ผู้หญิงเป็นเพียงหัวข้อสนทนาในเวลาว่างของพวกเขาเท่านั้น และสามารถใช้เป็นหัวข้อเพื่อคลายความเหนื่อยล้าได้ แต่พวกเขายังคงมุ่งเน้นไปที่เรื่องการทำงานมากกว่าซิ่วอวี้วางกาแฟลง ก่อนจะเอ่ยเรื่องที่จะมาพบเขาในวันนี้ขึ้นทันที แล้วทั้งสองคนก็พูดคุยกันตลอดทั้งวันเมื่อถึงเวลาเลิกงาน ทั้งสองกำลังจะออกไปทานอาหารเย็น ทันทีที่เดินออกจากออฟฟิศ พวกเขาก็เห็นเลขาตัวน้อยเทน้ำครึ่งแก้วใส่โหลวฉางเยว่!เหตุเกิดขึ้นกะทันหันมาก จนโหลวฉางเยว่ไม่ทันหลบ น้ำกระเซ็นบนใบหน้าของเธอและจากนั้นก็มีหยดน้ำหยดลงบนเสื้อผ้าของเธอไหลไปตามคางเล็กของเธอเลขาตัวน้อยทิ้งแก้วแล้วปิดปากแล้วหันหลังวิ่งหนีไปทำหน้าเหมือนกำลังร้องไห้“...”โหลวฉางเยว่ดูเฉยเมยและไม่ได้มองสายตาของคนอื่นในออฟฟิศ เธอหยิบทิชชู่สองสามแผ่นออกมาเช็ดหน้าเหวินเหยียนโจวได้มีผู้สมัครใหม่เป็นเลขานุการที่เหมาะสม ดังนั้น แน่นอนว่าไม่สามารถเก็บเลขาตัวน้อยคนนี้ไว้ได้อีกต่อไป ดังนั้น เธอจึงขอให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคลแจ้งให้ทราบว่าวันพรุ่งนี้ไม่ต้องมาแล้วเลขาตัวน้อยเข้าใจทันที ว่าเธอถูกพวกเขาหลอก พูดให้ถูกคือเธอโดนโหลวฉางเยว่ทิ้งเธอทำให้ประธานเฉินขุ่นเคือ
เหวินเหยียนโจวหยุดลงกะทันหัน ก่อนปลดกระดุมเสื้อสูทของเขาแล้วถอดมันออกด้วยใบหน้าที่เย็นชา จากนั้นก็คลุมมันให้เธอ “ไปซื้อตัวใหม่เองแล้วเปลี่ยนซะ”โหลวฉางเยว่ไม่ได้รับไว้และเสื้อคลุมของเขาก็ตกลงกับพื้นสีหน้าของเหวินเหยียนโจวแย่ลงแบบเห็นได้อย่างชัดเจน “คุณกำลังโกรธผมอยู่เหรอ?”ซิ่วอวี้อดไม่ได้ที่จะบีบดั้งจมูกของเขา พระเจ้า...โหลวฉางเยว่พูดอย่างใจเย็น “ฉันเอาเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนไว้ที่เลานจ์ค่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะประธานเหวิน ฉันก็คงไม่ต้องเสียเงินซื้อเสื้อใหม่อีกตัวหรอกค่ะ”“คุณไม่มีเงินแม้แต่เงินจะซื้อเสื้อเชิ้ตแล้วเหรอ?” เหวินเหยียนโจวหยิบบัตรออกมาจากกระเป๋าเงินของเขาแล้วโยนมันลงบนตัวของเธอ ก่อนที่มันจะตกลงบนพื้นเช่นกันดูเหมือนพวกเขาจะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กันและกันเลยนะในที่สุดซิ่วอวี้ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาหยิบเสื้อคลุมบนพื้นแล้วปัดฝุ่นออก จากนั้นก็ใส่บัตรลงในกระเป๋า แล้วสวมให้โหลวฉางเยว่ “อะแฮ่ม ตรงข้ามมีห้างสรรพสินค้า ที่นั่นน่าจะเป็นเสื้อผ้าผู้หญิงขายนะ เลขาโหลวจะไปเลือกสักตัวแล้วเปลี่ยนเถอะ ตอนนี้อากาศเริ่มหนาวแล้วสิ่งสำคัญคืออย่าเป็นหวัด”“บัตรนี่รูดตามใจชอบเ
