เหวินเหยียนโจวไม่ได้ให้ข้อคิดเห็นเรื่องที่เนี่ยเหลียนอี้ฆ่าตัวตาย แค่ดูที่เธอแต่งตัวเรียบร้อย “คุณยังต้องไปทํางานอีกเหรอ?”โหลวฉางเยว่มองไปที่เขาและถามว่า “คุณจะไปพบพ่อแม่ของเนี่ยเหลียนอี้ไหม? พวกคุณจะคุยกันเรื่องอะไร?”เมื่อคืนเหวินเหยียนโจวไม่รู้ว่าได้กลับไปที่ห้องตัวเองหรือไม่?ยังคงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของเธอตลอดทั้งคืนจริง ๆ เขามักจะใส่เสื้อเชิ้ตสีดําและกางเกงสีดํา ดูไม่ออกว่าจะเปลี่ยนหรือเปลี่ยน แต่สีหน้าของเขาไม่เหนื่อยล้า ดวงตาสีดําคู่นั้นยังคงลึกและคมชัด“คุณแค่อยากรู้อยากเห็นหรือว่าไม่วางใจ? กลัวว่าผมจะถูกพ่อแม่ของเนี่ยเหลียนอี้ซื้อตัวไป?”โหลวฉางเยว่เม้มริมฝีปากแน่น น่าจะเป็น...อย่างหลังในเมื่อพ่อแม่ของตระกูลเนี่ยเสนออยากพบเขา ก็สามารถารู้แล้วว่าเขากําลังปกป้องเธออยู่ ต้องเตรียมเงื่อนไขมากมายไว้แน่นอน เพื่อแลกให้เขาส่งตัวเธอออกไปและปล่อยให้พวกเขาจัดการ แล้วเขาจะตกลงไหม?”ถ้าเขาตอบตกลง จะไม่มีใครปกป้องเธอได้ เขาคือความหวังเดียวของเธอโหลวฉางเยว่นึกมาถึงตรงนี้ หนังศีรษะก็ชาเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตและอารมณ์วุ่นวายมากเธอเห็นเขาเป็นความหวัง? เธอคิดว่าเขาเป็นความหวังของเธอ
เหวินเหยียนโจวเงยหน้าขึ้นจากล่างขึ้นบน รู้สึกกดขี่เหมือนเสือที่แยกเขี้ยวและกางกรงเล็บจ้องตรงไปที่หน้าแม่เนี่ย!แม่เนี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ล้มลงนั่งบนเก้าอี้ทันใดนั้นเธอก็รู้ว่า มันน่าอายมากที่เธอถูกคนที่เด็กกว่าทำเธอกลัวจนเป็นแบบนี้ เธอลุกขึ้นอีกครั้งและพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ถูกพ่อเนี่ยกดไว้พ่อเนี่ยค่อนข้างใจเย็น ในที่สุดแล้วหวินเหยียนโจวก็ไม่ได้พูดยตรง ๆ ว่าจะปกป้องโหลวฉางเยว่ ดังนั้นเรื่องนี้ยังมีที่ว่างสำหรับการปรึกษาหารือเขาทําหน้ายิ้มอีกครั้ง “เหยียนโจวพูดเกินไปแล้ว น้าของคุณค่อนข้างใจร้อน พูดก็ค่อนข้างตรงไปตรงมา......”เหวินเหยียนโจวไม่มีความอดทนที่จะฟังคําพูดของแขกต่อ “มีอะไรก็พูดตรง ๆ”หลังจากพ่อเนี่ยเงียบไปชั่วครู่ เขาก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “โโหลวฉางเยว่เป็นตัวการ เธอทําร้ายลูกสาวของผม เราต้องให้เธอติดคุก!”สองคำสุดท้าย เสียงเน้นดังขึ้น!โต๊ะอาหารที่หันหลังให้เหวินเหยียนโจว ผู้หญิงที่ก้มหน้ากินข้าว ช้อนตกลงไปในชามและส่งเสียงดังเหวินเหยียนโจวเหลือบมองไปข้างหลัง“ตราบใดที่เหยียนโจวคุณไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้ ไม่ว่าจะตระกูลเนี่ยแม้แต่ตระกูลหลิวก็จะสนับสนุ
