ขณะนี้ เจ้าภาพก็เข้ามาทักทาย "เหยียนโจว!"เหวินเหยียนโจวยิ้มและกระซิบกับโหลวฉางเยว่ "อีกเดี๋ยวงานเต้นรำเริ่มขึ้น คุณเดินไปทางซ้ายมือ ผมจะดึงคุณไว้"ทำไมต้องไปทางซ้าย? โหลวฉางเยว่ไม่รู้ว่าทำไม แต่ชายวัยกลางคนก็มาหาพวกเขาแล้ว ดังนั้นเธอจึงได้แต่กลืนสิ่งที่เธอต้องการจะถามเท่านั้น"คุณลุง" เหวินเหยียนโจวพยักหน้าชายผู้นี้อายุเกือบหกสิบปี และมีท่าทางที่เป็นมิตร "นายนะนาย ทุกคนมาที่นี่เพียงเพื่อความสนุกสนาน และมีเพียงความเป็นมิตรเท่านั้นที่จะทำให้นายหาเงินได้ นายกลับดีทำให้คนอื่นกลัวจนหนีไป"คำพูดของเขาดูเหมือนจะกล่าวโทษ แต่จริง ๆ แล้วน้ำเสียงของเขาดูแซวเล่นมากกว่า เห็นได้ชัดว่าเขาชื่นชมเหวินเหยียนโจวผู้เป็นรุ่นน้องเหวินเหยียนโจวก็ดูสนิทกับเขามาก โหลวฉางเยว่ไม่เคยเห็นเขาพูดแบบนี้กับผู้ใหญ่คนไหน รวมทั้งพ่อของเขา"คุณลุงโทษผมเหรอครับ ผมกำจัดแกะดำแทนคุณลุงอย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้เศษซากแบบนั้นทำให้เรือของท่านมัวหมอง""นายมีเหตุผลเสมอ!" บอสซางระเบิดเสียงหัวเราะ "แต่ฉันจะโทษนายเพราะคนนอกได้จริง ๆ เหรอ? นายถือว่าเป็นลูกชายฉันครึ่งหนึ่ง ยังไงฉันก็ต้องเห็นแก่คนในครอบครัว!"โหลวฉางเยว่คิดกับตัวเองลูกช
"...อะไรนะ?"โหลวฉางเยว่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงพูดถึงซางฉือสุนความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซางฉือสุนเกิดขึ้นเรียนตอนมัธยมปลาย และตอนนั้นเธอไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ"ฉันไม่เข้าใจหมายถึงของคุณเหวิน"เหวินเหยียนโจวพูดอย่างไร้ความรู้สึก "จะดีมากถ้าคุณฟังไม่เข้าใจจริง ๆ"โหลวฉางเยว่ไม่เข้าใจความหมายของคำพูดเขาจริง ๆเหวินเหยียนโจวจ้องมองดวงตาของเธออย่างเย็นชา ทันใดนั้นรู้สึกเบื่อหน่ายเขาปล่อยเอวของเธอแล้วพูดว่า "อย่าให้ผมเห็นคุณสักพัก" แล้วเดินจากไปโหลวฉางเยว่จ้องมองไปที่แผ่นหลังของเขาอย่างว่างเปล่า สับสนไปหมดว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เขาอารมณ์เสียอย่างกะทันหัน?เธอยืนอยู่ที่นั่นเพียงลำพังท่ามกลางแขกแปลกหน้า และทำอะไรไม่ถูกโชคดีที่เธอได้เข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้หลายครั้ง และเธอก็คุ้นเคยและผ่านมันไปได้เธอเดินไปที่มุมห้องจัดเลี้ยงและอยู่คนเดียวหากทำได้จนกว่างานเลี้ยงจะสิ้นสุดลง สำหรับโหลวฉางเยว่แล้ว จะเป็นเรื่องดีอย่างยิ่งจบคืนนี้ พรุ่งนี้ลงเรือ ออกจากงานวันมะรืน ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีแต่นี่เป็นไปไม่ได้อย่างเห็นได้ชัดไฟทั้งห้องก็ดับลงทันที โหลวฉางเยว่ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สัมผัสโทรศัพท์โดยไม่รู้ตัว
