หลู่ไจเย่: “ยังไม่มีครับ”เหวินเหยียนโจว: “พบตัวเลขเสมือนนั่นแล้วหรือยัง” เขาถามถึงเบอร์ที่ส่งภาพถ่ายจูบของไป๋โหยวมาหลู่ไจเย่: “...มันเป็นหมายเลขเสมือนออนไลน์ การตรวจสอบไม่ใช่เรื่องง่าย เรายังตรวจสอบอยู่ครับ”เหวินเหยียนโจว: “ถ้าคุณเอาเวลาที่มานั่งดูกล้องวงจรปิดไปตรวจสอบ คุณคงเจอทุกอย่างไปแล้วล่ะ”หลู่ไจเย่หัวเราะก่อนจะสบถ……โหลวฉางเยว่หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอพร้อมกับไปห้องน้ำ “พี่คะ” เธอตอบรับ“ฉางเยว่ตอนนี้เธอยุ่งอยู่หรือเปล่า?” เสียงของพี่สาวคนโตฟังดูผ่อนคลายมาก ไม่เหมือนกับมีอะไรเกิดขึ้น โหลวฉางเยว่จึงผ่อนคลายลง “ไม่ยุ่งค่ะ เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” “แม่ถักผ้าพันคอของเธอเสร็จแล้วล่ะ เลยอยากถักถุงมือให้อีก เลยบังคับให้พี่มาถามว่าเธอชอบสีอะไร?”อย่างนี้นี่เองโหลวฉางเยว่ยิ้ม: “แม่อยู่ข้าง ๆ พี่ไหมคะ?”“อยู่สิ พี่เอาให้โทรศัพท์ให้แม่นะ พวกเธอค่อยคุยกันก็ได้ จริง ๆ แล้วตอนนี้แม่เริ่มใจร้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยล่ะ พี่บอกว่าจะถามอีกครั้งคืนนี้ แต่แม่ไม่ยอม”พี่สาวคนโตบ่นอุบอิบ แล้วเสียงของแม่โหลวก็ดังขึ้นในลำโพง: “แม่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่มีเวลาเหลืออีกเท่าไร แม่ต้องรีบทำในตอนที่ยัง
เสียงของเหวินเหยียนโจวเย็นชาเล็กน้อย “ที่ซิ่วอวี้สั่งมามีแต่อาหารจานเอกลักษณ์ประจำเมืองสุ่ยเฉิง มีแต่เผ็ดมัน คุณกินได้ไหม?”แน่นอนว่าเธอกินไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้โหลวฉางเยว่จึงไม่ได้กินเยอะแต่มันเกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ?เหวินเหยียนโจวได้กำลังโทรออก “ส่งอาหารเบา ๆ มาที่ห้อง B88 ภายในสิบนาที”โหลวฉางเยว่จ้องมองเขา นี่เขา...ตั้งใจสั่งอาหารให้เธอใหม่เหรอ?“ประธานเหวินใจดีจนฉันประหลาดใจเลยนะคะ” อารมณ์ของเขาแปรป่วนเสียยิ่งกว่าที่เธอคิดเสียอีกเมื่อคืนพวกเขาทะเลาะกันขนาดนั้น ตอนนี้เขาดันมาเป็นห่วงว่าเธอกินได้หรือไม่ได้เนี่ยนะเหวินเหยียนโจวเหลือบมองเธอ: “ไม่ต้องประหลาดใจหรอก คุณต้องมีชีวิตอยู่เพื่อตอบคำถามของผม”ที่แท้ก็มีจุดประสงค์ตอนนี้โหลวฉางเยว่อยากจะไปก็ไปไม่ไหว เธอจึงยอมแพ้จะดิ้นรน เธอกุมหน้าท้องและนั่งลงที่โต๊ะอาหารห้องร้านอาหารแบบวีไอพีในโรงแรมระดับไฮเอนด์มีกลิ่นหอมที่อธิบายไม่ถูก แต่มันก็เป็นกลิ่นที่หอมมากเหวินเหยียนโจวไม่เสียเวลา ไม่ว่าเธอจะพักจนหายดีหรือยัง คำถามก็ยังคงยิงตรงเข้ามา: “เด็กคนนั้นแท้งไปได้อย่างไร”คำถามนั้นอีกแล้ว โหลวฉางเยว่กระตุกริมฝีปากของเธอ: “ประธานเหวิน
