โหลวฉางเยว่ถามกลับ “ประธานเหวินต้องการให้ฉันอธิบายอะไรคะ?”“ทำไมต้องไล่เธอออก” โหลวฉางเยว่กล่าวตามความจริง “สัญญากับวอร์เนอร์เธอเป็นคนทำค่ะ แล้วมีจุดทศนิยมผิด โชคดีที่ลูกค้ากับเรามีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ดังนั้นจึงไม่ดำเนินการเอาผิดต่อไป ตามข้อบังคับของบริษัทหากพนักงานใหม่ทำผิดพลาดร้ายแรงอันเป็นเหตุทำลายผลประโยชน์ของบริษัท สามารถถูกไล่ออกและสงวนสิทธิ์ในการดำเนินคดีรับผิดได้ค่ะ”เมื่อไป๋โหยวได้ฟังสีหน้าก็ซีดเผือด เธอทั้งกลัวและเครียดมาก “ฉัน ฉันไม่รอบคอบเองค่ะ ขอโทษนะคะ……” เหวินเหยียนโจวมองดูเธอ สายตาแสดงออกถึงความเป็นกังวล จากนั้นเขาก็พูดกับโหลวฉางเยว่ “เอกสาร”โหลวฉางเยว่วางเอกสารลงเหวินเหยียนโจวเปิดไปหน้าสุดท้ายและมองดูเล็กน้อยก่อนจะทิ้งเอกสารลงบนโต๊ะ “วันที่นี้เป็นวันที่เธอโดดงาน ถ้าไม่ใช่เพราะเธอโดดงานไล่เหตุผล สัญญาฉบับนี้ คงไม่ต้องให้ไป๋โหยวที่เพิ่งเข้างานมาทำหรอก”โหลวฉางเยว่รู้สึกถึงความเหลวไหล “ความหมายของประธานเหวิน โทษฉันเหรอคะ?”“คุณเป็นหัวหน้าเลขานุการ และผู้นำที่รับผิดชอบสำนักงานเลขานุการ หากลูกน้องของคุณทำผิด จะให้โทษใครถ้าไม่ใช่คุณ?” ท่าทางของเหวินเหยียนโจวช
โหลฉางเยว่กลับไปที่บ้านเช่าเพื่อเก็บสัมภาระ“เยว่เยว่กลับมาแล้วเหรอ? ฉันยังคิดอยู่เลยนะว่าถ้าวันนี้เธอไม่กลับมาอีก ฉันจะต้องตามหาเธอกลับมา ต่อให้ฉันต้องไปหาทีละโรงพยาบาลก็เถอะ”“อือ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ”เฉียวซีซี รูมเมทของโหลวฉางเยว่ และก็เป็นรูมเมทสมัยมหาลัยของเธอด้วย ทั้งคู่อยู่ด้วยกันมาร่วมหกเจ็ดปีแล้ว และความสัมพันธ์ของพวกเธอก็ดีมากไปนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน มีแค่เธอเท่านั้นที่เป็นห่วงโหลวฉางเยว่จากใจจริง แต่ว่าโหลวฉางเยว่ไม่ได้บอกความจริงเธอ บอกแค่ตัวเองป่วยเท่านั้น และก็ไม่ให้เธอมาเยี่ยมตามหาด้วยเฉียวซีซีเปลี่ยนรองเท้าสลิปเปอร์ก่อนจะเดินมาหน้าประตูห้องของเธอ แล้วเธอก็เห็นโหลวฉางเยว่ที่นั่งพับผ้าอยู่บนพื้น“เธอจะไปดูงานต่างเมืองอีกแล้วเหรอ? เพิ่งหายป่วยก็จะไปอีกแล้ว ร่างกายเธอไหวเหรอ? อิตาเหวินเหยียนโจวผู้ชายหัวสุนัขนั่นชั่ว ทำไมถึงเลวขนาดนี้นะช้าขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ เอาแต่ทรมานเธออยู่นั่น!”เฉียวซีซีรู้ความสัมพันธ์ของเธอกับเหวินเหยียนโจว และเธอก็ไม่ค่อยถูกชะตาเหวินเหยียนโจวมาตลอดโหลวฉางเยว่ไม่รู้ว่าเธอไปครั้งนี้ต้องใช้เวลานานแค่ไหน เธอจึงบอกความจริงไปว่า “ฉันถูกส่งไปดูงาน