โหลวฉางเยว่อยู่ใกล้กับหน้าอกของอีกฝ่ายมากและเธอก็ได้กลิ่นหอมจาง ๆ ที่ไม่คุ้นเคยแต่น่าพึงพอใจในจมูกของเธอเช่นเดียวกับแนวต้นสนในป่าภูเขาในตอนเช้า มันชุ่มชื้นเย็นสดชื่น ลึกลับและน่าสำรวจโหลวฉางเยว่ตกตะลึงอยู่สามวินาที และเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของอีกฝ่ายโดยสัญชาตญาณแต่ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอก็ถูกผ้าสีดำปิดไว้อีกครั้ง ชายคนนั้นหยิบผ้าสีดำที่เธอหลุดออกมามัดอีกครั้งที่ด้านหลังศีรษะของเธอวิสัยทัศน์ของโหลวฉางเยว่หายวับไป และเธอมองเห็นได้เพียงคางของชายคนนั้นเท่านั้นเธอรับรู้ได้เพียงว่าเขาไม่ใช่เหวินเหยียนโจวที่เธอคุ้นเคยมากที่สุด"...ขอโทษค่ะ คุณชื่ออะไรคะ?" โหลวฉางเยว่ถามด้วยเสียงต่ำชายคนนั้นดูเหมือนจะหยุดครู่หนึ่ง ไม่ตอบ ผูกผ้าสีดำแล้วจับมือเธอไว้พิธีกรหญิงประกาศบนเวที "สามนาที หมดเวลา! ทุกคนพบคู่เต้นแล้ว ดังนั้นปาร์ตี้เต้นรำของเราคืนนี้จึงจะเริ่มอย่างเป็นทางการ!"จากนั้นเสียงดนตรีออเคสตราอันไพเราะก็ดังขึ้น และโหลวฉางเยว่ก็ถูกชายคนนั้นกอดเอวไว้ผู้หญิงเป็นคนเซนซิทีฟ รู้สึกได้ถึงความลวนลามหรือไม่ เธอรู้สึกได้ว่าผู้ชายไม่มีความคิดที่จะเอาเปรียบเธอ จึงไม่มีการหลีกเลี่ยง และฝ่ายชาย
เสิ่นซู่ชินมองดูเธอ "อืม? ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อกี้ไม่ได้เปิดไฟ ผมเลยมองเห็นได้ไม่ชัด แต่พอไฟสว่างขึ้น คุณก็อยู่ใกล้ผมมาก อาจจะใช่ก็ได้"โหลวฉางเยว่หันไปมองคนอื่น ๆ และพบว่าไม่มีใครปิดตา ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงถ้าเธอคิดไม่ผิด กฎของเกมนี้น่าจะเป็น ปิดตาหาคู่เต้น หาได้แล้วก็สามารถถอดผ้าสีดำออกได้แต่ชายคนนั้นยังคงปิดตาของเธอจนเธอมองไม่เห็นอะไรเลยเขาจงใจไม่ให้เธอเห็นเขาแม้ว่าจะปิดไฟและมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่เขาไม่อยากให้เธอมองเห็นแม้แต่น้อยผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เสิ่นซู่ชินแน่นอนเสิ่นซู่ชินสงสัย "คุณโหลว?"โหลวฉางเยว่หยุดคิดถึงบุคคลนั้นชั่วคราวและมองกลับไปที่เสิ่นซู่ชิน "ขอบคุณศาสตราจารย์เสิ่นนะคะ"พนักงานเสิร์ฟทำความสะอาดเค้กที่ร่วงหล่นอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนพรมใหม่กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาทีต้องบอกว่ากฎและประสิทธิภาพของตระกูลซางนั้นน่าทึ่งมากวงออเคสตราที่ผ่อนคลายก็ดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากพิธีกรหญิงขึ้นเวทีเพื่อปรอบใจทุกคน งานเลี้ยงก็ดำเนินต่อไปผู้ที่ต้องการเต้นรำก็เต้นรำต่อไป และผู้ที่ต้องการพูดคุยก็จับแก้วเหล้า จับคู่กันหาที่นั่งบนโซฟาหนึ่งเสิ่นซู่ชินมองไปรอบ ๆ เธอ "คุณ
