เหวินเหยียนโจวหยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบน้ำเสียงตื่นตระหนกของไป๋โหยวมาจากอีกฝั่ง: "ประธานเหวิน! ประธานเหวิน! ฉัน ฉันกำลังขับรถอยู่และดูเหมือนว่าฉันได้ชนใครบางคนโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉันควรทำอย่างไร?ฉันควรทำอย่างไรดี?"เหวินเหยียนโจวขมวดคิ้ว: "คุณอยู่ที่ไหน"“ฉัน...” เธอรายงานตำแหน่งของเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงร้องไห้ “ประธานเหวิน ฉันกลัวมาก ฉันกลัวมาก…”เมื่อได้ยินว่าเหยียนโจวปิดน้ำแล้ว เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม: "อย่ากลัวเลย ผมไปเดี๋ยวนี้" เขาออกจากห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะออกไปเขาก็เหลือบมองผู้หญิงบนเตียง กลับไม่ได้หยุด แล้วก็จากไปเสียงปิดประตูดังขึ้นเล็กน้อย และโหลวฉางเยว่ก็ตื่นขึ้นมาครู่หนึ่งเธอคงรู้ว่าเหวินเหยียนโจวออกไปแล้ว แต่เธอง่วงเกินไป เธอจึงพลิกตัวและหลับไปอีกครั้งความคิดของก่อนจะหลับไปอีกครั้งคือ - เขาออกไปแล้ว ดีมากเลยโหลวฉางเยว่นอนหลับจนถึงประมาณเก้าโมงเช้าของวันรุ่งขึ้นชายฝั่งตงไห่ออกว่างเปล่า และเหวินเหยียนโจวยังไม่กลับมาหลังจากล้างหน้าแล้วเธอก็กำลังจะออกไป แต่ในขณะนี้ แต่ ณ เวลานั้น เธอได้รับสายเหวินเหยียนโจว“บนโต๊ะทำงานในห้องอ่านหนังสือ มีเอกสารที่อยู
โหลวฉางเยว่เปิดสัญญา เหลือบมองอย่างเร่งรีบ และขมวดคิ้วเมื่อเห็นอัตราส่วนที่พวกเขาเจรจากันราคานี้ต่ำกว่าราคาตลาดมาก หลิวซื่อกรุ๊ปจะยอมเซ็นได้ยังไง?เธอไปดูวันที่ลงนามอีกครั้ง ซึ่งเป็นสองสามวันหลังจากการล่องเรือค้าขาย... น่าจะเป็นไปได้ว่า เหวินเหยียนโจวสัญญากับหลิวเยี่ยนว่าจะได้รับประโยชน์บางอย่างจากการล่องเรือค้าขาย ดังนั้นหลิวเยี่ยนจึงยินดีที่จะเซ็นสัญญากับเขาที่ราคาถูกหลิวเยี่ยนต้องการให้เธอเป็น "ชิป" ในเวลานั้น แต่เธอไม่ได้ไปกับเขา แล้วเหวินเหยียนโจวก็ให้ประโยชน์อื่นแก่เขาอีกหรือเปล่า?โหลวจางเยว่หยุดชั่วคราวและรู้ทันทีว่าทำไมเหวินเหยียนโจวขอให้เธอทำสัญญานี้ให้เก็บสัญญานี้เป็นของปลอม คือเขาอธิบายให้เธอฟังอีกครั้งว่าเขาไม่มีความตั้งใจที่จะมอบเธอให้กับหลิวเยี่ยนบนเรือสำราญโดยใช้สัญญานี้ตั้งแต่ต้นจนจบ สิ่งที่เขาพูดคุยกับหลิวเยี่ยนคือชิปต่อรองอื่นๆโหลวฉางเยว่เชื่อไหม?เชื่อแต่เชื่อ แล้วยังไงเหตุผลที่เหวินเหยียนโจวครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เพราะเมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้กับเธอครั้งแรกและขอให้เธอกลับมาหาเขา เธอก็อดไม่ได้ที่จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาและกล่าวหาเขา เขารู้สึกว่าเข
