หวังหยวนยังคงหลงใหลในความงามของว่านซิ่วเอ๋อร์ ต้องกล่าวว่าหญิงงามผู้นี้มีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างประหลาด ต่างจากคนอื่น ถึงกับทำให้ใจลุ่มหลงจนไม่อาจละทิ้งได้ หากไม่ใช่เพราะยังมีสติเหลืออยู่ หวังหยวนก็เกือบจะกอดรัดว่านซิ่วเอ๋อร์เข้าไปในพุ่มไม้นั้นเสียแล้ว!ตอนนี้ว่านซิ่วเอ๋อร์ถึงกับหมดแรง ร่างกายอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมกอดหวังหยวน แต่ยังคงหลับตาปี๋ด้วยความเขินอายหวังหยวนใช้ปลายนิ้วลูบข้างใบหูของนางเบา ๆ แล้วจึงกระซิบเสียงแผ่วว่า “พอแล้ว”“บิดาและพี่น้องของเจ้าคงรอจนใจจดใจจ่อแล้ว”“เราสองคนไปกันเถิด”ว่านซิ่วเอ๋อร์มีสีหน้าทำอะไรไม่ถูก“เป็นอะไรไป?”“ขาอ่อนแรงหรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มแต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ ว่านซิ่วเอ๋อร์พยักหน้าหวังหยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วอุ้มนางขึ้นก่อนจะก้าวเดินอย่างรวดเร็วไปยังห้องโถงว่านซิ่วเอ๋อร์ไม่คาดคิดว่าหวังหยวนจะกระทำการหยาบคายเช่นนี้!แต่นางกลับรู้สึกชอบในใจระหว่างทาง เมื่อบรรดาคนรับใช้และสาวใช้เห็นทั้งสองก็ต่างหลบสายตา พร้อมกับกระซิบกระซาบกันใบหน้าของว่านซิ่วเอ๋อร์แดงก่ำจนถึงลำคอ ไม่อาจสนใจผู้ใดได้เลย จึงได้แต่ก้มหน้าซุกอยู่ในอ้อมกอดหวั
นางเข้าใจดีว่าคืนเดียวมีค่าเท่ากับทองพันชิ้นยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นางรักหวังหยวนหมดหัวใจ นางย่อมอยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้หวังหยวนแต่นี่ถือเป็นการไม่ให้เกียรติ“คิดเพียงแค่เรื่องนี้หรือ?”หวังหยวนถามพร้อมรอยยิ้ม“แน่นอนเจ้าค่ะ”ว่านซิ่วเอ๋อร์รีบตอบส่วนว่านเชียนซานและคนอื่น ๆ ก็ไม่กล้าเอ่ยแทรก ได้แต่รอให้หวังหยวนตัดสินใจเท่านั้นแต่ในใจพวกเขาต่างก็ร้อนรน นี่เป็นโอกาสอันดี หากอยากช่วยหวังหยวนให้สมหวัง ย่อมต้องดูที่การกระทำของว่านซิ่วเอ๋อร์ในคืนนี้!แต่ลูกสาวของเขากลับปฏิเสธโอกาสอันดีนี้ไปงั้นหรือ?ช่างเป็นการกระทำที่ไร้สาระ!“เด็กโง่”หวังหยวนกล่าวเบา ๆ “บรรดาพี่สาวที่บ้านไม่สนใจเรื่องเหล่านี้หรอก”“และพวกนางก็รู้จักนิสัยของข้าดี ถึงแม้จะรู้ว่าคืนนี้ข้าพักที่นี่ ต่อไปเมื่อเจ้าไปที่บ้าน พวกนางก็จะไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”“เมื่อเจ้าได้พบกับพวกนาง เจ้าก็จะเข้าใจเอง พวกนางเป็นคนดีที่เข้ากับทุกคนได้ดีมาก!”ว่านซิ่วเอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พยักหน้า“ถ้าเช่นนั้น คืนนี้ข้าขออยู่กับคุณชาย...”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ว่านเชียนซานและคนอื่นต่างตื่นเต้นดีใจถือว่าเป็นที่แน่นอนแล้ว!ส่
