สำหรับอาหารบางอย่าง ไป๋ชิงชางเคยกินหม้อไฟและปิ้งย่างมาก่อนจึงไม่แปลกใจอะไร แต่สำหรับเครื่องเทศปรุงรสสำเร็จรูปสำหรับหม้อไฟนั้นแปลกใหม่มาก เมื่อรู้ว่าสิ่งนี้ใช้เป็นเครื่องเทศปรุงรสสำเร็จรูปสำหรับหม้อไฟได้ เขาก็เกิดความคิดที่จะรับซื้อไปขาย! นอกจากเครื่องเทศปรุงรสสำเร็จรูปสำหรับหม้อไฟแล้วยังมีเค้กอีกด้วย!เมื่อพวกเขาได้ลองชิมก็ต้องตะลึง! มีขนมอบเนื้อนุ่มขนาดนี้ด้วย! ครีมที่อยู่ด้านบนนั้นละลายในปากได้อย่างง่ายดาย! ลูกชิ้นหลากหลายชนิดทั้งลูกชิ้นเนื้อ ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นไก่ก็อร่อยจนเขาตะลึง!นอกจากอาหารเหล่านี้แล้ว หวังหยวนยังพาพวกเขาไปดูจักรยาน รถเข็นและของใช้อีกมากมาย พร้อมสาธิตวิธีใช้ให้ดูด้วยตัวเอง!“จักรยานคันนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอาหารเหมือนม้า แม้ว่าจะช้าแต่ก็สามารถเดินทางได้หลายร้อยลี้ต่อวัน ช่วยย่นระยะเวลาในการเดินทางของผู้คนได้มาก!”หวังหยวนสาธิตให้ดูด้วยตัวเอง เมื่อเห็นหวังหยวนขี่จักรยานด้วยความเร็วสูง ไป๋ชิงชางก็ยิ่งประหลาดใจแม้ว่าการขี่จักรยานเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ แต่ไป๋ชิงชางเป็นผู้ฝึกยุทธ์อยู่แล้ว เขาจึงเรียนรู้ได้ภายในครึ่งชั่วยาม!เขาจึงตกใจมาก!
หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋ชิงชางก็ถอนหายใจเพราะความจริงเป็นเช่นนั้นจริงพ่อของเขาไม่พอใจมาก แต่เรื่องนี้จะพูดอย่างไรได้? มันผ่านไปแล้ว! สิ่งที่ต้องพิจารณาในขณะนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น!แต่ควรเป็นเรื่องใหญ่อย่างเรื่องการพัฒนาของอาณาจักรต้าเป่ยหรือแม้แต่การฟื้นฟูความสัมพันธ์กับหวังหยวน! เพราะท้ายที่สุดพ่อของเขาก็ทำให้หวังหยวนขุ่นเคืองอย่างมาก! แม้ว่าหวังหยวนจะไม่ได้พูดอะไร แต่ไป๋ชิงชางก็ยังเข้าใจได้ว่า แม้ว่าเขาจงใจทดสอบด้วยการใช้ธรรมชาติของมนุษย์แต่ตระกูลไป๋ของพวกเขาไม่ผ่านการทดสอบ! หวังหยวนเริ่มช่วยเหลือตระกูลไป๋ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยการแนะนำมาตั้งแต่สมัยฮ่องเต้ซิงหลง จนอาจกล่าวได้ว่าหากไม่มีหวังหยวน สถานการณ์ของตระกูลไป๋คงจะไม่ราบรื่นเช่นนี้ ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ตระกูลเซิ่งและเมืองหวงไม่ได้เกรงกลัวตระกูลไป๋แต่เกรงกลัวหวังหยวน! ไม่เช่นนั้นตระกูลเซิ่งคงจะไม่ใช้กลอุบายหว่านความขัดแย้งเช่นนี้! ตระกูลเซิ่งและเมืองหวงต่างก็รู้ถึงความแข็งแกร่งของหวังหยวนดี จึงเริ่มใช้กลอุบายยุแยงให้แตกสามัคคี เพราะกังวลว่าหวังหยวนและตระกูลไป๋จะสนิทสนมกันมากเ