ขณะเริ่มทำงานช่วงบ่ายโหลวฉางเยว่กำลังจัดเรียงข้อมูลบนแท็บเล็ต ซูซูเดินมาอยู่ข้างกายเธอตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ “ดูเหมือนตรงนี้จะผิดนะ”โหลวฉางเยว่นึกว่าเป็นเรื่องจริงแลยมองไปที่ตำแหน่งที่เธอชี้ “หืม ตรงไหนผิด?”ซูซูชี้นิ้วไปมั่วซั่ว แต่ประเด็นที่แท้จริงเป็นเพราะเธออยากเข้าใกล้เธอด้วยการสนทนาเรื่องงาน “รอยตบบนใบหน้าประธานเหวินเมื่อคืนนี้คุณเป็นคนทำใช่ไหม?”หลังจากที่โหลวฉางเยว่เข้าใจว่าเธอแค่หาข้ออาง เธอก็ไม่ตอบและไปทำของตัวเองต่อซูซูกระซิบ “คุณกล้าตบเขาด้วย เธอพึ่งอะไรถึงกล้าดีแบบนี้”โหลวฉางเยว่ไม่ได้พึ่งอะไร แต่เหวินเหยียนโจวต่างหาก ที่พึ่งความเมาแล้วรังควานเธอซูซูตะคอก “มีคนหนุนหลังเลยไม่กลัวสินะ”โหลวฉางเยว่เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ชายตรงหน้าเธอ ภายในเวลาแค่ใบหน้าของเหวินเหยียนโจวก็ไม่มีร่องรอยใด ๆตัวเขาเองก็มีสติขึ้นแล้ว เขาสวมชุดสูทสีดำ ดูเย็นชาและสง่างาม ราวกับว่าคนร้ายที่น่ารังเกียจที่ต่อสู้อย่างดุเดือดและข่มขู่เธอเมื่อคืนนี้ไม่ใช่เขาราวกับว่าเขารับรู้ถึงการจ้องมองของเธอ เหวินเหยียนโจวหันกลับมามอง ในขณะที่โหลวฉางเยว่ยังคงบันทึกต่อไปแต่มันก็หมายความว่า เมื่อคืนนี้ซูซ
“……”โหลวฉางเยว่อธิบายทันที “ศาสตราจารย์เสิ่น อย่าเข้าใจฉันผิด ฉันไม่...”“ผมไม่ฟัง”เสิ่นซู่ชินบ่ายเบี่ยง “ผมจะคิดแบบนี้ ถ้าเพื่อนร่วมชั้นโหลวมีความคิดเห็นอื่น ก็รอจนกว่าผมจะจัดการเรื่องในห้องแล็บเสร็จก่อนแล้วไปรับคุณที่เมืองสุ่ยเฉิง จากนั้นเราค่อยมาคุยกันดี ๆ นะครับ”เพื่อนร่วมชั้นโหลวอะไรกัน เธอไม่ใช่นักเรียนของเขานะ...โหลวฉางเยว่รู้สึกเถียงไม่ออกเสิ่นซู่ชินกล่าวว่า: “ดึกแล้วนะ ไปนอนเร็วครับ ผมจะวางสายก่อน”เขาวางไปจริง ๆ เธอไม่มีโอกาสได้เถียงเขาเลยเสิ่นซู่ชินเปิดประตูระเบียง หยิบสายยางรดน้ำใบสะระแหน่ เธอไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเขานึกถึงวันนั้นที่โรงเรียน ระหว่างช่วงปิดเทอม เขาได้ยินนักศึกษาชายเหล่านั้นพูดติดตลกว่า “โจวเจ๋อ เจ๋อเจ๋อ ภรรยาเพื่อนก็คือภรรยาของผม แฟนนายสวยมากขนาดนั้น ขอเราดูหน่อยจะเป็นอะไรไป...”ภรรยาเพื่อนก็คือภรรยาของผมเสิ่นซู่ชินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะจะแย่งของเพื่อนจริง ๆ สินะ ...แต่คน ๆ นั้นยังไม่ปรากฏตัวเลยจะโทษเขาไม่ได้หรอก……เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่โทรหาเสิ่นซู่ชินอีกครั้งเสิ่นซู่ชินรับสาย และรอยยิ้มของเขาทำให้เสียงของเขาดูอ่อนโยนขึ้น:
ใบหน้านั้นค่อยข้างมืดไปหมดโหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณ ... “ดูเหมือนเขาจะเป็นคนงานไซส์งานก่อสร้างเสียงของเขาต่ำมาก “คุณโอเคไหมครับ?”