ไม่มีอะไรที่เธอต้องพูดในระหว่างมื้ออาหาร ดังนั้นโหลวฉางเยว่จึงมุ่งความสนใจไปที่การกินดังนั้นตอนที่เสิ่นเมี่ยวเมี่ยวหลอกถามเหวินเหยียนโจวนั้น โหลวฉางเยว่ก็กินเห็ดไผ่และซุปไก่มันเทศเสร็จพอดี รวมถึงปูสองตัว กุ้งทอดสามตัวและฟัวกราส์ชิ้นบางๆ ปลาแมนดาริน ผักต้มและอื่นๆ……ซิ่วอวี้คิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้กินเก่งใช่ย่อยเหวินเหยียนโจวมองไปที่เธอก็เห็นด้วยว่าเธอกินเก่งมาก ถ้าไม่รู้คงคิดว่าเธอหิวโซมาหลายวัน กินอย่างตั้งอกตั้งใจขนาดนี้ ไม่มองหน้าคนอื่นเอาเสียเลยเขาพูดขึ้นทันทีว่า “คุณกินเสร็จหรือยัง?”โหลวฉางเยว่เงยหน้าขึ้นมองเธอ เขาตั้งใจถามเธอและจิบชาส้มไปด้วย “ประธานเหวินจะรับสั่งอะไรคะ?”เหวินเหยียนโจวพูด “ไปส่งคุณเสิ่นกลับบ้าน”โหลวฉางเยว่ไม่มีรถจะไปส่งได้อย่างไร? แต่ไม่อยากปฏิเสธเขาจึงใช้โอกาสนี้ในการออกไป “โอเคค่ะ”เสิ่นเมี่ยวเมี่ยวก็เต็มใจที่จะไปกับเธอเช่นกัน พร้อมถือกระเป๋าไปด้วย “งั้นพรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทนะคะพี่เหยียนโจว~”เหวินเหยียนโจวพยักหน้าสาวน้อยจับแขนของโหลวฉางเยว่และตะโกนอย่างอ่อนหวาน “พี่ฉางเยว่~”เมื่อมองทั้งสองคนเดินออกจากร้านอาหาร ซิ่วอวี้ยอมใจเหวินเหยียนโจวเ
เสิ่นเมี่ยวเมี่ยวพูดด้วยความดีอกดีใจ “จริงเหรอคะ? ดีเลย!” เธอดีใจจนกระโดดโลดเต้น “พี่ฉางเยว่คะ งั้นวันนี้หนูไม่ไปกับพี่แล้วนะ พรุ่งนี้เจอกันที่บริษัทค่ะ~”โหลวฉางเยว่ยิ้มรับพร้อมพยักหน้า ส่วนเหวินเหยียนโจวก็เดินออกไปเลย โหลวฉางเยว่ยังคงรอรถแกร็บอยู่ริมฟุตบาท ครุ่นคิดในใจอย่างเบาสมองว่าเธอและเสิ่นเมี่ยวเมี่ยวมาสนิทชิดเชื้อกันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? เสิ่นเมี่ยวเมี่ยวและเหวินเหยียนโจวเป็นแฟนกันแล้วเหรอ?แต่แล้ว “ตำแหน่งแฟน” ของเหวินเหยียนโจวก็ไม่ได้ได้มายากขนาดนั้นไป๋โหยวทำได้ เสิ่นเมี่ยวเมี่ยวก็ทำได้ พอกลับมาทบทวน สามปีที่ผ่านมาก็ไม่มีใครเข้ามาเลยนอกจากเธอ หึ แต่โหลวฉางเยว่คิดไม่ถึงว่ารสนิยมของเหวินเหยียนโจวจะขนาดนี้วันรุ่งขึ้นมาถึงบริษัท ในห้องเลขา ไม่เพียงแต่มองเห็นเสิ่นเมี่ยวเมี่ยว ยังเจอกับยัยเลขาตัวน้อยคนนั้นอีกด้วย เลาขาตัวน้อยเร่งฝีเท้าเข้ามาตรงหน้าเธอด้วยความภูมิใจ “ประธานเหวินเรียกฉันกลับมาเขาบอกว่าฉันมีประโยชน์ต่อบริษัท จะไล่ฉันออกไม่ได้ อย่าเป็นไปตามความตัดสินของใครบางคน”สีหน้าของโหลวฉางเยว่ไม่สู้ดีนัก อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วในใจเธอทำให้เดิมพันขอ