สงครามจึงเป็นเรื่องปกติมาก! หากไม่มีสงครามจึงจะถือว่าผิดปกติ! สำหรับเรื่องเช่นนี้หวังหยวนไม่ได้คิดถึงมากนักและไม่มีเวลาคิดด้วย สรุปได้เพียงแค่เดินหน้าไปทีละก้าวก็แล้วกัน!“อย่าวิตกกังวลไปเลย อยู่กับปัจจุบันก็เพียงพอแล้ว”หวังหยวนประสานมือยกขึ้นคารวะพลางยกยิ้มจาง“พี่หวังช่างใจกว้างนัก ข้าขอคารวะ!”ไป๋ชิงชางพูดจบก็คิดจะกลับไปแล้ว“พี่หวัง หากสักวันหนึ่งตระกูลไป๋ของเราจะยึดครองทั้งแผ่นดิน ไป๋ชิงชางขอสาบานต่อหน้าฟ้าว่าจะไม่ลงมือทำร้ายท่าน และเมืองหลิงจะเป็นของท่านตลอดไป!”ไป๋ชิงชางพูดจบก็จากไปทันทีคำพูดนี้มีความหมายว่ารู้สึกผิดแต่ทำอะไรไม่ได้! ซึ่งความรู้สึกผิดนั้นมาจากวิธีการของพ่อของเขาที่มีต่อหวังหยวน ส่วนความรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้นั้นเป็นเพราะความสามารถของหวังหยวน! ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพูดประโยคนี้หรือไม่ เมืองหลิงนี้ก็ไม่ใช่เมืองที่เขาจะสามารถยึดครองได้หากคิดจะทำอยู่แล้ว! แต่ไม่ว่าอย่างไรหวังหยวนก็รู้สึกขอบคุณอย่างมากที่ไป๋ชิงชางพูดออกมาเช่นนี้“ข้าก็สัญญาเช่นกันว่าหากสักวันหนึ่งตระกูลไป๋ลงมือกับข้า ข้าก็จะไว้ชีวิตพวกเจ้าเช่นกัน”คำสัญญาของหวังหยวนนั้นตรงไปตรงมามากก
เมืองหลักของเมืองหลิงชื่อว่าเมืองชิงซาน เมืองนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานและมีดอกไม้บานสะพรั่งสวยงามมาก! เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้วหนึ่งปี! ในปัจจุบันเมืองหลิงมีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นใบหน้าของผู้คนที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในเมืองนี้เต็มไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าที่ขายสินค้าหลากหลายชนิด! แน่นอนว่าการก่อสร้างเมืองชิงซานนี้ดำเนินไปได้ด้วยดี! หวังหยวนได้วางแผนสร้าง 'ย่านการค้า' ขนาดใหญ่ที่นี่! โดยสินค้าภายในนั้นร้านต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาทำขึ้นเอง และตระกูลใหญ่ต่าง ๆ มีหน้าร้านที่เหมาะสมสำหรับทำธุรกิจ ที่สอดคล้องกันเพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาเยี่ยมชม! และยังเปิดกว้างสำหรับคนต่างอาณาจักรด้วย จึงทำให้ผู้คนจากทุกอาณาจักรมาติดต่อซื้อขายกันที่นี่ขณะนี้หวังหยวนและต้าหู่กำลังเดินอยู่บนถนนสายหลักตัวตนของหวังหยวนนั้นเป็นความลับ หลายคนไม่รู้เลยว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองหลิงนี้เป็นฝีมือของชายหนุ่มคนนี้ แม้ว่าจะรู้จักชื่อหวังหยวนแต่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร!“พี่หยวน ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเมืองหลิงของเราจะมั่งคั่งได้เช่นนี้!”ต้าหู่ประหลาดใจมาก