“ฉันโอเค คุณเป็นยังไงบ้าง? ไม่เป็นไรใช่ไหม? ขอบคุณที่ช่วยฉันนะคะ คุณชื่ออะไร?” โหลวฉางเยว่คืนสติและถามเขาอย่างทันทีเขาถูกกระทบที่หัวไหล่ มีคนที่โทรเรียกหมอแล้ว และคนงานคนอื่น ๆ ก็ช่วยเขาออกไปโหลวฉางเยว่ยังคงตกใจเล็กน้อย และคนอื่น ๆ ก็มาล้อมเธอเพื่อถามอาการเหวินเหยียนโจวยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรเขาเห็นท่อนเหล็กกำลังหล่น และเขาก็หันหลังวิ่งไปไม่กี่ก้าว แต่เขาก็อยู่ไกลเกินไป แต่ฉากนี้ ทำให้เขาจำเรื่องที่โรงงานผลิตเรือมังกรได้ เรือมังกรนั่นตกลงมาในเวลานั้น ที่จริงเขามองเห็นโหลวฉางเยว่พยายามดึงเขาออกไป แต่ในขณะนั้นเขาก็ไปพุ่งตัวไปทางไป๋โหยวตอนนั้นเขาไม่คิดว่ามันเป็นอะไร แต่ตอนนี้เขาเห็นมันจากมุมมองของคนที่ยืนดู เมื่อพิจารณาจากปฏิกิริยาของโหลวฉางเยว่ ทั้งที่เธอก็สามารถหลีกเลี่ยงมันได้ในตอนนั้นแท้ ๆ แต่เหตุผลที่เธอไม่หลีกเลี่ยงมัน เป็นเพราะเธอจะดึงเขาออกไปเช่นเดียวกับวันนี้ เธอสามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่เธอผลักซูซูออกไปก่อนครั้งนี้เธอได้รับการปกป้
โหลวฉางเยว่ตรงไปที่อัลบั้มรูปและกดปุ่มกรอกลับไปเรื่อย ๆ เธอกดไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังไม่หมด ในนั้นล้วนแต่เป็นรูปถ่ายของเธอ รูปของเธอในโอกาสต่าง ๆ ...เธอกดอีกสองสามครั้ง และบังเอิญเห็นรูปถ่ายของโรงงานเรือมังกรสองสามภาพในที่สุด โหลวฉางเยว่ก็จำได้ว่าเธอเห็นกล้องนี้ที่ไหน เธอเงยหน้าขึ้นแล้วมองดูชายสวมหน้ากาก: “ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ที่โรงงานเรือมังกรนั่น คุณคือคนที่ให้ฉันยืมกล้องและเป็นพยานให้ฉันคนนั้นสินะคะ“มันเป็นช่วงเวลาที่ ไป๋โหยวกล่าวหาเธออย่างไม่ยุติธรรมและตั้งใจดึงเชือกจนทำให้เกิดอุบัติเหตุหลังจากเหตุการณ์นั้น เธอได้มอบกล้องให้กับเจ้าของโรงงานเก่า และขอให้เขาคืนให้ “คนใจดี” คนนั้น พร้อมทั้งโทรไปถามเจ้าของโรงงานเก่า เจ้าของโรงงานเก่าบอกว่าบล็อกเกอร์คนนั้นได้เอากล้องกลับไปแล้ว และเธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีกคิดไม่ถึงว่าเขาจะตามถ่ายเธอมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วโหลวฉางเยว่ยกกล้องขึ้น “คุณเป็นใครกันแน่?”ชายคนนั้นยกหน้ากากขึ้น แต่เขาไม่ตอบโหลวฉางเยว่มองดูเขา “วันนี้ที่ไซส์งาน คุณคือคนที่กระโดดเข้ามาช่วยฉันใช่ไหม ฉันจำตาของคุณได้ แต่ฉันมั่นใจว่าฉันไม่รู้จักคุณ คุณถูกคนอื่นส
เหวินเหยียนโจวกำลังไปเยี่ยมซูซูที่โรงพยาบาล เมื่อเขาได้รับข้อความจากซิ่วอวี้ เขาก็ตอบว่า “อืม”มีสายเรียกเข้าเด้งขึ้นมาที่ด้านบนของหน้าจอ เขาเหลือบมองแล้ววางสายไปซูซูอยู่ใกล้เขาและเห็นว่าคนที่โทรมาก็คือไป๋โหยวเธอมีความหมายและโวยวาย: “พี่คะ~ พี่นี่เพย์บอยจริง ๆ เลยนะคะ คุณอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนฉัน ยังขอให้เพื่อไปหาคุณ โหลวให้คุณ แล้วในโทรศัพท์ของคุณยังมีพี่ไป๋โหยวอีก”เหวินเหยียนโจวเหลือบมองเธอ: “ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ในโรงพยาบาลตามลำพังไปเถอะ”ซูซูรีบคว้าชายเสื้อของเขา: “ถ้าผู้ชายไม่เลว ผู้หญิงก็ไม่รักใช่ไหมล่ะคะ ยิ่งคุณเพย์บอยฉันก็รู้สึกว่าคุณมีเสน่ห์ ฉันชอบมากเลยล่ะค่ะ”เหวินเหยียนโจวรำคาญ “คุณก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ จะนอนโรงพยาบาลทำไม”ซูซูเลื่อนดูหน้าไลน์ที่ว่างเปล่าพร้อมอารมณ์ฉุนเฉียว: “แต่สายที่ฉันรอยังไม่มา คุณอยู่นี่ก่อน รอเขาโทรมาทีหลัง คุณยังต้องช่วยฉัน”เหวินเหยียนโจวหงุดหงิด: “คุณไม่เบื่อหรือไง”“คุณไม่รู้เหรอ ผู้หญิงที่มีความรักมันก็น่าเบื่อทั้งนั้นล่ะ ไม่ว่าจะบาดเจ็บหรือป่วย ตัวเธอก็อยากให้เขารู้ ให้เขารู้สึกเห็นใจตัวเองกันทั้งนั้น”ขณะที่เหวินเหยียนโจวฟัง เขาก็จำได้โดย
โหลวฉางเยว่เดินอย่างรวดเร็วจากสวนด้านหลังไปยังล็อบบี้ของโรงแรม ด้วยหัวใจที่หวาดไหว แต่ในขณะนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงเพลงเปียโนอันเร่าร้อนดังขึ้นเธอหันหน้าไปโดยไม่รู้ตัว และเห็นว่ามีคนกำลังเล่นเปียโนอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรม ทำนองที่กระตุ้นอารมณ์ได้ระบายออกมาจากปลายนิ้วของบุคคลนั้น มีผู้คนเดินผ่านไปมามากมายที่หยุดชม และบางคนก็ถ่ายวิดีโอโหลวฉางเยว่ก็เดินไปเช่นกันเขาเล่นไคลแม็กซ์ของบทเพลง “Time” จาก “Inception” ซึ่งเธอชอบบทเพลงนี้มากตอนที่เธออยู่มัธยมต้น เธอเคยไปแผนกมัธยมปลายเพื่อหาซางฉือสุน เธอได้ยินเพลงนี้เป็นครั้งแรกขณะเดินผ่านห้องเรียนดนตรีและเธอก็ถูกดึงดูดทันทีเพียงแต่ตอนนั้นเธอรีบไปหาซางฉือสุน ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ดูว่าใครกำลังเล่นเปียโนอยู่...ตอนนี้เธอเบี่ยงกลุ่มผู้ดูออกไปแล้วยื่นหน้าออกไปเพื่อดูคนที่เล่นเปียโนจากนั้นเธอก็เห็นเหวินเหยียนโจวอยู่บนม้านั่งเปียโน“...”เขาไม่รู้ว่าไปเอาความสนใจมาจากไหน เขาถึงมาเล่นเปียโนต่อหน้าผู้ชมจำนวนมากแบบนี้ เปลือกตาของเขาลดลงเล็กน้อย และขนตาของเขาก็บดบังดวงตา เขาไม่ได้ดูใจร้ายเหมือนปกติ นิ้วยาวของเขาระรัวไปบนเปียโน เคาะโน้ตทีละตัวเป็นการ
พอแม่โหลวก็ได้ยินเสียงพ่อโหลวกลับมา จากนั้นเธอก็นำอาหารจานสุดท้ายมาเสิร์ฟที่โต๊ะ“งั้นก็มากินข้าวกันเถอะ วันนี้เย่ว่เยว่พาเหยียนโจวกลับมาด้วย เธอไม่ได้บอกเราล่วงหน้า พวกเราเลยไม่ได้เตรียมอะไรไว้ เลยมีแค่อาหารทำเองที่บ้าน ไม่รู้ว่าเหยียนโจวจะทานได้หรือเปล่า? ”เหวินเหยียนโจวลุกขึ้นยืน เหลือบมองใบหน้าซีดเซียวของพ่อโหลว และกระซิบเบา ๆ “เป็นผมที่ไม่ได้บอกเย่ว่เยว่ล่วงหน้าว่าผมจะอยู่ต่อ เธอถึงไม่ได้บอกกับทุกคน ไม่โทษเธอหรอกครับ”แม่ยายมองดูลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งชอบเขามากขึ้น แม่โหลวไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ เธอแสร้งดุออกไป “เหยียนโจว เธอก็อย่าให้ท้ายเยว่เยว่มากเกินไปสิ”แต่หลังจากที่พูดจบ เขาก็ปกป้องเธอ “แต่เยว่เยว่ของเราเป็นคนที่มีเหตุผลที่สุด ต่อให้ตามใจก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”มุมปากของโหลวฉางเยว่โค้งงอขึ้นทุกคนมานั่งที่โต๊ะด้วยกัน แม่โหลวตักซุปเสิร์ฟให้เหวินเหยียนโจวก่อน จากนั้นจึงใช้ตะเกียบคีบผักใส่ในชามของเขา“เหยียนโจว ลองซุปปลาหน่อไม้เหลืองฤดูหนาวดูสิ หน่อไม้นั่นปลูกเองเชียวนะ ปลาก็เป็นของเพื่อนบ้านที่ไปจับมาจากทะเล”“แล้วก็ยังมีหมูเปรี้ยวหวานสั