โทษเธอเป็นความผิดของเธอที่เธอพูดถึงกล้องวงจรปิดกะทันหันเหวินเหยียนโจวยังไปตรวจสอบโฟลเดอร์เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างได้รับการคุ้มครองและไม่มีอะไรเหลืออยู่ เธอไม่จำเป็นต้องกังวลแม้ว่าวิดีโอจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังแต่ความทรงจำก็ยังตราตรึงอยู่ในใจของเขา เขาจำวันที่พวกเขามีเพศสัมพันธ์ได้อย่างง่ายดายและเขามักจะวอกแวกระหว่างการประชุมเขาเพียงกลับมาหาเธอ เพียงแต่เห็นเธอนอนอยู่บนโซฟาอย่างไม่มีการป้องกันศีรษะของเธอเอียงไปข้างหนึ่ง เผยให้เห็นเส้นคอและไหล่ที่เรียบเนียนและสง่างามของเธอ ผิวเนียนขาวเปราะบาง และมองเห็นเส้นเลือดที่อยู่ด้านล่างได้ไม่ชัดเจนเซ็กส์เป็นสิ่งดั้งเดิมและต่ำที่สุด เหวินเหยียนโจวไม่เคยเสียเวลาและพลังงานมากเกินไปกับเรื่องแบบนั้นมาก่อน มันเป็นเพียงวิธีแก้ปัญหาปกติสำหรับความต้องการของเขาแต่หลังจากแยกจากโหลวฉางเยว่มาหลายเดือน เขาก็ตระหนักว่าเขาคิดถึงเธอมากเหวินเหยียนโจวดูดริมฝีปากของเธอ จากนั้นเอื้อมมือออกและดันชุดนอนของเธอขึ้นมาจากด้านล่าง"..." โหลวฉางเยว่ไม่คาดคิดว่าเขาจะกลับมาอย่างกะทันหัน เธอถูกเขาจับไว้บนโซฟาอย่างแน่นหนา และเธอก็ไม่มีที่จะหลบอีกต่อไปเขาหลับตาลงเ
ขณะที่โหลวฉางเยว่กำลังล้างนิ้วด้วยสบู่ล้างมือและแปรงเสื้อผ้า เขาก็เงยหน้าขึ้นและเห็นรอยสีแดงสดบนคอของเขาในกระจกเธอหลับตาลงอย่างอดทนเธอคิดได้เพียงว่าเมื่อเปรียบเทียบกับระดับความผิดพลาดในตอนนี้ เธอได้รอดพ้นจากภัยพิบัติอีกครั้งแล้วโหลวฉางเยว่ลืมตาขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของเธอกลับมาสงบอีกครั้งล้างมือหลายครั้งแล้ว หาคอนซีลเลอร์เพื่อลบรอย และหยิบเสื้อสเวตเตอร์คอเต่าจากตู้เสื้อผ้ามาใส่เมื่อเธอโยนชุดนอนลงในตะกร้าเสื้อผ้าสกปรก เธอเห็นเสื้อผ้าของเหวินเหยียนโจวอยู่ข้างใน แต่ดูเหมือนไม่ใช่เสื้อผ้าที่เขาใส่เมื่อวานนี้... เมื่อคืนเขาใส่มันตอนที่ออกไปข้างนอกหรือเปล่า?เธอมองอีกครั้งเพราะเธอเห็นคราบเลือดบนเสื้อคลุมสีขาว แต่ดูเหมือนจะไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ กับเหวินเหยียนโจวเมื่อกี้นี้เลย?ด้วยความอยากรู้อยากเห็นโหลวฉางเยว่จึงหยิบเสื้อคลุมของเขาขึ้นมาดู คราบเลือดคงถูกคนอื่นลูบโดยไม่ได้ตั้งใจผ้าชนิดนี้มีราคาแพงมาก และจะเก็บกลิ่น เธอได้กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อจางๆได้รับมันมาจากโรงพยาบาลเหรอ? ถึงได้ติดอยู่นานขนาดนี้ คาดว่าจะอยู่โรงพยาบาลนานเมื่อคืนเขาไปโรงพยาบาลโดยไม่มีเหตุผลทำไม?ขณะที่ความคิดของ
