อีกด้านหนึ่งบอสซางกล่าวว่าอาการปวดหลังของเขาเป็นเพียงข้อแก้ตัว หลังจากทราบข่าวเขาก็กลับไปที่ห้องและถามเลขาของเขาทันที “ถึงเวลาที่จะต้องขึ้นเรือแล้วเหรอ?”“อาเจี๋ยเห็นคนที่คุ้นตาแต่ไม่ค่อยมั่นใจ”บอสซางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “งานเลี้ยงที่บ้านยังจะต้องจัดแบบแอบซ่อน ที่นี่มีอะไรที่ทำให้เขาไม่กล้าเปิดตัวเหรอ? จริงๆ เลย คือไร้ซึ่งการอบรมสั่งสอนการบุพการี!”เขาตะโกนสั่งไปเพียงว่า “ส่งคนไปตามล่า!”เลขา “ครับ” บอสซางครุ่นคิด “ช้าก่อน ค่อยๆ หา อย่าตื่นตระหนกจนเกินไป” จะเป็นอย่างไรถ้า...เขามีแผนของตัวเองและเขาไม่อยากรั้งเขาไวเลขา “ครับ”บอสซางยังรู้สึกไม่สบายใจและเดินไปที่ห้องเล่นไพ่อีกครั้งห้องนั้นกำลังถูกความเงียบครอบงำประธานหลิวต้องการตัวโหลวฉางเยว่สายตาของเหวินเหยียนโจวเคลื่อนไปที่โหลวฉางเยว่ ด้านหลังเขามีโคมไฟตั้งพื้น ใต้โคมไฟไม่สามารถมองเห็นคนได้และมองได้ไม่ชัด ใครก็ไม่มีทางรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรกันแน่? การหายใจของโหลวฉางเยว่หยุดชะงักลงทุกอย่างอยู่ในใจของเขาหากว่าเขาพยักหน้า คืนนี้เธอก็ถึงวาระที่จะ…ไม่นะไม่สามารถฝากความหวังไว้กับผู้ชายคนนี้ได้ การฝากความหวังไว้กั
“คุณหลิวสมควรได้รับรางวัล บางทีการฝึกฝนอาจทำให้สมบูรณ์แบบได้ ก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่ได้เก่งอะไรค่ะ แต่พอได้มาทำงานเลขานุการหลักที่ปี๋หยุนก็มักจะได้เป็นตัวแทนของปี๋หยุนเพื่อติดต่อกับประธาน คุณหญิงคุณนายของพวกเขา ยิ่งคุณฝึกฝนคุณก็จะเก่งขึ้น”ประธานหลิวถูไพ่ขณะที่ชะงักไปพักหนึ่งเลขานุการหลัก… ตามเหล่ายอสและคุณหญิงคุณนายของบอสเขาครุ่นคิดอยู่กับมัน “ถ้างั้น”เพราะคำพูดนั้นของเธอทำให้เหวินเหยียนโจวมองไปที่โหลวฉางเยว่และลงไพ่หนึ่งใบโหลวฉางเยว่กินไพ่ใบนั้นแล้วมองกลับมาที่เขาด้วยท่าทางที่ไม่ถ่อมตัวหรือหยิ่งผยองนั่นเอง คำพูดของเธอมีไว้สำหรับหลิวเยี่ยนและที่สำคัญกว่านั้นคือสำหรับเขาเขาต้องการที่จะปล่อยเธอไปให้เขาจริงๆ เหรอ? คิดดีแล้วใช่ไหม?เธอเป็นหัวหน้าเลขานุการและควบคุมทรัพยากรลูกค้าจำนวนมากของปี๋หยุน หากเขากล้าที่จะขายเธอทิ้ง เธอคงรั้งคำพูดของเธอไว้ไม่ได้หรอกเพียงแค่บอกหลิวเยี่ยนถึงความชอบ ลักษณะนิสัยและผลกำไรของลูกค้ารายใหญ่ เมื่อถึงเวลานั้นลูกค้าก็จะถูกหลิวเยี่ยนแย่งชิงไปและจะมาโทษเธอไม่ได้เธอไม่ได้ทรยศความลับต่อปี๋หยุน เธอแค่ “พูดคุย”นินทาเกี่ยวกับลูกค้าขณะเล่นไพ่เท่านั้นโห