จนถึงตอนนี้โหลวฉางเยว่ก็ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับเขาอย่างถ่องแท้ เธอเหลือบมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเริ่มคิดผู้ชายน่ะนะ ไม่ได้ “ไร้เดียงสา” ขนาดนั้น โดยเฉพาะผู้ชายอย่างเหวินเหยียนโจว ผู้หญิงสนใจเขาหรือเปล่า เขาก็สามารถมองออกได้ง่าย ๆเหวินเหยียนโจวรู้อยู่แล้วว่าไป๋โหยวชอบเขา แล้วเขาก็ยังตกลงที่จะให้เธอมาอยู่เคียงข้างเขาอีก นั่นก็เป็นเหมือนคำตอบรับโดยปริยายว่าเขายอมรับความรู้สึกของเธอแล้วไม่ใช่หรือไง?พอมาคิดรวมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันส่งท้ายปีเก่าปีที่แล้ว ก็มีความคิดเห็นที่เกี่ยวกับเธอขึ้นมา เขาเย็นชาใส่เธอตลอด ดังนั้นที่เขาเก็บไป๋โหยวไว้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าอยากจะทำให้เธอโกรธ แต่วางแผนที่จะทำให้ “เปลี่ยนใจ” ด้วยสินะ?โหลวฉางเยว่พูดด้วยความรำคาญ “แม่ของคุณชอบไป๋โหยวมากเลยเหรอคะ? เธอยังอยากให้คุณแต่งงานกับไป๋โหยวด้วยใช่ไหม? เนี่ยเหลียนอี้เคยบอกฉันว่าท่านประธานใหญ่เหวินยอมรับไป๋โหยวแล้วด้วย แต่เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาก็ปฏิเสธกะทันหัน เป็นเพราะว่าท่านประธานใหญ่เหวินรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างไป๋โหยวกับแม่ของคุณรึเปล่าคะ? ”แม้ว่าโหลวฉางเยว่จะไม่ค่อยรู้เรื่องคร
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แต่พ่อโหลวก็ยังไม่กลับมา พี่เลี้ยงจึงออกไปตามหาเขาเดิมทีโหลวฉางเยว่ต้องการช่วยแม่โหลววางจานและตะเกียบ แต่แม่โหลวก็ให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนเหวินเหยียนโจว เพราะเธอกลัวว่าลูกเขยคนจะอึดอัดถ้าต้องนั่งอยู่คนเดียว......จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง? ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ประธานเหวินก็ยังคงมั่นคงไม่ขยับเขยื้อนอยู่ดีแต่ยังไงโหลวฉางเยว่ยังคงเดินไปหาเขาเหวินเหยียนโจวอยู่บนโซฟาสำหรับสองคน เดิมทีเธอต้องการนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้าง ๆ แต่ประธานเหวินดึงเธอเข้ามานั่งกับเขาเขากระซิบข้างหูเธอ “คุณพูดอะไรกับแม่ของคุณบ้าง? ”หูของโหลวฉางเยว่ไวต่อความรู้สึกมาก เธอก็กระตุกตัวหลบอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ไม่ได้พูดอะไรหนิคะ”“ไม่พูดงั้นเหรอ แล้ววทำไมท่าทีที่เธอมีต่อผมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ” เหวินเหยียนโจวบีบนิ้วของเธอ “คุณคิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ? เมื่อกี้เธอไม่ค่อยพอใจผมเท่าไหร่ แล้วผมมีอะไรที่ทำให้แม่ยายไม่พอใจเหรอ? ”ความมั่นใจของประธานเหวินก็มาจากสภาพที่เหนือกว่าของเขา แต่ตราบใดที่พ่อแม่ไม่ขายลูกกิน สิ่งแรกที่พวกเขาจะพิจารณาเมื่อลูกจะแต่งงานก็คืออุปนิสัยของอีกฝ่ายการแสดงออกของโหลวฉางเยว่ยังคง