ต่อให้จะได้ยินคำสัญญาของเยี่ยนโจวแล้ว โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ในเมื่อพ่อแม่ของตระกูลเนี่ยสามารถเสนอเงินให้เหวินเหยียนโจวเป็นจำนวนสองร้อยห้าสิบล้านได้ ใครจะรู้ล่ะว่า พวกเขายังจะเสนอเงินจำนวนสองร้อยห้าสิบล้านนี่ทำอะไรอีก?เธอกลัวการรับโทรศัพท์ด้วยซ้ำ กลัวว่าตำรวจจะโทรมาอีกและขอให้เธอให้ความร่วมมือในการสอบปากคำอีก เธอฟุ้งซ่านตลอดทั้งเช้าในช่วงพักกลางวัน เพื่อนร่วมงานหลายคนก็ชวนเธอไปโรงอาหารด้วยกัน โหลวฉางเยว่และพนักงานเสิ่นซื่อพวกนี้ไม่ค่อยคุ้นกันเท่าไหร่ น้อยมากที่จะไปกินข้าวด้วยกัน แต่ในเมื่อพวกเธอเรียกให้ไปด้วยกัน เธอจึงยอมไปกับพวกเธอเมื่อไปแล้วถึงได้รู้ว่า ทำไมพวกเธอถึงได้คะยั้นคะยอให้เธอมาด้วยก็แค่ต้องการฟังเรื่องซุบซิบก็เท่านั้น“เลขาโหลว บนอินเทอร์เน็ตบอกว่า คุณหนูเนี่ยเกือบฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงจากตึกเมื่อคืนนี้ เป็นจริงไหม? ”“เลขาโหลว ทำไมเมื่อวานไม่มาทำงานเหรอ? เหมือนจะมีคนเห็นคุณไปโรงพักด้วย คุณถูกตำรวจเรียกตัวไปเหรอ? ”“เลขาโหลว เหตุการณ์ของคุณเนี่ยเกี่ยวข้องกับคุณหรือเปล่า? ”“......”เช่นเดียวกับนักข่าวปาปารัสซี่ที่คุยกันเรื่อยเปื่อย ถามคำถาม
พี่เลี้ยงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ไม่เป็นไรหนิ พวกเราทุกคนสบายดี”โหลวฉางเยว่ถอนหายใจ แม่โหลวเพิ่งผ่าตัดหัวใจ และไม่สามารถรับรู้เรื่องที่น่าตกใจได้ เธอเม้มริมฝีปากแล้วกล่าวเตือน “ช่วงนี้ ถ้าคุณได้รับสายจากคนแปลกหน้า แล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติก็รีบวางสายซะ ของที่ไม่มีที่มาที่ไปก็อย่ารับ หากมีสิ่งใดแปลก ๆ ให้โทรหาฉันหรือไม่ก็แจ้งตำรวจเลยทันทีนะคะ”พี่เลี้ยงตกใจกับน้ำเสียงจริงจังของเธอ และพูดติดอ่าง “ดะ ได้ ฉันเข้าใจแล้ว......คุณโหลว เกิดอะไรขึ้นกับคุณคะ? ” ทำไมถึงฟังแล้วดูเหมือนกำลังเกิดปัญหาใหญ่ล่ะ?โหลวฉางเยว่ “ไม่มีอะไรคะ คุณก็อย่าพูดอะไรมั่ว ๆ กับพ่อแม่ของฉันล่ะ ฉันยุ่งกับงานนิดหน่อย จะยังไม่กลับช่วงสุดสัปดาห์นี้ ฉันขอให้พี่สาวคนโตไปรับแม่ไปตรวจแทนแล้วนะคะ”“อ๋อ ได้ค่ะ ได้”หลังจากวางสาย โหลวฉางเยว่ที่เหมือนร่างไร้วิญญาณก็กำลังเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของเธอผู้ช่วยหลี่วางกล่องกระดาษแข็งลง “เลขาโหลว มีพัสดุของคุณอยู่ที่แผนกต้อนรับ ฉันเดินผ่าน เลยไปรับมาให้คุณด้วย”โหลวฉางเยว่ยิ้มอย่างไม่เต็มใจ “ขอบคุณค่ะ”เธอใช้มีดคัตเตอร์ตัดเทปกาวเธอคิดว่าน่าจะเป็นน้ำหอมอโรมาตั้งโต๊ะที่เพิ่งส
