เนี่ยเหลียนอี้เม้มริมฝีปากและลุกขึ้น "พี่ชายรอฉันสักครู่นะ" เธอออกจากห้องส่วนตัวอย่างรวดเร็ว ...... เหวินเหยียนโจวกําลังจะกลับไปที่บริษัท ส่วนโหลวฉางเยว่กําลังจะไปเยี่ยมแม่ของเธอที่โรงพยาบาล พวกเขาแยกกันที่หน้าประตูร้านอาหาร โหลวฉางเยว่พูดเชิงเป็นนัยว่า "ประธานเหวิน ฉันไปก่อน" เหวินเหยียนโจวมองเธอ "คุณเป็นคนโทรแจ้งรายงานว่าหลิวเยี่ยนสูบบุหรี่ในห้องเหรอ?" สีหน้าโหลวฉางเยว่ไม่ตื่นตระหนก "ประธานเหวิน ไม่ใช่ฉันจริง ๆค่ะ" เหวินเหยียนโจวไม่เชื่อและยกมุมปาก "ผมไม่ได้บอกว่าคุณทํามันไม่ถูกต้องสักหน่อย" โหลวฉางเยว่ไม่ได้โง่พอที่จะฟังเขาพูดแบบนี้และสารภาพหมดเปลือก ในโลกนี้คนที่สามารถเชื่อได้ก็มีแต่ตัวเอง ส่วนคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้เลยว่าจะหักหลังตอนไหน "ประธานเหวิน ไม่ใช่ฉันจริง ๆ" เหวินเหยียนโจวขี้เกียจที่จะคุยกับเธอ เขาบีบคางเธอและหรี่ตาเล็กน้อย จากนั้นมองหน้าเธอ "ต่อไปนอกจากผมแล้วก็ไม่ต้องเชื่อฟังคนอื่นขนาดนั้น......เขาให้คุณทําอะไรก็ทําไปหมด พวกเขาได้จ่ายเงินเดือนให้คุณไหม?" โหลวฉางเยว่เม้มริมฝีปาก "อืม" เหวินเหยียนโจวพูดอีกว่า "เยี่ยมเสร็จแล้ว ก็ก
โอ้ ที่แท้เหวินเหยียนโจวออกจากชายฝั่งตงไห่เมื่อคืนที่ผ่านมา คือคืนที่ไป๋โหยวประสบอุบัติเหตุ คราบเลือดบนเสื้อโค้ทของเขาและกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อล้วนเป็นของไป๋โหยวทั้งหมด อีกทั้งเขายังเฝ้าไป๋โหยวทั้งคืนเลยเหรอ? นั่นเป็นความจริงใจจริง ๆ โหลวฉางเยว่มองแม่และลูกสาวคู่นี้ แล้วพูดช้า ๆ ว่า "คืนนี้ฉันก็ค้างที่ชายฝั่งตงไห่ พรุ่งนี้มะรืนนี้ก็น่าจะอยู่กับเหวินเหยียนโจวด้วย ไป๋โหยวเธอสามารถโทรหาเขาต่อ เพื่อเรียกเขากลับก็ได้นะ ตราบใดที่เขายอมไปกับเธอ ฉันจะไม่ห้ามเขาเลย" ไป๋โหยวอึ้งไปครู่หนึ่ง ยืดตัวตรงขึ้น "เธอ! เธอ!" ขอบตาของเธอแดงก่ำเหมือนถูกโจมตีอย่างแรง พูดแต่ "เธอ ๆ" มาครึ่งวันแล้วยังพูดไม่ออกอีก แม่ของไป๋โหยวยิ่งโกรธมากขึ้น และผลักโหลวฉางเยว่ "ยัยคนต่ำทราม เธอพูดอะไรของเธอ!" โหลวฉางเยว่หลบมือที่น่ารังเกียจของแม่ไป๋โหยว เธอเบะมุมปาก จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป แม่ไป๋โหยวยังด่าลับหลังว่า "แทรกแซงความรู้สึกของคนอื่น ยังกล้ามาอวดดีต่อหน้าอีก เธอนี่ไร้ยางอายจริง ๆ !" โหลวฉางเยว่ขึ้นลิฟต์ขึ้นไปชั้นบน พวกเขามองคําพูดของเธอเป็นแค่การยั่วยุ แต่พระเจ้าท่านหยั่งรู้ได้เสมอ สิ่งเหล่าน
