ตามที่คาดไว้ คุณผู้หญิงเหวินกล่าวว่า “ซินหลานจะคลอดบุตรในอีกสามเดือน เราต้องการรอจนกว่าเด็กจะเกิด ก่อนที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะ ดังนั้นฉันหวังว่าฉางเยว่ หนูจะเก็บความลับนี้ไว้ให้ป้าด้วยนะจ๊ะ” โหลวฉางเยว่วางโทรศัพท์ลง หยิบมอคค่าขึ้นมาแล้วจิบ ความเปรี้ยวและความขมของกาแฟและกลิ่นหอมของครีมนั้น เข้ากันได้ไม่ดีนัก และรสชาติก็ค่อนข้างที่จะกระจัดกระจายเธอกลืนกาแฟ สูดลมหายใจ และมองกลับไปหาคุณผู้หญิงเหวินอีกครั้ง และพูดอย่างจริงใจว่า “คุณป้าคะ เพื่อนของหนูไม่ได้ตั้งใจที่จะสอดรู้สอดเห็นเรื่องของผู้หญิงคนนั้นไปทุกที่ เธอแค่ชอบนินทา อยากรู้อยากเห็น จึงได้ถามไปแบบไม่คิดอะไร แต่เธอก็ไม่ได้แพร่ข่าวไปทั่ว เธอไม่ใช่คนที่แยกแยะอะไรไม่เป็นค่ะ” “ถ้าทำให้คุณป้าและหญิงสาวคนนั้นขุ่นเคือง ฉันก็ขอโทษเธออย่างจริงใจแทนเธอด้วยนะคะ ฉันหวังว่าคุณป้าจะไม่ทำให้เพื่อนของหนูลำบากใจ” คุณผู้หญิงเหวินหัวเราะ “ฉางเยว่ หนูกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่จ๊ะ ฉันจะทำให้เธอลำบากได้ยังไง เธอคือเพื่อนของหนู ฉางเยว่ แต่ป้ายังไม่ต้องการที่จะเปิดเผยการตั้งครรภ์ของซินหลานจริงๆ ......” โหลวฉางเยว่มีไหวพริบมาก “หนูไม่รู้อะไรเลย โดยป
เมื่อโหลวฉางเยว่เห็นเขาครั้งแรก ใบหน้าของเขายังคงไม่ได้ปรับอารมณ์ที่ซับซ้อนนั่นเสียงของเหวินเหยียนโจวเย็นชา “คุณก็รู้ว่าการพบเธอลับหลังผมทำให้คุณรู้สึกผิด” โหลวฉางเยว่หยุดชะงักชั่วคราว ปรับสีหน้าของเธอใหม่ และถามอย่างใจเย็น “ทำไมฉันต้องรู้สึกผิดด้วย?” เหวินเหยียนโจวปัดกาแฟที่คุณผู้หญิงเหวินดื่มทิ้งไป “คุณกำลังคุยอะไรกับเธออยู่" “ฉันต้องรายงานประธานเหวินด้วยเหรอคะ?” โหลวฉางเยว่เบื่อหน่ายที่จะมองเขา เธอก้มหน้าลงและกดโทรศัพท์ค้างไว้เพื่อเปิดเครื่อง เธอคิดที่จะลองอีกสองสามครั้ง หากยังเปิดไม่ติด ก็จะส่งไปให้ร้านซ่อมมือถือ เหวินเหยียนโจวเดาได้ว่าทำไมเธอถึงได้พบกับคุณผู้หญิงเหวินในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ “เรื่องทะเลาะวิวาทของพ่อเธอ ต้องมีการเพิ่มโทษ คุณกำลังขอให้เธอช่วยพ่อคุณออกจากคุกเหรอ?” เธอยังคงไม่สามารถเปิดโทรศัพท์ได้ แม้ว่าจะเสียบพาวเวอร์แบงก์และชาร์จอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่ก็ยังเปิดไม่ติด ฝนข้างนอกเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ โหลวฉางเยว่ก็รู้สึกว่าโลกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย และเธอก็รู้สึกเหมือนพลาดอะไรบางอย่างในความสับสนวุ่นวายนี้ และจู่ๆ อารมณ์ของเธอก็เกิดอาการหดหู่