ว่านซิ่วเอ๋อร์รีบก้มหน้าลง ไม่ได้เอ่ยคำใดอีกแต่ก็ยังคงมีท่าทีเขินอายอยู่ถ้อยคำของหวังหยวนตรงไปตรงมาเหลือเกิน แม้แต่คนโง่ก็ยังเข้าใจว่าเขาจะสื่ออะไร!เพียงชั่วพริบตา ทั้งสองก็เดินออกจากห้องไปแล้ว อาหารเช้าได้ถูกเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแท้จริงแล้วเรียกว่าอาหารเช้าก็ไม่ได้ เรียกว่าอาหารกลางวันจะเหมาะสมกว่า เพราะบัดนี้ดวงอาทิตย์ขึ้นสูงเหนือศีรษะแล้ว อีกหนึ่งชั่วยามก็จะถึงเที่ยงวันเพราะว่าหวังหยวนและนางเพิ่งจะผล็อยหลับไปเมื่อตอนรุ่งสาง ถึงแม้จะนอนจนถึงเวลานี้ก็ยังไม่หายง่วงหากยังคงพักอยู่ต่ออีกทั้งวัน เช่นนั้นก็จะถูกคนอื่นกล่าวหาว่าเป็นคนหมกมุ่นเกินไปหรือไม่?ด้วยการไตร่ตรองอยู่หลายครั้ง หวังหยวนจึงจำต้องลุกขึ้น“ท่านหวัง! เมื่อคืนพักผ่อนสบายดีหรือไม่?”เมื่อว่านเชียนซานเห็นทั้งสองเดินเข้ามาใกล้ จึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหวังหยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เตียงของคุณหนูว่านนุ่มสบายมาก ทำให้ตื่นสายไปเลยทีเดียว”“ขอบคุณท่านว่านที่ได้ต้อนรับข้าอย่างดี”ว่านเชียนซานรีบโบกมือ “ท่านหวังเพียงแค่ถือว่าที่นี่เป็นบ้านของท่านก็พอ ต่อจากนี้ท่านสามารถมาได้ทุกเมื่อ!”หวังหยวนพยักหน้าแล้วกล่าวตอบ
“ข้าสงสัยว่าพวกเขาเป็นสาวกขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง”“พวกเขากำลังโอ้อวดหลักคำสอนของกลุ่มพวกเขาอยู่เสมอ!”“ขณะที่ข้าจับกุมคนพวกนี้ได้ พวกเขาก็กำลังประกาศคำสอนอย่างเปิดเผยอยู่บนถนน!”“ข้าจึงสงสัยว่าเบื้องหลังอาจจะมีคนอื่นอยู่ จึงรีบมาแจ้งท่านขอรับ”หวังหยวนพยักหน้า แล้วเดินไปยังห้องขังก่อนโบกมือให้กับผู้คุม ผู้คุมจึงรีบเปิดประตูห้องขังหวังหยวนเดินไปหาพวกเขา เมื่อพิจารณาพวกเขาแล้วจึงเอ่ยถาม “พวกเจ้าเป็นใคร?”“พวกเราเป็นสาวกของพรรคทมิฬ!”หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นก่อนคนผู้นั้นลุกขึ้นยืน แล้วมองหวังหยวนด้วยสายตาเย้ยหยัน ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ข้ารู้ว่าท่านเป็นใคร!”“ท่านคือหวังหยวนใช่หรือไม่?”“บัดนี้เมืองหลิงอยู่ภายใต้อำนาจของท่าน!”“แต่ท่านก็อย่าได้ยินดีเกินไป อีกไม่นานที่นี่ก็จะตกเป็นของพรรคทมิฬของพวกข้า!”“ถึงเวลานั้น ท่านก็จะต้องยอมจำนนต่อพรรคทมิฬของพวกเรา!”ก่อนที่หวังหยวนจะได้พูดอะไร ก็เห็นสีหน้าของเกาเล่อเปลี่ยนไป แล้วถีบเข้าที่หน้าอกของชายผู้นั้นทันที!ชายผู้นั้นถอยหลังสองก้าว แต่ยังไม่ยอมขอโทษ ยังคงแสดงท่าทีเด็ดเดี่ยว!คนอื่น ๆ ก็ลุกขึ้นยืน ทุกคนต่างมองหวังหยวนและเ