เมื่อเส้นปราสาทของเธอตึงเครียดก็ไม่รู้สึกถึงอะไรเลยทันทีที่รู้สึกดีขึ้นโหลวฉางเยว่ก็รู้สึกว่าศีรษะของตัวเองหนักอึ้งอีกครั้งเอามือแตะที่หน้าผากคราวนี้มันร้อนจริงๆเธอขอยาแก้หวัดจากพนักงานเสิร์ฟและต้องการหาที่พักที่เงียบสงบเธอบังเอิญไปพบกับเย่เหอหรานซึ่งเย่เหอหรานถามเธอว่า“คุณไม่ได้อยู่กับโจวเอ๋อร์หรอกเหรอ?”โหลวฉางเยว่เฉื่อยชาครู่หนึ่งก่อนที่จะรู้ว่าดึงสติกลับมาเขากำลังถามเหวินเหยียนโจวแล้วชี้นิ้วไปตรงชั้นบนแล้วเขาก็เดินผ่านไปนั่งบนโซฟาริมหน้าต่างเย่เหอหรานเหลือบมองเธอสองสามครั้งแล้วขึ้นไปชั้นบนคนเดียวโหลวฉางเยว่นั่งอยู่คนเดียวบนโซฟายิ่งนั่งก็ยิ่งเวียนหัวและทนไม่ไหวอีกต่อไปเธอต้องการกลับไปที่ห้องของเธอแต่ทางกลับนั้นไม่ใช่ใกล้ๆเลยเธอเดินโซซัดโซเซโลกหมุนไปต่อหน้าต่อตาเมื่อเธอล้มลงรองเท้าหนังคู่หนึ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอดูเหมือนเธอจะได้กลิ่นของต้นสนและไซเปรสอีกครั้ง……พวกที่อยู่ชั้นบนคุยกันเรื่องโปรเจ็กต์ไปพอประมาณแล้วจึงลงไปชั้นล่างเพื่อสนุกสนานกันเย่เหอหรานและเหวินเหยียนโจวเดินไปด้วยกันเย่เหอหรานมาพบเหวินเหยียนโจวเพราะเขาเห็นบางสิ่งแปลกๆ“เมื่อครู่มีเรือสปีดโบ๊ตเปิดตัว
ชายสองคนเดินมาหาเธอเห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกความงามของโหลวฉางเยว่ดึงดูดพวกเขานั่งยอง ๆ ต่อหน้าเธอแล้วพูดอะไรบางอย่างโหลวฉางเยว่ไม่ได้เงยหน้าชายคนนั้นเอื้อมมือไปจับคางของเธอเหวินเหยียนโจวมองดูพวกเขาอย่างเย็นชาและจำชายสองคนนี้ได้หลังจากเห็นใบหน้าของโหลวฉางเยว่อย่างชัดเจนชายอีกคนก็จำเธอได้ว่าเป็นเธอเป็นคนของเหวินเหยียนโจวจึงรีบพาเพื่อนของเขาออกไปโดยไม่กล้าเล้าโลมเธอโหลวฉางเยว่หยิบกิ๊บติดผมบนพื้นขึ้นมาถือมันไว้ในมือแล้วลุกขึ้นจากดาดฟ้าอย่างส่ายไปมาแต่สภาพในตอนนี้ของเธอเธอเป็นเหมือนลูกแกะตัวน้อยที่ใครก็สามารถเข้ามากัดได้ก่อนหน้านี้เหวินเหยียนโจวไม่รู้ว่าโหลวฉางเยว่เป็นคนอันธพาลเช่นนี้ที่แย่ไปกว่านั้นคือจู่ๆเธอก็เดินไปทางจุดบอดของกล้องวงจรปิดผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัยถึงกับสลับกล้องไปหลายมุมแต่ก็ไม่พบโหลวฉางเยว่เหวินเหยียนโจวพูดเสียงทุ้มว่า“เธออยู่ที่ไหน?”“ประธานเหวินกรุณารอสักครู่ๆ…”ผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัยยังคงตามหาต่อไปแต่ว่าไม่เจอไม่เจอไม่เจอตรงไหนเลย…หลังจากที่โหลวฉางเยว่เดินเข้าไปในจุดบอดของกล้องวงจรปิดก็หายตัวไปในอากาศเลยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ส่งไปตา
