หากไม่ได้เกิดเรื่องเช่นนี้ หานเทาจะมาที่นี่หรือ?“พูดปากเปล่าเช่นนี้ใครจะเชื่อ!”“ตอนนี้คนก็ตายไปแล้ว เจ้าหาบ่าวรับใช้คนหนึ่งมาใส่ร้ายท่านอัครเสนาบดีซ่ง เจ้าคิดว่าสมเหตุสมผลหรือ?”หานเทายังคงไม่ยอมรับแต่ทั้งหมดนี้อยู่ในแผนของหวังหยวนอยู่แล้วหวังหยวนยกยิ้ม แล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าสิ่งเหล่านี้ยังไม่มีน้ำหนักพอ”“ดังนั้นตลอดสามวันที่ผ่านมา ข้าจึงไม่ได้อยู่เฉย ได้ให้คนไปสืบประวัติของคนทั้งสองแล้ว”“ตอนนี้หลักฐานชี้ชัดว่าคนทั้งสองมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับซ่งติ้งกั๋ว ตรงกับที่บ่าวผู้นี้กล่าวทุกประการ”“จากการพิจารณา ซ่งติ้งกั๋วคือผู้บงการ เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือ?”โชคดีที่มีเกาเล่อช่วยเหลือเมื่อประกอบกับสายลับที่แฝงตัวอยู่ในอาณาจักรต้าเป่ย จึงสามารถสืบหาข่าวได้อย่างรวดเร็วใช้เวลาเพียงสามวันก็ตามรอยคนทั้งสองจนพบ...ถึงแม้ว่าซ่งติ้งกั๋วจะพยายามลบร่องรอย แต่น่าเสียดาย ปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ ปิดความชั่วย่อมไม่ได้สุดท้ายหวังหยวนก็พบหลักฐาน“หานเทา!”“เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?”“ตอนนี้ยังกล้ามาโวยวายต่อหน้าพวกข้าอีกหรือไม่?”“เห็นได้ชัดว่าเป็นความผิดของคนของพวกเจ้า!”“หากไม่ใช่
“ได้เลย ได้เลย ได้เลย...”“ท่านหวังพูดถูกต้อง ข้าจะรีบพาทหารออกไปเดี๋ยวนี้”หานเทากัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน แล้วโบกมือส่งสัญญาณให้กองทัพ เหล่าทหารจึงรีบถอยทัพออกจากเมืองอู่เจียง“ความอัปยศในวันนี้ วันหน้าข้าจะเอาคืนให้สาสม!”“หวังหยวน! เจ้าจงรอไว้!”เมื่อกลับเข้ามาในเมือง ต่งอวี่ก็ถ่มน้ำลาย สีหน้าเคร่งขรึม“คิดว่าตัวเองเก่งกาจถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”“ยังกล้ามาหาเรื่องพวกเราอีก!”“ช่างรนหาที่ตายนัก!”“หากท่านผู้นำไม่ห้ามข้าไว้ ข้าคงลงมือกับมันไปแล้ว!”“จะปล่อยให้มันทำตัวจองหองมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร?”ต่งอวี่สบถ เห็นได้ชัดว่าเขายังคงแค้นเคืองหานเทา อยากจะประลองฝีมือให้รู้ดำรู้แดงหวังหยวนและตงฟางฮั่นสบตากัน ต่างก็ส่ายหน้าพร้อมกับเผยรอยยิ้มต่งอวี่ยังอายุน้อย แม้ว่าจะไม่ใช่เด็กอีกแล้ว แต่ก็ยังไม่เหมาะสมกับตำแหน่งขุนพลใหญ่เพราะเขาอารมณ์ร้อนเกินไปและขาดความยับยั้งชั่งใจแต่คนเช่นนี้เหมาะจะเป็นสหาย เมื่อได้คบค้าสมาคมด้วยก็จะพบว่าเป็นคนที่จริงใจต่อเพื่อน ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมนับเป็นมือขวาที่ยอดเยี่ยม“จริงสิ”“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับซ่งติ้งกั๋ว?”“ยิ่งไป