“พวกเรา...”บุรุษทั้งสองสบตากัน สุดท้ายก็จำต้องเอ่ยความจริง“ผู้คนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมกับพรรคทมิฬล้วนเป็นผู้ยากไร้และต่อต้านผู้ปกครอง...”“นั่นจึงทำให้พวกเราทุกคนมารวมตัวกัน”“และด้วยความที่ท่านประมุขพรรคมีฐานะร่ำรวยมาก คอยดูแลพวกเราเสมอ พวกเราจึงเลือกที่จะรวมพลังกัน...”ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้นเองหวังหยวนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เข้าใจสถานการณ์ในทันทีดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะต้องการใช้กลวิธีนี้เพื่อดึงดูดใจผู้คน แต่ว่า...จุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไรกันแน่?“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดคุยกับพวกเขาอีกแล้ว...”หวังหยวนโบกมือให้เกาเล่อ แล้วจึงพากันเดินออกจากห้องขัง“พี่หยวน เรื่องนี้ไม่อาจประมาทได้...”“ข้าสงสัยว่าอีกฝ่ายมีแผนกบฏ”“และบัดนี้ ผู้คนของพรรคทมิฬได้แทรกซึมเข้ามาถึงที่นี่แล้ว นั่นหมายความว่าพวกเขากำลังมุ่งเป้ามาที่เรา”เกาเล่อมีสีหน้าเคร่งเครียดขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เช่นนี้ดีกว่า”“ข้าจะเตรียมการในภายหลัง ในช่วงเวลาต่อจากนี้ ข้าจะให้ทุกคนสืบสวนเรื่องนี้อย่างเป็นความลับ”“พยายามหาผลลัพธ์โดยเร็วที่สุด”“ค้นหาตำแหน่งของพวกเขา!”“เพียง
ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่นนอกจากไป๋เหยียนเฟย ผู้หายหน้าไปนาน!ขณะนี้ไป๋เหยียนเฟยปลอมตัวเป็นชาย สวมใส่ชุดคลุมหรูหราสีอ่อน ในมือถือพัดดูราวกับเป็นชายหนุ่มชั้นสูงผู้มีรสนิยมพวกหลี่ซื่อหานอยู่ข้างนาง ดูเหมือนกำลังพูดคุยเรื่องลับ ๆ ของเหล่าหญิงสาว พลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน บรรยากาศนั้นช่างอบอุ่นถึงแม้ว่าในบริเวณบ้านจะเป็นเช่นนั้น แต่หวังหยวนก็สังเกตเห็นสถานการณ์รอบข้างเมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นว่ามีทหารรักษาการณ์เฝ้าอยู่มากมาย และยังมีทหารลับซ่อนตัวอยู่ด้วย ดูเหมือนว่าทุกคนจะเป็นคนที่ไป๋เหยียนเฟยคัดเลือกมาอย่างดีแต่คิดดูก็เห็นว่าสมควรแล้วบัดนี้ไป๋เหยียนเฟยไม่ใช่ฮองเฮาเหมือนในอดีตอีกต่อไป แต่เป็นจักรพรรดินีองค์ปัจจุบันการเดินทางย่อมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษยิ่งไปกว่านั้นยังต้องเดินทางข้ามหลายเมือง ยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น“บัดนี้ข้าควรเรียกท่านว่าอย่างไรดี?”“เรียกชื่อจริงของท่านโดยตรง หรือควรเรียกว่าฝ่าบาท?”หวังหยวนกอดอกกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ ๆ“เรียกชื่อข้าก็พอแล้ว”“ระหว่างเราไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองมากมาย”“ยิ่งไปกว่านั้น คือบัดนี้ท่านเป็น
ว่านซิ่วเอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยนางเชื่อมั่นในตัวหวังหยวน แต่ไม่เชื่อมั่นในตัวไป๋เหยียนเฟย...ขณะเดียวกันนั้นหวังหยวนและไป๋เหยียนเฟยนั่งตรงข้ามกันอยู่ในห้องเมื่อหวังหยวนรินน้ำชาให้ไป๋เหยียนเฟยแล้วจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าทราบเจตนารมณ์ของท่านแล้ว ท่านมาก็เพื่อให้ข้าทำให้ว่านเชียนซานต้องลำบาก ใช่หรือไม่?”“เท่าที่ข้ารู้มา ว่านเชียนซานเคยอาศัยอยู่ในแผ่นดินของท่าน”“แต่บัดนี้เขามาอยู่ที่นี่แล้ว ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายแก่ท่านไม่น้อย”ว่านเชียนซานไม่ใช่คนธรรมดา เขามีฐานะมั่งคั่งและมีอำนาจวาสนานับเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งหวังหยวนจะไม่รู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร?แต่ว่านเชียนซานมีเหล็กเย็นอยู่ในมือ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อหวังหยวนในขณะนี้เขาสามารถใช้ทรัพยากรนี้สร้างกองทัพเหล็กกล้าได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือเครื่องป้องกันก็ล้วนจะมีคุณภาพดีเยี่ยม!ถึงเวลานั้น แม้จะต้องทำสงครามกับผู้อื่นจริง ก็ยังคงได้เปรียบและสามารถเอาชนะได้ราวกับอยู่ยงคงกระพัน!และเขาได้หมั้นหมายกับว่านซิ่วเอ๋อร์แล้ว จะทำให้นางผิดหวังได้อย่างไร?ทั้งในด้านอารมณ์และเหตุผล เขาจำต้องพิจารณาจากมุม
“ข้ากำลังสืบสวนเรื่องพรรคทมิฬอยู่ แต่ยังไม่ทราบที่มาที่ไปที่แท้จริงของพรรคทมิฬ...”“ข้าเองก็กำลังหาข้อมูลของพวกเขาอยู่ แต่พยายามมานานแล้ว แต่พวกเขากลับซ่อนตัวได้อย่างแนบเนียนเกินไป จึงไม่ทราบข้อมูลใด ๆ เลย...”ไป๋เหยียนเฟยมีสีหน้าเศร้าหมองหากปล่อยให้พวกเขาเติบโตต่อไปก็อาจคุกคามอำนาจของนางได้นานวันเข้าอาจจะถึงขั้นควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ถึงเวลานั้นก็จะแก้ไขไม่ได้“ข้าก็กำลังสืบสวนอยู่”“เอาเถิด หากมีข่าวสารเกี่ยวกับพรรคทมิฬ พวกเราก็ค่อยมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน”“แล้วร่วมมือกันกำจัดพรรคทมิฬ”หวังหยวนไม่คาดคิดว่าพรรคทมิฬจะแผ่ขยายไปได้รวดเร็วเช่นนี้นับว่าน่ากลัวอย่างยิ่งนี่ไม่ใช่เพียงแค่ภัยคุกคามต่อเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นภัยคุกคามประชาชนในดินแดนทั้งเก้าด้วย“ได้สิ”ไป๋เหยียนเฟยรีบตอบตกลงการได้รับความช่วยเหลือจากหวังหยวนจะทำให้เรื่องต่าง ๆ ง่ายดายขึ้น เชื่อว่าในไม่ช้าจะต้องมีเบาะแสบางอย่างทั้งสองสนทนากันสักครู่จึงเดินออกจากห้อง“ตอนนี้มาถึงที่นี่แล้ว”“ข้าก็จะขอแสดงน้ำใจในฐานะเจ้าบ้าน”“คืนนี้เราจะจัดงานเลี้ยงใหญ่ที่โรงเตี๊ยม ท่านควรจะมาด้วยกัน”หวังหยวนกล่าวพร้อมยกยิ้ม