โหลวฉางเยว่หันหน้าแล้วพูดว่า "เมื่อคืนฉันหลับสนิท เลยไม่รู้"เหวินเหยียนโจวมองเธอด้วยดวงตาสีดำเข้ม หลังจากเช็ดมือแล้ว เขาพูดว่า "หลังจากที่คุณพูดประโยคนั้นแล้ว ไม่ควรถามผมต่อเหรอ ว่าเมื่อคืนผมออกไปทำอะไรมา "โหลวฉางเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย: "ฉันไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการกระทำประจำวันของประธานเหวินมาก่อนใช่ไหม?"เหวินเหยียนโจววางผ้าขนหนูลง สีหน้าจืดชืด "หลังจากนี้ คุณสามารถถามได้มากขึ้น" โหลวฉางเยว่ไม่เข้าใจ สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้ รุนแรงถึงขนาดนี้แหล้วเหรอ?ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่า "ทิวทัศน์เจียงหนาน" นี้ไม่น่าสนใจพยักหน้าอย่างไม่เป็นทางการ: "ได้ค่ะ"72 ชั่วโมง 72 ชั่วโมง ในช่วงเวลานี้ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม เธอก็สามารถรับปากกับเขาได้เหวินเหยียนโจวยืนขึ้นและเดินไปที่โหลวฉางเยว่: "คุณกำลังดูอะไรอยู่?"เขามองลงไปแล้วพูดว่า "อยากนั่งเรือไหม?"โหลวฉางเยว่: "ไม่ แค่มองไปรอบๆ"“ถ้าคุณอยากนั่ง ผมจะพาคุณไปที่นั่น” เหวินเหยียนโจวพูดแล้วหันหลังกลับ เพื่อออกจากห้องแต่โหลวฉางเยว่เพียงแค่มองดูเฉยๆจริงๆ...เธอตามไปอย่างจำใจเขาเป็นคนไร้เหตุผลมาโดยตลอดเหวินเหยียนโจวอธิบายสั้น ๆ ให้ผู้จัดก
คนสองคนบนเรือมองตามเสียงโดยไม่รู้ตัวเห็นชายและหญิงยืนพิงหน้าต่างริมแม่น้ำคนที่พูดเป็นผู้ชาย ปฏิกิริยาแรกของโหลวฉางเยว่คือ - บังเอิญขนาดนี้เหรอ?โดยไม่ได้คาดคิดเป็นหลิวเยี่ยนหลิวเยี่ยนไม่ได้มาจากเมืองเซินเฉิง เขามาจากเมืองซ่งเฉิง เขามาที่เมืองเซินเฉิงโดยเฉพาะเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงของพ่อค้า แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะพบเขาที่นี่ เขายังมาทานอาหารที่ร้านอาหารเจียงหนานอีกด้วยส่วนหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ เขาเจอกันครั้งแรก หน้าตาโดดเด่น แม้จะอยู่ห่างกันไกลขนาดนี้ แต่ก็เห็นได้ว่าหน้าตาค่อนข้างประณีตและสวยงามอย่างไม่ต้องสงสัยโหลวฉางเยว่ใช้โอกาสนี้ข้ามหัวข้อที่เกือบจะทำให้เกิดความขัดแย้ง: "ประธานเหวิน นี่คุณหลิวเอง"“เห็นแล้ว” เหวินเหยียนโจวเหลือบมองเธอ เลิกตำหนิที่โต้เถียงกับเขาและสั่งให้คนพายเรือจอดเทียบท่าหลิวเยี่ยนและหญิงสาวก็ออกจากหน้าต่างไปเช่นกันเมื่อเรือเทียบท่า สองคนนั้นก็ออกมาจากร้านอาหารด้วยกันคนหนึ่งสวมชุดสูทและอีกคนสวมกระโปรงยาว สายตาของเหวินเหยียนโจวนั้นดีจริงๆ ผู้หญิงคนนี้สวยมาก สิ่งที่พิเศษกว่าคือใบหน้าของเธอให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่เหมือนกับ ชนกลุ่มน้อยเธอจ้องมองคนอื่นไม