"......" โหลวฉางเยว่เลือกที่จะปล่อยให้เขาตาย ช่วงนี้เป็นหน้าหนาวเหงื่อไม่ค่อยออก อยู่สองวันไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ทว่าเธอก็ยังคงคิดหาวิธีอยู่ดี โดยใช้ไลน์ส่งข้อความหาร้านเสื้อผ้าที่เธอเคยใช้บริการและขอให้ทางร้านส่งเสื้อผ้ามาให้เธอสองเซ็ท เงินส่วนต่างค่าส่งมายังคฤหาสน์ลอฟฟี่เธอจะเป็นคนจ่ายมันเอง แต่เวลานี้มันค่อนข้างดึกแล้ว พนักงานร้านเสื้อผ้าคงเลิกงานแล้ว ทางร้านจึงตอบกลับมาว่าขออภัยในความไม่สะดวก พรุ่งนี้ทางร้านจะจัดการให้แต่เช้า โหลวฉางเยว่ตอบกลับว่าขอบคุณ พวกเขาถึงปลายทาง ณ เวลาเที่ยงคืน หลิวเยี่ยนออกมารับพวกเขาด้วยตัวเอง เมื่อเขาเห็นโหลวฉางเยว่ สายตาของเขาค่อนข้างให้ความสนใจ "ประธานเหวินพาเลขาโหลวมาด้วยเหรอ? " ก็ดี...คนเยอะคึกคัก พวกเรานอนไม่หลับอยู่พอดี ไปเล่นไผ่ด้วยกันชั้นบนไหม?" เหวินเหยียนโจวพยักหน้าและหันหน้าไปทางโหลวฉางเยว่ "คุณไปไหม?" โหลวฉางเยว่ปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม "ประธานเหวิน ฉันเริ่มง่วงแล้วค่ะ" "งั้นเลขาโหลวกลับไปนอนที่ห้องเถอะ พักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้จะได้สนุก ๆ" หลิวเยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม เหวินเหยียนโจวก็พยักหน้าเห็นด้วยให้เธอไปนอ
"เหวินเหยียนโจวขมวดคิ้วแน่นและเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟตั้งข้างเตียง" จมูกของโหลวฉางเยว่เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย เนื่องจากเธอจามต่อเนื่องกันหลายครั้ง หางตามีน้ำตาไหลออกมา ภายใต้การจ้องมองของเขา เธอจามอีกครั้ง ความอยากและความกระตือรือร้นของเหวินเหยียนโจวก็ได้หายไป เขาลุกขึ้นจากตัวเธอทันทีและถามด้วยเสียงสุขุมว่า "คุณหนาวเหรอ?" โหลวฉางเยว่พรืดจมูก "อาจเป็นเพราะร่างกายที่เย็นบนตัวประธานเหวิน" เหยียนโจวเพิ่งกลับมาจากข้างนอก ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความหนาวเย็นจากฤดูหนาว เขาถอยห่างจากเธอเล็กน้อยทันที มองดูร่างกายของเธอที่ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มและขมวดคิ้วอีกครั้ง "นอนใส่กางเกงยีนส์ ไม่รู้สึกไม่สบายเหรอ?" โหลวฉางเยว่คิดว่าถึงไม่สบายตัวก็ต้องทน หรือจะให้เธอสวมเสื้อคลุมอาบน้ำล่ะ? แบบนี้มันจะไม่สะดวกต่อเขาไปหน่อยเหรอ "ฉันไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน ทำได้เพียงแต่เป็นแบบนี้ไปก่อน" เหยียนโจวปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกและจับเธอเบา ๆ "เสื้อผ้าของคุณอยู่ในกระเป๋าเดินทาง ไปหยิบมันซะ" โหลวฉางเยว่นิ่งไปครู่หนึ่ง "ประธานเหวินช่วยฉันเก็บเสื้อผ้าเหรอ?" เหวินเหยียนโจวพูดเสียงเบา ๆ "หรือว่าคุณอยากใส่เสื้อผ้าของผ