เพื่อนร่วมงานตั้งใจวางแผนให้เธอ “ฉางเยว่ เธอเคยคิดไหม? สัญญาจ้างงานของเธอ อีกหนึ่งเดือนก็หมดสัญญาแล้ว ถ้ากลับมาไม่ได้ ประธานเหวินอาจจะไม่ต่อสัญญาให้เธอนะ หมดสัญญาก็ปลดอัตโนมัติ พูดอีกแบบก็คือ ถึงจะสิ้นสุดสัญญาการจ้าง เธอก็ต้องกลับที่บริษัทหลักค่อยจบ แบบนี้ประวัติเธอถึงจะสวยนะ”โหลวฉางเยว่แม้จะไม่ได้คิดสิ่งนี้ แต่ก็คิดว่าตัวเองควรไปดูกับตาวันที่เหวินเหยียนโจวมาที่สาขาย่อยบริษัท เธอตั้งใจแต่งหน้าอย่างดี สวมใส่ชุดเดรสสีขาว รออยู่ที่หน้าประตูบริษัทหลังจากนั้นสิบนาที รถเก๋งสามคันขับใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จอดอยู่นิ่ง ๆ ตรงข้างล่างบันไดประตูรถเปิดออก เหวินเหยียนโจวลงจากรถมาก่อน โหลวฉางเยว่ยังไม่ทันยิ้มมุมปาก ต่อมาก็เห็นอีกคนหนึ่งลงมาจากประตูรถอีกฝั่งหนึ่งไป๋โหยวสิบปากพูดไม่เท่าตาเห็น เหวินเหยียนโจวไปที่ไหนก็พาเธอไปด้วยจริง ๆขาเธอชะงักไปสักพัก ก็ยังเดินเข้าไปต่อแล้วเรียกอย่างเคารพ “ประธานเหวิน”สายตาเหวินเหยียนโจวตกอยู่บนตัวเธอ เขาไม่ได้ตอบเธอ แต่เดินก้าวไปที่บันได เข้าไปที่บริษัทพร้อมผู้จัดการสำนักงานใหญ่โหลวฉางเยว่มองดูเบื้องหลังของเขา เขาชอบใส่ชุดสูทสีดำมาตลอด เสื้อผ้าสั่งตัดเหม
ประตูห้องประชุมถูกล็อก มาเกือบหนึ่งชั่วโมง โหลวฉางเยว่ให้ทิชชู เปียกแอลกอฮอล์จำนวนหลายแผ่นเช็ดโต๊ะประชุมให้สะอาดจัดเก็บเสร็จแล้ว เธอหันหลัง เห็นเหวินเหยียนโจวกลับสู่สภาพที่เสื้อเป็นระเบียบ และเย่อหยิ่งสูงส่ง เพียงแค่ตั้งใจมอง ถึงจะเห็นความยับเล็กน้อยบนเสื้อ พิสูจน์ว่าเมื่อกี้เขาที่อดกลั้นไม่อยู่โหลวฉางเยว่หยิบเนคไท เดินเข้าไปใส่ให้เขาเหวินเหยียนโจวชินกับการปรนนิบัติของเธอ เขายกคางขึ้นเล็กน้อย จากนั้นนิ้วของโหลวฉางเยว่สอดเข้าไป ใส่ เนคไทให้เรียบร้อย กล่าวเบา ๆ "ฉันอยากกลับบริษัทหลัก"ดวงตาของเหวินเหยียนโจวหรี่ลงเล็กน้อย มองเห็นผู้หญิงเลิกคิ้ว เขากล่าวเบา ๆ “ผมพูดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว โครงการไม่เสร็จไม่ต้องกลับบริษัทหลัก ในเมื่อตอนนี้โครงการได้สำเร็จแล้ว เธออยากกลับ ก็ ไม่มีใครห้ามเธอ”จากนั้น เหวินเหยียนโจวได้ตรวจสอบโครงการสิ้นสุดแล้ว กลับเมืองเซินเฉิน ในทีมมีโหลวเยว่ฉางเพิ่มเข้ามาอีกคนไป๋โหยวเอียงหน้าถามเหวินเหยียนโจว “ประธานเหวิน พี่ฉางเยว่กลับไปกับพวกเราได้แล้วเหรอ?”เหวินเหยียนโจวมองดูเอกสารพร้อมพยักหน้า ไป๋โหยวเผยรอยยิ้มที่ร่าเริงทันที “ดีจังเลย พี่ฉางเยว่ออกทำงานนอกสถานที่ส