แม่โหลวไม่ใช่คนโง่ แม้ว่าเหวินเหยียนโจวจะตอบด้วยท่าทีนอบน้อม แต่เธอก็มองออก ด้วยลักษณะท่าทางและนิสัยของเหวินเหยียนโจว คงไม่ใช่แค่มี “เงินเล็กน้อย” ถึงสามารถเลี้ยงเขามาได้แน่ ๆ “งั้นก็ดีมาก ดีแล้วล่ะ พวกลูกคบกันมาสามปี สิ่งที่ควรจะเรียนรู้ก็น่าจะเรียนรู้กันมาหมดแล้ว แม่เองก็ไม่มีอะไรที่จะต้องถามอีกแล้วล่ะ”เหวินเหยียนโจวไม่ชอบพูดอ้อมค้อม จู่ ๆ เขาก็จับมือโหลวฉางเยว่ “เมื่อกี้ผมเพิ่งขอเยว่เยว่แต่งงานครับ และเธอก็ตอบตกลงแล้วด้วย”โหลวฉางเยว่มองไปที่แม่ของโหลวโดยไม่รู้ตัวใบหน้าของแม่โหลวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอไม่ได้มีความสุขมากนัก เธอฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ จะเร่งรีบขนาดนี้ได้ยังไง พวกเรายังไม่ได้รู้จักเธอมากขนาดนั้นเลย เราเองก็ไม่เคยพบพ่อแม่ของเธอด้วย อย่างน้อยก็ควรจะหาเวลา ให้พวกเราทั้งสองตระกูลได้พูดคุยกันและปรึกษาหารือกันหน่อย”เหวินเหยียนโจวหยิบถ้วยชาขึ้นมา แต่เขาแค่เอามันมาใกล้จมูกแล้วดมกลิ่น เขาไม่ได้ดื่มมัน จากนั้นก็วางมันกลับไปที่เดิม สีหน้าเขาดูไม่ใส่ใจโหลวฉางเยว่รู้จักเขาดี เขารู้สึกว่าชาราคาถูกเกินไป เกินกว่าที่เขาจะเอาเข้าปากได้ และคำพูดเหล่า
ระยะทางจากห้างสรรพสินค้าถึงบ้าน ก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาที โหลวฉางเยว่ก็ครุ่นคิดว่าจะพูดอะไรดีอยู่ในใจ จะบอกพ่อโหลวแม่โหลวยังไงดี เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกำลังจะแต่งงาน?จะให้อธิบายยังไง ว่าลูกสาวของพวกเขา ตอนเพิ่งออกจากบ้านก็เป็นแค่คนโสด แต่ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมง กลับบ้านมาก็กลายเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานอย่างงั้นเหรอ?เธอคิดไม่ตกเลยจริง ๆ เลยได้แต่พาเหวินเหยียนโจวเดินไปรอบ ๆ ตรอกเท่านั้น จนกระทั่งประธานเหวินเริ่มหมดความอดทน เขาคว้าหลังคอของเธอแล้วลากกลับบ้าน“ผมเคยได้ยินประโยคหนึ่งที่ว่า ‘แม้ลูกสะใภ้จะขี้เหร่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเจอหน้าพ่อแม่สามีอยู่ดี’ ผมคงไม่ได้ไร้ความสามารถถึงขั้นทำให้คุณอายจนไม่กล้าพาผมไปเจอหน้าพวกท่านหรอกมั้ง? ”โหลวฉางเยว่คิดว่าเขามีความสามารถมากเกินไปต่างหาก เธอถึงไม่รู้ว่าจะบอกพ่อแม่ของเธอยังไงดีคิ้วของเหวินเหยียนโจวขยายออก และยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเขาก็พูดด้วยหางเสียงว่า “หืม” โหลวฉางเยว่ทำได้แค่กัดฟัน แล้วพาเขาเข้าไปพ่อโหลวออกไปตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมาแม่โหลวเพิ่งเห็นว่าเธอพาเพื่อนกลับบ้านมาด้วย แถมยังเป็นเพื่อนผู้ชายอีกต่างหาก รู้สึกประหลาดใจและตกใจม