"......" โหลวฉางเยว่เพิ่งนึกขึ้นได้ เรือสําราญของตระกูลซาง ตอนที่เหวินเหยียนโจวได้พาเธอขึ้นไปที่ห้องชั้นสอง หลิวเยี่ยนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะไพ่นกกระจอกวอนให้เธอไปจุดบุหรี่ให้เขา ในสถานการณ์แบบนั้น ถ้าเธอทําตามล่ะก็ เท่ากับเธอกําลังดูถูกตัวเองอยู่ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เดินไปหาเขา แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าหลิวเยี่ยนจะจู่ ๆ จู่ๆจะ "คิดบัญชีเก่า" และเอาคืนในเวลานี้ หลังจากโหลวฉางเยว่นึกขึ้นได้ นอกจากจะรู้สึกต่ำต่อยในเวลานั้น และยังรู้สึกเหมือนกับถูกล้อเล่นทางความรู้สึกโดยไม่รู้ตัว เธอโกรธเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดมันก็แค่จุดบุหรี่ ไม่ใช่ใช้ให้ทำอย่างอื่นสักหน่อย เหวินเหยียนโจวมองเธอด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ และสนทนากับหลิวเยี่ยนต่อ แต่น้ำเสียงกลับดูนิ่ง ๆ เย็นชาลง โหลวฉางเยว่กินอย่างเงียบ ๆ และโทรศัพท์มือถือก็สั่นขึ้น เธอได้รับข้อความไลน์จากเสิ่นซู่ชินที่ส่งมาถามถึงข้อมูลและเธอก็ตอบกลับไป เสิ่นไหชินถือโอกาสถามว่า "แม่ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง? ตอนนี้คุณอยู่ที่โรงพยาบาลไหม? ผมจะไปเยี่ยมคุณน้า" โหลวฉางเยว่เคี้ยวอย่างช้า ๆ และค่อย ๆ กลืนลงไป ลูกตากรอกไปมา จากนั้นค่อยส่งข้อความกลับหาเ
เนี่ยเหลียนอี้เม้มริมฝีปากและลุกขึ้น "พี่ชายรอฉันสักครู่นะ" เธอออกจากห้องส่วนตัวอย่างรวดเร็ว ...... เหวินเหยียนโจวกําลังจะกลับไปที่บริษัท ส่วนโหลวฉางเยว่กําลังจะไปเยี่ยมแม่ของเธอที่โรงพยาบาล พวกเขาแยกกันที่หน้าประตูร้านอาหาร โหลวฉางเยว่พูดเชิงเป็นนัยว่า "ประธานเหวิน ฉันไปก่อน" เหวินเหยียนโจวมองเธอ "คุณเป็นคนโทรแจ้งรายงานว่าหลิวเยี่ยนสูบบุหรี่ในห้องเหรอ?" สีหน้าโหลวฉางเยว่ไม่ตื่นตระหนก "ประธานเหวิน ไม่ใช่ฉันจริง ๆค่ะ" เหวินเหยียนโจวไม่เชื่อและยกมุมปาก "ผมไม่ได้บอกว่าคุณทํามันไม่ถูกต้องสักหน่อย" โหลวฉางเยว่ไม่ได้โง่พอที่จะฟังเขาพูดแบบนี้และสารภาพหมดเปลือก ในโลกนี้คนที่สามารถเชื่อได้ก็มีแต่ตัวเอง ส่วนคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้เลยว่าจะหักหลังตอนไหน "ประธานเหวิน ไม่ใช่ฉันจริง ๆ" เหวินเหยียนโจวขี้เกียจที่จะคุยกับเธอ เขาบีบคางเธอและหรี่ตาเล็กน้อย จากนั้นมองหน้าเธอ "ต่อไปนอกจากผมแล้วก็ไม่ต้องเชื่อฟังคนอื่นขนาดนั้น......เขาให้คุณทําอะไรก็ทําไปหมด พวกเขาได้จ่ายเงินเดือนให้คุณไหม?" โหลวฉางเยว่เม้มริมฝีปาก "อืม" เหวินเหยียนโจวพูดอีกว่า "เยี่ยมเสร็จแล้ว ก็ก
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