เย่เหอหรานไม่เจออะไรเลยจึงปิดแล็ปท็อป ผู้หญิงที่เฝ้าดูอยู่ข้างหลังเขาพูดขึ้นทันทีว่า “ตอนนี้ก็สองทุ่มแล้ว ว้าย ดูเหมือนได้ยินเสียงของที่ตกลงน้ำในตอนนั้นกลุ่มผู้หญิงคุยกับอย่างซุบซิบอย่างเบาๆ และไม่รู้ว่าเหวินเหยียนโจวที่ห่างไปไม่กี่เมตรได้ยินได้อย่างไร จู่ ๆ ก็หันหน้ากลับมา“ได้ยินเสียงอะไร?” เสียงของเขาลึกขึ้นเล็กน้อยผู้หญิงคนนั้นอึ้งไปเลยแล้วพูดอย่างลังเลว่า “ตอนสองทุ่มครึ่ง ฉันกลับไปที่ห้องตรงชั้นสาม จากนั้นก็ไปที่ห้องจัดเลี้ยง พออยู่ในห้องสักพักก็บังเอิญได้ยินเสียงทะเลาะกันมาจากข้างในและมี ‘ตุ้ม’ ดังขึ้น ตอนนั้นฉันเองก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างตกน้ำ...”ดวงตาของเหวินเหยียนโจวหรี่ลง “รบกวนพาผมไปที่ห้องนั้นด้วยครับ”ผู้หญิงคนนั้นเล่าเสร็จก็พาเหวินเหยียนโจวไปที่ชั้นสามเหวินเหยียนโจวเพียงแค่เคาะประตูคนที่เปิดประตูเป็นชายที่มีรอยช้ำบริเวณจมูกและใบหน้า พอเห็นเหวินเหยียนโจวก็ตกใจมาก “เหวิน ประธานเหวิน คุณ…”เหวินเหยียนโจวมองไปบริเวณรอบๆ ห้องที่อยู่ด้านหลังเขาในห้องอลหม่านมาก เหมือนทุกอย่างถูกพลิกไปหมด เขาไม่ได้เดินดูรอบๆ ถามไปตรงๆ เลยว่า เสียงที่ตกน้ำคือเกิดอะไรขึ้น?ชายคนนั้นไ
ย้อนเวลากลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนโหลวฉางเยว่นั่งอยู่คนเดียวในโถงงานเลี้ยงด้วยสมองที่เริ่มเบลอขึ้นเรื่อย ๆ เธอจับหน้าผากของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะพบว่าไข้ยังไม่ลดเธอรั้งตัวให้ลุกขึ้นโดยพยุงขอบโต๊ะเอาไว้พร้อมความคิดกลับไปนอนที่ห้องเดิมทีเธออยากจะเดินไปใช้ลิฟต์และขึ้นไปยังชั้นสี่ที่เธอพัก แต่เมื่อเธอเดินมาถึงลิฟต์ กลับเจอชายหนุ่มสองสามคนที่ไม่รู้เพราะดื่มเยอะหรือเพราะเรื่องอื่นกำลังเกิดเรื่องบาดหมางทะเลาะกันอยู่หน้าลิฟต์เธอขมวดคิ้ว แล้วเดินขึ้นบันไดไปโดยปริยายถึงยังไงนี่ก็ชั้นสามแล้ว เดินอีกชั้นเดียวก็ถึงแล้ว——แต่แล้ว เธอจำผิดงานเลี้ยงถูกจัดที่ชั้นสอง แต่เธอจำเป็นชั้นสาม ดังนั้น เธอจึง “เดินอีกหนึ่งชั้นถึงชั้นสี่” อย่างที่เธอเข้าใจ แต่ความจริงแล้วคือชั้นสามความแตกต่างเพียงชั้นเดียวหมายความว่าเธอจะไปผิดห้องอย่างแน่นอนเดิมทีเธอไม่ได้เวียนหัวขนาดนั้น เธอจึงขึ้นบันไดไปสูดลมทะเลบนดาดฟ้าสักพัก แต่ตอนนี้จะบอกว่าโลกเหวี่ยงไปแล้วยังเบาไปเธอเดินไปหน้าประตูห้องด้วยท่าทางโซเซ จากนั้นเธอก็หยิบบัตรห้องพักออกมาจากกระเป๋าก่อนจะรูดไปด้านหน้าเซ็นเซอร์เซ็นเซอร์ส่งเสียง “ติ๊ด” ดังแสบหูพร