“เท่าที่ข้ารู้ พรรคทมิฬมีทรัพย์สมบัติมากมาย!”“วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อถามว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ใด?”“ก่อนที่ข้าจะบุกหน้าผา ได้ยินว่าของพวกนั้นถูกขนย้ายไปแล้วจริงหรือไม่?”หวังหยวนมองไปที่โอวหยางอวี่ แล้วถามตรงประเด็นโอวหยางอวี่พูดไม่ออก ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เอ่ยคำใด“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ลั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะลั่น“โอวหยางอวี่!”“เจ้าคิดว่าท่านประมุขไม่รู้ความทะเยอทะยานของเจ้าหรือ?”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ จะบอกคนชั่วเช่นเจ้าได้อย่างไร?”“ตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะประจบสอพลอก็คงไม่มีโอกาสแล้วกระมัง?”นี่...โอวหยางอวี่รู้สึกจนใจ หน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้ที่ซ่อนทรัพย์สมบัติจริง ๆ!ไม่เช่นนั้นเขาคงบอกหวังหยวนไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอด!หวังหยวนจะมองความคิดของโอวหยางอวี่ไม่ออกได้อย่างไร?เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเตะโอวหยางอวี่ แล้วหันไปพยักหน้าให้หลิ่วหรูเยียน เขาชี้ไปที่โอวหยางอวี่ แล้วกล่าวว่า “คนผู้นี้ไร้ประโยชน์ เจ้าจัดการเขาเถิด!”“จะปล่อยเขาไปหรือจะฆ่าเขาก็สุดแล้วแต่เจ้า ไม่ต้องถามข้า!”หลิ่วหรูเยียนดีใจ รู้สึกซาบซึ้งใจมากส่วนโอวหยางอวี่กลับมีสีหน้าหวาดกลัว รีบ
“ได้เลย!”หวังหยวนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงพาหลิ่วหรูเยียนไปยังสวนหลังบ้านเนื่องจากงานเลี้ยงยังไม่เลิก ทุกคนยังคงดื่มกินอย่างสนุกสนาน หวังหยวนจึงใช้สวนหลังบ้านเป็นสถานที่สอบสวนไม่นานต่งอวี่ก็พาโอวหยางอวี่และลั่วเฉินมา ข้างหลังพวกเขามีทหารหลายคน“ท่านหวัง!”“ท่านโปรดอย่าทำร้ายข้าเลย!”“ก่อนหน้านี้ข้าตาบอด จึงได้ไปอยู่กับตานสยงเฟย แต่ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว หากท่านให้โอกาสข้า ต่อไปข้ายินดีรับใช้ท่านให้ดีที่สุดขอรับ!”“หากท่านไม่ต้องการใช้ข้าก็ปล่อยข้าไปเถิด ข้าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าท่าน และจะไม่สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้ท่านแน่นอนขอรับ!”โอวหยางอวี่รีบคุกเข่าลงอ้อนวอนขอความเมตตา!ครั้งก่อน แม้แต่ตอนอยู่บนหน้าผา เขาก็หมดอำนาจแล้ว ได้แต่ถูกขังอยู่ในห้องทุกวันแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเพราะหวังหยวน แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาเป็นนักโทษ หากไม่สามารถพูดโน้มน้าวหวังหยวนได้ ต่อไปเขาก็คงมีแต่ต้องตายเท่านั้น!วันชื่นคืนสุขผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว!หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ ช่างเป็นคนขี้ขลาดนัก!เพิ่งจะพบหน้ากันก็คุกเข่าขอความเมตตาแล้วหรือ?ครั้งก
หวังหยวนเดินไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วถามด้วยรอยยิ้ม“ข้าจำได้”“เพียงแต่...”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีลังเล ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างจากตอนนั้น ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผลและรู้จักกาลเทศะ!”“ในเมื่อตานสยงเฟยมีประโยชน์ต่อท่าน ข้าจะฆ่าเขาเพื่อความสาแก่ใจเพียงครู่เดียวได้อย่างไร?”สุดท้ายหลิ่วหรูเยียนก็รีบวิ่งออกไป ไม่อยากเห็นหน้าตานสยงเฟยอีก!ไม่เช่นนั้นนางเกรงว่าตนเองจะอดใจไม่ไหว ลงมือฆ่าเขาจนทำลายแผนการของหวังหยวน!“เจ้าช่างโชคดี”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังรักษาหัวไว้บนบ่าได้”หวังหยวนมองตานสยงเฟยด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำใด แล้วเดินออกไปข้างหลังมีเพียงเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของตานสยงเฟยในเมื่อเขามีไพ่ตายอยู่ในมือก็ไม่ต้องกลัวตาย!สักวันหนึ่ง เขาจะต้องเป็นอิสระ!...“ช้าก่อน!”หลังจากออกจากคุกแล้ว หวังหยวนก็รีบวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปหลิ่วหรูเยียนหันกลับมามองหวังหยวน แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “มีเรื่องอะไรอีกหรือ?”“ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า ในบรรดาคนของพรรคทมิฬที่พวกเราจับมาได้มีคนระดับสูงคนอื่น ๆ อีกหรือไม่?”พรรคทมิฬมีรากฐานที่แข็งแกร่ง มีสาวกมากมาย แสดงว่าคงคนม
ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็หัวเราะลั่น ปรากฏว่าเป็นเช่นนี้เอง!“ดูเหมือนว่าข้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง สิ่งที่เจ้าต้องการคือทรัพย์สมบัติของข้างั้นหรือ?”“แต่ก็ดี พวกเรามาทำข้อตกลงกัน!”“หากเจ้าปล่อยข้าไป ทรัพย์สมบัติและทรัพยากรทั้งหมดของข้าจะเป็นของเจ้า แต่หากเจ้าไม่ยอมรับข้อเสนอ เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้สิ่งเหล่านั้น!”ตานสยงเฟยกล่าว พร้อมกับจ้องหน้าหวังหยวน“จริงสิ”“หลิ่วหรูเยียนกลายเป็นคนของเจ้าแล้ว หากเจ้าไม่เชื่อคำพูดข้าก็ลองถามนางดู ว่าทรัพย์สมบัติของข้ามากมายมหาศาลจริงหรือไม่!”“ถามดูก็รู้ผล!”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างมั่นใจเหตุผลที่เขาสามารถสร้างพรรคทมิฬและรวบรวมสาวกมากมายจนมีอิทธิพลในดินแดนทั้งเก้าได้ ก็เพราะเขามีทรัพย์สมบัติมหาศาล!แม้ว่าจะเทียบกับหวังหยวนไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน!อย่างน้อยในดินแดนทั้งเก้าก็ยังมีที่ให้เขายืนหยัดในฐานะผู้นำ!หลิ่วหรูเยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังหยวนกำหมัดแน่น ไม่เอ่ยคำใด แต่ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความโกรธของนาง!ความแค้นเพราะบิดาถูกสังหารนั้นไม่อาจลืมเลือน!ศัตรูอยู่ตรงหน้า แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ ช่างไร้ความสามารถ!“เขาพูดจริงหรือ?”