โหลวฉางเยว่เงยหน้าขึ้นและเห็นเลขาตัวน้อย เลขาตัวน้อยยิ้มแล้วพูดว่า “เลขาโหลว โปรดจัดการโดยเร็วที่สุดนะคะ เราจะใช้เร็ว ๆ นี้แล้ว”โหลวฉางเยว่เปิดเอกสารแล้วดู มันเป็นสัญญาของประธานเฉิน เธอปิดและพูดว่า “ความร่วมมือนี้คุณเป็นผู้รับผิดชอบ ฉันแค่เข้าร่วมในการเจรจาครั้งสุดท้ายเท่านั้น”เลขานุการตัวน้อยกอดอกแล้วพูดว่า “แต่ประธานเหวินบอกแล้วนี่ค่ะ คุณเป็นหัวหน้าเลขา และเอกสารทั้งหมดในห้องทำงานของเลขาก็อยู่ภายใต้การควบคุมของคุณ”“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ให้ประธานเหวินบอกฉันว่าเอกสารนี้จำเป็นต้องจัดทำโดยฉัน และฉันต้องรับผิดชอบแน่นอน” โหลวฉางเยว่โยนเอกสารกลับไปที่ที่นั่งของเธอตรงและยังเปิดแก้วน้ำที่เธอวางไว้ตรงมุมของ โต๊ะล้มลงกับพื้นเลขาตัวน้อยโกรธมาก “คุณ!”โหลวฉางเยว่เพียงการตอบแทนความสุภาพเท่านั้นเสิ่นเมี่ยวเมี่ยวกระพริบตา โหลวฉางเยว่เดินเข้าไปหยิบแก้วเก็บอุณหภูมิที่ทำตกลงบนพื้น แล้ววางไว้ที่มุมโต๊ะของเธอ ก่อนจะผลักเลขาตัวน้อยออกจากห้องทำงานของเลขา“เอ่อ พี่คะ ฉันเพิ่งมาที่นี่ ฉันไม่คุ้นเคยเท่าไร ไม่รู้ว่าห้องน้ำอยู่ที่ไหน พี่พาฉันไปหน่อยได้ไหมคะ”เมื่อกี้เธอไปเข้าห้องน้ำแล้ว และแค่อ
เมื่อเดินผ่านร้านไอศกรีม เสิ่นเมี่ยวเมี่ยวถามเหวินเหยียนโจวให้ซื้อโคนให้เธอ ส่วนฟางเฉียนก็บอกว่าเธอกระหายน้ำและอยากกินด้วย เหวินเหยียนโจวพยักหน้าส่ง ๆ แล้วปล่อยให้พวกเธอเลือกกันเองเขาเห็นกรวยไอศกรีมกรุบกรอบและจำได้ว่าเหมือนโหลวฉางเยว่จะชอบมัน ดังนั้นเขาจึงหยิบมันขึ้นมา แต่เมื่อเขาหันกลับมาและเห็นโหลวฉางเยว่คลายเกลียวถ้วยกระติกน้ำร้อนที่เธอถือติดตัวมาด้วยและกำลังดื่มน้ำ“...”ไม่ใช่ว่าโหลวฉางเยว่ไม่ชอบไอศกรีม แต่การมีประจำเดือนครั้งก่อนของเธอปวดท้องมาก เธอเดาว่าการแท้งบุตรทำให้มดลูกของเธอเสียหาย จึงตัดสินใจดูแลตัวเองให้ดี เธอไม่กินอาหารเย็นหรือน้ำแข็งและดื่มชาแดงอินทผาลัมทุกวันเหวินเหยียนโจววางกรวยกลับเข้าไปในตู้เย็นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์เสิ่นเมี่ยวเมี่ยวส่งเสียง “อ๊ะ” โคนละลายและทำให้นิ้วของเธอเปื้อน เธอใช้กระดาษทิชชูเช็ดเล็กน้อยแต่ก็ยังรู้สึกเหนียวและไม่สบายตัว “ที่นี่มีห้องน้ำไหม”“มีครับมี ตรงนั้นเลยครับ แค่เลี้ยวหัวมุมก็เป็นห้องน้ำแล้ว” คนที่ดูแลห้างสรรพสินค้าชี้ไปที่ทางเดินและเสิ่นเมี่ยวเมี่ยวก็โยนกรวยทิ้งไป “พี่เหยียนโจว ฉันจะไปล้างมือแล้ว พี่รอฉันด้วยนะคะ”เหวินเหย