สิ่งที่เขาอยากรู้มากกว่านั้น คือหวังหยวนคิดเช่นเดียวกับเขาหรือไม่!เป็นไปดังคาด!เมื่อหวังหยวนได้ฟังเช่นนั้นก็หัวเราะออกมา ก่อนจะพูดกับตงฟางฮั่นว่า “ช่างเป็นแผนการที่แยบยลยิ่งนัก!”“ตกลง!”“เช่นนั้นก็ทำตามที่ท่านตงฟางว่า ข้าจะติดต่อไปยังอาณาจักรต้าเย่และเมืองหวง แล้วปล่อยตัวซ่งติ้งกั๋วกลับไป”“ต่อไปคงได้เห็นผลลัพธ์ที่พวกเราต้องการ!”ต่งอวี่ยิ่งงุนงงเหตุใดหวังหยวนจึงใจอ่อนเช่นเดียวกับตงฟางฮั่น ทำผิดพลาดเช่นนี้ได้อย่างไร?หากปล่อยเขากลับไป ต่อไปต้องเสียใจอย่างแน่นอน!เขาหารู้ไม่ว่าหวังหยวนและตงฟางฮั่นต่างก็คิดตรงกันและมีแผนการอยู่ในใจอาณาจักรต้าเป่ยแตกต่างจากอาณาจักรอื่น ๆ ไป๋ชิงชางต้องการควบคุมอาณาจักรต้าเป่ย และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์อาณาจักรแตกแยกอีก จึงแต่งตั้งอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย อัครเสนาบดีฝ่ายขวาและขุนพลใหญ่ขึ้นมาคนทั้งสามต่างมีอำนาจเท่าเทียมกันปกติแล้วคนทั้งสามก็ไม่ได้มีสัมพันธ์อันดีกันอยู่แล้ว ต่างฝ่ายต่างก็ช่วงชิงอำนาจกันในเมื่อซ่งติ้งกั๋วก่อเรื่อง หากฆ่าเขาเสียก็เท่ากับสมใจนึกของอีกสองคน!แต่หากปล่อยตัวซ่งติ้งกั๋วกลับไป อีกสองคนก็จะตำหนิเขา นานวันเข้า ความ
“ว่ามา!”“ตอนนี้มาถึงจุดนี้แล้ว มีสิ่งใดต้องปิดบังอีก?”“ตราบใดที่ช่วยข้าแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ ไม่ว่าวิธีใดก็ต้องลองดู!”ไป๋ชิงชางร้อนรุ่มราวกับมดบนกระทะร้อนหากจัดการเรื่องนี้ไม่ดี อาณาจักรต้าเป่ยและตัวเขาเองอาจถึงคราวล่มสลาย...ความพยายามตลอดหลายปีอาจสูญเปล่าซือหม่าอันไม่รีรอ รีบกราบทูลว่า “แท้จริงแล้วเรื่องนี้ก็ง่ายดายนักพ่ะย่ะค่ะ”“ในเมื่อทุกอย่างเป็นฝีมือของซ่งติ้งกั๋ว เช่นนั้นก็โยนความผิดทั้งหมดให้ซ่งติ้งกั๋ว ให้เขารับผิดชอบเพียงผู้เดียว ตายเพื่อไถ่โทษยิ่งดี”“เมื่อเขาตายไปแล้วก็ไม่มีใครให้ซักถาม”“พวกเราก็จะกลับมาคืนดีกันได้”“ถึงแม้ว่าลับหลังจะยังคงแก่งแย่งชิงดีกัน แต่ก็ไม่ถึงขั้นสู้รบ ไม่ทำให้สองอาณาจักรใหญ่โกรธแค้น...”“ฝ่าบาท คิดว่าแผนการของกระหม่อมเป็นเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?”ซือหม่าอันไม่ได้หวังดีต่ออาณาจักรต้าเป่ยเพียงอย่างเดียว แต่มีแผนการส่วนตัวด้วยใช้โอกาสนี้กำจัดศัตรู ต่อไปในราชสำนัก เขาจะเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายพลเรือนและทหารจะไม่มีใครกล้าต่อกรกับเขา!ต่อไปในอาณาจักรต้าเป่ย เขาจะอยู่ใต้คนเดียว อยู่เหนือคนหมื่น!“นี่... คงไม่ดีกระมัง”ไป๋
นอกเมืองอู่เจียงหานเทาและกองทัพได้ถอยร่นกลับมายังชายแดนของตนแล้ว ตอนนี้กำลังรอคอยราชโองการจากไป๋ชิงชางพวกเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำเช่นไรต่อไปเมื่อฟ้าสาง ทหารองครักษ์สองนายที่ยืนเฝ้าหน้ากระโจมก็รีบเข้าไปรายงาน“ใต้เท้าซือหม่ามาถึงแล้วขอรับ!”ทหารองครักษ์นายหนึ่งรีบรายงาน“เชิญเข้ามาเลย!”หานเทารีบลุกขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี ตอนนี้เขาหมดหนทางแล้ว ซือหม่าอันมาได้ทันเวลาจริง ๆ“ท่านขุนพลใหญ่หาน ไม่ต้องมากพิธี”“ข้าเดินทางมาตลอดทั้งคืน มารบกวนท่านแต่เช้า ท่านขุนพลใหญ่คงไม่ถือสา!”