“ไม่เป็นอะไรหรอก ทุกสิ่งย่อมมีเหตุผล หากเขาขโมยไปได้แสดงว่ามีเหตุให้เป็นเช่นนั้น”“แต่ก็ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้หรอก”หวังหยวนกล่าวพลางเดินตรงเข้าไปขวางทางของนักพรตเฒ่าผู้นั้น“อมิตาพุทธ... คุณชายผู้นี้ ท่านมาขวางทางข้าไว้เพราะเหตุใด?”นักพรตเฒ่าผู้นั้นกะพริบตาแล้วถามขึ้นทันที แววตาเต็มไปด้วยความน่าเลื่อมใส“ท่านผู้เฒ่า ท่านเป็นผู้ที่แสวงหาการหลุดพ้นจากโลกีย์ เหตุใดจึงได้ติดใจในสิ่งของทางโลกเช่นนี้!”“หากติดใจแล้วเหตุใดจึงต้องขโมย?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม เมื่อพูดจบนักพรตเฒ่าผู้นั้นก็ตกใจ แต่แล้วก็หัวเราะออกมา“ขโมยหรือ? ใช้คำนี้ไม่ได้หรอก!”เมื่อต้าหู่ได้ฟังดังนั้นก็พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา“จับได้คาหนังคาเขา ท่านยังจะปฏิเสธอีกหรือ? ของในมือท่านไม่ใช่ของท่าน ท่านขโมยมันมาแล้ว ยังไม่กล้ายอมรับอีกหรือ?”หลังจากต้าหู่พูดจบ นักพรตเฒ่าผู้นั้นก็ยังส่ายหน้า“หามิได้ หามิได้ สรรพสิ่งในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดเป็นของใคร ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นวัฏจักรแห่งกรรม เหตุผลที่พวกเขาต้องถูกข้าขโมยของนั้นก็เพราะชาติก่อนพวกเขาติดหนี้ข้า!”“ยิ่งไปกว่านั้น คือท่านทราบได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่ได้รับค
หวังหยวนตกใจกับสองชื่อนี้!นักพรตชุดเขียว!ซวีเต้าจื่อ!เห็นได้ชัดว่านักพรตเฒ่าผู้นี้เป็นคนไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ!อย่างน้อยเขาก็ก้าวข้ามโลกมนุษย์แล้ว แต่หวังหยวนไม่เข้าใจว่าเขาก้าวข้ามโลกมนุษย์ได้อย่างไร?เหตุใดเขาจึงไม่สนใจโลกนี้นัก ความคิดของเขาคิดถึงเพียงการแสวงหาสัจธรรมเท่านั้นหรือ?เขาแสวงหาสิ่งใดกันแน่?หวังหยวนไม่เข้าใจ“ฮ่าฮ่าฮ่า คุณชายชมเชยเกินไปแล้ว ข้าเดินทางไปทั่วโลกมาแล้วสามปีเต็ม ได้พบเห็นเรื่องราวถูกผิดมากมาย ได้พบเจอผู้คนมากมาย แต่ในบรรดาผู้คนทั้งหลายเหล่านั้นมีเพียงคุณชายเท่านั้นที่... แตกต่าง”ซวีเต้าจื่อกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่!ต้าหู่ขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่านักพรตเฒ่าผู้นี้เป็นคนพูดจาไร้สาระ ไม่รู้ว่าพี่หยวนจะคุยอะไรกับเขากันแน่“โอ้? ได้เห็นมาแล้วหลายสิ่งอย่าง ไม่ทราบว่าท่านมีข้อคิดเห็นอย่างไร?”หวังหยวนรู้สึกอยากรู้จึงอดถามไม่ได้เมื่อซวีเต้าจื่อได้ยินคำถามนี้จึงกล่าวว่า “ไม่มีใครสามารถครอบงำฟ้าดินได้ ไม่ว่าจะเป็นความมั่งคั่งหรือความยากจน ชื่อเสียงหรือความอาฆาตมาดร้าย ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกโชคชะตากำหนดไว้แล้ว”“คุณชาย ในเมื่อท่านถามข้าเช่นนี้ ข้าก็มีเรื่อ
นักพรตเฒ่าชุดเขียวขมวดคิ้วแน่น คำพูดนี้ยิ่งทำให้หวังหยวนสงสัยหนักขึ้นไปอีก“เปลี่ยนโชคชะตาหรือ? สวรรค์เป็นผู้กำหนดโชคชะตา แล้วจะยังมีการเปลี่ยนโชคชะตาได้อีกหรือ?”หวังหยวนยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นไปอีกเมื่อนักพรตเฒ่าได้ยินดังนั้นจึงส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “หากมีวิธีติดต่อกับสวรรค์ย่อมเปลี่ยนโชคชะตาได้ แต่โชคชะตาของท่าน...”