับ สบายดีใช่มั้ย" ฝ่ามือเหี่ยวย่นเอื้อมไปจับเรียวแขนกำยำของชายหนุ่มด้วยความรู้สึกรักใคร่เอ็นดู เขาเห็นคุณลมเหนือและคุณลมหนาวมาตั้งแต่ทั้งสองยังแบเบาะ แต่ดูสิ..เด็กน้อยในวันนั้นเติบโตมารูปหล่อแถมยังตัวสูงกว่าเขาตั้งหลายเท่า เรี
วันต่อมาวายุและอภิชญา ตื่นมาเตรียมตัวตั้งแต่เช้า เพราะว่าวันนี้ทั้งสองต้องออกไปพบกับพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับรีสอร์ตอีกแห่งที่เขากำลังจะเปิดใหม่ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำเอาวายุที่กำลังนั่งเซตผมอยู่หน้ากระจกหันไปมองตามเสียง"ใครครับ" "สองเองค่ะ สองเอากาแฟมาให้""เข้ามาได้เลยครับ เฮียไม่ได้ล็อกประตู"อภิชญาเปิดประตูและเดินเข้ามาพร้อมกับกลิ่นหอมกรุ่นของกาแฟและขนมปังปิ้ง เธอวางถาดกาแฟลงบนโต๊ะก่อนจะหันไปมองหาร่างของเจ้าของห้องวันนี้วายุสวมสูทสีกรมท่าที่ตัดเย็บอย่างประณีตเข้ารูปพอดีตัว ที่ข้อมือสวมใส่นาฬิการาคาหลักล้าน อีกทั้งยังเซตผมอย่างเป็นทางการ แต่ทว่าเนกไทกลับเบี้ยวเสียอย่างนั้นหญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางคิดในใจว่าเขามีเวลาแต่งทรงผมได้ แต่ไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าเนกไทเบี้ยวอยู่ ดูไม่ได้เลยสักนิด"เนกไทยังไม่เรียบร้อยนะคะ""ถ้าอย่างนั้นสองช่วยผูกให้เฮียหน่อยได้มั้ยครับ" คนเจ้าเล่ห์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเขาจงใจผูกเนกไทแบบส่ง ๆ เพราะรู้ว่ายังไงนับสองก็จะต้องทักเรื่องนี้อย่างแน่นอน และมันก็เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ไม่มีผิดสมัยที่ยังคบกันอยู่ ก็นับสองนี่แหละท
"เฮียถามว่าเมื่อกี้สองคุยกับใคร" เมื่อครู่เขาได้ยินเต็มสองหูว่าเธอเพิ่งบอกรักใครบางคนก่อนที่จะกดวางสาย อารมณ์หึงหวงของเรารุนแรงอย่างออกนอกหน้า ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาและเธอจะไม่ได้เป็นอะไรกันก็ตาม"ใจเย็น ๆ ไม่เห็นต้องทำเสียงดุเลย" เจ้าของใบหน้าหวานหันกลับไปคุยกับคนตัวสูงที่ยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ด้วยหลังด้วยความรู้สึกเอ็นดู "เมื่อกี้สองเพิ่งโทรไปชวนแก้มบุ๋มมาค่ะ""แก้มบุ๋ม.. อ๋อ เฮียจำได้" วายุพยักหน้าเบา ๆ ด้วยความโล่งอก น้องแก้มบุ๋มคือคนที่เคยด่าเขาในตอนที่เขาหักอกนับสอง เธอเป็นเด็กหน้าตาน่ารักและเพื่อนที่ดีของนับสอง ถึงน้องเขาจะติสท์ไปหน่อยก็เถอะอีกอย่างเขาก็จำได้ว่า ครั้งหนึ่งไอ้เอกเคยคุยกับน้องแก้ม แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรก็เลิกคุยกันไป ซึ่งเขาก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่หรอก เพราะไอ้เอกมันได้ชื่อว่าเสือผู้หญิง คนเจ้าชู้แบบนั้นใครเขาจะไปเอา"วันนี้แก้มบอกว่าจะมาค่ะ ป่านนี้คงกำลังเก็บเสื้อผ้าอยู่""พอดีเลยเฮียก็ชวนเพื่อนมาเหมือนกัน อยู่กันหลาย ๆ คนจะได้สนุก""เฮียก็ชวนเพื่อนมาเหรอ.. ผู้ชายหรือผู้หญิงคะ" หญิงสาวเอ่ยถามออกไปเสียงแผ่ว เธอกลัวเหลือเกินว่าคนที่เขาจะชวนมาคือผู้หญิงที่ชื่อม่านฟ้าคนนั