พวกเขากำลังเต้นรำกันอยู่ โดยโหลวฉางเยว่และเสิ่นซูชินจับมือกันหลวมๆ พอโดนเขาดึงก็โดนสะบัดออก เหวินเหยียนโจวใช้โอกาสนี้ในการผลักซูซูให้เสิ่นซู่ชิน จากนั้นก็โอบเอวโหลวฉางเยว่ไว้แน่นโหลวฉางเยว่กลับมาหาเหวินเหยียนโจวโดยไม่ทันตั้งตัว มองดูเขาด้วยความประหลาดใจแล้วสีหน้าของเขาก็หม่นลงเธอรู้สึกว่าในสายตของเขา เธอเป็นแค่สิ่งของ เวลาไม่ต้องการก็วางทิ้งเลี่ยราด พอต้องการก็ดึงกลับมาไม่ให้เกียรติกันเลยโหลวฉางเยว่พูดเสียงโทนต่ำ “ประธานเหวิน คุณคิดจะทำอะไรคะ” “อะไร? มาโทษผมที่ทำให้คุณห่างกับศาสตราจารย์งั้นเหรอ?” เหวินเหยียนโจวพูดอย่างเย็นชา “คุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณเป็นของใคร?” ของใคร? ใช่ ในสายตาของเขาเธอเป็นแค่เครื่องจักรไม่ก็สิ่งของเท่านั้นแหละ ไม่เคยเป็นคนที่มีอิสระมาก่อนเลย ต้องวนเวียนอยู่แต่กับเขา ปล่อยให้เขาเข้ามาและจากไปได้อย่างตามใจและถูกบงการชีวิตและขีดเส้นตายชีวิตอย่างตามใจเขาเอง!โหลวฉางเยว่ไม่อยากที่จะเต้นรำกับเขาแล้ว ไม่อยากเห็นหน้าเขาแล้วจากที่เก็บซ่อนอารมณ์ตัวเองได้หนึ่งวันแต่แล้วก็ต้องมาอดทนเก็บอารมณ์ต่อไปอีกวัน โหลวฉางเยว่ต้องการที่จะหนีไปจากเขาแต่มือและเอวของเธอถูกจ
โหลวฉางเยว่กลัวเหวินเหยียนโจวเธอนึกไม่ออกว่าเขาจะเอาสัญญาไปทำเอกสารอะไรแต่คนก็เป็นแบบนี้แหละ ยิ่งไม่รู้จัก ยิ่งเชื่อใจไม่ได้และยิ่งหวาดกลัวเหวินเหยียนโจวไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ ต่อโหลวฉางเยว่ ปล่อยมือจากเธอโดยตรงแล้วเดินขึ้นไปชั้นบนเขาไม่ได้บอกให้เธอตามขึ้นไปด้วยแต่แผ่นหลังของเขาแสดงทีท่าได้อย่างชัดเจนจนเธอไม่กล้าที่จะตามขึ้นไปสมองของโหลวฉางเยว่แล่นอย่างว่องไวเมื่อเกิดความคิดต่างๆ และเธอก็บังเอิญสบตากับเสิ่นไหชินและเสิ่นไหชินก็พยักหน้าเบาๆโหลวฉางเยว่คิดไม่ตกว่าจะตามขึ้นไปดีไหมอย่างน้อยมีเสิ่นไหชินอยู่ด้วย เขาคงจะช่วยเธอจัดการกับมันได้แม้ว่าจะไม่ได้มีเพื่อประโยชน์ต่อเสิ่นไหชิน แต่เขาก็ยังพอใจกับเงื่อนไขที่เธอเสนอให้เขาอยู่ดีเขาจะช่วยเธอแน่นอนชั้นล่างเป็นที่ที่แขกทั่วไปสนุกสนาน ส่วนชั้นสองเป็นที่ที่บอสใหญ่บนเรือมารวมตัวกันบอสซางเข้ามาตบไหล่ของเหวินเหยียนโจว “ทุกคนกำลังไปเล่นไพ่นกกระจอก ผมจำได้ว่าฝีมือเหยียนโจวไม่ธรรมดานะ”เหวินเหยียนโจว “นั่นมันเมื่อก่อนครับ”บอสซางตบเข้าที่เอวแล้วถอนหายใจ “งั้นคุณลองมาเล่นตำแหน่งผมดูสิ ผมมันแก่แล้ว เล่นไม่ไหว ต้องเอนหลังสักหน่อย”