ผนังซีเมนต์สีเทาที่ได้รับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ทำให้รู้สึกอบอุ่นเล็กน้อย ขณะที่เธอกำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองอยู่ โหลวฉางเยว่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอย่างอื่น “......ฉันยังไม่ได้ตกลงอะไรเลยนะคะ คุณเลิกคิดเองเออเองได้แล้วค่ะ”เหวินเหยียนโจวก็ยังคงจัดการวางแผนเองอยู่ “ยังไงนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าบ้านจริง ๆ คงดูไม่ดีถ้าเข้าไปมือเปล่า คุณช่วยพาผมไปที่ห้างสรรพสินค้าในตำบลของคุณหน่อยสิ แล้วคุณก็ช่วยเลือกของขวัญที่เหมาะกับพ่อแม่ของคุณด้วย”“......”“เด็กดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับพ่อแม่คุณ คุณต้องช่วยผมด้วยนะ”“......”โหลวฉางเยว่ลูบแหวน เธอไม่รู้ว่าเธอตัวชาเพราะการที่เขาเรียกเธอว่าเด็กดี หรือเป็นเพราะสับสนกับท่าทางที่เขายอมก้มหัวให้กันแน่ เธอค่อนข้างสับสนอย่างมาก แต่เธอก็ยังพาเขาไปที่ห้างสรรพสินค้าอยู่ดีโชคดีที่ชุมชนนี้เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว เลยยังพอจะมีห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ระดับไฮเอนด์อยู่บ้างแต่ก่อนที่จะเข้าประตู เหวินเหยียนโจวก็ได้รับสายโทรศัพท์สายหนึ่ง เขามองไปที่ชื่อผู้โทร ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าของเขาไม่ผ่อนคลายเหมือนตอนที่เผชิญหน้ากับเธอเมื่อกี้โหลวฉางเยว่มองไปที
ทันทีที่คำพูดจบลงไม่ถึงวินาที เหวินเหยียนโจวก็ก้มศีรษะลงและจูบเธออย่างเร่าร้อนต่อให้มีการแย่งชิง การปล้นชิงทรัพย์ในเวลากลางวันแสก ๆ หรือแม้แต่ผู้คนรอบข้าง เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น เขาจับหลังศีรษะของเธอและใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอ โหลวฉางเยว่กลัวว่าจะถูกคนรู้จักเห็นเข้า เธอจึงได้แต่จับชุดสูทของเขาไว้แน่น “เหวิน เหวินเหยียนโจว...... ”เหวินเหยียนโจวค่อนข้างเฉยเมยกับเรื่องพวกนั้น เขาจูบเธอสักพักก่อนที่จะปล่อยริมฝีปากของเธอ เขาหอบเบา ๆ ต่อหน้าเธอ ทั้งเซ็กซี่และเย้ายวน “ไม่ใช่แค่การลอง แต่เป็นการตัดสินใจแล้ว เราจะคบกัน”เขาจับมือของโหลวฉางเยว่ขึ้นมา โดยไม่ให้โอกาสโหลวฉางเยว่ได้เห็นชัดเจนว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็สวมแหวนไว้บนนิ้วนางของเธอม่านตาของโหลวฉางเยว่หดตัวลง!เสียงของเหวินเหยียนโจวแหบแห้ง “เด็กดี ตอนนี้สำนักงานกิจการพลเรือนก็หยุดกันหมดแล้ว รอถึงเดือนหน้าวันที่เก้า ในเวลาราชการ เราค่อยไปจดทะเบียนกันนะ”อะ อะไรนะ?ว่ายังไงนะ ! ?เดี๋ยวนะ!พอโหลวฉางเยว่รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ประสาทของเธอก็แทบจะระเบิด!เธอปิดปากเหวินเหยียนโจวอย่างรวดเร็ว เพื่อหยุดไม่ให้เขาพูดเ