นักพรตเฒ่าทำหน้าสงสัย แต่หวังหยวนไม่ได้สนใจ เพียงแค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าจะพูดจาเหลวไหลเพราะเหล่านักพรตมักจะมีนิสัยเช่นนี้แน่นอนว่าอาจจะมีการทำนายโชคชะตาได้จริง แต่หวังหยวนไม่เคยเชื่อ“โชคชะตาของข้ามีปัญหาอะไร?”หวังหยวนเพียงแค่ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น“เช่นนั้น... ข้าจะบอกให้ คุณชายมีโหงวเฮ้งเป็นแสงสว่างแห่งวรรณกรรมและศิลปะอันเป็นหนทางแห่งความรู้และชื่อเสียง เมื่อพิจารณาอย่างลึกซึ้งจะพบว่าชีวิตของท่านไม่ได้ราบรื่น แต่กลับเต็มไปด้วยโชคและเคราะห์...”“ชีพจรทั้งหกของคุณชายเคยถูกบด สูญเสียความเป็นมนุษย์จนด้อยกว่าหมูหรือสุนัข แต่ว่า... ท่านได้ผ่านมาแล้ว...”“โชคชะตาถูกกำหนดไว้แล้ว ทำสิ่งใดย่อมได้รับผลตอบแทน ดังนั้นเสาหลักทองคำของท่านจึงพังลง เลือดและลมปราณแตกซ่
หลังจากที่นักพรตเฒ่าชุดเขียวพูดจบก็ส่ายหน้าถอนหายใจ!เขาเชื่อมั่นในศาสตร์การดูโหงวเฮ้งของตนเองจนคิดว่าทั่วทั้งแผ่นดินก็ไม่มีผู้ใดเทียบเทียมเขาได้!แต่ตอนนี้กลับล้มเหลวลงตรงหน้าหวังหยวนนี้ เมื่อต้องเผชิญกับความล้มเหลวอย่างหมดท่า เขาก็รู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก“คุณชายไม่ต้องกังวล ถึงแม้ว่าข้าจะมั่นใจในความสามารถของตนเอง และสามารถมองเห็นเหตุการณ์ใหญ่ของแผ่นดินและโชคชะตาของผู้คนได้ แต่... วันนี้ข้าก็ยังต้องอับอายเสียแล้ว...”เขาพูดด้วยความสิ้นหวัง แต่ในใจของหวังหยวนดั่งมีพายุโหมกระหน่ำ!สิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นถูกต้องอย่างแน่นอน!เพราะตัวเขาเองมาเกิดใหม่ในโลกนี้ได้เพียงสามปีเท่านั้น!พูดให้ชัดเจนก็คือเมื่อสามปีก่อนหวังหยวนได้ตายไปแล้ว!ส่วนตัวเขาเองได้ข้ามภพมาเกิดใหม่!เรื่องนี้เป็นความลับที่เขาไม่เคยเอ่ยถึงมาก่อน!นี่คือความลับของเขาเอง!แต่นักพรตเฒ่านี้กลับทำนายได้ถูกต้องแม่นยำ!หวังหยวนตกใจมาก โลกนี้มีผู้วิเศษเช่นนี้จริงหรือ?และเขายังได้พบในระหว่างที่กำลังเดินเล่นอยู่เนี่ยนะ?ไม่สิ!วิธีการและการกระทำของนักพรตเฒ่าผู้นี้ไม่เหมือนคนปกติ!หรือว่าบนโลกนี้จะมีผู้วิเศษเหนือธรรมชาติ
“ปกติพวกเจ้าล้วนองอาจกันไม่ใช่หรือ?”“ก่อนหน้านี้ ตอนที่คิดจะโจมตีราชวงศ์ต้าเย่ พวกเจ้าต่างก็อยากจะแบ่งปันดินแดนกันไม่ใช่หรือ? แล้วตอนนี้ล่ะ? แค่ทหารที่พวกนั้นเชิญมาก็ทำให้พวกเจ้าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้แล้วหรือ?”“พวกเจ้าอย่าลืมว่าภูมิประเทศของที่นี่อันตราย หากพวกเราไม่ยอมออกจากภูเขา แม้หวังหยวนจะเก่งกาจและมียอดฝีมือมากมายก็ทำอะไรเราไม่ได้! หรือว่าเขาจะสามารถคุกคามเราได้จริง ๆ?”ทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดการหลบอยู่ในหุบเขา ไม่ใช่แผนการระยะยาว!“หากผู้ใดกล้าพูดจาบั่นทอนกำลังใจอีก อย่าหาว่าข้าใจร้ายแล้วกัน!”