ซือหม่าอันกล่าวพลางยกยิ้ม สีหน้าเปล่งปลั่ง ไม่เหมือนคนเดินทางมาตลอดคืน!อันที่จริงแล้วเขานอนหลับสบายตลอดทางในรถม้า อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก!เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ เมื่อคืนเขาได้รับจดหมายตอบกลับจากไป๋ชิงชาง ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ ไป๋ชิงชางเห็นด้วยกับเขา!สละเบี้ยเพื่อรักษาขุน!ถึงแม้ว่าจะดูไร้คุณธรรม แต่ก็เป็นหนทางเดียวที่ทำได้“ใต้เท้าซือหม่าพูดอะไรเช่นนั้น!”“ข้านอนไม่หลับมาทั้งคืน!”“เรื่องของท่านอัครเสนาบดีซ่งทำให้ข้าปวดหัว ข้าเฝ้ารอคอยข่าวจากท่านและฝ่าบาท...”“ท่านไม่เห็นหรือว่าข้าถ
“หากใต้เท้าซือหม่ามีวิธีที่ดีเช่นนั้นก็ดีมาก!”“พวกเราสามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน!”ดวงตาของหานเทาเป็นประกายขึ้นทันใดซ่งติ้งกั๋วไม่ต่างอะไรกับระเบิดเวลา หากระเบิดขึ้นย่อมไม่เป็นผลดีต่อใคร อาจส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมด้วยซ้ำตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องสละเบี้ยเพื่อรักษาขุน!ยิ่งไปกว่านั้น หากซ่งติ้งกั๋วตาย เรื่องราวทั้งหมดก็จะจบลง!เขาจะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับหวังหยวนอีก!ช่างเป็นวิธีที่ดี!“เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวดีจากใต้เท้าซือหม่า”ไม่นานทั้งสองก็แยกย้ายกันไป ซือหม่าอันมุ่งหน้าเข้าเมืองอู่เจียง!ในยามค่ำคืนเมื่อความมืดของยามราตรีค่อย ๆ เข้ามาปกคลุม หน้าห้องของซ่งติ้งกั๋วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น“ใต้เท้าซือหม่าหรือ?”ซ่งติ้งกั๋วเปิดประตูแล้วก็ตกใจ“ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”ซือหม่าอันถอนหายใจ มองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงกล่าวว่า “ข้าต้องลำบากมาก กว่าจะมาพบท่านได้”“ท่านทำอะไรลงไป? เหตุใดเรื่องราวจึงกลายเป็นเช่นนี้?”“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าจะโยนความผิดทั้งหมดให้หวังหยวนหรือ?”“เพื่อให้หวังหยวนบาดหมางกับอาณาจักรอื่น พวกเราจะได้ฉวยโอกาส!”“ตอนนี้ไม่เพ
“ในเมื่อท่านเสี่ยงอันตรายมาพบข้าเช่นนี้ คงคิดหาวิธีแก้ไขได้แล้วกระมัง?”ในอาณาจักรต้าเป่ย ทั้งอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายและอัครเสนาบดีฝ่ายขวาล้วนเป็นคนเฉลียวฉลาดรู้จักพลิกแพลงตามสถานการณ์!เพราะมีทั้งสองเป็นมือขวาของไป๋ชิงชาง อาณาจักรต้าเป่ยจึงยืนหยัดได้ในฐานะอาณาจักรมหาอำนาจ!ในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ มีเพียงอาณาจักรต้าเป่ยที่มีพื้นที่กว้างใหญ่และมีคนเก่งกาจมากมาย!ซือหม่าอันไม่ปิดบัง เขาพยักหน้ารับ“เยี่ยมมาก!”“เช่นนั้นท่านรีบช่วยข้าออกไปจากที่นี่ที!”