การผ่าตัดของแม่โหลวเสร็จสิ้น และเธออยู่ในห้องไอซียู โหลวฉางเยว่เดินตรงไปที่ชั้นซึ่งเป็นที่ตั้งของหอผู้ป่วยอาการโคม่า สมาชิกในครอบครัว ไม่สามารถเข้าห้องไอซียูได้ พี่สาวคนโตและพี่เขยทำได้แค่นั่งบนเก้าอี้ด้านนอกเท่านั้น โหลวฉางเยว่เห็นพวกเขาอย่างรวดเร็วและวิ่งเข้าไปหา “พี่คะ!” พี่สาวคนโตร้องไห้เมื่อเห็นเธอ เธอรีบวิ่งไปหาเธอแล้วตบที่ไหล่ “ทำไมไม่รับโทรศัพท์! ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์!” โหลวฉางเยว่ถูกเธอผลักถอยหลังไปสองก้าว และลำคอของเธอก็สำลักเล็กน้อย “ฉันไม่ได้ตั้งใจ...แม่เป็นยังไงบ้างคะ?” พี่สาวคนโตเอาแต่ร้องไห้ซึ่งทำให้โหลวฉางเยว่เริ่มหายใจลำบาก เมื่อคืนเธอนอนไม่หลับเพราะเป็นห่วงพ่อโหลว และตอนนี้เธอก็รู้สึกเจ็บศีรษะ พี่เขยไม่สามารถปลอบภรรยาได้ เขาจึงพาโหลวฉางเยว่ไปที่ประตูวอร์ด ผ่านกระจกเข้าไป โหลวฉางเยว่เห็นว่าร่างกายของแม่ของเธอถูกปกคลุมไปด้วยท่อและมีเครื่องมือที่มีความแม่นยำหลายชิ้นทำงานอยู่ข้างเตียงในโรงพยาบาล เธอสวมหน้ากากออกซิเจนและมีหมอกบาง ๆ บนหน้ากากซึ่งหมายความว่า เธอยังมีชีวิตอยู่ หลักฐานเล็กๆ น้อยๆ ของการมีชีวิตอยู่ “……” โหลวฉางเยว่ส่ายหัว ไม่สามารถยอมรับ
ไม่ เดิมทีพวกเขามีผู้บริจาคอยู่ แม่โหลวควรได้รับการปลูกถ่ายจากผู้บริจาคเมื่อสามเดือนก่อน และสามารถฟื้นตัวจนหายดีได้ ในเวลานี้เป็นเรื่องยากมากสำหรับโหลวฉางเยว่ที่จะไม่คิดถึงเรื่องนั้น ถ้าหากว่าสามเดือนก่อน แม่ได้ ใช้หัวใจของผู้บริจาคดวงนั้น ตอนนี้เธอก็คงไม่ต้องนอนอาการโคม่าที่ห้องไอซียู แต่ตอนที่อยู่บ้านในเมืองเล็กๆ ขณะที่กำลังต้มเฉาก๊วยกันอยู่ก็ได้ถามเธอว่า ต้องการเติมน้ำผึ้งหรือน้ำตาลทรายแดง?เธอหายใจเข้าลึกๆครั้งหนึ่ง อากาศก็เข้าสู่ปอดของเธอ ปล่อยกลิ่นสนิมของเลือดออกมาโหลวฉางเยว่หันหลังกลับลงไปชั้นล่าง เธอกำลังจะไปหาเหวินเหยียนโจว …… ในลานจอดรถของโรงพยาบาล ที่ที่โหลวจางเยว่เพิ่งลงจากรถเมื่อสักครู่ เธอเห็นทันทีว่ารถของเหวินเหยียนโจวยังอยู่ที่นั่น และเหอชิงกำลังยืนอยู่ข้างประตูรถโดยถือร่มไว้ด้วย พวกเขาหยุดอยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่ากำลังรอเธออยู่ โหลวจางเยว่รู้สึกว่า ไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ไม่สามารถหนีผู้ชายคนนี้ได้ ตั้งแต่วินาทีที่เขาเสนอหมอสิบเปอร์เซ็นต์ เธอก็ถูกกำหนดให้ตกไปอยู่ในมือของเขาแล้ว ฉากที่พ่อโหลวถูกเจ้าหน้าที่เรือนจำพาตัวไป และฉากที่แม่โหลวนอนอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน โหลวฉางเยว่ก็พูดว่า “—ฉันตกลง” เหวินเหยียนโจวมองดูเธออย่างตั้งใจมุมปากของโหลวฉางเยว่กระตุกเล็กน้อย และเสียงก็แหบแห้ง “ประธานเหวินจำเป็นต้องแสร้งทำเป็นแปลกใจขนาดนั้นเลยเหรอคะ? นี่ไม่ใช่สิ่งที่ประธานเหวินคาดหวังไว้หรอกเหรอ?” เหวินเหยียนโจวพูด ฮึ เบาๆ “เป็นไปตามที่ผมคาดไว้จริงๆนั่นแหละ” โหลวฉางเยว่หายใจออกแล้วถามว่า “หมอของคุณจะมาเมื่อไหร่คะ? แม่ของฉันอยู่ได้มากที่สุดเพียงสามวันเท่านั้น” “ผมสัญญากับคุณไว้ ยังไงผมก็ทำได้อยู่แล้ว” เหวินเหยียนโจวยกใบหน้าขึ้นแล้วถามอย่างเป็นกันเองว่า “วันนี้แม่ของคุณสามารถเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้งได้เลยมั้ย?” “คุณหมายความว่าอะไร?” “ถ้าเธอทนได้ วันนี้ก็ผ่าตัดได้เลย” โหลวฉางเยว่ตกตะลึงและรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง “คุณไม่ได้บอกว่าทีมแพทย์มาจากสหรัฐอเมริกาเหรอ” เหวินเหยียนโจวรู้สึกว่าการที่เห็นเธออยู่กลางสายฝนเป็นสิ่งที่ขัดตา ดังนั้นเขาจึงเดินไปที่ประตูรถ จับข้อมือของเธอ แล้วดึงเธอเข้าไปในรถ “คุณเองก็รู้ว่าตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามที่ผมคาดไว้ แล้วมันแปลกตรงไหนที่ผมจะขอให้พวกเขามาที่นี่ล่วงหน้า แพทย์และเครื่องมือมาถึงเ
เหวินเหยียนโจวยกเปลือกตาขึ้นเบา ๆ เย่เหอหรานยิ้มแห้งๆ “เธอจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนไว้ที่ประตูสำนักงานกฎหมาย ทันทีที่พวกเขาเห็นฉัน พวกเขาก็บอกฉันว่าฉันไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป! ฉันเป็นสามีของเธอ เธอกันฉันเหมือนกันโจรเข้ามา ฉันแค่ไม่ได้ลงนามในข้อตกลงทรัพย์สินหลังสมรสของเธอเองนะ นั่นมันสำคัญกับด้วยเหรอ? นายบอกหน่อยว่ายัยนั่นกำลังฝันอยู่หรือเปล่า? ถ้าไม่ใช่เพราะมรดกของเธอ ฉันจะแต่งงานกับเธอเร็วขนาดนี้รึไง?เหวินเหยียนโจวถาม “ครอบครัวนายมีต้องการเงินแค่นั้นของเธอเองเหรอ?”เย่เหอหรานยิ้ม “แต่ที่เธอนั่นไม่ใช่แค่น้อยนิดนะ”ก็จริงพ่อแม่ของตระกูลหลี่เสียชีวิตในอุบัติเหตุทางอากาศ และมรดกทั้งหมดก็ตกไปอยู่ในมือของหลี่ซิงรั่ว แต่เธอเองก็เป็นทนายความ ใครก็ตามที่ต้องการแบ่งทรัพย์สินของเธอก็อย่าได้คิดที่จะสมปรารถนาเลย มีเพียงสามีของเธอที่มีสถานะถูกต้องทางกฎหมายเท่านั้นถึงจะสามารถได้รับทรัพย์สินของเธอเย่เหอหรานเอนหัวพิงพนักโซฟา มองดูเพดานแล้วบ่น “คนธรรมดาเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ถูกใส่ร้ายว่าซ่อนหยกไว้ในมือ เธอแค่ไม่เข้าใจ ผู้หญิงคนนั้นดูฉลาดมาก อันที่จริง......เห้อ สุดท้ายแล้ว ผู้หญิงที่