เจียงเซี่ยวตวาดอีกครั้ง ทุกคนจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยคนเราเมื่ออยู่ใต้ชายคาบ้านคนอื่นย่อมต้องยอมก้มหัว!รุ่งเช้า หวังหยวนและกองทัพเริ่มมุ่งหน้าสู่ภูเขาแห่งนี้!ชนเผ่าต่าง ๆ ล้วนได้รับข่าว บัดนี้หวาดผวาไปหมด เพียงแค่เสียงลมพัดก็คิดว่าเป็นศัตรู!ทุกคนต่างเกรงกลัวอำนาจของหวังหยวน ใครจะกล้าต่อกรกับเขา?แม้จะหลบอยู่ในภูเขา แต่หากหวังหยวนตีฝ่าแนวป้องกันมาได้จะทำเช่นไร?ผลลัพธ์สุดท้ายย่อมเดาได้!เมื่อคิดได้เช่นนี้ เหล่าหัวหน้าเผ่าจึงมารวมตัวกัน“พวก
“ส่วนเรื่องของตานสยงเฟย ข้าจะจัดการภายหลัง”ตานสยงเฟยเป็นคนดื้อรั้นและแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจไต่เต้าสร้างพรรคทมิฬขึ้นมาได้!หวังหยวนเข้าใจเรื่องนี้ดี จึงไม่โทษต่งอวี่“ขอบพระคุณท่านผู้นำขอรับ!”ต่งอวี่รับคำ แล้วเดินออกไปพรุ่งนี้มีศึกใหญ่ ต้องพักผ่อนให้เต็มที่ จึงจะมั่นใจได้ว่าจะไม่พลาด!แม้ว่าจะเลยเที่ยงคืนไปแล้ว หวังหยวนและคนอื่น ๆ นั้นหลับสนิท แต่ในเวลานี้ ชนเผ่าต่าง ๆ ที่เป็นศัตรูกับหวังหยวนกลับยังไม่พักผ่อน เหล่าหัวหน้าเผ่ารวมตัวกันเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้!แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้ากังวล!“พวกท่านคงได้ยินแล้วกระมัง?”“หวังหยวนนำทัพมาเอง บัดนี้ใกล้จะเปิดศึกกับพวกเราแล้ว จะทำเช่นไรดี?”“ทุกคนคงรู้จักชื่อเสียงของหวังหยวนดี เขาไม่ใช่คนอ่อนแอเลย!”“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ แม้มีความกล้าหาญกว่านี้สิบเท่า ข้าก็ไม่กล้าไปยั่วยุราชวงศ์ต้าเย่!”ตอนนี้ทุกคนต่างเสียใจ อยากถอนตัวกลับกันทั้งนั้นช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก!เดิมทีคิดว่าราชวงศ์ต้าเย่ใกล้สิ้นอำนาจ แผ่นดินจะวุ่นวาย!แต่ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขายังมีแผนสำรอง ยอมทุ่มเทกำลังคนและทรัพย์สินเพื่อเชิญหวังหย
หวังหยวนโบกมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “กองทัพไม่ได้อยู่ที่จำนวนมาก แต่อยู่ที่ความแข็งแกร่ง พวกนั้นเป็นแค่ชนเผ่าป่าเถื่อน จะทำอะไรข้าได้?”“เพียงทหารห้าหมื่นนายของข้าก็เพียงพอแล้ว!”“ท่านขุนพลแค่ประจำการอยู่ในเมือง รอฟังข่าวดีจากข้าก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยความมั่นใจแน่นอนว่าหวังหยวนไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมรู้ดีว่าหากให้ซือฟางนำทหารออกรบพร้อมกัน เมื่อถึงเวลาแบ่งปันดินแดนจะทำเช่นไร?ช่างยุ่งยากยิ่งนัก!สู้ให้เขานำทัพไปปราบชนเผ่าต่าง ๆ เอง เมื่อสำเร็จ ดินแดนเหล่านั้นก็ตกเป็นของเขาย่อมดีกว่า!แม้มีผู้ใดคิดแย่งชิงก็คงไม่มีโอกาส!ยิ่งกว่านั้น คาดว่าซือฟางคงไม่กล้าเช่นนั้น!หากทั้งสองฝ่ายเปิดศึก ผลลัพธ์ย่อมเป็นหายนะ!ยิ่งไป๋เหยียนเฟยประชวรหนักย่อมกระทบขวัญกำลังใจ ราชวงศ์ต้าเย่จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปสู้รบ?“ในเมื่อท่านหวังกล่าวเช่นนี้ ข้าก็จะรอฟังข่าวดี”“ขอให้ท่านหวังได้รับชัยชนะ!”ซือฟางประสานมือกล่าวทุกคนสนทนากันอีกสักพัก จากนั้นก็แยกย้ายกันไปซือฟางต้องดูแลการป้องกันเมืองจึงกลับไปก่อน ส่วนไป๋ลั่วหลีอยู่ที่ค่าย คอยช่วยเหลือหวังหยวนวางแผนรบ!ต้องมีคนรู้จักภูมิประเทศนำทาง หวังหยวนจึงจะ