คนหิวแสงถูกรปภ.จับกุมเอาไว้แล้วส่งตัวไปยังสถานีตำรวจแล้วเสิ่นเมี่ยวเมี่ยวตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ร้องไห้อย่างน่าสงสาร รู้สึกว่าร่างกายของเขาสกปรกมากจนต้องร้องขอชีวิต อยากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ก็ไม่อยากให้เหวินเหยียนโจวต้องอยู่เพียงลำพังการตรวจสอบในวันนี้จึงถูกบังคับให้ระงับ พวกเขาจึงเปิดห้องที่โรงแรมใกล้ๆ เพื่อให้เธอได้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเหวินหยียนโจวสั่งคนให้ไปซื้อเสื้อผ้าให้เสิ่นเมี่ยวเมี่ยวเสิ่นเมี่ยวเมี่ยวคร่ำครวญทั้งน้ำตา “ไม่ต้องการคนอื่น ต้องการแค่พี่ฉางเยว่ เป็นพี่ฉางเยว่ที่ช่วยซื้อเสื้อให้ฉันเท่านั้น ฉันไม่เชื่อรสนิยมของคนอื่น ฉันไม่อยากใส่เสื้อผ้าไม่มีสไตล์!”เหวินเหยียนโจวมองไปทางโหลวฉางเยว่ โหลวฉางเยว่พูดอย่างเข้าใจว่า “ฉันไปซื้อเองค่ะ”สายตาของเหวินเหยียนโจวมองไปที่น้ำตาบนแก้มของเธอหลายรอบมากแล้วพูดว่า “ตรงข้ามโรงแรมมีร้านขายเสื้อผ้า คุณไปซื้อก่อนนะ พอกลับบริษัทค่อยไปเบิก”โหลวฉางเยว่รับฟังอย่างดีแล้วหันหลังเดินออกไปได้สองเก้าก็ได้ยินเสียงผู้ชายดังขึ้น “ถ้าคุณอยากเปลี่ยนก็สามารถซื้อได้”โหลวฉางเยว่หันกลับมาเห็นเสิ่นเมี่ยวเมี่ยวกำลังดึงเสื้อของเหวินเหยี
โหลวฉางเยว่ไม่พูดอะไร “เพราะเป็นเลขา ต้องเตรียมพร้อมทุกอย่างจะได้ไม่เกิดข้อผิดพลาดค่ะ”เหวินเหยียนโจว “ทำไมคุณดูตั้งตารอให้เกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับเธอจังนะ?”“ประธานเหวินคิดที่จะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันค่ะ” เหวินเหยียนโจวจ้องไปที่หน้าเธอสักพักแล้วเดินพุ่งไปหาเธอ โหลวฉางเยว่ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร ฉันมีสัญชาตญาณว่าเขาไม่มีความสุขและถอยห่างออกไปโดยไม่รู้ตัวจังหวะนั้นเสิ่นเมี่ยวเมี่ยวก็เดินออกมาพอดี “พี่เหยียนโจว ฉันเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วค่ะ” โหลวฉางเยว่รีบพูด “ฉันไปส่งคุณเสิ่นกลับก่อนล่ะกันนะคะ” เสิ่นเมี่ยวเมี่ยวส่ายหน้า “ไม่ค่ะพี่ฉางเยว่ ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันไปทำงานต่อได้ค่ะ” “อย่าฝืนเลยค่ะ”“เรื่องที่พวกเราเผชิญ พี่ฉางเยว่ไม่ร้องเลยแม้แต่น้อย ฉันจะขี้ขลาดไม่ได้ ฉันต้องเรียนรู้จากพี่ฉางเยว่ ฉันก็ต้องกล้าหาญ!” เสิ่นเมี่ยวเมี่ยวปฏิญาณอย่างตั้งใจไม่มีใครสนใจเหวินเหยียนโจวเลย ตรงดิ่งไปข้างหน้า “กลับบริษัท”พอถึงบริษัท โหลวฉางเยว่จะกลับห้องของเลขาแต่ถูกเหวินเหยียนโจวคว้าแขนเอาไว้ เขาพูดมาว่า “มากับผม” เป็นการบังคับเธอให้ไปที่ห้องทำงานโหลวฉางเยว่ขมวดคิ้วอย่างงงงวย กา
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