วิลล่าหรูสองชั้นสไตล์โมเดิร์นที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาและวิวธรรมชาติ มีผู้เป็นเจ้าของคือ วายุ รัตนกิจโกศล และ ภรรยาอย่างคุณ อภิชญา รัตนโกศล ซึ่งเป็นตระกูลมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของภาคเหนือ"หล่อจังเลยเว้ยลูกพ่อ เมฆค้าบหมุดค้าบเรียกพ่อหน่อยเร็ว พ่อ ดูปากพ่อแล้วพูดตามนะ พ่อ!" วายุที่เพิ่งกลับจากการประชุมแวะมาเติมพลังใจด้วยการเล่นกับลูกชายฝาแฝดทั้งสองของเขาอภิชญาที่เห็นอย่างนั้นก็ได้แต่นั่งขำ กับภาพที่เห็น ลูกของเธอเพิ่งจะเกิดมาได้แค่เดือนเดียวเอง แต่คนเป็นพ่ออยากจะให้ลูกพูดซะแล้ว เดี๋ยวเธอจะจับตาดูเอาไว้เลย ถ้าวันหนึ่งลูกอยู่ในวัยช่างจ้อแล้วเขามาบ่นกับเธอว่าลูกพูดมาก เธอจะตีให้แขนเป็นรอยนิ้วเลย"เฮีย..ลูกยังพูดไม่ได้นะคะ"ตั้งแต่เหนือเมฆ กับ เหนือสมุทรคลอดออกมา ที่บ้านหลังนี้ก็ไม่เคยเงียบเหงาอีกต่อไป เรียกได้ว่าหัวกระไดไม่เคยแห้งเลยก็ว่าได้ เมื่อวันก่อนย่าทวดกับปู่ทวดก็เพิ่งกลับไปกรุงเทพ หลังจากมาปักหลักอยู่ที่นี่เกือบสองอาทิตย์ ขนาดคนที่อยู่ไกลยังขยันบินมาหาเหลนขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่ใกล้ อย่างคุณปู่คุณย่า แล้วก็คุณตาคุณยายเลย รายนั้นมาแทบจะทุกวัน ทางด้านเพื่อนพ่อและเพื่อนแม่เองก็ไม
ดวงอาทิตย์สีทองอร่ามค่อยๆ ลับขอบฟ้า ทิ้งร่องรอยสีส้มอมชมพูไว้บนท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ขณะที่เสียงคลื่นซัดสาดเข้าหาฝั่งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ บนชายหาดที่เงียบสงบ วายุและอภิชญาเดินเคียงคู่กันไปตามแนวทรายขาวละเอียด เท้าเปล่าของพวกเขาจมลงในทรายนุ่มราวกับกำลังเดินอยู่บนปุยนุ่นสายลมเย็นพัดโชยมาแผ่วเบา พัดพาเอาความสดชื่นมาด้วย วายุสูดลมหายใจเข้าเสียจนเต็มปอดก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมา มันเป็นความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เขาก้มลงมองผู้หญิงตัวเล็กที่เดินอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าของเธอเปื้อนรอยยิ้ม สดใสราวกับดวงอาทิตย์"สวยจังเลย" เขาเอ่ยขึ้นอย่างเผลอตัว ขณะนั้นเองนับสองก็หันมามองเขาด้วยแววตาแปลกใจ"อะไรสวยคะ""วิวตรงนี้ไง..วิวว่าสวยแล้ว แต่เมียเฮียสวยกว่าอีก" เขาตอบกลับด้วยสีหน้าระรื่นไม่สะทกสะท้าน แถมยังขโมยหอมกอดคนตัวเล็กเสียฟอดใหญ่ ทำเอาอภิชญาหน้าแดงขึ้นมาทันที เธอหัวเราะออกมาเบา ๆ เพื่อแก้เขินรู้สึกว่าเขาจะปากหวานกว่าปกติอีกนะเนี่ย..ทั้งคู่เดินเล่นต่อไปเงียบ ๆ มีเพียงเสียงคลื่นทะเลที่ซัดเข้าหาชายฟังคอยบรรเลงให้ฟังตลอดทั้งทาง เวลาที่ได้ใช้ร่วมกันกับผู้หญิงที่เขารักนั้น มันช่า
หลังจากที่วายุออกจากโรงพยาบาลเขาก็มีเรื่องที่ต้องเคลียร์ให้เด็ดขาดซึ่งนั่นก็คือเรื่องของน้ำหวาน เขานัดเธอออกมาคุยที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยที่ให้นับสองนั่งอยู่โต๊ะด้านหลังใกล้ ๆ กัน"หวานคุณมีอะไรจะสารภาพมั้ย" วายุถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา บอกตามตรงว่าหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นเขาก็มองว่าน้ำหวานเป็นคนดีที่น่าสงสารเหมือนสมัยก่อนไม่ได้อีก เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างอะไรกับงูพิษเลยสักนิด"เฮียพูดเรื่องอะไรคะ" น้ำหวานเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ถ้ายอมรับตั้งแต่ตอนนี้ผมจะยอมยกโทษให้ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างผมก็ยังคงช่วย" "เฮียพูดเรื่องอะไรคะหวานไม่เข้าใจ" เธอยังคงยืนยันว่าตนเองไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น วายุที่ทนดูการแสดงต่อไปอีกไม่ไหวจึงได้พูดเข้าประเด็นโดยไม่อ้อมค้อม"คุณบอกว่าคุณท้องได้ห้าเดือนแล้วใช่มั้ย แต่ตอนที่เราไปอัลตราซาวด์ ผลตรวจอายุครรภ์ของคุณมันเพิ่งจะสี่เดือนเองด้วยซ้ำ" วายุพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น บรรยากาศรอบตัวเย็นยะเยือกชวนให้เสียวสันหลัง"ไหนเฮียบอกว่าเชื่อหวานไงคะ ฮึก.." เมื่อไม่รู้ว่าจะแก้ตัวยังไง เธอจึงร้องไห้ออกมา เพราะมันเป็นสิ่งที่ได้ผลมาโดยตลอด แต่ทว่าคราวนี้มันกลับไม่เป็นอย่า
"ลูกของผมมีคนเดียวก็คือลูกที่เกิดจากผมกับสองเท่านั้น ส่วนคนอื่นผมพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ลูกของผมแน่นอน และผมก็ป้องกันตลอดด้วย อีกอย่างวันสุดท้ายที่เจอกับน้ำหวานผมตั้งใจจะไปตัดความสัมพันธ์กับเธอก่อนที่ผมจะมาง้อสองอีก ไม่มีทางเป็นลูกผมแน่นอน พ่อครับแม่ครับผมควรทำยังไงดี ผมขาดใจตายแน่ ๆ ถ้าสองหอบลูกหนีผมไป"สองสามีภรรยาได้ยินดังนั้นก็ถึงกับกุมขมับ ทำไมเขาถึงได้ทำอะไรไม่ปรึกษาใครเลยสักนิด อันที่จริงหากเขาเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหนูนับสองตรง ๆ แทนที่จะโกหกกันเพื่อให้เธอสบายใจ เรื่องมันคงไม่บานปลายถึงขนาดนี้"ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แกไปอธิบายกับหนูนับสองเองก็แล้วกัน" ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นพลางใช้นิ้วมือนวดขมับตนเองเบา ๆ บอกตามตรงเขาก็เคืองนิดหน่อยที่พี่ชายของหนูนับสองกระทืบลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขาซะน่วมแต่ถ้ามองในมุมของพี่ชายที่มีน้องสาว สิ่งที่หนูนับสองเจอนับว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก และสิ่งที่เจ้าเหนือทำมันเหมือนเป็นการหยามหน้าคนเป็นพ่อและพี่ชาย เขาจึงไม่คิดที่จะเอาความกับบ้านของหนูนับสอง เพราะเขาเองก็เข้าใจดีว่า ลูกใคร ใครก็รัก"เจ้าชู้นักก็แบบนี้แหละแม่ไม่ช่วยหรอก ทำตัวเองทั้งนั้น" คุณหญิงทอฝันเอ่ย
สายฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนักหน่วงราวกับฟ้ารั่ว ตั้งแต่เที่ยงคืนมาจนถึงตีสอง ความเย็นยะเยือกราวกับใบมีดกรีดผ่านร่างกายของคนที่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าบ้านของอภิชญาตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาวายุยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน แม้ว่าร่างกายของเขาหนาวเหน็บจนตัวสั่นเทิ้ม แต่หัวใจของเขากลับร้อนรุ่มด้วยไฟแห่งความหวัง ว่าพ่อของนับสองจะยอมให้เขาได้พบกับเธอถ้าหากว่าเขายอมนั่งอยู่ตรงนี้จนถึงเช้า