นอกเมืองหลวงหวังหยวนเดินทางพร้อมกับไป๋ลั่วหลีกลับมายังค่ายของตนทันทีที่ทั้งสองก้าวเข้ามา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมาจากด้านนอก ซือฟางในชุดเกราะเดินเข้ามาต้อนรับเนื่องจากไป๋ลั่วหลีได้แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันแล้ว หวังหยวนจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้ากำลังสงสัยว่าเป็นผู้ใด ที่แท้ก็เป็นท่านขุนพลนี่เอง! เชิญเข้ามาเถิด!”“ท่านหวังเกรงใจเกินไปแล้วขอรับ!”“ท่านมาไกล แถมยังช่วยข้าปราบกบฏทางเหนือ เชิญท่านเข้าไปก่อนเถิดขอรับ!”ซือฟางกล่าวตอบอย่างสุภาพไม่นาน ทุกคนต่างเข้าไปในกระโจมใหญ่ต้าหู่และต่งอวี่ยืนขนาบข้างหวังหยวน ดูองอาจน่าเกรงขาม!ซือฟางมองไปที่ทั้งสอง แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย “ไม่ทราบว่าสองท่านนี้คือใครหรือขอรับ?”ทั้งสองดูสง่างาม เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญ คงไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่!ซือฟางเป็นขุนพลมายาวนานย่อมมีสายตาที่เฉียบคม!หวังหยวนแนะนำด้วยรอยยิ้ม “ท่านที่อยู่ทางซ้ายมือข้าคือต่งอวี่ นักธนูมือหนึ่งในใต้หล้า ยิงธนูไม่เคยพลาดเป้า เป็นขุนพลเอกในกองทัพ!”“กองกำลังพลธนูที่ข้าฝึกฝนล้วนอยู่ภายใต้การบัญชาการของเขา!”ต่งอวี่พยักหน้าทักทาย“ส่วนท่านที่อยู่ทางขวาคือพี่น
“หรือว่าแผ่นดินนี้จะต้องตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น?”สิ้นคำพูด ซือฟางก็ซัดกำปั้นลงบนกำแพงเมืองอย่างเดือดดาล!เหล่าขุนพลที่ยืนอยู่ด้านหลังต่างไม่กล้าเข้าไปใกล้ หรือแม้แต่จะเอ่ยปาก!“ท่านขุนพลไม่ต้องกังวล!”ทันใดนั้น ขุนนางชราผู้หนึ่งก็เดินออกมา บนใบหน้ามีเคราสีขาวโพลน เพียงดูก็รู้ว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดาอย่างแน่นอน!คนผู้นี้คือที่ปรึกษาคนสำคัญของไป๋เหยียนเฟยนามว่า เจี๋ยงโฉ่วอี!ในราชสำนัก ผู้ที่อยู่เหนือเขามีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้น!บัดนี้ไป๋เหยียนเฟยป่วยหนัก ขุนนางน้อยใหญ่ล้วนพึ่งพาเจี๋ยงโฉ่วอี ราชกิจสำคัญล้วนตกเป็นภาระให้เขาตัดสินใจทั้งสิ้น!เห็นได้ชัดว่าเขามีอำนาจสูงส่งล้นฟ้า!“ปรากฏว่าเป็นท่านเจี๋ยงนี่เอง!”“ท่านคงได้ยินสิ่งที่ข้าพูดไปเมื่อครู่แล้วกระมัง?”ซือฟางประสานมือคารวะเจี๋ยงโฉ่วอี แล้วเอ่ยถามเจี๋ยงโฉ่วอีพยักหน้า กล่าวอย่างใจเย็นว่า “ข้ารู้ว่าท่านขุนพลจงรักภักดี ย่อมคิดถึงฝ่าบาท แต่พระองค์ก็มีเรื่องที่ต้องกังวลเช่นกัน!”“ครั้งนี้พระองค์ไม่เพียงต้องการให้หวังหยวนช่วยปราบปรามอริทางเหนือเท่านั้น แต่ยัง...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง เจี๋ยงโฉ่วอีก็หยุดพูด พร้อมกับเหลือบมองขุนพลน