“ถึงแม้ว่าหวังหยวนจะไม่ได้ทรมานข้า แต่การที่ข้าถูกขังอยู่ที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรกับการถูกกักบริเวณ”“ข้ากำลังจะบ้าตายแล้ว!”ซ่งติ้งกั๋วร้อนรุ่มราวกับมดบนกระทะร้อนเขารู้สึกเหมือนมีดาบแขวนอยู่บนหัว ซึ่งมันอาจจะตกลงมาได้ทุกเมื่อ!หากจะปลิดชีพเขาเสียเลยก็คงไม่น่ากลัวเท่านี้แต่ดาบเล่มนั้นกลับแกว่งไปมาอยู่บนหัว ไม่รู้ว่าจะฟันลงมาเมื่อใด นี่ช่างน่าหวาดผวาที่สุด!อันตรายที่มองไม่เห็นมักทำให้ความกลัวยิ่งเพิ่มขึ้น!“ท่านอัครเสนาบดีซ่ง!”“ที่ข้ามาก็เพื่อแจ้งแผนการของฝ่าบาทที่มีต่อท่าน”“ฝ่าบาทตัดสินใจแล้ว หวังว่าท่านจะปลิดชีพตัวเองที่นี่!”
อึก!ซ่งติ้งกั๋วร้อนใจจนกระอักเลือดคำโต พลังลมปราณในกายพลันเหือดหายใบหน้าซีดเผือดดั่งกระดาษขาว น่าเวทนายิ่งนัก!อัครเสนาบดีแห่งอาณาจักรต้าเป่ยผู้ยิ่งใหญ่ถูกผู้อื่นบีบบังคับให้ฆ่าตัวตายเช่นนี้หรือ?ช่างน่าอนาถใจนัก!“เจ้า...”“เจ้ามันสัตว์เดรัจฉาน!”“กล้าดีอย่างไรมาข่มขู่ข้าด้วยครอบครัวของข้า!”“ก่อนหน้านี้ข้าช่างตาถั่วที่มองไม่เห็นความชั่วช้าของเจ้า!”ซ่งติ้งกั๋วตะโกนด่าทอซือหม่าอันผู้ยืนอยู่เบื้องหน้าอย่างเดือดดาลแต่ซือหม่าอันกลับไร้ซึ่งความโกรธเคือง ซ้ำยังปรากฏรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้านี่คือสถานการณ์ที่เขารอคอยมาโดยตลอด หากซ่งติ้งกั๋วตายลงในที่แห่งนี้ ย่อมส่งผลให้ตำแหน่งของเขาก้าวขึ้นไปอีกขั้น!ต่อไปภายภาคหน้า ในราชสำนักนี้ ใครเล่าจะต่อกรกับเขาได้?หากเขาและหานเทาผนึกกำลังกันทั้งด้านพลเรือนและทหาร ย่อมกุมอำนาจอาณาจักรต้าเป่ยไว้ในกำมือได้แน่นอน!“ท่านก็เลือกเอาเองเถิด”“ข้าจะไม่เสียเวลาพูดพล่ามกับท่านอีกแล้ว”“จะปลิดชีพตัวเองเพื่อไถ่โทษต่อใต้หล้าหรือไม่ ก็สุดแล้วแต่ท่านจะตัดสินใจ!”“ได้ยินว่าบุตรชายคนเล็กของท่านเพิ่งบรรลุนิติภาวะไม่ใช่หรือ?”“หากต้องมาตายจากไป ช่างน่า
ลั่วเฉินพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงแค่รีบพาผู้ใต้บัญชาออกไป!เสียงโห่ร้องแห่งการฆ่าฟันดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬล้มตายเป็นใบไม้ร่วง!ตานสยงเฟยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ!สมาชิกพรรคทมิฬล้วนเป็นคนที่เขาฝึกฝนเอง เขาทุ่มเทมากมายเพื่อสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่ง!เดิมทีเขาต้องการครองแผ่นดิน แต่ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้!สูญเสียกำลังพลไปเยอะมาก!ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย!“ตานสยงเฟย! อย่าหนีนะ!”“เจ้าคนสารเลว! หลอกลวงข้ามาหลายปี!”“ไม่เพียงแต่ฆ่าพ่อแม่ข้าเท่านั้น ยังฝึกฝนข้าให้เป็นเครื่องมือทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!”“วันนี้พวกเราต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”ขณะที่ตานสยงเฟยกำลังจะลงจากเขา หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งเข้ามา ในมือถือกริชเปื้อนเลือด สายตาเย็นชาราวกับคมดาบจ้องมองตานสยงเฟย!“มาคนเดียวหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนมาคนเดียว ตานสยงเฟยก็หัวเราะในลำคอ เขาหันมาคว้าทวนยาวจากมือผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านข้าง!เหตุผลที่ตานสยงเฟยสร้างฐานะขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีความคิดที่แตกต่าง แต่ยังเป็นเพราะฝีมือของเขาด้วย!ในยุคสงคราม ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้ชนะ!ยิ่งกว่านั้น ฝีมือ
“ทุกคนขึ้นเขาเดี๋ยวนี้!”“ห้ามปล่อยให้ใครหนีรอดไปได้!”หวังหยวนออกคำสั่ง ขุนพลนายกองเริ่มเคลื่อนไหวคนที่อาศัยอยู่บนหน้าผาแห่งนี้ล้วนเป็นระดับสูงของพรรคทมิฬและมีตำแหน่งสำคัญ การกำจัดพวกเขาให้หมดสิ้น จึงจะทำให้พรรคทมิฬหายไปอย่างสมบูรณ์!ตัดวัชพืชไม่ถอนราก เมื่อลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาก็งอกขึ้นมาใหม่!เมื่อทุกคนเข้าไปบนหน้าผาแล้ว หวังหยวนก็ออกคำสั่ง ต่งอวี่และเอ้อหู่ต่างเป็นผู้นำพาผู้ใต้บัญชาบุกขึ้นไปบนยอดเขา!ส่วนหวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็ตามไปติด ๆ!“เจ้าจะทำอะไร?”หวังหยวนหันไปคว้าแขนหลิ่วหรูเยียน แล้วถามขึ้นหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเย็นชา กำหมัดแน่น สีหน้าโกรธเกรี้ยวนางขมวดคิ้วกล่าวว่า “ข้าจะขึ้นไปล้างแค้นด้วยตัวเอง!”“ไม่เพียงแต่ข้าเกือบตายเท่านั้น แม้แต่บิดามารดาข้าก็ถูกคนของพรรคทมิฬฆ่าตาย จะปล่อยพวกมันไปได้อย่างไร?”“วันนี้ไม่มีใครหยุดข้าได้ ข้าจะฆ่าตานสยงเฟย ล้างแค้นให้พ่อแม่!”พูดจบ หลิ่วหรูเยียนก็สะบัดแขนหวังหยวนออก ก่อนจะชักกริชออกมาแล้ววิ่งขึ้นไปบนยอดเขา!แม้ว่านางจะเป็นคนบอกที่ตั้งฐานทัพนี้ให้หวังหยวน แต่ไม่มีใครรู้จักที่นี่ดีไปกว่านาง!ไม่นานพวกหวังหยวนก็ขึ้นไปถึงยอดเขา
หวังหยวนกลอกตามองเอ้อหู่ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ชีวิตของทหารที่อยู่ข้างหลังเจ้าล้วนอยู่ในมือเจ้า!”“การที่เจ้าพาพวกเขามาเสี่ยงอันตราย หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็ดีไป แต่หากเกิดความผิดพลาด เจ้าจะเผชิญหน้ากับครอบครัวของพวกเขาได้อย่างไร?”“อย่าลืมว่าการเป็นขุนพลไม่ใช่แค่เพื่อรบชนะ!”“แต่ต้องชนะอย่างสวยงาม ลดการสูญเสียให้มากที่สุด!”ทุกคนต่างตกตะลึงเดิมทีพวกเขาคิดว่าการติดตามหวังหยวนก็เพื่อหาเลี้ยงชีพ ในยุคสงคราม การมีข้าวกินก็ดีมากแล้วชีวิตพวกเขาจะสำคัญอะไร?ในสายตาของชนชั้นสูง ชีวิตพวกเขาไม่ต่างจากเศษหญ้า!เป็นเพียงเครื่องมือในการแย่งชิงอำนาจ!แต่หวังหยวนกลับมีเมตตา เห็นใจพวกเขา ทำให้พวกเขาซาบซึ้งจริง ๆ!ในตอนนี้ทุกคนต่างก็ตัดสินใจแล้ว แม้ว่าจะต้องสูญเสียมากมาย พวกเขาก็ยินดีสละชีพเพื่อช่วยหวังหยวนพิชิตหน้าผาแห่งนี้ และฆ่าคนของพรรคทมิฬให้หมดสิ้น!“รีบก่อไฟทำอาหาร!”“เมื่อทุกคนอิ่มท้องแล้วก็คงถึงเวลาพอดี!”“จำไว้! ห้ามส่งเสียงดัง ประเดี๋ยวพวกมันจะรู้ตัว!”“หากพวกมันรู้ตัวจะเป็นอันตรายต่อพวกเรา!”หวังหยวนกำชับทุกคนพยักหน้ารับ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเ
ในช่วงเวลาไม่กี่วันต่อมา ด้วยการนำทางของหลิ่วหรูเยียน หวังหยวนและคนอื่น ๆ จึงไม่หลงทาง เดินทางมาถึงเชิงผาได้อย่างรวดเร็ว!บัดนี้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อก็ได้แทรกซึมเข้าไปในพื้นที่โดยรอบแล้วหวังหยวนและคนอื่น ๆ ตั้งค่ายอยู่ในป่าแห่งหนึ่งเมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นเงาคนมากมาย พวกเขาล้วนเป็นสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ“สืบทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรือ?”หวังหยวนสวมชุดเกราะเตรียมพร้อมรับมือกรณีฉุกเฉินและป้องกันการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว!เกาเล่อรีบเข้ามารายงานด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “สืบเรียบร้อยแล้วขอรับ คนร้ายอยู่บนเขาลูกนี้!”“แต่ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังขนย้ายสิ่งของ ตั้งแต่ที่พวกเรามาถึงก็เห็นรถม้าลงมาจากเขาไม่ต่ำกว่าร้อยคันแล้ว!”“แต่พวกเราไม่ได้ลงมือเพื่อไม่ให้พวกมันตื่นตัว!”“ข้าได้ส่งคนไปตามเส้นทางที่พวกมันใช้ หลังจากที่พวกเราจัดการเรื่องบนหน้าผาแล้ว จากนั้นจึงไปกวาดล้างพวกมัน!”“แล้วทรัพย์สมบัติของพวกมันก็จะตกเป็นของพวกเรา!”หวังหยวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจเรื่องนี้จัดการได้ดีมาก!เหตุผลที่พรรคทมิฬเติบโตอย่างรวดเร็วก็เพราะความร่ำรวย!หากตัดเส้นทางการเงินของพวกมัน แม้ว่าตานเฟยจ
ตานเฟยยิ้มอย่างพึงพอใจช่วงนี้หลังจากถูกหวังหยวนจับตามอง เขารู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องมองทุกการกระทำของเขาอยู่ตลอดเวลา!แม้แต่การหาสาวกใหม่ก็ยังยากลำบาก!หวังหยวนคอยขัดขวางเขา เขาจึงต้องสั่งสอนหวังหยวนบ้าง!แต่น่าเสียดาย...ยังหาโอกาสไม่ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตานเฟยไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าตนเองต่างกับหวังหยวน แล้วจะสู้หวังหยวนได้อย่างไร?อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ได้!ดังนั้นแม้ว่าในใจจะเคียดแค้นอาฆาต แต่ย่อมต้องหลีกเลี่ยง“ที่เจ้าทำงานสำเร็จก็แค่ช่วยถ่วงเวลาเท่านั้น”“ตราบใดที่หลิ่วหรูเยียนยังมีชีวิตอยู่ นางก็เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ!”“ดังนั้นก่อนที่พวกเราจะฆ่านางได้ พวกเราต้องระวังตัวและดำเนินแผนการต่อไป!”“พยายามขนย้ายสิ่งของออกไป หากถึงเวลาจำเป็น พวกเราก็ต้องทิ้งฐานที่มั่นแห่งนี้”ทุกคนต่างรู้สึกเสียดายหน้าผาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดี ไม่เพียงแต่มีชัยภูมิที่ได้เปรียบเท่านั้น แต่ยังปลอดภัยมากอีกด้วย!จึงทำให้พวกเขาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว!แม้ว่าสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะกระจายอยู่ทั่วดินแดนทั้งเก้า แต่ก็ไม่ได้ตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงหน้าผาแห่งนี้!แต่น่าเสียดา