เหวินเหยียนโจวไม่คิดว่าเธอจะวิ่งเข้าหาเขาแบบนี้ เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยื่นมือออกไปรับเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างไรก็ตาม โหลวฉางเยว่ไม่ได้สนใจ และได้หยุดอยู่ตรงหน้าเขาเหวินเหยียนโจวพยุงร่างที่สั่นเทาของเธอ หลับตาลงเพื่อมองดูผมของเธอ แล้วยิ้มทันที “นี่คุณถึงกับวิ่งมาหาผมเลยเหรอ? ”“……” โหลวฉางเยว่ไม่รู้จะพูดอะไร เธอกัดฟันแน่น และปลายจมูกเธอก็เริ่มแดงเดิมทีเหวินเหยียนโจวแค่จะล้อเล่น แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าของเธอ เขาจึงหยุดล้อเล่นแล้วพูดว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”โหลวฉางเยว่กลืนน้ำลายแรง ๆ แล้วส่ายหัว “ฉันอยากกลับบ้านกลับไปหาพ่อแม่ มีวิธีไหนที่คุณจะส่งฉันกลับไปได้บ้างไหมคะ? ”เหวินเหยียนโจวกล่าวว่า “ตอนนี้คุณถูกจำกัดพื้นที่ไม่ให้ออกจากซีเฉิงอยู่”โหลวฉางเยว่เงยหน้าขึ้น ดวงตาของเธอแสดงอารมณ์ที่ค่อนข้างจะสับสนวุ่นวาย “คุณทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ? ”เหวินเหยียนโจวไม่ได้พูดอะไร ที่นี่คือเสิ่นซื่อกรุ๊ป และไม่เหมาะที่จะพูดอะไรทั้งสิ้น เขาถอดเสื้อคลุมออกแล้วสวมลงบนตัวของเธอเขาจำได้ว่าตอนเช้าเธอสวมเสื้อคลุมอยู่ แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ได้สวมมาด้วย แสดงให้เห็นว่าเธอไม่สบายใจมากแค่ไหนโหล
โหลวฉางเยว่ถูกเขาบังคับให้ลงจากรถเวลาในตอนนี้ก็มืดสนิทแล้ว จัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในซีเฉิงถูกตกแต่งด้วยโคมไฟและแสงไฟสีสันต่าง ๆ เพื่อวันส่งท้ายปีเก่าและวันต้อนรับปีใหม่ พวกเขาไหลไปตามฝูงชน ทำให้ทั้งสองตกอยู่ท่ามกลางบรรยากาศนั้นทันทีโหลวฉางเยว่และเหวินเหยียนโจวเดินเคียงข้างกัน คนที่เดินผ่านไปมา ก็มีทั้งคู่รักหนุ่มสาว ครอบครัวที่สนิทกันมากสามคน แล้วยังมีชายชราที่เล่นกับหลานตัวเองด้วยเสียงหัวเราะ เสียงดนตรี เสียงการพูดคุย ผสมผสานกันอย่างลงตัว ไม่คิดว่ามันดังเลยสักนิด มีแต่ความมีชีวิตชีวา คนบนโลกนี้ก็มีชีวิตชีวากันแบบนี้แหละมีแผงขายของเคลื่อนที่ขายขนมขึ้นชื่อข้างจัตุรัส ผ่านแผงขายบาร์บีคิว เจ้าของแผงอาจจะใส่น้ำมันมากเกินไปหน่อย น้ำมันหยดลงบนถ่าน เกิดเสียง “ซู่” เปลวไฟก็พุ่งขึ้นสู่อากาศ!โหลวฉางเยว่ตกใจมาก จนเธอค่อย ๆ ถอยหลังและชนเข้ากับหน้าอกของเหวินเหยียนโจว เหวินเหยียนโจวกอดเธอตามธรรมชาติและมองลงไปแสงไฟสะท้อนแก้มสีขาวของโหลวฉางเยว่ เธอเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ในที่สุดเธอก็ไม่รู้สึกลังเลหรือหดหู่อีกต่อไป แต่กลับถูกย้อมด้วยควันดอกไม้ไฟเหมือน “มีชีวิต” ขึ้นมาอีกครั้งเหวินเหยีย