เหวินเหยียนโจวกะพริบตา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเหอชิง "ผู้ช่วยของเฉียวหลิน ยังเฝ้าแม่ของโหลวฉางเยว่อยู่เหรอ?" เหอชิง "ยังอยู่ ยังต้องเฝ้าจนถึงวันพรุ่งนี้" เหวินเหยียนโจวจึงกล่าวว่า "ให้ฝ่ายกฎหมายเตรียมสัญญาฉบับหนึ่ง" ...... โหลวฉางเยว่ถามคนรับใช้ว่าอาหารเช้าไปกินได้ที่ไหน? คนรับใช้ก็พาเธอไปที่ร้านอาหารของคฤหาสน์ เธอสั่งราเม็งชามหนึ่งและกําลังจะคืนเมนูให้กับพนักงานเสิร์ฟ ฝั่งตรงข้ามก็ได้มีคนนั่งลงมา เป็นการแต่งตัวสบายๆ ของเหวินเหยียนโจว "ช่วยสั่งเพิ่มหนึ่งที่ให้ผมหน่อย" โหลวฉางเยว่เลยสั่งเพิ่มให้เขาด้วยหนึ่งชุด เธอสังเกตเห็นว่าอารมณ์ของเขาดูปกตินิ่งๆ กลัวว่าจะเป็นเพราะเรื่องตอนเช้า คิดไปคิดมาเลยถามด้วยความเป็นห่วงว่า "ประธานเหวินทําไมไม่นอนอีกหน่อยล่ะ? เมื่อคืนคุณนอนดึกมาก" "ถูกใครบางคนรบกวนจนนอนไม่หลับแล้ว" เหวินเหยียนโจวหยิบแก้วที่สะอาดและเทน้ำอุ่นแก้วหนึ่ง "งั้นคุณกินเสร็จแล้วค่อยกลับไปนอนต่อ หรือเที่ยงวันพักผ่อนสักหน่อย" ดวงตาของเหวินเหยียนโจวมืดครึ้มลึกและมองเธอ "คุณจะไปนอนเป็นเพื่อนผมไหม?" โหลวฉางเยว่กระตือรือร้น "ถ้าเที่ยงวันรู้สึกง่วงนอนก็นอนสักพักนะ
โหลวฉางเยว่หายใจรวยริน พูดอย่างใจเย็นว่า "ไม่ใช่ ฉันคิดว่าจะเป็นสามปีหรือไม่ก็ห้าปี ไม่คิดว่าจะเป็นสิบปี เลยแปลกใจนิดหน่อย แต่เมื่อมาคิดดูดี ๆ แล้วทํางานที่ไหนมันก็งานเหมือนกัน ทํางานให้ปี๋หยุนสิบปีก็คุ้มค่ามากนะ"เหวินเหยียนโจว "งั้นคุณก็เซ็นเลย ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ก็มีผลทางกฎหมายเหมือนกัน ผมจะดูคุณเซ็น"เขากดดันทีละขั้นตอนโหลวฉางเยว่วางโทรศัพท์ลงและพูดว่า "แน่นอนว่าฉันเชื่อประธานเหวิน ก็แค่สิบปีเอง..... ถ้าฉันสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง 80 ปี งั้นสิบปีนี้ก็คือหนึ่งในแปดส่วนของชีวิตของฉันทั้งหมด ไม่นับ 25 ปีที่ฉันใช้มาแล้ว เวลาก็เหลือไม่มากแล้วสินะ"เหวินเหยียนโจวหัวเราะ "ให้คุณเซ็นสัญญา พูดเหมือนผมต้องการชีวิตคุณ""ต่อให้ไม่ใช่ชีวิตผม แต่มันก็ใช้เวลาชีวิตของผมไปครึ่งหนึ่งแล้ว "โหลวฉางเยว่ก้มหน้ายิ้มอย่างขมขื่น "ฉันเรียนจบมหาวิทยาลัยตอนอายุ 22 ก็ตามติดประธานเหวินแล้ว จนกระทั่งจะต้องแยกจากกัน สามปีที่ผ่านมานอกจากจะได้รับอาการเจ็บป่วย อย่างอื่นฉันก็ไม่มีอะไรเลย"เธอไม่มีเครื่องสําอางค์ ก็เลยไม่ได้แต่งหน้า แต่ผิวที่ดีและสม่ำเสมอของเธอ บวกกับภายใต้แสงธรรมชาตินี้ ก็แทบไม่มีที่ติเลย ขาดก็แค่ส