อภิชญามองลงมาจากหน้าต่างชั้นสองด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง เธอพยายามทำใจแข็ง ปิดผ้าม่านลงและข่มตานอนให้หลับ แต่ภาพของเฮียเหนือที่นั่งตากฝนอยู่หน้าบ้านยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอเวลาล่วงเลยไปจนถึงตีสาม หญิงสาวสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอแง้มม่านออกมาดูและพบว่าเขายังคงนั่งอยู่ที่เดิม โชคดีที่ดูเหมือนว่าฝนจะซาลงแล้ว และความอดทนของเธอก็สิ้นสุดลงแล้วเหมือนกัน! อภิชญาไม่สามารถทนดูเขาฝืนทนอยู่แบบนี้ต่อไปได้อีก ถ้าเขายังดื้อดึงอยู่แบบนี้ มีหวังเขาได้ตายอยู่หน้าบ้านเธออย่างแน่นอน นับสองหยิบร่มและเดินลงมาหาเขาในตอนตีสาม ร่างกายของวายุสั่นเทิ้มด้วยความหนาว รอยฟกช้ำตามตัวตอนนี้ม่วงจนเห็นได้ชัด หญิงสาวที่เห็นแบบนั
อภิชญาลืมตาตื่นขึ้นมาที่เตียงของตนเองในตอนเย็น โดยที่ด้านข้างมีเฮียหนึ่งคอยนั่งเฝ้าอยู่ตลอดเวลา เธอเป็นลมไปเพราะเจอกับเรื่องสะเทือนใจ บวกกับอาการอ่อนเพลียจากการพักผ่อนน้อย"หนู..ตื่นแล้วเหรอเป็นยังไงบ้างครับรู้สึกดีขึ้นบ้างมั้ย" เฮียหนึ่งเอ่ยถามอาการของนับสองด้วยความเป็นห่วง ฝ่ามือหนาแตะลงบนหน้าผากมนเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้มีไข้"ค่ะ.. หนูแค่เพลีย ๆ พักสักหน่อยเดี๋ยวก็คงหาย" อภิชญาตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เธอไม่เข้าใจเจตนาของผู้หญิงคนนั้นเลยสักนิด ว่าที่คอยส่งรูปนั่นรูปนี่มาให้เพราะต้องการอะไรกันแน่ ทั้งที่ผู้หญิงคนนั้นกับเธอก็ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แม้กระทั่งหน้าตาก็ยังไม่เคยเห็น ถ้าว่ากันตามตรงตัวเธอเองนั้นไม่มีทางที่จะเป็นเมียน้อยของเฮียเหนือได้ เพราะเธอคือคนที่เขาพาไปเปิดตัวกับที่บ้าน ถ้าทั้งหมดนี่เป็นแค่การกลั่นแกล้งหรือเรื่องเข้าใจผิดล่ะ..การที่เธอหนีเขาออกมาเลยแบบนี้มันถูกต้องแล้วหรือเปล่าอย่างน้อยเธอก็ควรฟังเหตุผลจากปากของเฮียเหนือ ก่อนจะตัดสินใจทำอะไร..แต่วันนั้นเขาก็ควรจะพูดความจริงสิ เรื่องที่เขาโกหกเธอมันยังคงไม่เปลี่ยนไป เลิกหาข้ออ้างมาเข้าข้างคนเลวคนนั้นได้แล้ว อภิ
"มึงเล่าความจริงทั้งหมดมาให้กูฟังก่อน แล้วกูจะยอมบอกมึง" สิ้นคำพูดของเหมันต์ วายุก็พยักหน้าเล็กน้อย เขาตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้แฝดผู้น้องฟัง รวมถึงเรื่องของน้ำหวานด้วยเช่นกันลมหนาวที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากพี่ชาย ก็ได้แต่กุมขมับด้วยความเครียด เพราะสิ่งที่ไอ้เหนือเล่ากับสิ่งที่นับสองเล่าเหมือนหนังคนละม้วน "มึงคิดว่าเด็กในท้องของผู้หญิงที่ชื่อน้ำหวานเป็นลูกมึงจริงมั้ยวะ""เอาตรง ๆ มั้ยไอ้หนาว กูคิดว่าไม่ใช่ลูกกูแน่นอน แต่กูยังไม่มีหลักฐานอะไรเลยว่ะ ตอนแรกกูตั้งใจว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ เพราะไม่อยากมีปัญหากับสอง พอนับสองมาหนีไปแบบนี้กูแม่งทำเหี้ยอะไรไม่ถูกเลย""เหนือมึงฟังกูนะ วันที่มึงไปนอนค้างกับผู้หญิงคนนั้น มันเป็นคนกดรับสายและคุยกับสอง อีกทั้งยังส่งผลตรวจครรภ์มาให้สองด้วย ผู้หญิงของมึงด่าสองว่าหน้าด้าน เป็นแค่เมียน้อย ทีนี้มึงเข้าใจหรือยังทำไมสองถึงได้หนีมึงไป" วายุได้แต่นิ่งเงียบกับสิ่งที่ได้ยิน วันนั้นเขาแน่ใจว่านับสองไม่ได้โทรหาเขาเลยสักสาย หรือว่าเรื่องมันจะเกิดขึ้นตอนที่เขาอาบน้ำ.. เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าการที่ครั้งหนึ่งเขาเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ
อภิชญาพักฟื้นสภาพจิตใจและร่างกายอยู่ที่ไร่องุ่นรัตนกิจโกศลราว ๆ หนึ่งอาทิตย์ และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะอยู่ที่นี่ หญิงสาวกล่าวขอบคุณและบอกลาทุกคนในไร่ที่คอยดูแลเธอตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่"รักษาตัวนะคะพี่" เพียงดาวสาวน้อยผู้ร่าเริงวัยยี่สิบต้น ๆ ลูกสาวของคุณลุงคุณป้าในไร่เดินมาโอบกอดเธอด้วยแววตาละห้อย ตลอดเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่เธออาศัยอยู่ที่นี่ เพียงดาวนับว่าเป็นคนที่เธอสนิทด้วยที่สุด "สู้ ๆ เรื่องเฮียหนาวนะดาว พี่เป็นกำลังใจให้" อภิชญากระซิบข้างหูสาวน้อยเบา ๆ ทำเอาเพียงดาวถึงกับหน้าแดงลามไปจนถึงใบหู บอกตามตรงว่าเธอดูออกตั้งแต่ช่วงสองสามวันแรกที่มาอยู่แล้วล่ะว่าสาวน้อยคนนี้แอบรักเฮียหนาว เพราะเพียงดาวเก็บสีหน้าและแววตาไม่เก่งเอาเสียเลย แต่มองดูแล้วเธอก็เป็นเด็กที่น่ารักดี ทั้งสดใส และร่าเริง.."ขอบคุณค่ะ ถ้ามีโอกาสดาวจะไปเยี่ยมพี่นะคะ"...เหมันต์เป็นคนขับรถมาส่งอภิชญาถึงหน้าบ้าน จากนั้นเขาก็ขอตัวไปทำธุระต่อ หญิงสาวยืนนิ่งอยู่หน้าบ้านพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบหนึ่ง เธอรวบรวมความกล้าอยู่นานกว่าจะตัดสินใจเอื้อมมือไปกดกริ่ง ไม่นานนักร่างของหญิงวัยกลางคนก็เดินออกมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้
เมื่อเสียงรถของวายุไกลออกไปแล้ว อภิชญาจึงออกมาจากที่ซ่อนตัว บอกตามตรงว่าเธอตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มาก ผู้ชายที่เข้ามาดุจวายุเมื่อกี้ คือเฮียเหนือที่เธอเคยรู้จักจริง ๆ น่ะเหรอ"เฮียหนาว..สองขอโทษนะ" หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยแววตาที่สั่นไหว เธอรู้สึกขอบคุณเฮียหนาวจากใจจริงที่เขาช่วยปิดบังเรื่องที่เธออยู่ที่นี่เอาไว้จนวินาทีสุดท้าย และรู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุทำให้เขาต้องเจ็บตัว"ขอโทษอะไรกัน เฮียไม่เป็นไรเลย ไอ้เหนือมันสันดานเสียโดนสักทีก็ดีเหมือนกัน" เหมันต์พูดขึ้นอย่างติดตลก ไม่อยากให้นับสองต้องคิดมาก เพราะเมื่อคืนหลังจากที่เขาพานับสองกลับมาที่ไร่ เขาก็ให้เธอไปนอนพักอยู่ในห้องสำหรับรับรองแขก แต่ทว่าไฟในห้องนอนของหญิงสาวก็ยังถูกเปิดไว้จนเกือบเช้า ถ้าให้เดาละก็เธอคงยังไม่ได้นอนอย่างแน่นอนอภิชญาทำได้เพียงนิ่งเงียบ เพราะประโยคสนทนาระหว่างพี่น้องเมื่อสักครู่นี้ เธอได้ยินอย่างชัดเจนทุกอย่าง "เออใครมันจะไปดีเหมือนมึง ดีขนาดนี้สองยังไม่เอาเลย" เฮียเหนือพูดเอาไว้อย่างนั้น.. มันยิ่งตอกย้ำว่าเธอช่างเป็นคนตาบอดที่โง่งม หากผู้ชายที่เธอรักคือเฮียหนาวก็คงจะดี อย่างน้อยเธอก็คงไม่ต้องมาเจ็บปวดท