โหลวฉางเยว่รู้จักเหวินเหยียนโจวดี เพราะอย่างนั้นเธอรู้ว่าตอนนี้เขาอารมณ์เสียสุด ๆหรืออาจจะถึงขั้นโมโหอยู่ที่จริงเหวินเหยียนโจวไม่ค่อยโมโหบ่อยหนัก ถึงยังไงฐานะของเขาก็มีใหเห็นกันอยู่ อยากได้อะไรก็ได้มาทุกอย่าง ไม่มีอะไรให้เขาต้องโมโห ถ้ามองแล้วไม่ชอบก็แค่ออกคำสั่ง คนอื่นก็จะช่วยเขาจัดการอย่าง ‘สะอาดหมดจด’นี่เป็นเพียงไม่กี่ครั้งโหลวฉางเยว่เรียกเขา “ประธานเหวิน”เหวินเหยียนโจวจับข้อมือของเธอเอาไว้ จากนั้นก็ดึงเธอออกจากเตียงที่เละเทะ!เขาใช้แรงเยอะมาก ทำเอาโหลวฉางเยว่ชนเข้ากับแผงอกของเขาอย่างไม่อาจทรงตัวเขาไม่ได้ใช้น้ำหอม แต่มีกลิ่นหอมเย็น ๆ ติดตัว ราวกับหิมะในฤดูหนาวทั้งที่เป็นเป็นกลิ่นอันบริสุทธ์ แต่ความรู้สึกรุกรานกลับแรงกล้า แค่สัมผัสกลิ่นก็แตกออกกลบสัมผัสการดมกลิ่นของเธอไปหมด ในพริบตา เธอก็นึกกลิ่นของต้นสนไม่ออกอีกต่อไปเหลือไว้เพียงแต่กลิ่นของเขาแรงของเหวินเหยียนโจวเยอะมากราวกับแยกร่างของเธออก โหลวฉางเยว่เจ็บจนออกเสียงและอดไม่ได้ที่จะกล่าวโทษเขา“ประธานเหวิน”เหวินเหยียนโจวไม่ปล่อยมือ และจะพาเธอออกไปด้วยเสิ่นซูซิ่นขวางเอาไว้หน้าประตู เขาใส่แว่นกลับเข้าไปโดยมีคล้องแ
โหลวฉางเยว่รู้ ว่าเขานึกว่าเธอกับเสิ่นซู่ซินมีอะไรกัน และจะตรวจสอบร่างกายของเธอ!โหลวฉางเยว่อัดอั้นจนแทบระเบิด!เธอเป็นของส่วนตัวของเขาเหรอ? คนอื่นจะจับไม่ได้ หรือสงสัยว่าใครได้สัมผัสก็จะมาตรวจสอบแบบนั้นเหรอ!เขาไม่ได้เห็นเธอเป็นคนด้วยซ้ำ!เธอทนเขามาพอแล้ว!โหลวฉางเยว่ไม่รู้เอาแรงมาจากไหน เธอผลักเขาออกไป และดึงชุดนอนของตัวเองขึ้นมา และลุกจากเตียงเพื่อออกไปเหวินเหยียนโจวตามเธอไปจากด้านหลังแล้วใช้มือจับเธอเอาไว้คิดไม่ถึงว่าโหลวฉางเยว่จะหันมาตบใส่เขาไปหนึ่งทีแต่ตบไม่โดนมืออีกข้างของเธอก็ถูกชายหนุ่มจับเอาไว้ เขาเดินไปข้างหน้าสองก้าวและกดโหลวฉางเยว่เข้ากับกำแพงจากนั้นทั้งสองมือก็สอดไปด้านหลังเธอโหลวฉางเยว่ไม่ยอมแพ้ เธออยากจะเตะเขาเขาอีก แต่เหวินเหยียนโจวก็สอดมือเข้าระหว่างขาของเธอทันทีเพื่อให้เธอหมดแรงต้านทานเขา!“ปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ? กล้าลงมือกับผมเหรอ?” เหวินเหยียนโจวมองเธอด้วยสีหน้ามืดมนโหลวฉางเยว่เหวินโกรธจนอกแทบระเบิด ดวงตาของเธอก็เริ่มแดงก “…….เหยียนโจว! คุณมันไม่ใช่คน! คุณมันไอ้ชั่ว!เหวินเหยียนโจวหัวเราะ “ดูเหมือนจะมีคนให้ท้ายแล้วสินะ ถึงมาท้าทายผม”โหลวฉางเยว่
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