สตรีผู้นี้...หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจช่างไม่รู้จักบุญคุณเอาเสียเลย!เหตุผลที่เขาไม่อยากให้หลิ่วหรูเยียนไปด้วยก็เพื่อปกป้องนาง เพราะหลังจากที่รู้ชาติกำเนิดของนางแล้ว หวังหยวนก็รู้สึกเห็นใจ!หลายปีมานี้ นางต้องเผชิญกับความทุกข์ยากมากมาย บัดนี้ในที่สุดก็ได้พบกับญาติ จึงควรได้ใช้เวลากับครอบครัว!แต่นางกลับดื้อรั้น ยืนกรานจะตามไปเสี่ยงอันตรายกับเขา ช่างเหลวไหลยิ่งนัก!“เจ้าตัดสินใจแล้วจริงหรือ?”หวังหยวนถามย้ำ“ใช่แล้ว!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่น“ได้!”“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า ประเดี๋ยวเจ้าไปเตรียมตัวได้เลย เช้านี้พวกเราจะออกเดินทาง!”ตานเฟยเจ้าเล่ห์เหมือนหมาจิ้งจอก ต้องรีบจัดการเขา ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะมีโอกาสหนีไปได้!เมื่อถึงเวลานั้นจะเสียทั้งฮูหยินและรี้พล!หวังหยวนไม่อยากพลาดโอกาสนี้!“ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้!”หลิ่วหรูเยียนกล่าว แล้วเดินออกไป ในดวงตาของนางปราศจากแววตื่นเต้น กลับมีแต่ความเย็นชา!การล้างแค้นคือเป้าหมายเดียวในใจนาง!ครึ่งชั่วยามต่อมา หวังหยวนและคนอื่น ๆ ต่างก็เตรียมพร้อม เนื่องจากเรื่องนี้สำคัญ หวังหยวนจึงเตรียมการอย่างรัดกุมไม่เพียงแต่เรียกทหาร
“เขาชื่อตานเฟย อายุสี่สิบกว่าปี แต่ข้ารู้แค่ชื่อ ส่วนหน้าตาที่แท้จริงเป็นอย่างไร ข้าไม่รู้”“ไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้น แม้แต่คนอื่น ๆ ในพรรคทมิฬต่างไม่รู้เช่นกัน”“หลายปีมานี้ เขาสวมหน้ากากตลอดเวลา ไม่ให้ใครเห็นหน้าตาที่แท้จริง!”หลิ่วหรูเยียนอธิบายหวังหยวนพยักหน้า คนของพรรคทมิฬชอบปิดบังตัวตน จึงไม่ยอมเปิดเผยหน้าตาไม่เช่นนั้นคงไม่สะดวกในการทำงาน!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดีหวังหยวนใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ แล้วถามขึ้นว่า “แล้วฐานทัพพรรคทมิฬอยู่ที่ไหน?”“เจ้าน่าจะรู้ใช่หรือไม่?”“ได้ยินว่าตานเฟยรับเจ้าเป็นลูกบุญธรรม แม้ว่าเขาจะไม่เชื่อใจคนอื่น แต่ย่อมต้องเชื่อใจเจ้า และพาเจ้าไปด้วยใช่หรือไม่?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหลิ่วหรูเยียนก็เปลี่ยนไป นางกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัวปรากฏว่าหลายปีที่ผ่านมา นางเห็นโจรเป็นพ่อมาโดยตลอด!ซ้ำยังช่วยเหลือโจรผู้นี้ทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!หากไม่ใช่เพราะหวังหยวนช่วยเหลือ นางคงกลายเป็นหุ่นเชิดในมือของตานเฟย!ยิ่งคิด ยิ่งโมโห!“ข้ารู้!”“สถานที่แห่งนั้นอยู่ห่างไกลและอยู่ในหุบเขาลึก แม้ว่าข้าจะบอกท่าน ท่านก็คงหาไม่พบ!”“ข้ามีวิธีหนึ่ง ให้ข้านำทางพาท่า