เช้าวันรุ่งขึ้น โหลวฉางเยว่ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือตีสี่ตีห้าเธอเพิ่งจะหลับตาลงได้ แต่ยังไม่ทันจะได้นอน เธอง่วงจนแทบจะทนไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก เมื่อเธอเห็นว่าผู้โทรคือเหวินเหยียนโจว อาการง่วงนอนของเธอก็แทบจะถูกขับออกไปในทันทีเธอลุกขึ้นนั่ง มองดูซองจดหมายสีเหลืองอ่อนบนโต๊ะข้างเตียง พอนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองหลังจากถอนหายใจและระงับอารมณ์ได้แล้ว เธอก็รับสาย “ฮัลโหล”เสียงเย็นชาของเหวินเหยียนโจว ก็ได้ลอยผ่านเคลื่อนโทรศัพท์ ส่งตรงไปถึงหูของเธอ และยังคงสามารถทำให้เธอขนลุกได้โดยไม่ทันตั้งตัว“คุณกำลังทำอะไรอยู่? ”“......นอนค่ะ”“คุณนอนที่ไหน? ” น้ำเสียงของชายคนนั้นเข้มขึ้นทันที “ผมอยู่ในห้องของคุณ แต่ก็ไม่เห็นคุณ คุณไปนอนที่ไหนเหรอ? ”สถานการณ์ของเขาตอนนี้เหมือนกำลังจับคนทำผิด......โหลวฉางเยว่ตกตะลึง “คุณอยู่ในห้องของฉันเหรอคะ? คุณไปหาฉันที่ซีเฉิงเหรอคะ? ”“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานคุณทำงานเป็นวันสุดท้ายหรอกเหรอ? ผมเลยมารับคุณกลับเซินเฉิง” เหวินเหยียนโจวถามต่อว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่
รักข้างเดียว......ลมพัดโดนผิวของโหลวฉางเยว่จนเกิดเป็นชั้นอนุภาคเล็ก ๆ เธอยังคงคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย แต่จะให้เธอตรวจสอบยังไงกันล่ะว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จกันแน่?โหลวฉางเยว่จำได้อีกว่า ในวันที่เธอเลี้ยงข้าวเขาที่ร้านอาหารส่วนตัว เขายังเคยถามเธอเกี่ยวกับลิ้นชักจดหมายรักอีกด้วยตอนนั้นเธอก็รู้สึกว่าทำไมเขาต้องใส่ใจเรื่องนี้มากขนาดนั้นด้วย พอลองมองดูตอนนี้แล้ว คงไม่ใช่ว่าปีนั้นเอง เขาก็เขียนจดหมายรักให้เธอด้วยหรอกนะ?จู่ ๆ โหลวฉางเยว่ก็ลุกขึ้นยืน ตาของเธอเป็นก็ประกาย จดหมายรักพวกนั้นเธอน่าจะยังเก็บไว้ที่บ้าน บ้านที่ตำบลเฟิงเสียน เธอโทรหาหลี่ซิงรั่วทันที“ซิงรั่ว เธอออกเดินทางรึยัง? ”“กำลังจะออกเดินทางแล้ว เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ”“ฉันอยากกลับเซินเฉิงกับเธอด้วย สะดวกไหม? ”หลี่ซิงรั่วหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “สะดวกสิ เธอยังอยู่ที่ประตูร้านอาหารเดิมรึเปล่า? ฉันจะไปรับเธอ”ในไม่ช้า รถของหลี่ซิงรั่วก็ขับมาถึง โหลวฉางเยว่ก็เปิดประตูและเข้าไปจากนั้นหลี่ชิงรั่วจึงถามว่า “เป็นเพราะประธานเหวินหรือเปล่า? ”หัวใจของโหลวฉางเยว่เต้นเร็วขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ เธอรีบร้อ