ความสนใจของโหลวฉางเยว่ถูกลบล้างออกไปในชั่วขณะนี้หลังจากนั้นไม่ว่าเหวินเหยียนโจวทำกี่ครั้ง เธอก็ไม่มีความรู้สึกอะไรครอบครัวสอนมาดี สืบทอดมา ไม่ชอบทำอะไรกันก่อนแต่งงานหมายความว่าไง? เขาจะแต่งงานกับไป๋โหยวเหรอ?…… โหลวฉางเยว่กลับไปทำงานที่ปี๋หยุน ยังคงเป็นเลขาของเหวินเหยียนโจว แต่จากเลขาสูงสุดเปลี่ยนมาเป็นเลขาธรรมดาๆโต๊ะทำงานเก่าของเธอกลายเป็นของไป๋โหยวแล้ว โต๊ะของเธอ เป็นทำได้แค่ใช้โต๊ะตัวนั้นตอนที่ไป๋โหยวเคยใช้ตอนเป็นผู้ช่วยอยู่ข้างประตู ในมุม ไม่มีความโดดเด่น เพราะไม่มีคนใช้งานมานาน บนโต๊ะมีสิ่งของมากมาย เธอกลับมาอย่างกะทันหัน ฝ่ายธุรการยังไม่ได้จัดให้คนมาจัดการเรื่องนี้สถานการณ์แบบนี้ตามจริงแล้วรู้สึกน่าอายเล็กน้อย โหลวฉางเยว่สีหน้าเฉยเมย จัดเก็บด้วยมือของตนเองเมื่อไป๋โหยวถึงออฟฟิศ เห็นแบบนี้ก็รีบวิ่งเข้ามา “พี่ฉางเยว่ ขอโทษนะ ตอนแรกฉันอยากรีบมาทำความสะอาด แต่ระหว่างทางรถติดน่ะ เดี๋ยว เดี๋ยวฉันจะจัดของออกมาคืนให้เธอตอนนี้เลย”โหลวฉางเยว่บีบผ้าเช็ดโต๊ะ เช็ดฝุ่นออก “ของใช้เป็นของบริษัทหมดเลย ไม่ใช่ของฉัน ไม่มีอะไรต้องคืนฉัน ประธานเหวินให้เธอนั่งที่ไหน เธอก็นั่งที่นั่น
โหลวฉางเยว่มีความอึดอัดและโมโห เดินไปตรงข้ามถนนซื้อยาในร้านยา เมื่อถึงเวลาคิดเงิน เธอได้รับสายจากคุณแม่ของเหวินเหยียนโจว “ฉางเยว่ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง? ทำไมไม่กลับมาเยี่ยมที่บ้านเลย?”โหลวฉางเยว่ยิ้ม “ป้าคะ ฉันสบายดี ก่อนหน้านี้ยุ่งกับงานหน่อย ช่วงนี้จัดการงานเสร็จแล้ว สุดสัปดาห์นี้จะกลับไปเยี่ยมท่านและคุณลุงนะคะ”“ในเมื่อยุ่งเสร็จแล้ว ก็ไม่ต้องรอสุดสัปดาห์แล้ว คืนนี้เลยแล้วกัน เธอกับเหยียนโจวกลับมาบ้านทานข้าวด้วยกัน ฉันทำกับข้าวที่พวกเธอชอบกินเอง” โหลวฉางเยว่ “ค่ะ ฉันจะบอกประธานเหวินนะคะ”คุณนายเหวินโมโหเล็กน้อย “อย่าเอาแต่เรียกประธานเหวินประธานเหวิน ดูไม่สนิทกันเลย พวกเธออยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว ไม่กี่เดือนก่อนเรายังปรึกษาเรื่องแต่งงานของพวกเธออยู่เลย”“…?” โหยวฉางเยว่แทบจะทรงตัวไม่อยู่ เกือบล้มอยู่ตรงบันไดร้านขายยางานแต่ง ของพวกเขาเหรอ?ดวงตาเธอเป็นประกาย ทำไมไม่เคยนึกถึง คุณนายจู่ ๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้คุณนายเหวินจริง ๆ แล้วไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของเหวินเหยียนโจว แต่เป็นแม่บุญธรรม โหลวฉานเยว่รู้คร่าว ๆ ว่า ตระกูลเหวินมีความลับที่ไม่มีใครยรู้มาก่อน เพราะเรื่องนั้น ความสัมพันธ์ขอ