ในคืนนั้น หลิ่วหรูเยียนอยู่กับลุงของนางในห้อง ทั้งสองพูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลินหลิ่วหรูเยียนไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนตลอดเวลาที่ผ่านมา นางเป็นเพียงคนเดียวดาย แม้ว่าประมุขพรรคทมิฬจะดูแลนาง แต่นางกลับรู้สึกว่ามีความห่างเหินกับเขา ความรู้สึกนี้ แม้แต่นางเองก็อธิบายได้ไม่ชัดเจนอาจเป็นความรู้สึกแปลกแยกกระมัง?เพราะทั้งสองไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแม้ว่าจะเห็นเขาเป็นญาติ แต่ก็ไม่ใช่ญาติที่แท้จริง ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ...เขากลับเป็นคนที่ฆ่าบิดาของนาง!หลิ่วหรูเยียนเข้าใจทุกอย่างแล้ว หวังหยวนไม่ได้หลอกลวงนาง ทุกอย่างที่เขาพูดล้วนเป็นความจริง หลักฐานอยู่ตรงหน้า แม้จะไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ!รุ่งเช้า หวังหยวนตื่นขึ้นมาแล้วเห็นเงาของใครคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูเมื่อเขาเดินออกไปก็เห็นสตรีคนหนึ่งยืนอยู่หากไม่ใช่หลิ่วหรูเยียน แล้วจะเป็นใครได้?“เจ้าตื่นเช้าจัง!”“ลุงของเจ้าเล่า?”“เท่าที่ข้ารู้ ตั้งแต่เมื่อวานพวกเจ้าก็อยู่ด้วยกันตลอด เหตุใดตอนนี้จึงแยกกันแล้วเล่า?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ด้วยท่าทีไม่ใส่ใจหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเคร่งเครียด นางขมวดคิ้วกล่
เมื่อหลิ่วหรูเยียนและชายผู้นั้นหยดเลือดลงในชาม ก็เห็นเลือดทั้งสองหยดรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว เป็นเช่นนี้จริง ๆ!นั่นแสดงว่าทั้งสองมีสายเลือดเดียวกัน!“ท่านลุง!”ทันใดนั้น หลิ่วหรูเยียนก็ร้องไห้ออกมา แล้วจับมือชายผู้นั้นพลางเรียกเขานางไม่นึกเลยว่านางยังมีญาติอยู่ในโลกนี้!ทุกคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างพากันยินดีกับหลิ่วหรูเยียนช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดี!เจียงเสี่ยวอวี๋ตื่นเต้นจนน้ำตาไหลส่วนหวังหยวนส่ายหน้าพลางยิ้มฝืดเฝื่อน เขาเป็นคนต่างยุคย่อมเข้าใจความจริงอย่างหนึ่งการพิสูจน์สายเลือดด้วยการหยดเลือดลงน้ำไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดมารองรับ!ตราบใดที่เลือดสองชนิดเป็นหมู่เดียวกันย่อมสามารถรวมตัวกันได้ แต่หมู่เลือดเป็นแค่การแบ่งประเภทเท่านั้นบางทีนี่อาจเป็นฟ้าลิขิตก็ได้ใช่หรือไม่?ยิ่งกว่านั้น คนในยุคนี้ยังไม่เข้าใจเรื่องหมู่เลือดด้วย ในเมื่อเลือดของทั้งสองสามารถรวมตัวกันได้ ประกอบกับเกาเล่อได้สืบหาข้อมูลมานานแล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าทั้งสองเป็นญาติกันจริง!ยิ่งไปกว่านั้น นี่ก็เป็นการช่วยให้หลิ่วหรูเยียนมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจอีกด้วยเขาจึงไม่ขัดจังหวะ“ดี! ดี! ดี!”“น้องชายข้าม