“ท่านหวังมาแล้วหรือ?”เมื่อหวังหยวนและพรรคพวกเข้ามาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย แต่แฝงด้วยความอ่อนแอดังมาจากด้านในไป๋ลั่วหลีรีบเข้าไปในกระโจม เปิดม่านทั้งสองข้าง หวังหยวนจึงเห็นไป๋เหยียนเฟยนอนอยู่บนเตียงอาการของไป๋เหยียนเฟยดูย่ำแย่กว่าที่เขาคิด ไม่เพียงแต่ใบหน้าซีดเผือดเท่านั้น แม้แต่ริมฝีปากไร้สีเลือดฝาด ดูอ่อนแรงมาก!หวังหยวนเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ได้พบกันนาน เหตุใดฝ่าบาทจึงเป็นเช่นนี้?”“ไม่ได้เชิญหมอมารักษาหรือ?”“แค่ก แค่ก”ไป๋เหยียนเฟยไอสองสามครั้ง ไป๋ลั่วหลีช่วยพยุงนางขึ้น นางเงยหน้ามองหวังหยวน แล้วส่ายหน้ายิ้มอย่างจนใจก่อนกล่าวว่า “เมื่อฟ้าลิขิตแล้ว จะทำเช่นไรได้?”“ข้าตามหาหมอมารักษา หมอชื่อดังทั่วดินแดนทั้งเก้าต่างบอกว่าหมดหนทาง บางทีนี่อาจเป็นเจตจำนงของสวรรค์ก็ได้ไม่ใช่หรือ?”“เมื่อสวรรค์ต้องการให้ข้าตาย ข้าจะฝืนได้อย่างไร?”“แต่น่าเสียดาย กลุ่มกบฏทางเหนือกลับบุกอาณาจักรข้า! ประกอบกับอาณาจักรต้าเป่ยต่างจ้องมองพวกข้าอยู่ ข้าจึงให้ไป๋ลั่วหลีไปเชิญท่านมา หวังว่าท่านจะช่วยปราบกบฏพวกนั้นได้!”หวังหยวนรู้สึกสงสารในบรรดาสี่อาณาจักรใหญ่ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับอาณาจักรต้าเย่ และ
“ครั้งนี้คงไม่นาน ข้าจะรีบพาทุกคนกลับมา!”“ยิ่งกว่านั้น ยังมีต้าหู่และขุนพลต่งอยู่กับข้าด้วย พวกเจ้าไม่ต้องกังวล”“แค่รออยู่ที่บ้านก็พอ!”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มเขารู้ว่าตนเองรู้สึกผิดต่อพวกนาง แต่บุรุษเกิดมาแล้วย่อมต้องสร้างฐานะไม่ใช่หรือ?สวรรค์ให้โอกาสเขาเกิดใหม่ จึงต้องใช้ความสามารถสร้างความสำเร็จที่ไม่มีใครเทียบได้!“น้องหรูเยียนยังไม่ค่อยสนิทกับพวกเจ้า ครั้งนี้ข้าจะพานางไปอาณาจักรต้าเย่ก่อน รอให้พวกเรากลับมาแล้วค่อยทำความรู้จักกัน”หลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ ต่างพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีกในเมื่อหวังหยวนตัดสินใจแล้ว พวกนางก็ได้แต่ทำตามภรรยาย่อมต้องเชื่อฟังสามี!“ท่านตงฟาง!”หลังจากพูดคุยกับภรรยาแล้ว หวังหยวนก็มองไปที่ตงฟางฮั่น“หลังจากที่ข้าไปแล้ว ต้องรบกวนท่านและท่านถงช่วยดูแลที่นี่ด้วย”“ข้าได้สั่งเอ้อหู่ ให้เขาเชื่อฟังคำสั่งของพวกท่าน ห้ามกระทำการโดยพลการ!”“เมืองหลิงคือรากฐานของข้า จึงมีความสำคัญยิ่ง ต้องไม่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด!”“คนของอาณาจักรต้าเป่ยจ้องมองพวกเราอยู่ หานเทาพร้อมจะสู้รบกับข้าทุกเมื่อ พวกท่านต้องระวังตัว!”หวังหยวนกำชับหลายครั้งตงฟางฮั่นแ