เหวินเหยียนโจวก้มศีรษะลง ลมหายใจของเขามีกลิ่นแอลกอฮอล์ชัดเจนโหลวฉางเยว่เบือนหน้าหนี “......คุณดื่มมาเหรอ?”เหวินเหยียนโจวส่งเสียง ฮึ ออกมาโหลวฉางเยว่ขมวดคิ้ว นี่คือห้องไอซียูของโรงพยาบาลและเป็นเวลากลางคืน ทุกอย่างเงียบสงบ เธออดไม่ได้ที่จะลดเสียงลง “คุณมาทำอะไรที่นี่?”“ฉันมาเพื่อเอาค่าตอบแทน”“ค่าตอบแทนอะ...…เอ้า!”ก่อนที่เธอจะพูดจบ เหวินเหยียนโจวก็จับริมฝีปากของเธอและจูบเธอทันทีไม่มีความเป็นขั้นเป็นตอนหรือการเปลี่ยนแปลงใดอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทันทีที่เข้าเริ่ม เขาก็บุกลึกเข้าไปในเขตแดนของเธอการจูบที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์นั้นคือความปรารถนาโดยเนื้อแท้ เขาดูดริมฝีปากของเธอ ผ่านฟัน และเข้าไปพันลิ้นของเธอไว้มือของโหลวฉางเยว่ถูกควบคุมไว้ด้านหลังของเธอ และด้านหลังศีรษะของเธอก็ถูกกดเข้ากับผนังอย่างแน่นหนา เธอไม่เคยจูบแบบนี้กับเขามาก่อนลมหายใจของเธอถูกพรากไป เธอแทบจะขาดออกซิเจนด้วยซ้ำ เธอคร่ำครวญอย่างไม่สบาย เหวินเหยียนโจวถึงได้ยอมปล่อยเธอ ให้เธอมีโอกาสหายใจ“......คุณบ้าไปแล้วเหรอ ที่นี่โรงพยาบาลนะ!”เหวินเหยียนโจวใช้นิ้วเช็ดริมฝีปากที่ชื้นและเป็นสีแดงเข้มของเธอ แล้วพูดด้วยเสี
เหวินเหยียนโจวลงไปชั้นล่างแล้วขึ้นรถ ครั้งนี้สิ่งที่เขาพูดคือ “กลับไปที่ชายฝั่งตงไห่”คนขับเข้าใจจึงพาเขากลับเขาเห็นเหวินเหยียนโจวในกระจกมองหลัง และดูเหมือนจะมีรอยยิ้มจางๆบนริมฝีปากของเขา นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เห็นได้ว่าเขาพอใจมากในช่วงครึ่งชั่วโมงที่เขาขึ้นไปชั้นบนเพื่อใช้เวลากับเลขาโหลวคนขับพูดอย่างกล้าหาญว่า “คุณเหวิน เลขาโหลวจะกลับมาร่วมงานกับคุณเร็วๆนี้ใช่มั้ยครับ?”“เอ่อ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างอื่นนะครับ ไม่รู้สิครับ แค่รู้สึกได้ ทุกครั้งที่ผมทำงานขับรถบนถนน ในบรรดาเลขาที่มารายงานผลการทำงาน คนที่กระชับและชัดเจนที่สุด ก็ยังคงเป็นเลขาโหลวนี่แหละครับ ที่รู้สึกว่าถ้ามีเธออยู่ เธอจะช่วยแบ่งเบาภาระของคุณได้มากเลยล่ะครับ”โดยปกติแล้ว เหวินเหยียนโจวจะไม่คุยกับคนขับเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เขาอารมณ์ดี เขาจึงตอบว่า “งั้นยังต้องพูดอีกเหรอ? ฉันเป็นคนสอนเธอทีละขั้นตอนด้วยตัวฉันเอง”ทำตามความชอบของเขาทุกอย่าง เป็นเลขาในอุดมคติของเขาแล้วเขาจะเสียเปรียบให้คนอื่นได้ยังไง?อาคารดูเพล็กซ์สามชั้นอยู่ทางชายฝั่งตงไห่ คนขับเห็นทางเข้าวิลล่าจากระยะไกล มีคนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