โหลวฉางเยว่เล่นเกมส์กับเขาหนึ่งตา สูญเสียพลังงานมาก เธอถอนหายใจออกแล้วหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง "บนสนามหญ้าพวกนั้น เป็นเป้าหรือเปล่า? เป็นเป้าธนูหรือเป้าปืน?"พนักงานเสิร์ฟส่งอาหารเช้าของพวกเขาขึ้นมา ได้ยินแล้วยิ้มว่า "เป็นเป้าธนู แต่ที่นี่ก็มีสนามยิงปืน แต่เป็นสนามในร่ม"โหลวฉางเยว่สนใจ "เป้ายิงธนู"ส่วนเหวินเหยียนโจวคือโจ๊กกุ้งเห็ดหอม เขาหยิบช้อนขึ้นมาและมองความสนใจของเธอ จากนั้นพูดว่า "อยากเล่นยิงธนูเหรอ? ผมพาคุณไปได้นะ"นอนกับยิงธนู แน่นอนโหลวฉางเยว่เลือกอย่างหลังดังนั้นหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเขาก็ไปที่สนามหญ้าด้วยกันตอนแรกคิดว่ามีแค่พวกเขา ไม่คิดว่าพอไปถึงเห็นเสิ่นไหชิน ซูซู และเด็กผู้หญิงที่ไม่เคยเจอมาก่อนบรรยากาศระหว่างผู้หญิง 2 คนและผู้ชาย 1 คนช่างน่ารักเสียจริงเนื่องจากการแทรกแซงของพวกเขา ทั้งสามคนนั้นต่างละสายตาไปมองเสิ่นไหชินหันไปหาพวกเขาและยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติว่า "คิดว่ามีแต่พวกเราที่ออกมาเร็วขนาดนี้ ประธานเหวินกับคุณโหลวก็มายิงธนูด้วยเหรอ?"เหวินเหยียนโจวมองซูซูแล้วจึงพูดว่า "วันนี้อากาศดี เหมาะสําหรับการออกกําลังกายกลางแจ้งมาก"เสิ่นไหชินเห็นด้วย "สองวัน
แต่เสิ่นไหชินทําเป็นหูทวนลม หลินทิงยืนกอดหน้าอก รู้สึกภูมิใจ "คนบางคนที่ต่ำต้อยแถวนี้อะนะ ไม่ได้ขอให้มาด้วย ยังมีหน้าขอตามมาด้วย ตามติดไม่ยอมไปไหนสักที ในเมื่อชอบบริการคนขนาดนั้น งั้นก็ดูแลให้มันดี ๆ เธอจะได้มีประโยชน์ขึ้นมาบ้าง" คําพูดนี้ในฐานะที่โหลวฉางเยว่เป็นผู้ชม ฟังแล้วรู้สึกแสบแก้วหู หลินทิงกระพริบตา "อ๋า ~ ผู้จัดการซู อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้หมายถึงคุณ แต่คุณจะสามารถกางร่มได้แล้วหรือยัง? ฉันถูกแดดเผาแล้ว~" ซูซูแต่งหน้ามาเลยมองไม่เห็นสีหน้าที่แท้จริง เธอเพียงแค่กัดริมฝีปากแน่น โหลวฉางเยว่รู้สึกว่าแปลก ๆ เธอไม่ได้อารมณ์แปรปรวนเพราะถูกหลินทิงเหยียดหยาม แต่เป็นเพราะเสิ่นไหชินได้ยินคําพูดเหล่านี้อย่างชัดเจน แต่กลับไม่แยแสอะไรเลย เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่เหวินเหยียนโจว อย่างน้อยซูซูก็เคยตามเขามาระยะหนึ่ง ตอนนี้เธอถูกเยาะเย้ยขนาดนี้ ดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร? เหวินเหยียนโจวขมวดคิ้ว แต่เขาขมวดคิ้วเพราะโหลวฉางเยว่ " เกราะตรงหน้าอก สวมกลับด้านหรือเปล่า?" โหลวฉางเยว่อึ้งไปครู่หนึ่ง ก้มมองลงมาพบว่ามันกลับข้างจริง...... เกราะป้องกันหน้าอกพาดไหล่ข้างหนึ่ง เอาไว้ปกป้องแต
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