เหวินเหยียนโจวจับแก้มของเธอด้วยมือเดียว แล้วขอให้เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ใบหน้าของพวกเขาสว่างไสวด้วยแสงสีที่อบอุ่น ดวงตาของเขาดูเบาบางและอ่อนโยนขึ้น“เมื่อก่อนผมเคยเกลียดที่คุณหลีกเลี่ยงและไม่ตอบโต้อะไรเลย เราต่างมีความคิดที่เห็นต่างกันอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ผมไม่ชอบเห็นคุณหดหู่และหวาดกลัวแบบนี้ เหตุผลพวกนี้เพียงพอแล้วหรือยัง”คิ้วของโหลวฉางเยว่กระตุกเล็กน้อย ดวงตาของเธอร้อนผ่าวขึ้นทันทีอารมณ์ที่แช่อยู่ในน้ำอันขมขื่นมาทั้งวัน ดูเหมือนตอนนี้จะกลายเป็นก้อนเมฆที่ลอยขึ้นพบกับดวงจันทร์ และดูเหมือนว่ามีบางอย่างกำลังจะระเบิดออกมาจากพื้นดินที่ไม่สามารถควบคุมได้เหวินเหยียนโจวกล่าวต่อว่า “ดอกไม้ไฟสวยไหม? ผมอยู่นี่ ถ้าคุณอยากดู ก็สามารถดูได้ทุกเมื่อ”“……” โหลวฉางเยว่ก้มหน้าด้วยความตื่นตระหนก ไม่รู้จะพูดอะไร และหายใจไม่ออกทันใดนั้นก็มีเสียงเพลงที่คุ้นเคยดังขึ้นกลางจัตุรัส เป็นดนตรีที่ผ่อนคลายและร่าเริง ไม่รู้ว่าใครนำร้อง หรืออาจเป็นเพราะว่าเป็นวันส่งท้ายปีเก่าบวกกับวันปีใหม่บวกกับวันหยุด แค่นี้ก็สุขใจแล้ว ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง คนแก่หรือเด็ก ต่างก็เต้นรำด้วยกันทั้งนั้นเหวินเหยียนโจวมองดูอยู่คร
ทันทีที่ประตูห้องเพนท์เฮาส์สวีทถูกเปิดออกด้วยคีย์การ์ด ชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาโดยโอบตัวหญิงสาวไว้โหลวฉางเยว่สะดุดที่พักเท้าที่ประตูจนเซ เหวินเหยียนโจวอุ้มเธอขึ้นมา แล้วหันกลับไปวางร่างเธอบนตู้รองเท้าที่ทางเข้าเธอไม่มีเวลาตอบสนองด้วยซ้ำ ร่างสูงของเหวินเหยียนโจวสอดเข้าไประหว่างขาของเธอแล้วจูบเธอทันทีเขาจูบอย่างเร่าร้อน แม้จะประหม่าเล็กน้อย ราวกับว่าตอนนี้เขาไม่ใช่ประธานเหวินที่เย็นชา ไร้ความรู้สึก มีจิตสังหารและเด็ดขาดคนนั้น แต่......แต่เป็นเพียงผู้ชายที่บริสุทธิ์คนหนึ่งเป็นแค่ผู้ชายที่โหยหาผู้หญิงของตนเองโหลวฉางเยว่ถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น และฟันของเธอก็เปิดออก เขาจับที่ด้านหลังศีรษะของเธอ และดันลิ้นเข้าไปนัวเนียกับเธอ เธอหายใจไม่ออก จิตใจของเธอว่างเปล่า และสับสนเล็กน้อย เธอดูเหมือน......เหมือนเธอยังไม่ได้ตกลงกับเขาเลยไม่ใช่เหรอ?เธอก็แค่......แค่อะไรแล้วนะ?โหลวฉางเยว่รู้สึกรำคาญใจมากจนจิตใจเริ่มยุ่งเหยิง และจำอะไรไม่ได้เลย สิ่งเดียวที่คิดได้ในตอนนี้คือดอกไม้ไฟบนท้องฟ้าในจัตุรัสนิ้วของโหลวฉางเยว่จับชายเสื้อของเหวินเหยียนโจวอย่างแน่นหนา เหวินเหยียนโจวรู้สึกว่าเธอหายใจแรงเล
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