ทันใดนั้น เสียงไอก็ขัดจังหวะหวังหยวนเขาหันไปมองตามเสียงจึงเห็นตงฟางฮั่นทั้งสองแค่สบตากันก็เข้าใจความคิดของกันและกัน“คุณหนูไป๋”“ข้าขอคิดทบทวนก่อน จึงค่อยให้คำตอบ! วันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องหนักใจเช่นนี้เลย รอให้ดื่มกันให้หนำใจก่อน แล้วค่อยพูดคุยกันดีกว่า เจ้าว่าเช่นไร?”หวังหยวนให้เกียรติไป๋ลั่วหลีไป๋ลั่วหลีพยักหน้า “เช่นนั้นข้าจะรอฟังข่าวจากท่านหวังเจ้าค่ะ!”เมื่องานเลี้ยงเลิกราและจัดการเรื่องที่พักของไป๋ลั่วหลีแล้ว หวังหยวนก็รีบออกไปข้างนอกพร้อมกับตงฟางฮั่นริมถนน หวังหยวนและตงฟางฮั่นเดินเล่นไปพลางคุยกัน “ท่านตงฟาง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”“ข้าคิดว่าควรส่งกองกำลังไปช่วย!”“ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสงคราม โครงการชลประทานทำให้อาณาจักรอื่น ๆ เห็นถึงประโยชน์ เท่าที่ข้ารู้ แม้แต่อาณาจักรต้าเป่ยก็กำลังเร่งสร้างโครงการชลประทานเหมือนกัน!”“ในเมื่อพวกเราสร้างเสร็จก่อน ก็ควรใช้โอกาสนี้ขยายอาณาเขต!”หืม?หวังหยวนเลิกคิ้ว รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย “ท่านตงฟาง ท่านลืมแล้วหรือ ครั้งก่อนที่พวกเราพบกันที่หอหลิวหลี ต่างให้สัญญากันว่าจะไม่ทำสงครามเพื่อให้โลกสงบสุข!”“หากข้ายกทัพตอน
ดูเหมือนว่าเมืองหลิงจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในดินแดนทั้งเก้า!ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข เป็นที่หมายปองของทุกคน!เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านของหวังหยวน พวกหลี่ซื่อหานได้สั่งให้คนเตรียมอาหารไว้แล้ว เมื่อทุกคนนั่งลงที่โต๊ะแล้ว หวังหยวนจึงแนะนำหลิ่วหรูเยียนให้เหล่าภรรยารู้จักพวกนางชินกับเรื่องแบบนี้แล้วบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ไม่นานพวกนางก็สนิทสนมกันดั่งพี่สาวน้องสาวเนื่องจากไป๋ลั่วหลีอยู่ที่นี่ด้วย หวังหยวนจึงไม่อาจอยู่พูดคุยกับภรรยาได้ เพราะต้องไปดูแลไป๋ลั่วหลีก่อนเพื่อไม่ให้เสียมารยาทหวังหยวนกลับมานั่งที่โต๊ะ หลังจากดื่มกับไป๋ลั่วหลีสองสามจอกแล้วจึงกล่าวว่า “คุณหนูไป๋เดินทางมาไกล คงไม่ใช่แค่มาขอบคุณข้ากระมัง?”“ตอนนี้เราเป็นสหายกันแล้ว หากเจ้ามีเรื่องอยากปรึกษาก็บอกมาตามตรงเถิด ไม่ต้องอ้อมค้อม! ข้าไม่ใช่คนใจแคบ! หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วย ข้าก็ยินดี”หวังหยวนเป็นคนใจกว้างไป๋ลั่วหลีได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเป็นเช่นที่ร่ำลือกันจริง ๆ!หวังหยวนมีสายตาเฉียบแหลม แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มองคนได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่มีความคิดใดหลบเลี่ยงสายตาเขาไปได้!“ในเมื่อท