เมื่อเวลาใกล้เลิกงาน โหลวฉางเยว่เข้าไปที่ออฟฟิศประธาน วางเอกสารลง จากนั้นก็พูดว่า “คุณป้าโทรมาหาฉันตอนกลางวัน ให้เรากลับไปทานมื้อค่ำ ประธานเหวิน คุณไม่ได้กลับไปครึ่งปีแล้วนะ” เหวินเหยียนโจวขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด “เธอติดต่อกับที่บ้านผมบ่อย ๆ เหรอ?”“เปล่า” โหลวฉางเยว่ตอบ “ทุกครั้งก็เป็นคุณป้าโทรมาหาฉันก่อน”เหวินเหยียนโจวมองดูนาฬิกาโยนกุญแจรถให้เธอ “เธอมาขับรถ ผมให้คนขับส่งไป๋โหยวกลับบ้าน”โหลวฉางเยว่ตามหลังเขา มองดูเบื้องหลังเขา มีประโยคหนึ่งที่อยากพูดออกมามาก เธออ้าปาก แต่ก็ส่งเสียงออกมาไม่ได้เธอกลัวคำตอบที่ได้ยิน จะได้ยินคำตอบที่เธอคาดเดาไว้……อาหารมื้อดึกบนโต๊ะตระกูลเหวิน คุณนายเหวินคีบอาหารให้โหลวฉางเยว่มาตลอด “ทำไมผอมลงเยอะเลยล่ะ? สีหน้าไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายแล้วใช่ไหม?”เหวินเหยียนโจวเดิมทีก็เป็นคนที่เยือกเย็นทั้งนิสัยและภายนอกเป็นคนพูดน้อย ยิ่งอยู่ในบ้านตระกูลเหวิน นอกจากทักทายประธานใหญ่เหวินแล้ว ก็ไม่พูดอะไรอีกเลยเขามองดูผู้หญิงรับมือกับพ่อแม่ของเขาอย่างเฉยเมย จับหน้าตัวเอง ยิ้มกล่าว “เปล่านี่คะ คงเป็นเพราะวันนี้ทาสีลิปผิดน่ะค่ะ ฉันกลับไปก็จะเอาไปทิ้ง”เลขาประธานส
โหลวฉางเยว่จอดรถเสร็จแล้ว ก็เดินเข้าไปหา “ประธานเหวินคะ” ไฟบนถนนสลัว ทำให้เห็นใบหน้าด้านข้างที่เคร่งขรึมของชายหนุ่มออกมาแค่ราง ๆ เขาไม่ได้มองโหลวฉางเยว่ และบุหรี่ที่อยู่ตรงปลายนิ้วก็กะพริบอยู่โหลวฉางเยว่ถอนหายใจอยู่ในใจ เธอมองไปรอบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ชั่วโมงอยู่ไม่ไกล จึงเดินเข้าไปซื้อข้าวปั้น และอุ่นร้อนในร้านสะดวกซื้อมาเรียบร้อย ซึ่งสามารถกินได้เลย “ตอนเย็นคุณยังไม่ได้กินอะไรสักเท่าไหร่ รองท้องก่อนนะคะ อย่าให้ท้องกระเพาะ อีกค่ะ” เหวินเหยียนโจวเหลือบมองไปที่เธอ ก่อนจะรับมา โหลวฉางเยว่พูดเสียงเบา “แม้ว่าคุณจะไม่พอใจในสิ่งที่ท่านผู้อำนวยการเหวินพูด ก็ไม่ควรจะแย้งกลับขนาดนั้นนะคะ ท่านความดันขึ้นได้ง่าย หลายปีก่อนก็เข้าโรงพยาบาลไปครั้งหนึ่งแล้ว……” เหวินเหยียนโจวหัวเราะเยาะขึ้นมา แล้วโยนข้าวปั้นออกไป ก่อนจะคว้าตัวของโหลวฉางเยว่เอาไว้ จากนั้นก็เปิดประตูรถ แล้วกดเธอลงกับเบาะหลังรถ! การเคลื่อนไหวของเขาลื่นไหลมาก โหลวฉางเยว่รู้สึกแค่ว่าโลกกำลังหมุนอยู่ตรงหน้า และยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไร ขาทั้งสองข้างก็ถูกเขาจับแยกออกจากกัน เส้นประสาททุกเส้นของเธอ
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