หลายปีมานี้นางเชื่อคำพูดของตานสยงเฟยมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า แม้กระทั่งเกลียดชังบิดามารดาของตนเองด้วยซ้ำ!เหตุใดพวกเขาจึงทอดทิ้งนาง?ทำให้นางต้องระหกระเหินมานานหลายปี!แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นคำโกหกของตานสยงเฟย บิดามารดาของนางไม่ได้ทอดทิ้งนาง แต่ถูกตานสยงเฟยฆ่าตายต่างหาก!บัดนี้เมื่อความจริงปรากฏ นางจึงอยากไปเคารพหลุมศพของพวกเขา!เป็นการแสดงความกตัญญูและทำให้หมดห่วง“เป็นเช่นนี้เอง”หวังหยวนพยักหน้า“ได้!”“ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้าไปที่คุกเอง”“เพื่อป้องกันไม่ให้ตานสยงเฟยใช้อุบายอันใด”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีแปลกไป อาจจะถูกตานสยงเฟยชักจูงได้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า หวังหยวนจึงพานางไปที่คุกที่จวน ทุกคนยังคงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน!ภายในคุกเนื่องจากตานสยงเฟยและพรรคพวกล้วนเป็นคนชั่ว หวังหยวนจึงสั่งให้ขังพวกเขาไว้ที่ชั้นใต้ดินของคุกที่นี่มักจะใช้ขังนักโทษอุกฉกรรจ์ยิ่งไปกว่านั้น การจะหนีออกไปจากที่นี่ก็ช่างยากเย็นพอ ๆ กับการปีนสู่สวรรค์!“หวังหยวน!”“ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอท่านปล่อยข้าไปเถิด!”“ต่อไปนี้ข้ายินดีอยู่เคียงข้างรับใช้ท่าน!”“
“เจ้าไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับข้า แสดงว่าเจ้าคงอารมณ์ไม่ดีจริง ๆ”“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่เล่าให้ข้าฟังสักหน่อยล่ะ อย่างน้อยก็ให้ข้าสนุกขึ้นมาบ้าง”หวังหยวนนั่งลงข้างหลิ่วหรูเยียน เขานั่งไขว่ห้างมือวางบนราวบันไดขณะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยรอยยิ้ม“เหตุใดท่านถึงน่ารำคาญนัก?”“ดูไม่ออกหรือว่าข้าไม่อยากคุยกับท่าน?”“รีบกลับไปดื่มกับพวกเขาซะเถอะ จะมานั่งขวางหูขวางตาข้าทำไม?”หลิ่วหรูเยียนกลอกตามองหวังหยวนแท้จริงแล้ว นางเพียงแค่รู้สึกว่างเปล่าหลังจากได้ล้างแค้นสำเร็จ ราวกับชีวิตไม่มีจุดหมายอีกต่อไป นางไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป จึงทำให้ดูเหม่อลอยและเศร้าสร้อยแต่ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่วังหยวนมาที่นี่ นางกลับรู้สึกเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง“ว่ามาสิ เป็นอะไรไป?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่อง“ข้าอยากไปพบตานสยงเฟย”“ครั้งก่อนท่านสัญญากับข้าว่า เมื่อจับตานสยงเฟยได้จะให้ข้าจัดการเขา ยังจำได้หรือไม่?”หลิ่วหรูเยียนถาม“อืม...”หวังหยวนครุ่นคิด ใช้นิ้วเคาะขมับพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียเรื่องของพรรคทมิฬเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อาจตัดสินใจเพียงเพราะคำพูดของคนคนเดียวได้ ยิ่งกว่านั้น เพื่อจับตานสยงเฟย ยังต้องสูญ
“หวังหยวน! เจ้าช่างน่ารังเกียจ! กล้าเล่นงานแบบไม่ทันตั้งตัวหรือ?”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างเดือดดาลส่วนโอวหยางอวี่และลั่วเฉินเห็นท่าไม่ดี จึงไม่รีรอ รีบพาผู้ใต้บัญชาหนีลงจากเขา!แต่น่าเสียดาย ที่เชิงเขามีการวางกองกำลังดักไว้แล้ว!ตานสยงเฟยและคนอื่น ๆ ต่างถูกจับเป็น!การต่อสู้ครั้งนี้ หวังหยวนได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ!แต่เนื่องจากหน้าผาแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ห่างไกล โดยรอบไม่มีบ้านเรือนหรือเมืองจึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่หวังหยวนต้องการเพราะที่นี่คืออาณาจักรต้าเป่ย หากหานเทารู้ว่าเขายกทัพมาในดินแดนของอาณาจักรต้าเป่ย ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร พวกเขาก็อาจจะหาเรื่องจู่โจมได้!เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องราวคงจะวุ่นวายและเกิดความขัดแย้ง!หลังจากที่จับตานสยงเฟยและพรรคพวกได้แล้ว หวังหยวนจึงรีบกลับเมืองอู่เจียงทันที!ใช้เวลาเพียงวันครึ่งก็กลับมาถึง!ระหว่างทาง แม้ว่าจะมีคนเห็น แต่มีเกาเล่อคอยนำทาง จึงไม่ทำให้คนของอาณาจักรต้าเป่ยรู้ตัว!...ณ ที่ว่าการเมืองอู่เจียงตอนนี้ทุกคนกำลังดื่มฉลองกันอย่างสนุกสนาน!คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์คือหวังหยวน!ส่วนเอ้อหู่และคนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ที่
หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใด นางจ้องมองตานสยงเฟยด้วยความโกรธแค้นนางต้องการล้างแค้น!“ชีวิตของเขาเป็นของเจ้า ข้าจะช่วยจับเป็นให้!”“ส่วนต่อไป เจ้าจะจัดการเขาอย่างไรก็สุดแล้วแต่เจ้า!”หวังหยวนกล่าวจบก็หยิบปืนคาบศิลาออกมาจากอก แล้วเล็งไปที่ตานสยงเฟย“ในเมื่อเจ้ารู้จักข้าดี”“เจ้าควรรู้ว่าอาวุธลับของข้าไม่มีผู้ใดเทียบได้ ใช่หรือไม่?”“ข้าแนะนำให้เจ้ายอมจำนนเสีย จะได้ไม่เจ็บตัว!”หวังหยวนเตือนมุมปากของตานสยงเฟยกระตุก เขาสืบเรื่องของหวังหยวนมานาน จึงรู้จักหวังหยวนดี และจำได้ว่าอาวุธในมือของหวังหยวนคืออะไร!ไม่ต้องพูดถึงเขา แม้แต่ขุนพลที่เก่งกาจก็ยังไม่อาจหลบอาวุธนี้ได้!ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็คว้าตัวสาวกพรรคทมิฬคนหนึ่งมาใช้เป็นโล่มนุษย์!“ปัง!”เสียงปืนดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬคนนั้นล้มลงกับพื้นต้องยอมรับว่าตานสยงเฟยช่างโหดเหี้ยม!เพื่อเอาชีวิตรอด กลับยอมเสียสละชีวิตคนอื่น ช่างน่ารังเกียจ!หวังหยวนยกปืนขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเล็งไปที่ตานสยงเฟย ไม่ให้เขามีโอกาสหนี!“หวังหยวน!”“วันนี้ไว้ชีวิตข้าเถิด ต่อไปข้าจะตอบแทนเจ้าแน่นอน!”“เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”“การบีบให้ข้าจนตรอกไม่ได้เป็นผลดีต่อ
ลั่วเฉินพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงแค่รีบพาผู้ใต้บัญชาออกไป!เสียงโห่ร้องแห่งการฆ่าฟันดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬล้มตายเป็นใบไม้ร่วง!ตานสยงเฟยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ!สมาชิกพรรคทมิฬล้วนเป็นคนที่เขาฝึกฝนเอง เขาทุ่มเทมากมายเพื่อสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่ง!เดิมทีเขาต้องการครองแผ่นดิน แต่ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้!สูญเสียกำลังพลไปเยอะมาก!ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย!“ตานสยงเฟย! อย่าหนีนะ!”“เจ้าคนสารเลว! หลอกลวงข้ามาหลายปี!”“ไม่เพียงแต่ฆ่าพ่อแม่ข้าเท่านั้น ยังฝึกฝนข้าให้เป็นเครื่องมือทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!”“วันนี้พวกเราต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”ขณะที่ตานสยงเฟยกำลังจะลงจากเขา หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งเข้ามา ในมือถือกริชเปื้อนเลือด สายตาเย็นชาราวกับคมดาบจ้องมองตานสยงเฟย!“มาคนเดียวหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนมาคนเดียว ตานสยงเฟยก็หัวเราะในลำคอ เขาหันมาคว้าทวนยาวจากมือผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านข้าง!เหตุผลที่ตานสยงเฟยสร้างฐานะขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีความคิดที่แตกต่าง แต่ยังเป็นเพราะฝีมือของเขาด้วย!ในยุคสงคราม ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้ชนะ!ยิ่งกว่านั้น ฝีมือ