อีกด้านหนึ่งบอสซางกล่าวว่าอาการปวดหลังของเขาเป็นเพียงข้อแก้ตัว หลังจากทราบข่าวเขาก็กลับไปที่ห้องและถามเลขาของเขาทันที “ถึงเวลาที่จะต้องขึ้นเรือแล้วเหรอ?”“อาเจี๋ยเห็นคนที่คุ้นตาแต่ไม่ค่อยมั่นใจ”บอสซางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “งานเลี้ยงที่บ้านยังจะต้องจัดแบบแอบซ่อน ที่นี่มีอะไรที่ทำให้เขาไม่กล้าเปิดตัวเหรอ? จริงๆ เลย คือไร้ซึ่งการอบรมสั่งสอนการบุพการี!”เขาตะโกนสั่งไปเพียงว่า “ส่งคนไปตามล่า!”เลขา “ครับ” บอสซางครุ่นคิด “ช้าก่อน ค่อยๆ หา อย่าตื่นตระหนกจนเกินไป” จะเป็นอย่างไรถ้า...เขามีแผนของตัวเองและเขาไม่อยากรั้งเขาไวเลขา “ครับ”บอสซางยังรู้สึกไม่สบายใจและเดินไปที่ห้องเล่นไพ่อีกครั้งห้องนั้นกำลังถูกความเงียบครอบงำประธานหลิวต้องการตัวโหลวฉางเยว่สายตาของเหวินเหยียนโจวเคลื่อนไปที่โหลวฉางเยว่ ด้านหลังเขามีโคมไฟตั้งพื้น ใต้โคมไฟไม่สามารถมองเห็นคนได้และมองได้ไม่ชัด ใครก็ไม่มีทางรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรกันแน่? การหายใจของโหลวฉางเยว่หยุดชะงักลงทุกอย่างอยู่ในใจของเขาหากว่าเขาพยักหน้า คืนนี้เธอก็ถึงวาระที่จะ…ไม่นะไม่สามารถฝากความหวังไว้กับผู้ชายคนนี้ได้ การฝากความหวังไว้กั
“คุณหลิวสมควรได้รับรางวัล บางทีการฝึกฝนอาจทำให้สมบูรณ์แบบได้ ก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่ได้เก่งอะไรค่ะ แต่พอได้มาทำงานเลขานุการหลักที่ปี๋หยุนก็มักจะได้เป็นตัวแทนของปี๋หยุนเพื่อติดต่อกับประธาน คุณหญิงคุณนายของพวกเขา ยิ่งคุณฝึกฝนคุณก็จะเก่งขึ้น”ประธานหลิวถูไพ่ขณะที่ชะงักไปพักหนึ่งเลขานุการหลัก… ตามเหล่ายอสและคุณหญิงคุณนายของบอสเขาครุ่นคิดอยู่กับมัน “ถ้างั้น”เพราะคำพูดนั้นของเธอทำให้เหวินเหยียนโจวมองไปที่โหลวฉางเยว่และลงไพ่หนึ่งใบโหลวฉางเยว่กินไพ่ใบนั้นแล้วมองกลับมาที่เขาด้วยท่าทางที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองนั่นเอง คำพูดของเธอมีไว้สำหรับหลิวเยี่ยนและที่สำคัญกว่านั้นคือสำหรับเขาเขาต้องการที่จะปล่อยเธอไปให้เขาจริงๆ เหรอ? คิดดีแล้วใช่ไหม?เธอเป็นหัวหน้าเลขานุการและควบคุมทรัพยากรลูกค้าจำนวนมากของปี๋หยุน หากเขากล้าที่จะขายเธอทิ้ง เธอคงรั้งคำพูดของเธอไว้ไม่ได้หรอกเพียงแค่บอกหลิวเยี่ยนถึงความชอบ ลักษณะนิสัยและผลกำไรของลูกค้ารายใหญ่ เมื่อถึงเวลานั้นลูกค้าก็จะถูกหลิวเยี่ยนแย่งชิงไปและจะมาโทษเธอไม่ได้เธอไม่ได้ทรยศความลับต่อปี๋หยุน เธอแค่ “พูดคุย”นินทาเกี่ยวกับลูกค้าขณะเล่นไพ่เท่านั้นโห
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